Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 1550 มรสุมใหญ่อุบัติ
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 1550 มรสุมใหญ่อุบัติ
สุดท้ายมีมกุฎอริยะหนีออกไปได้?
นัยน์ตาดำของหลินสวินวาบประกายเย็นเยียบ กล่าวว่า “ไม่ต้องกังวล เรื่องสร้างเมืองอารักษ์มรรคขึ้นมาใหม่ ข้าก็ไม่เคยคิดปิดบังตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว เพียงแต่จนถึงตอนนี้ศัตรูจากแปดดินแดนเพิ่งจะเริ่มไหวตัว กลับทำให้ข้าค่อนข้างแปลกใจอยู่บ้าง”
เซ่าเฮ่าและรั่วอู่พากันอึ้งไป
“พี่เซ่าเฮ่า จากนี้เจ้าแค่สงบใจรักษาอาการบาดเจ็บก็พอ เรื่องอื่นมอบให้ข้าจัดการเถอะ”
หลินสวินไม่ได้อธิบายอะไร กล่าวกำชับว่า “นอกจากนี้ยังต้องรบกวนแม่นางรั่วอู่ช่วยข้ากระจายข่าวหนึ่งด้วย”
“เรื่องอะไร”
รั่วอู่สงสัยใคร่รู้
“บอกไปว่าข้าหลินสวินจะสร้างเมืองอารักษ์มรรคขึ้นมาใหม่ในอีกสามเดือนข้างหน้า!”
หลินสวินเอามือไพล่หลัง เอ่ยปากเสียงเรียบ
“อะไรนะ”
รั่วอู่และเซ่าเฮ่าต่างพากันตกใจ “นี่ถ้าเกิดถูกศัตรูรู้เข้า…”
“ข้าก็อยากให้พวกเขารู้นั่นแหละ”
หลินสวินกล่าว “แน่นอน การทำเช่นนี้ยังมีจุดประสงค์อย่างอื่นอีก นั่นก็คือให้ผู้แข็งแกร่งดินแดนรกร้างโบราณที่กระจายตัวอยู่ตามพื้นที่ต่างๆ ในตอนนี้รู้ข่าว และมุ่งหน้ามาร่วมดำเนินการกับพวกเรา”
“หากศัตรูยกทัพใหญ่มารุกราน ลำพังแค่กำลังของพวกเราในตอนนี้เกรงว่ายากจะต้านทานไว้ได้”
เซ่าเฮ่าขมวดคิ้วกล่าว
หลินสวินเอ่ยว่า “ถึงตอนนั้น ทั้งคู่แค่รอชมก็พอ”
เซ่าเฮ่าและรั่วอู่มองหน้าสบสายตากัน ต่างไม่รู้ชัดว่าหลินสวินไปเอาความมั่นใจมาจากไหน แต่สุดท้ายทั้งสองล้วนไม่ได้ถามมากความอีก
ถ้าหลินสวินอยากพูด ย่อมพูดตั้งนานแล้ว
แต่ว่าเมื่อเป็นเช่นนี้กลับทำให้ทั้งคู่ต่างใคร่รู้ขึ้นมาบ้างแล้ว ว่าหลินสวินจะใช้วิธีการอะไรไปต้านศัตรูกันแน่
นับแต่วันนี้เป็นต้นไป หลินสวินเริ่มออกจากค่ายชั่วคราวบ่อยขึ้น
…
เหนือมหาสมุทรสีดำแถบหนึ่ง นัยน์ตาดำของหลินสวินลึกล้ำ พลังแห่ง ‘นัยน์ตาเฉาเฟิง’ โคจรอยู่ในดวงตา กวาดสำรวจและตรวจค้นส่วนลึกของมหาสมุทร
ครู่ใหญ่ต่อมาเขาเอื้อมมือคว้าหมับอย่างแรงคราหนึ่ง
ฮูม!
ผิวทะเลม้วนตลบโหมซัด เกลียวคลื่นดุจอสนี ชีพจรปราณวิญญาณที่มีความยาวถึงพันจั้ง ใหญ่หนาเท่าบ้านเรือนถูกดูดดึงออกมา
ดุจดั่งมังกรขนาดมหึมาตัวหนึ่ง!
