Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 1413 เพียงเพราะมองแวบหนึ่ง
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 1413 เพียงเพราะมองแวบหนึ่ง
“ไม่”
แทบจะเพราะสัญชาตญาณ เสี่ยวเฉ่าตอบกลับตามจิตใต้สำนึก
ทันใดนั้นนางงุนงง นี่ตนเป็นอะไรไป ดันถูกคนบ้าคนหนึ่งทำให้ตกใจหรือ
เพลิงโกรธและความอับอายที่พูดไม่ออกพรวดพราดขึ้นในใจ นางอยากจะพูดอะไรสักหน่อย แต่เมื่อสบสายตาลึกล้ำกระจ่างชัดนั้นของหลินสวินก็หนาวเยือกไปทั้งตัว เหมือนถูกเทพที่สูงส่งจับจ้องอยู่
ส่วนนางเป็นเพียงแค่มดปลวกตัวน้อยเท่านั้น!
“ข้าหลินสวิน เคยปฏิบัติต่อเจ้าอย่างไม่เป็นธรรมหรือ”
หลินสวินถาม สีหน้าไม่แสดงความดีใจหรือเสียใจ นิ่งสงบไร้คลื่นอารมณ์
เสี่ยวเฉ่าส่ายหน้าโดยจิตใต้สำนึก
นางหัวสมองว่างเปล่า นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
“มารดามันเถอะ เจ้าโง่นี่พูดมากจริงๆ ทำไม ยังคิดว่าแม่นางเสี่ยวเฉ่าจะปล่อยเจ้าไปเพราะเห็นแก่ความสัมพันธ์ในอดีตหรือ”
ผู้คุ้มกันคนหนึ่งใบหน้าเหลืออดเต็มประดา ตะเบ็งเสียงว่า “ทุกคน ส่งนายน้อยตระกูลหลินของพวกเราไปลงนรกกันเถอะ!”
ชิ้ง!
เขาชักดาบเจิดจ้าราวหิมะด้ามหนึ่งออกมา ยกมือขึ้นฟันออกไป
หลินสวินเหลือบมองเขาปราดหนึ่ง
เพียงแวบเดียว เรื่องที่เหลือเชื่อก็เกิดขึ้นแล้ว
ดาบที่ฟันออกมาระเบิดแตกและแหลกสลายทุกกระเบียด จากนั้นฝ่ามือ แขน รวมถึงร่างกายและศีรษะของผู้คุ้มกันที่ถือดาบก็ระเบิดเป็นเสี่ยงๆ ตามไป…
เหมือนตุ๊กตาหิมะที่ระเบิดออก เลือดเนื้อยังไม่ทันสาดกระเซ็นก็ร่วงหล่นลงพื้นแล้ว
ภาพที่แปลกประหลาดและเหลือเชื่อนี้ ทำให้ผู้คุ้มกันคนอื่นๆ ลูกตาแทบจะหลุดออกมา ตกใจจนอึ้งงันไป
“เจ้า… เจ้า…”
พวกเขาสั่นระริกไปทั้งตัว สีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมาก แม้แต่คำพูดยังติดๆ ขัดๆ ขึ้นมา
“คิดว่าคนบ้าอย่างข้า ให้คนอื่นฆ่าได้อย่างเดียว ฆ่าคนไม่เป็นงั้นหรือ”
หลินสวินเหลือบมองพวกเขาปราดหนึ่ง
หลังจากนั้นเหล่าผู้คุ้มกันตระกูลหวังที่แข็งแกร่งและเหี้ยมหาญอย่างที่สุด ร่างกายล้วนระเบิดออกทุกส่วน เลือดแดงฉานย้อมหิมะสีขาวบริสุทธิ์ให้เป็นสีแดง ดูน่าสยดสยอง
เสี่ยวเฉ่าอึ้งตาค้างอย่างสิ้นเชิงแล้ว อารมณ์เสียการควบคุม กรีดร้องออกมา “เจ้าไม่ใช่เจ้าโง่คนนั้น เจ้าเป็นใครกันแน่!”
หลินสวินพูดเรียบๆ “ข้าก็คือข้า ไม่เคยเปลี่ยน และไม่มีวันเปลี่ยน”
“เป็นไปไม่ได้!”
