Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 1333 กำราบเร็วสุด
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 1333 กำราบเร็วสุด
สีหน้าของจ้าวจิ่งเซวียนนิ่งสงบขึ้นมาทันที กวาดมองเจ้าคางคกกับอาหลู่อย่างเย็นเยียบแวบหนึ่ง “ให้ข้าไปพูดกับหลินสวินหรือไม่”
ทันใดนั้นในใจทั้งสองหวาดหวั่น เผ่นหนีอย่างไว
มุมปากของจ้าวจิ่งเซวียนเผยรอยยิ้มได้ใจ ไม่เชื่อว่าจะปราบพวกเจ้าสองคนไม่ได้ นี่เรียกว่าคนชั่วก็มักจะตกเป็นเหยื่อของคนที่ชั่วกว่า
ให้พี่ใหญ่ของพวกเจ้าเป็นคนชั่ว แล้วยังจะปราบเด็กเมื่อวานซืนอย่างพวกเจ้าไม่ได้อีกหรือ
ในที่นั้นเสียงถอนหายใจดังขึ้นระลอกหนึ่ง หลังจากการต่อสู้สนามนี้ อริยะนำพาก็ยังคงไม่ปรากฏ หรือของสิ่งนี้ไม่ได้มีอยู่จริง
พรึ่บ!
ทันใดนั้นไม่รอให้หลินสวินตัดสินว่าจะอยู่ต่อหรือไม่ เงาร่างสีทองร่างหนึ่งพลันพุ่งเข้าสนามมา
“พี่หลิน ถือโอกาสนี้ข้าอยากประลองกับเจ้าสักสนาม!”
คนผู้นี้คือราชันเผิงปีกทองน้อย ดวงตาของเขามีประกายทองไหลเวียน กลิ่นอายน่ากลัว
ในที่นั้นฮือฮาขึ้นมาทันที ทุกคนต่างแปลกใจ นี่มันเกิดอะไรขึ้น เริ่มโดยเทพธิดารั่วอู่ จากนั้นเป็นราชันเผิงปีกทองน้อย ต่างอยากดวลกับหลินสวิน ผิดปกติเกินไปแล้ว
“นี่สิถึงจะเป็นยักษ์ใหญ่ยอดมกุฎที่แท้จริง ในใจมีความกล้าที่ไร้ศัตรู ไม่ว่าจะแพ้ชนะก็กล้าเข้าร่วม ท่าทีเช่นนี้จะดูถูกไม่ได้เด็ดขาด!”
มีคนถอนหายใจ
ตอนนี้หลายคนดูออกแล้วว่า ความจริงไม่ว่าจะเป็นเทพธิดารั่วอู่หรือราชันเผิงปีกทองน้อย เกรงว่าคงไม่ได้หมายปองอริยะนำพาอะไรนั่น เพียงแค่อยากถือโอกาสนี้ประลองกับหลินสวินอย่างเป็นธรรมสักครั้ง!
นี่คือวิสัยทัศน์ของผู้แข็งแกร่งที่แท้จริง
ไม่ว่าจะแพ้ชนะก็กล้าเข้าสู่สนาม สภาวะจิตและความองอาจเช่นนี้ใช่ว่าคนธรรมดาจะหยั่งถึง
“เจ้ามาขนาดนี้แล้ว ข้าจะไม่รับศึกได้หรือ”
หลินสวินยิ้มน้อยๆ
ฝึกปราณมาถึงตอนนี้ การต่อสู้ที่เขาผ่านมาล้วนคาวเลือดและดุร้ายอย่างที่สุด น้อยมากที่จะมีโอกาสดวลกับผู้แข็งแกร่งรุ่นเดียวกันอย่างเป็นธรรม ไม่ต้องการวัดความแพ้ชนะ ต้องการเพียงความสะใจ
ความรู้สึกเช่นนี้ทำให้จิตต่อสู้ในใจหลินสวินเดือดพล่าน ร้อนเร่าราวกับเผาไหม้!
พรึ่บ!
เงาร่างของราชันเผิงปีกทองน้อยพริบไหว พลันเปลี่ยนเป็นนกเผิงปีกทองที่แท้จริงตัวหนึ่งทันใด ปีกสีทองอร่ามสาดแสงมรรคที่ราวกับทองศักดิ์สิทธิ์ แหลมคมดุจดั่งดาบเบิกสวรรค์
ส่วนขนของเขาแข็งแรงราวกับปกคลุมด้วยกระบี่เทพ ยามสะบัดปีกทำเอาห้วงอากาศปั่นป่วนจนฉีกขาด ส่งเสียงครั่นครืนกึกก้อง
อานุภาพท่วมฟ้า!