ประกายแสงวิญญาณเจตะเจิดจ้าคละคลุ้ง ไอวิญญาณที่บริสุทธิ์เข้มข้นพวยพุ่ง กลายเป็นละอองแสงสาดพรม เห็นได้ชัดว่าศักดิ์สิทธิ์สูงส่งหาใดเปรียบ
นี่คือชีพจรปราณวิญญาณ ‘ระดับอริยะ’ ที่หายากสายหนึ่ง แทรกด้วยกลิ่นอายวิญญาณเจตะอันเข้มข้น มูลค่าน่าตกใจ
หากอยู่โลกภายนอก ชีพจรปราณวิญญาณสายนี้สามารถสร้างถ้ำสวรรค์แดนมงคลอันโอ่อ่าแห่งหนึ่งได้เลย!
ฟึ่บ!
แขนเสื้อหลินสวินโบกสะบัด เก็บชีพจรปราณวิญญาณแล้วจากไปอย่างผ่าเผย
…
บนชายหาดที่มีโขดหินขรุขระแปลกประหลาดแถบหนึ่ง
ตูม!
พื้นดินถูกแสงกระบี่เฉือนแหวกออกเป็นรอยแยกขนาดใหญ่สายหนึ่ง หลินสวินเงาร่างพริบไหว กระโจนพุ่งเข้าไปในส่วนลึกของรอยแยก
หนึ่งพันจั้ง
สามพันจั้ง
…จนกระทั่งมาถึงใต้ดินเก้าพันจั้ง ประกายแสงสีแดงเพลิงแสบตาแถบหนึ่งก็ส่องเข้ามาในครรลองสายตาของหลินสวิน
นี่ ก็เป็นชีพจรปราณวิญญาณระดับอริยะที่คุณลักษณะยอดเยี่ยมอีกสายหนึ่ง!
…
สมรภูมิเก้าดินแดนเป็นโลกที่ลึกลับสุดขีด สร้างอยู่ระหว่างเก้าดินแดนใหญ่ ในนี้แทรกด้วยโลกเล็กลึกลับอีกมากมาย และบรรจุสมบัติที่หาได้ยากจากโลกภายนอก
ก็แม้แต่คุณลักษณะของชีพจรปราณวิญญาณยังสูงลิ่วจนน่าตกใจ!
มีแรงเสริมจากนัยน์ตาเฉาเฟิง ทำให้หลินสวินสามารถรวบรวมชีพจรปราณวิญญาณน้อยใหญ่ได้มากกว่าร้อยสายภายในเวลายี่สิบวันสั้นๆ
ชีพจรปราณวิญญาณบางสายยาวถึงหลายพันจั้ง ตัวปราณงดงาม กลิ่นอายวิญญาณเจตะย้อมจนห้วงอากาศพร่างพราว
บ้างก็มีความยาวเพียงสิบกว่าจั้ง แต่ความบริสุทธิ์ของพลังวิญญาณที่บรรจุอยู่ ล้วนสามารถทำให้มกุฎอริยะอย่างหลินสวินตกใจสั่นสะท้าน!
ชีพจรปราณวิญญาณเหล่านี้ ก็คือกุญแจสำคัญที่รวบรวมพลังให้แก่กระบวนค่ายกลอริยะ ‘สี่ยอดแปดพิทักษ์’
ดึกสงัด
ในค่ายชั่วคราวหลินสวินที่จัดการงานทุกอย่างในมือเสร็จแล้วยืนอยู่ใต้ม่านราตรีเพียงลำพัง ทอดสายตามองไปไกลๆ
ตั้งแต่อยู่ที่นี่จนถึงตอนนี้ เวลาก็ล่วงเลยไปกว่าครึ่งปีแล้ว
ในครึ่งปีนี้อนุมานกระบวนค่ายกล กลั่นหลอมจานและธงกระบวน รวบรวมวัสดุจัดวางกระบวน… แทบจะกินเวลาส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดของหลินสวิน
แต่ทุกสิ่งที่ทุ่มเทออกไป ล้วนคุ้มค่า
ก็เหมือนตอนนี้ ขาดแค่รวบรวมวัสดุสร้างเมืองให้มากพอ ก็สามารถเริ่มสร้างเมืองอารักษ์มรรคขึ้นมาใหม่ได้แล้ว!
ยืนนิ่งอยู่ในราตรีกาลเพียงลำพังอยู่เนิ่นนาน หลินสวินพึมพำในใจ
‘ทุกสิ่งพร้อมพรัก รอแค่ลมพัดมา!’