เสี่ยวเฉ่าตื่นตระหนก ใบหน้างามซีดเซียว “หากเจ้าเป็นเจ้าโง่คนนั้น เหตุใดจึงทนมองตระกูลหลินล่มสลาย บิดามารดาสิ้นชีพได้ ปล่อยให้พวกคนตระกูลหลินขับไล่เจ้า ถึงขั้น… เก็บกระดูกไก่ที่คนอื่นทิ้งไว้อย่างไม่ห่วงความอับอายและศักดิ์ศรี”
หลินสวินพูด “เพราะตอนนั้นข้ายังไม่เข้าใจ ตอนนี้เข้าใจแล้ว”
เสี่ยวเฉ่าสีหน้างุนงง “ง่ายขนาดนี้เลยหรือ”
“ไม่ง่าย”
หลินสวินถอนหายใจเบาๆ คราหนึ่ง สายตามองไปยังสุสานสองหลักนั้นพร้อมพูดว่า “ปัญหานี้ข้าคิดมาหลายปีมาก หากคิดได้ตั้งแต่แรก พวกเขาก็คงไม่ต้องตาย…”
เสี่ยวเฉ่าอึ้งงันอยู่ตรงนั้น
เป็นครั้งแรกที่นางพบว่า แม้นางเคยติดตามอยู่ข้างกายหลินสวินหลายปี แต่เหมือนจะไม่เคยเข้าใจเขาเลย
นี่… คือเจ้าโง่คนนั้นจริงๆ หรือ
“หากให้เจ้าตายไปง่ายๆ เช่นนี้ คงไม่พอใจมากแน่ๆ ตามข้ามา”
หลินสวินว่าแล้วเดินมุ่งหน้าไปไกลๆ
เขาในชุดสีขาวเอามือไพล่หลัง เดินอยู่ท่ามกลางลมหิมะ ไม่ได้ดูตกต่ำขนาดนั้นอีกต่อไปแล้ว กลับทำให้รู้สึกถึงอานุภาพที่แม้ภูผาธาราจะกว้างใหญ่ กลับทำได้เพียงก้มหัวให้ใต้เท้าเขา
เสี่ยวเฉ่าตามไปโดยไม่รู้ตัว
ราวกับว่าหากนางกล้าไม่เชื่อฟังหรือปฏิเสธ จะเป็นการกระทำความผิดมหันต์ที่ไม่สามารถให้อภัยได้!
……
เมืองนครหยก
ตอนที่ปรากฏตัวในเมืองอีกครั้ง หลินสวินไม่ใช่หลินสวินคนเดิมอีกต่อไปแล้ว
หรือจะพูดว่า เขาควรจะเป็นเช่นนี้ตั้งแต่แรก
“เอ๊ะ นี่เจ้าโง่คนนั้นมิใช่หรือ ถึงกับยังไม่แข็งตาย หายากจริงๆ”
ยังคงเป็นหอสุราแห่งนั้น ยังคงมีคุณชายลูกผู้ดีมากมายกำลังรวมตัวกัน ลูกหลานตระกูลหลินเหล่านั้นก็ยังคงนั่งอยู่ตรงมุม
ตอนที่ได้ยินคำเอ่ยถึงหลินสวิน ลูกหลานตระกูลหลินเหล่านั้นโกรธจนใบหน้ามืดทะมึน เหตุใดเจ้าโง่นี่ถึงปรากฏตัวอีกแล้ว
“จุ๊ๆ หรือหลังจากเมื่อวานเก็บกระดูกไก่ได้ชิ้นหนึ่งก็กินจนติดใจเสียแล้วหรือ”
“มาๆๆ เอากระดูกไก่มาให้ข้าสักหน่อย ข้าจะให้อาหารเขา!”
มีคนถลกแขนเสื้อหยิบกระดูกไก่ขึ้นมา หมายจะเลียนแบบการกระทำของหวังจื่อหลงเมื่อวาน ให้ทานกระดูกไก่กับหลินสวิน
คนอื่นๆ เองก็ร้องโห่ตาม
ลูกหลานตระกูลหลินคนหนึ่งทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว พุ่งไปที่หน้าต่าง ตะคอกด้วยสีหน้าเหี้ยมโหด “หลินสวิน เหตุใดเจ้าไม่ไปตายซะ กลัวตระกูลหลินของพวกเรายังขายหน้าไม่พอหรือ ไสหัวไป! เจ้าไสหัวไปซะ! อย่าให้ข้าเห็นเจ้าในเมืองอีก!”