ในข่าวลือพญาเผิงปีกทองจับมังกรเป็นอาหาร อุปนิสัยดุดันเป็นที่หนึ่ง ความแข็งแกร่งแห่งพรสวรรค์ก็สะเทือนกาลเวลาตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน
สิ่งมีชีวิตวิญญาณชนิดนี้ต่างหากจึงจะเป็นผู้กล้าแห่งสวรรค์ที่แท้จริง เกิดมาก็มีรากฐานและพลังที่เหนือกว่าปกติแล้ว เรียกได้ว่าน่ากลัวไร้ขอบเขต
“หลินสวิน เผ่าพญาเผิงปีกทองของข้าครอบครองความว่องไวสูงสุด ชำนาญความสามารถจับเทพกระชากผี เจ้าต้องระวังแล้ว!”
ภายใต้เสียงเย็นเยียบหยิ่งผยอง ปีกของราชันเผิงปีกทองน้อยสะบัดตี ว่องไวถึงขั้นน่าตกใจอย่างที่สุดประหนึ่งเคลื่อนย้ายกลางอากาศ
ฉัวะ!
ด้วยไม่ทันตั้งตัว หลินสวินรู้สึกเพียงว่าปีกสีทองที่สว่างไสวราวกับดาบสวรรค์ฟันผ่าลงมา ด้วยหลบไม่ทันแล้วจึงทำได้เพียงเข้าปะทะ
เสียงปังดังขึ้นคราหนึ่ง เงาร่างของเขาถูกสะเทือนจนถอยไปหลายก้าว แขนถูกกลิ่นอายแหลมคมบาดออกเป็นรอยเลือด
ในที่นั้นเหล่าผู้กล้าตกตะลึง
ใครก็คิดไม่ถึงว่าราชันเผิงปีกทองน้อยที่อันดับบนกระดานทองคำผู้กล้ารั้งท้ายกว่าเทพธิดารั่วอู่ กลับทำให้เทพมารหลินบาดเจ็บในการโจมตีเดียว!
“ว่องไวมาก!”
และมีคนใจสั่น ดูออกว่าความเร็วของราชันเผิงปีกทองน้อยว่องไวมาก แทบจะเทียบได้กับวิชาเคลื่อนย้ายผ่านห้วงอากาศว่างเปล่าที่มีเพียงอริยะเป็นผู้ครอบครอง
“ฮ่าๆๆ พลังต่อสู้ข้าอาจจะสู้เจ้าไม่ได้ แต่ในด้านความว่องไว เจ้าสู้ข้าไม่ได้!”
ราชันเผิงปีกทองน้อยหัวเราะลั่น เงาร่างราวกับประกายทองที่กะพริบไหวระยับ ทิ้งเงาเป็นสายๆ ไว้ในสนามประลองชั้นยอดอันกว้างใหญ่อย่างที่สุด
ถึงผู้แข็งแกร่งมากมายใช้จิตรับรู้ไปจับสัมผัส ก็ไม่สามารถจับตำแหน่งเงาร่างของเขาได้!
ไวเกินไปแล้ว!
ทำให้คนตาพร่ามัวสับสน ทรมานจนแทบจะกระอักเลือด
แม้จะเป็นหลินสวินก็ต้องยอมรับว่า ในด้านความไวของท่าร่างยังด้อยกว่าราชันเผิงปีกทองน้อยสามส่วน
แต่ว่า ไวแล้วอย่างไร
ข้าจะสลายในดาบเดียว!
ตูม!
ก็เห็นหลินสวินสูดหายใจลึกคราหนึ่ง อานุภาพรอบตัวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เปล่งแสงไปทั้งตัว สารกาย พลังชีวิตและจิตวิญญาณลุกโชนราวกับเตาหลอมป่วนโลก
ชั่วพริบตานั้นเขาซัดพลังหมัดร้อยพันสายออกมาในรวดเดียว
ทุกหมัดล้วนหนักแน่น ลึกล้ำ กว้างใหญ่ ประหนึ่งรุ้งเทพที่ทะลวงความว่างเปล่าขึ้นมา ทะลวงสังหารไปทั่วทุกสารทิศ
ครืนโครมๆ
ทั้งสนามประลองห้วงอากาศราวกับกำลังยุบทลาย แหลกละเอียดเป็นแถบใหญ่ ส่วนพลังหมัดเหล่านั้นกลับเหมือนมังกรป่วนโลก เบียดตัวเต็มจักรวาล
ทันใดนั้นเสี้ยวเงามากมายที่ราชันเผิงปีกทองน้อยทิ้งไว้ในสนามประลอง ล้วนระเบิดหายไปราวกับฟองอากาศ
ปัง!