…
และในเวลาเดียวกัน ข่าวที่หลินสวินคิดจะสร้างเมืองอารักษ์มรรคขึ้นมาใหม่ ภายใต้การกระตุ้นของรั่วอู่ ชั่วขณะเดียวก็แพร่กระจายไปทั่วทั้งสมรภูมิเก้าดินแดน
เรียกแรงสะเทือนทั่วใต้หล้า
“เจ้าหมอนี่ป่าวประกาศเรื่องนี้อย่างโจ๋งครึ่มเช่นนี้ ไม่กลัวถูกศัตรูจากแปดดินแดนร่วมมือกันกำราบรึ”
โลกเพลิงสวรรค์
ส่วนลึกของภูเขาใหญ่ที่ร่องรอยมนุษย์เบาบาง ในโลกลึกลับแห่งหนึ่ง เยี่ยเฉินที่เพิ่งย้อนกลับมาก็นำข่าวนี้กลับมาด้วย ทำให้เซี่ยวชางเทียนหัวคิ้วขมวดมุ่น
ตั้งแต่เข้าสู่สมรภูมิเก้าดินแดน เซี่ยวชางเทียนและเยี่ยเฉินก็พบกันโดยบังเอิญ แอบซ่อนอยู่ในโลกเพลิงสวรรค์แห่งนี้ด้วยกัน
“เจ้าคิดว่าหลินสวินเป็นคนไร้สมองประเภทนั้นหรือ”
แววตาเยี่ยเฉินลุกโชน “ข้ากลับรู้สึกว่าก็ถึงเวลาที่พวกเราควรออกไปได้แล้ว เป็นเต่าหดหัวในกระดองมาเกือบหนึ่งปีแล้ว ขืนอยู่ที่นี่ต่อไปข้าต้องซึมเศร้าเป็นแน่”
เซี่ยวชางเทียนนิ่งเงียบเนิ่นนาน สูดหายใจลึกเต็มแรงเฮือกหนึ่งแล้วกล่าวว่า “เช่นนั้นก็ไป โคตรแม่งเอ๊ย ข้าทนมานานมากพอแล้ว!”
ทั้งคู่สบสายตาระบายยิ้ม
…
ขณะเดียวกันไม่ว่าผู้แข็งแกร่งดินแดนรกร้างโบราณคนใดก็ตามที่รอดชีวิตอยู่ในสมรภูมิเก้าดินแดน หลังได้ยินข่าวนี้ส่วนใหญ่ล้วนใจเต้นรัวไม่หยุด
หลินสวิน!
นี่เป็นถึงบุคคลขอบเขตมกุฎที่ดุจดั่งตำนานคนหนึ่งในดินแดนรกร้างโบราณของพวกเขา ในเมื่อเขากล้าทำเช่นนี้ ย่อมต้องมีที่พึ่งพิง
ไม่มีใครคิดว่าหลินสวินจะไม่เจียมสังขาร
นี่ก็คือบารมีและชื่อเสียงอันเป็นที่รู้กันของหลินสวิน เป็นสิ่งที่เขาสร้างขึ้นจากการสังหารและการต่อสู้นองเลือดครั้งแล้วครั้งเล่าในช่วงหลายปีที่ผ่านมา!
“ไป ต่อให้เส้นทางนี้จะพบเจออันตรายมากมาย ข้าก็จะกลับไปโลกรกร้างโบราณ ไปรวมพลกับสหายร่วมอุดมการณ์ให้ได้”
มีคนกัดฟัน
“ซ่อนตัวมานานขนาดนี้แล้ว ในที่สุดก็ได้ยินข่าวดีเช่นนี้เสียที ต่อให้เดิมพันด้วยชีวิตนี้ของข้า ก็ไม่อาจนิ่งดูดายได้!”
มีคนสายตามุ่งมั่น
เรื่องเช่นนี้เริ่มเกิดขึ้นตามพื้นที่ต่างๆ ผู้แข็งแกร่งดินแดนรกร้างโบราณที่อดกลั้นซ่อนตัวแต่ละคนต่างเริ่มออกเคลื่อนไหว
เป้าหมาย คือมุ่งหน้าไปโลกรกร้างโบราณ!
แต่ในขณะเดียวกันก็มีผู้แข็งแกร่งดินแดนรกร้างโบราณมากมาย ที่เลือกสังเกตการณ์นิ่งๆ หลังจากได้รู้ข่าว
หลินสวินแข็งแกร่งยิ่ง ใจกล้าเปี่ยมล้นจริงๆ แต่ที่นี่อย่างไรก็เป็นสมรภูมิเก้าดินแดน ทันทีที่ข่าวนี้แพร่กระจาย ศัตรูแปดดินแดนมีหรือจะนั่งเฉยได้
ไม่ต้องสงสัยสักนิด โลกรกร้างโบราณในตอนนี้จะต้องกลายเป็นใจกลางพายุ ถูกจับตามองตั้งแต่แรก สามารถบังเกิดการเข่นฆ่าที่น่าสะพรึงจนไม่อาจจินตนาการได้ทุกเมื่ออย่างแน่นอน!