ปัง!
เขาเพิ่งพูดจบก็ถูกคุณชายตระกูลร่ำรวยคนหนึ่งสะบัดฝ่ามือตบพร้อมก่นด่า “ไสหัวไปข้างๆ นู่น อย่าทำลายความสนุกของพวกเรา!”
ลูกหลานตระกูลหลินคนนั้นล้มจนหัวแตกเลือดออก แต่กลับทำได้เพียงอดทน ไม่กล้าปริปาก
ในใจยิ่งเคียดแค้นหลินสวิน!
หลินสวินเห็นภาพนี้แล้ว เขาถึงขั้นสามารถมองเห็นสีหน้าเดือดดาลและอัดอั้นถึงที่สุดของลูกหลานตระกูลหลินเหล่านั้นอย่างชัดเจน
และมองเห็นท่าทางที่อยากหาเรื่องสนุกจากการหยอกล้อตน ท่าทางล้อเลียนและนึกสนุกจากคุณชายตระกูลร่ำรวยเหล่านั้น
เพียงแต่กลับขาดหวังจื่อหลงไป
นี่ทำให้ในใจหลินสวินเสียดายเล็กน้อย แต่ครู่ต่อมาก็ไม่คิดอะไรมากแล้ว เพราะอีกเดี๋ยวก็อาจจะได้เจอแล้ว
“หลินสวิน มาๆๆ รับกระดูกพวกนี้ซะ หากเจ้าสามารถเลียนเสียงร้องสุนัขสองที ไม่แน่ว่าข้าจะอารมณ์ดี ให้ทานเจ้าดื่มเหล้าสักจอก”
ชายหนุ่มในชุดคลุมหรูหรายืนอยู่ตรงหน้าต่าง โยนกระดูกกำใหญ่ออกไปพร้อมรอยยิ้ม
คนอื่นๆ ต่างมองอย่างตื่นเต้น
มีเพียงลูกหลานตระกูลหลินเหล่านั้นที่สีหน้ามืดมน พวกเขาไม่ได้โกรธแทนหลินสวิน แต่โกรธที่หลินสวินทำพวกเขาขายหน้า!
กระดูกเหล่านั้นปลิวออกมาแล้ว…
หลินสวินชะงักเท้า มองภาพนี้ด้วยสายตาไร้ซึ่งความรู้สึก
เพียงแต่กระดูกที่ปลิวกระจายลงมาเหล่านั้นกลับหยุดกลางอากาศกะทันหัน ราวกับถูกมือใหญ่ล่องหนคว้าเอาไว้
หืม?
เหล่าคุณชายตระกูลร่ำรวยที่กำลังรออย่างตื่นเต้นว่าหลินสวินยังจะเก็บกระดูกหรือไม่อึ้งไป บรรยากาศที่เดิมคึกคักก็เงียบลง
สวบ!
และตอนนี้เอง กระดูกท่อนหนึ่งพลันพลิกกลับ ประหนึ่งเปลี่ยนเป็นกระบี่ด้ามหนึ่ง ตัดผ่านห้วงอากาศโดยพลัน
ชายหนุ่มในชุดคลุมหรูหราที่เดิมยืนอยู่ริมหน้าต่างและโยนกระดูกออกมา รอยยิ้มพลันชะงักไปในชั่วขณะนี้
กระดูกชิ้นหนึ่งแทงทะลุคอเขา ฝังอยู่ในเนื้อ เลือดสดๆ ไหลหลั่งออกมา
ชายหนุ่มชุดคลุมหรูหราเบิกตาโพลง กุมลำคอ อยากจะพูดอะไรสักอย่าง ในปากกลับเปล่งออกมาได้เพียงเสียงอึกอักในคอ
ตึง!
ทันใดนั้นร่างกายของเขาพลันอ่อนระทวย ล้มนอนลงพื้น
คุณชายลูกผู้ดีคนอื่นๆ ในที่นั้นตระหนักได้ถึงความผิดปกติในที่สุด สีหน้าเปลี่ยนไปอย่างยิ่ง ตกใจจนตัวโยน ชั่วขณะเดียวในหอสุราพลันวุ่นวายอลม่านขึ้นมา
สวบๆๆ!