จากนั้นเสียงปะทะรุนแรงดังขึ้นในสนาม ก็เห็นพลังหมัดสายหนึ่งกวาดผ่าน ราชันเผิงปีกทองน้อยโซซัดโซเซ เผยเงาร่างในบริเวณหนึ่ง
“เจ้า…”
เขาเดือดดาลยกใหญ่ สำแดงวิชาท่าร่างรุนแรงอีกครั้ง บุกโจมตีมาทางหลินสวิน
ปีกเขาดุจดั่งดาบสวรรค์ แหลมคมอย่างที่สุด
กรงเล็บของเขาก็คืออาวุธน่ากลัวที่สามารถจับและสังหารมังกรได้ พลังทำลายล้างน่าตกใจ
ทว่าไม่ว่าเขาจะพุ่งโจมตีอย่างไร หลินสวินก็ยืนตระหง่านอยู่กับที่ไม่ขยับ เพียงสำแดงพลังหมัดออกมา โจมตีสังหารทั่วสิบทิศ
พลังหมัดร้อยพันนั่นแผ่พุ่งกึกก้อง ปกคลุมทั้งสนามประลอง ไม่เพียงสลายทุกการโจมตีของราชันเผิงปีกทองน้อย ยิ่งบีบจนอีกฝ่ายเทียบไม่ติด
ในสายตาของทุกคน พลังหมัดของหลินสวินราวมหาสมุทรที่พายุโหมกระหน่ำ ไม่ว่าราชันเผิงปีกทองน้อยจะว่องไวเพียงใด ก็ได้แต่ดิ้นรนอยู่ในมหาสมุทรนั้น ถูกคลื่นสมุทรเหล่านั้นซัดเป็นระยะๆ
ปังๆๆ!
พลันได้ยินเสียงปะทะที่พาให้ใจหวาดหวั่นดังขึ้นเป็นระลอกๆ และบนร่างกายของราชันเผิงปีกทองน้อยก็ทิ้งรอยหมัดมากมายไว้ เลือดและขนสีทองยุ่งเหยิงร่วงหล่น
“นี่เรียกว่าหนึ่งแรงสลายหมื่นวิชา!”
ผู้แข็งแกร่งบางส่วนตะลึง
ก็มีเพียงเทพมารหลินที่มีพลังต่อสู้โดดเด่นแกร่งกร้าวไม่มีใครเทียบเช่นนี้ สามารถกำราบราชันเผิงปีกทองน้อยด้วยท่วงท่าที่เด็ดขาดเช่นนี้
หากเป็นคนอื่น ทำไม่ได้แน่
เพราะราชันเผิงปีกทองน้อยไม่เพียงแค่ว่องไว พลังก็น่าทึ่งอย่างที่สุดเช่นกัน แต่ตอนนี้เขากลับถูกกำราบ แค่คิดก็รู้ว่าพลังของหลินสวินวิปริตเพียงใด
“ไม่สู้แล้ว!”
ทันใดนั้นเสียงตะโกนกระหืดกระหอบของราชันเผิงปีกทองน้อยดังขึ้นในสนาม
จากนั้นเงาร่างของเขาก็พริบไหว กลับคืนสู่รูปลักษณ์มนุษย์อีกครั้ง เพียงแต่หน้าบวมจมูกเขียว ขอบตาช้ำดำเขียว เผ้าผมยุ่งเหยิง สะบัดสะบอมน่าเวทนาอย่างมาก
บาดแผลเหล่านี้ล้วนเป็นพลังหมัดของหลินสวินสร้างออกมา
หลินสวินเก็บมือ อารมณ์ผ่อนคลาย ยิ้มถามว่า “เหตุใดจึงไม่สู้แล้ว”
“รสนามประลองแห่งนี้มีพื้นที่จำกัด ไม่อาจสำแดงความได้เปรียบในวิชาท่าร่างของข้า หากเปลี่ยนเป็นโลกภายนอก เจ้าคิดว่าจะสามารถกำราบข้าเช่นนี้ได้หรือ”
ราชันเผิงปีกทองน้อยขุ่นเคือง
ทุกคนได้ยินแล้วใคร่ครวญคร่าวๆ ก็เห็นด้วยอย่างลึกซึ้ง
เป็นจริงอย่างว่า ด้วยความว่องไวที่แทบจะเทียบได้กับการเคลื่อนไหวในชั่วพริบตาของราชันเผิงปีกทองน้อย ความยิ่งใหญ่ของฟ้าดินสามารถเป็นเวทีแห่งการเคลื่อนไหวของเขา ใครเล่าจะกำราบได้
“เจ้าผิดแล้ว ต่อให้ท่าร่างของเจ้าเร็วยิ่งกว่านี้ก็ขวางการกดอัดของพลังไม่อยู่ ไม่เชื่อเจ้าลองดูได้”
หลินสวินพูดสบายๆ
“เช่นนั้นก็ลองดู!”