มุ่งหน้าไปตอนนี้ ไม่ค่อยชาญฉลาดนัก!
เว้นแต่…
หลินสวินสามารถสร้างเมืองอารักษ์มรรคขึ้นมาใหม่ ต้านการรุกรานของศัตรูแกร่งจากแปดดินแดนได้จริงๆ บางทีถึงตอนนั้นจึงจะเป็นเวลาที่ให้กลับสู่โลกรกร้างโบราณได้
ทว่าผู้แข็งแกร่งที่ตัดสินใจมองดูเงียบๆ อยู่ด้านข้างเหล่านี้ ต่างพากันคิดว่าความหวังที่ความเป็นไปได้ข้อนี้จะเกิดขึ้นนั้นแสนริบหรี่ยิ่ง
เหตุผลง่ายดายยิ่ง รากฐานและพลังของศัตรูจากแปดดินแดนน่าสะพรึงเกินไป แค่ลองคิดเล่นๆ ก็ยังทำให้ผู้คนรู้สึกสิ้นหวัง
นี่ก็เป็นปัญหาการเลือกส่วนบุคคล
ถึงแม้จะอยู่ค่ายทัพเดียวกัน แต่ก็ใช่ว่าผู้แข็งแกร่งดินแดนรกร้างโบราณทุกคนจะเต็มใจไปสนับสนุนหลินสวินแบบไม่สนเป็นตาย
…
โลกขุมอุดร
บนทะเลลมกรด ในตำหนัก
“เจ้าเด็กเหลือขอแซ่หลินนี่ช่างบ้าระห่ำมากจริงๆ เขาไม่รู้หรือว่าการต่อสู้แห่งเก้าดินแดนสองครั้งก่อน เมืองอารักษ์มรรคของโลกรกร้างโบราณของเขาถูกโจมตีปราชัยอย่างไร”
เสียงแก่ชราสายหนึ่งระเบิดหัวเราะขึ้น กล่าวด้วยแววเสียดสีเต็มเปี่ยม
“จากบันทึกที่บรรพชนเผ่าข้าเหลือทิ้งไว้ การต่อสู้แห่งเก้าดินแดนครั้งแรก เมืองอารักษ์มรรคของโลกรกร้างโบราณถูกโจมตีพ่ายแพ้ มีแพะสองขาถูกสังหารรวมทั้งสิ้นสามแสนคน ตอนนั้นฝนเลือดเทสาดจากฟากฟ้า สิบวันต่อเนื่อง!”
“การต่อสู้แห่งเก้าดินแดนครั้งที่สอง ดินแดนรกร้างโบราณหมายจะสร้างเมืองอารักษ์มรรคขึ้นมาใหม่ แต่เพิ่งได้ครึ่งทางก็ถูกกองทัพพันธมิตรแปดดินแดนของพวกเราร่วมกันเหยียบทำลาย ล้างบางสังหารทุกคนตายคาที่ไปกว่าเก้าหมื่น เลือดนองไหลเอ่อ!”
“ตอนนี้หลินสวินนี่ถึงกับยังกล้าทำเช่นนี้ ไม่กลัวประวัติศาสตร์ซ้ำรอยหรือ นี่ไม่ใช่เขารนหาที่ตายเอง คิดอยากพาแพะสองขาดินแดนรกร้างโบราณทั้งหมดตายไปด้วยหมดหรือ”
ในโถงใหญ่เสียงหัวเราะผสมโรงดังขึ้นสี่ทิศ
หลังจากได้รู้ข่าวว่าหลินสวินกำลังจะสร้างเมืองอารักษ์มรรคขึ้นมาใหม่ ปฏิกิริยาแรกของพวกเขาก็คือ เจ้าหมอนี่สมองเป็นตะคริวไปแล้วรึ
ต่อให้รนหาที่ตาย ก็ไม่เห็นต้องใจร้อนขนาดนี้เลย!
จากนั้นก็เป็นเสียงดูแคลน เยาะเย้ย หัวเราะผสมโรงต่างๆ นานา
“นายน้อย ขอเพียงท่านสั่งการคำเดียว ข้าจะพาคนไปเหยียบโลกรกร้างโบราณนั่นให้ราบเป็นหน้ากลองเดี๋ยวนี้เลย!”