แต่ตอนนี้เอง กระดูกแต่ละชิ้นที่หยุดอยู่กลางอากาศเหมือนดั่งกระบี่แหลมคมอย่างที่สุดด้ามแล้วด้ามเล่า พุ่งย้อนกลับเข้าหอสุรา
จากนั้นลำคอของคุณชายร่ำรวยแต่ละคนต่างถูกแทงเป็นหลุมเลือด ไม่ว่าพวกเขาจะหลบอย่างไร ตะโกนอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์
กระดูกแต่ละชิ้นล้วนแม่นยำจนน่ากลัว ว่องไวจนน่ากลัว รุนแรงจนน่ากลัว!
เทียบกับกระบี่เทพแห่งยุค แทบจะไม่ต่างอะไรกัน
ในหอสุราบรรยากาศที่วุ่นวายถูกแทนที่ด้วยบรรยากาศเงียบงันอันน่ากลัว ศพแต่ละศพนอนจมกองเลือด
ลำคอของแต่ละคนถูกแทงทะลุ ยังคงมีเลือดไหลออกมา
ก่อนหน้านี้ที่แห่งนี้คึกคักอย่างมาก เหล่าคุณชายลูกผู้ดีอย่างพวกเขาวิพากษ์วิจารณ์เหตุการณ์ระดับแคว้น มองหลินสวินเป็นเป้าหมายล้อเลียน เย้ยหยันตามอำเภอใจ
แต่ตอนนี้…
ล้วนตายหมดแล้ว!
ลูกหลานตระกูลหลินเหล่านั้นไม่ตาย แต่กลับตกใจจนตัวอ่อนระทวยทรุดลงพื้น สั่นไปทั้งตัว ในหัวว่างเปล่า
พวกเขาต่างไม่รู้ว่าคนร้ายเป็นใคร
เพราะหลินสวินยืนอยู่นอกถนน เพียงเงยหน้าขึ้นมองตรงนี้แวบหนึ่ง นอกจากนี้ตั้งแต่ต้นจนจบก็ไม่ได้กระทำการอื่นใดเลย
แต่มีเพียงเสี่ยวเฉ่าที่รู้ว่า คนที่ฆ่าคุณชายตระกูลร่ำรวยเหล่านั้นก็คือหลินสวิน!
ก่อนหน้านี้ในสุสานนอกเมือง หลินสวินก็เคยใช้วิธีเดียวกันฆ่าเหล่าผู้คุ้มกันตระกูลหวัง
ทุกอย่างล้วนเพราะหลินสวินหยุดมองพวกเขาแวบหนึ่ง…
นี่ทำให้ในใจเสี่ยวเฉ่ายิ่งสั่นกลัว นางไม่เข้าใจ เจ้าโง่ที่ถูกคนหัวเราะเยาะเย้ย ถูกเหยียบย่ำและดูถูก กลายเป็นตัวตลกในเมืองมาเป็นเวลายี่สิบกว่าปีคนหนึ่ง เหตุใดเพียงพริบตาก็เหมือนกลายเป็นอีกคน
นางไม่เข้าใจจริงๆ
ตอนนี้หลินสวินเก็บสายตากลับมาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เอามือไพล่หลังเดินหน้าต่อไป
ท่าทางที่นิ่งสงบเช่นนั้นทำให้ในใจเสี่ยวเฉ่ายิ่งงุนงง อดถามไม่ได้ “พวกคนที่เจ้าฆ่า เบื้องหลังล้วนมีขุมอำนาจใหญ่ยืนอยู่ พวกเขาไม่ปล่อยเจ้าไว้แน่!”
นางคิดว่าหลินสวินจะกลัว หรืออย่างน้อยก็ต้องมีปฏิกิริยาบ้าง
แต่หลินสวินไม่มี ตั้งแต่ต้นจนจบฝีเท้าของเขาล้วนมีจังหวะที่แน่นอน เห็นชัดว่านิ่งสงบ สุขุมและเยือกเย็น
เสี่ยวเฉ่าอึ้งงัน กัดฟันเดินตามต่อ
ด้านหลังเสียงร้องตกใจและเสียงเอะอะดังมาจากในหอสุรา
แม้แต่เสี่ยวเฉ่าก็รู้ว่า ด้วยการตายของคุณชายตระกูลร่ำรวยเหล่านั้น เมืองนครหยกในวันนี้จะต้องเกิดคลื่นลมครั้งใหญ่แน่นอน!