ทันใดนั้นราชันเผิงปีกทองน้อยพุ่งขึ้นฟ้า เปลี่ยนเป็นพญาเผิงปีกทองอีกครั้ง กระพือปีกคราหนึ่งประหนึ่งเคลื่อนย้ายในพริบตา เสียงพรึ่บดังขึ้นก็พุ่งไปอยู่ในส่วนลึกของชั้นเมฆนอกสนามประลองแล้ว
“มาสิ!”
เขาร้องเอะอะอยู่ในชั้นเมฆ อวดดีอย่างที่สุด
“แม่งเอ๊ย พอเจ้าหมอนี่หยิ่งผยองขึ้นมาที สีหน้าท่าทางแบบนั้นวอนโดนต่อยเกินไปแล้ว”
เจ้าคางคกตะเบ็งเสียง
“ไม่พอใจเจ้าก็มาตีกับข้าสิ”
ราชันเผิงปีกทองน้อยยิ้มเยาะ
วู้ม!
ก็ตอนนี้เองหลินสวินที่ยืนอยู่ในสนามประลองชั้นยอดเคลื่อนไหวกะทันหัน ยื่นมือรวบนิ้วแทงทะลวงห้วงอากาศเบาๆ คราหนึ่ง
ห่างไกลล้วนไปถึง!
กระบวนท่าที่สามของดรรชนีมหาอุดมสลายมายา ท่านี้เกี่ยวข้องกับนัยเร้นลับแห่งห้วงอากาศว่างเปล่า แม้ไม่สามารถเข้าถึงแก่นจริงแท้ แต่หลินสวินก็ยังสามารถใช้อานุภาพของมันได้
ก็เห็นในชั้นเมฆสูงกลางอากาศราชันเผิงปีกทองน้อยกำลังหัวเราะเยาะได้ใจ จู่ๆ พลังดรรชนีสายหนึ่งก็ปรากฏกลางอากาศ กระแทกใส่ร่างเขาอย่างรุนแรง
ปัง!
เหมือนถูกภูเขาลูกใหญ่ชนกระแทก ทำให้เงาร่างของเขาดิ่งร่วงลงโดยพลัน ไม่ว่าปีกจะกระพืออย่างไรก็ร่วงลงมาไม่หยุด
“นี่…”
ราชันเผิงปีกทองน้อยเดือดดาล
ปัง!
พลังดรรชีอีกสายหนึ่งปรากฏ ทิ่มใส่ศีรษะของเขาอย่างแรง ทำเอาภาพตรงหน้าเขามืดสลัว เกือบจะหายใจไม่ออก ในปากส่งเสียงครวญคราง จากนั้นก็กระแทกลงพื้น กระตุกเกร็งไปทั้งตัว ฝุ่นควันคละคลุ้ง
นี่ก็คือ ‘ห่างไกลล้วนไปถึง’!
ไม่ว่าเจ้าจะอยู่ที่ไหน ขอเพียงถูกจับตำแหน่งไว้ เจ้าก็หนีความเป็นไปได้ที่จะถูกโจมตีไม่พ้น!
ทั้งสนามอึ้งงันสูดหายใจหนาวเยือก วิชามรรคที่เหลือเชื่อระดับนี้ ไม่เห็นช่องว่างกลางห้วงอากาศอยู่ในสายตา แทบจะมีเพียงในมือของอริยะเท่านั้น
แต่ตอนนี้กลับถูกหลินสวินสำแดงออกมา!