แต่นางไม่อาจสนใจเรื่องพวกนี้ได้แล้ว
“เจ้า… เจ้าจะไปตระกูลหวังหรือ”
พอสังเกตได้ว่าทิศทางที่หลินสวินมุ่งหน้าตรงไปคืออาณาเขตคฤหาสน์ตระกูลหวัง เสี่ยวเฉ่าอดตัวแข็งทื่อไม่ได้ ร้องเสียงหลงออกมา
“เจ้าใจเย็นหน่อยจะดีที่สุด ไม่เช่นนั้นหลังจากนี้คงรับไม่ไหว อืม ถ้าเป็นแบบนั้นก็จะพลาดเรื่องสนุกมากมาย”
หลินสวินไม่หันหลังกลับด้วยซ้ำ คำพูดก็ดูราบเรียบมาก
เสี่ยวเฉ่ากัดฟันแน่น จ้องแผ่นหลังของหลินสวิน ในใจแอบพูดว่า ‘หากเจ้าตัดสินใจจะไปตระกูลหวังจริงๆ นั่นจะต่างอะไรกับการรนหาที่ตาย ข้าล่ะอยากให้เจ้าไปเสียเดี๋ยวนี้!’
คิดเช่นนี้ในใจนางกลับสงบลงไม่น้อย
ตระกูลหวังเป็นขุมอำนาจอันดับหนึ่งในเมืองนครหยก อิทธิพลล้นฟ้า ในตระกูลยิ่งมียอดฝีมือมากมายดูแล ที่สำคัญที่สุดคือ ตอนนี้ใครบ้างไม่รู้ว่าหวงฝู่เซ่าอวี่ลูกเขยแสนประเสริฐที่ตระกูลหวังภาคภูมิใจที่สุดก็กลับมากับหวังจื่อหลวน
หวงฝู่เซ่าอวี่ เป็นถึงผู้สืบทอดของเจ้าสำนักเมฆาเขียวเชียวนะ!
ไม่นานหลินสวินก็มองเห็นคฤหาสน์ตระกูลหวัง
ครองพื้นที่นับร้อยหมู่ ประตูใหญ่ของคฤหาสน์สร้างไว้สูงใหญ่ตระหง่าน หน้าประตูมีรูปปั้นหินสัตว์มงคลคุกเข่าอยู่ สองข้างมีผู้คุ้มกันยืนอยู่ฝั่งละคน แต่ละคนล้วนเหี้ยมหาญ น่าสะพรึงอย่างที่สุด
ตอนนี้หน้าประตูใหญ่คฤหาสน์ตระกูลหวังมีเกี้ยวสมบัติ รถลากและสัตว์พาหนะมากมายจอดอยู่
คนใหญ่คนโตที่มีหน้ามีตาในเมืองแต่ละคน หลังจากยื่นเทียบเชิญก็ถูกนำทางเข้าคฤหาสน์ไป
เช่นนี้แหละที่เรียกว่า ‘รถราวิ่งขวักไขว่ หัวกระไดไม่แห้ง’
ตั้งแต่เมื่อคืน คนใหญ่คนโตที่มาเยี่ยมเยือนตระกูลหวังราวกับกระแสน้ำ จากเรื่องนี้สามารถเห็นได้ว่า ตอนนี้อำนาจอิทธิพลของตระกูลหวังในเมืองนครหยกมีมากเพียงใด
เมื่อเทียบกันแล้ว ตระกูลหลินในตอนนี้ใช่แค่หน้าประตูกางตาข่ายจับนกได้[1]เสียที่ไหน เป็นตกต่ำอยู่ในจุดที่ไม่มีคนสนใจแล้วชัดๆ
——
[1] หน้าประตูกางตาข่ายจับนกได้ หมายถึงเงียบเหงาไร้ผู้คน ไม่มีแขกมาเยี่ยมเยือน