เจ้าคางคกหัวเราะลั่นขึ้นมา “ฮ่าๆๆ ทุกคนก็เห็นแล้ว เจ้าหมอนี่ขอให้ตีเขาเอง ของชั้นเลวจริงๆ ข้าไม่เคยเห็นพญาเผิงที่ไม่เอาไหนขนาดนี้เลย”
สีหน้าของเหล่าผู้กล้าแปลกพิกล
ส่วนราชันเผิงปีกทองน้อยอับอายแทบตายแล้ว อยากจะแทรกแผ่นดินหนีเสียเดี๋ยวนี้ เมื่อครู่นี้เขาเพิ่งจะคุยโวโอ้อวด มั่นอกมั่นใจว่าในด้านความว่องไวของท่าร่าง หลินสวินไม่ใช่คู่ต่อสู้ของตนแน่นอน
ไหนเลยจะคิดว่าหลินสวินไม่ขยับด้วยซ้ำ แค่ยื่นนิ้วออกมาก็โจมตีเขาจนร่วง…
น่าอับอายเกินไปแล้ว!
“ราชันเผิงน้อย ออมมือแล้ว”
ในสนามประลองชั้นยอด หลินสวินประสานหมัดพร้อมรอยยิ้ม
“หึ!”
ราชันเผิงปีกทองน้อยแค่นเสียงเย็นเยียบ สายตามองหยวนฝ่าเทียนที่อยู่ห่างออกไป
หยวนฝ่าเทียนอึ้งไป จากนั้นก็เข้าใจทันทีว่าจะให้ตนลงมือ ไปประมือกับหลินสวิน
แต่…
ประเด็นคือเขาไม่อยากไปนี่!
“เจ้าลิง ยังเป็นพี่น้องกันอยู่หรือไม่”
ราชันเผิงปีกทองน้อยสีหน้าอึมครึม
หยวนฝ่าเทียนหน้าขื่นขม จำใจตอบรับ
“พี่หลิน ข้าสู้กับเจ้าสักตา!”
เขาพุ่งเข้าสนาม ท่าทางเปี่ยมไปด้วยคุณธรรม “ไม่ขออริยะนำพา เพียงแค่ตัดความขัดแย้งระหว่างเจ้ากับข้าอย่างสิ้นเชิงเท่านั้น”
“ไม่ใช่ตัดไปตั้งนานแล้วหรือ” หลินสวินอึ้ง
“เจ้าลิง เจ้าอยากดื่มเหล้าอีกแล้วใช่หรือไม่ มาๆๆ พวกเรามาสู้กันอีกสามพันตา ใครเมาคนนั้นเป็นคนไม่เอาไหน”
เจ้าคางคกและอาหลู่ตะเบ็งเสียงโดยพร้อมเพรียงกัน
มุมปากของหยวนฝ่าเทียนกระตุก สูดหายใจเข้าลึกเฮือกหนึ่ง กำลังจะพูดอะไรสักอย่าง
ก็เป็นตอนนี้เองที่เขาคล้ายสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง พินิจหลินสวินหัวจรดเท้าครู่หนึ่ง ก่อนที่สีหน้าจะเปลี่ยนไปทันที พลันตะโกนอย่างตกใจ “เจ้า… เจ้าหลอมกายหรือ ไม่กลัวประสบเคราะห์มรรคตัดขาดหรือ”
พอคำพูดนี้ดังออกมา ทั้งสนามก็เงียบไปทันที
ก่อนหน้านี้ทุกคนต่างรู้ดีว่าหลินสวินหลอมปราณและหลอมจิตคู่กัน แต่ไม่เคยรู้ว่าเขาถึงกับเหยียบย่างลงบนเส้นทางหลอมกายแล้ว!
นี่เท่ากับบำเพ็ญมรรคาควบสามวิถี จะต้องประสบทัณฑ์สวรรค์
ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นใคร ขอเพียงทำเช่นนี้ ต่อให้เจ้าจะมีความสามารถเทียมฟ้า ก็จะถูกเคราะห์มรรคตัดขาดสังหาร!
พวกองค์ชายเซ่าเฮ่า เทพธิดารั่วอู่ต่างอึ้งไป ในดวงตามีประกายประหลาดไหววูบคล้ายยากจะเชื่อ
บุคคลแห่งยุคระดับหลินสวิน จะไม่รู้ความน่ากลัวของเคราะห์มรรคตัดขาดได้อย่างไร แต่เหตุใดเขาจึงจะทำเช่นนี้
…………