เสียงที่เหมือนระฆังกังวานสายหนึ่งดังก้องขึ้น
ชั่วขณะเดียว สายตาของเหล่าคนใหญ่คนโตทุกคนในโถงใหญ่ต่างมองไปทางคุนเซ่าอวี่ที่นั่งอยู่ในตำแหน่งประธาน
คุนเซ่าอวี่ยกสุราเข้มหอมละมุนขึ้นจิบเบาๆ คราวนี้จึงระบายยิ้มบางๆ แววตาลุ่มลึก เอ่ยปากเนิบนาบ
“สวรรค์หมายให้เขาตาย ย่อมสั่งให้เขาคลั่ง เจ้านี่บอกว่าสามเดือนให้หลังก็จะสร้างเมืองอารักษ์มรรคในโลกรกร้างโบราณขึ้นมาใหม่ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ถึงตอนนั้นย่อมต้องมอบการโจมตีถึงชีวิตให้แก่เขาอย่างแน่นอน”
ทันใดนั้นเขาพลันเปลี่ยนหัวข้อสนทนา กล่าวว่า “เพียงแต่เรื่องนี้ก็ไม่อาจให้ดินแดนโบราณขุมอุดรของพวกเราออกแรงอยู่ฝ่ายเดียว”
“ความหมายของนายน้อยคือ จะดึงขุมอำนาจอีกเจ็ดดินแดนที่เหลือร่วมกันโจมตีหรือ”
มีคนเอ่ยถาม
“ไม่ผิด”
คุนเซ่าอวี่กล่าวเรียบๆ “ตัดรกร้างโบราณก่อน ค่อยประชันสูงต่ำ เรื่องพุ่งเป้าเล่นงานดินแดนรกร้างโบราณ พวกเราแปดดินแดนมีอุดมการณ์ร่วมกัน ร่วมรุกร่วมถอยด้วยกันเรื่อยมา เรื่องระดับนี้ย่อมไม่มีทางขาดพวกเขาได้แน่”
“อีกเดี๋ยวข้าจะเขียนจดหมายด้วยตัวเอง นำไปแจ้งให้กับผู้นำของพวกเขาทีละคน”
กล่าวจบเขาก็เงยหน้ากระดกสุรา
สมรภูมิเก้าดินแดนเปิดมาจนถึงตอนนี้ เวลาจวนจะหนึ่งปีแล้ว ก็ถึงเวลาจัดการเป้าหมายอย่างการ ‘ตัดรกร้างโบราณก่อน’ ให้เสร็จสิ้นสมบูรณ์แล้ว!
ไม่นานจดหมายที่คุนเซ่าอวี่เขียนด้วยตัวเองก็ถูกส่งไปอยู่ต่อหน้าบุคคลระดับผู้นำดินแดนอื่นทีละคน
‘ตอนที่หลินสวินสร้างเมืองอารักษ์มรรคขึ้นมาใหม่ ก็คือวันตายของเขา ถึงตอนนั้นข้าหวังว่าทุกท่านจะส่งมกุฎอริยะสิบคนออกมา นำทัพทหารสามหมื่นนาย เคลื่อนทัพโจมตีดินแดนรกร้างโบราณ!’
โลกต้าหลัว หลังจากได้รับข่าว เจี้ยนชิงเฉินผู้สืบทอดอันดับหนึ่งหอกระบี่ฟ้าทำเพียงครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วจึงตกปากรับคำ
“ได้!”
โลกโบราณยอดหยิน องค์ชายจู๋อิ้งคงเผ่าจู๋หลงก็ตอบตกลงเช่นกัน
มกุฎอริยะสิบคน ทหารสามหมื่นนายเท่านั้น เทียบได้แค่กองกำลังหนึ่งในสิบส่วนของดินแดนโบราณยอดหยินเท่านั้น
“ควรเป็นเช่นนี้แต่แรก”
โลกโบราณหม่อนบูรพา ฮว่าหงเซียวผู้สืบทอดสำนักมรรคเทพเอ่ยเสียงแน่วแน่ ไอสังหารน่าสยดสยอง
ตามมาติดๆ คือชืออู๋ซู่จากดินแดนโบราณจิ่วหลี เลี่ยเฉียนจากดินแดนโบราณเพลิงสวรรค์ สือพั่วไห่จากดินแดนโบราณอสูรดาวต่างก็ตอบตกลงเช่นกัน
ไม่ว่าจะเป็นขุมอำนาจดินแดนไหน ย่อมไม่มีทางปล่อยให้คนของดินแดนรกร้างโบราณสร้างเมืองอารักษ์มรรคขึ้นมาใหม่เป็นธรรมดา!
มีเพียงตอนที่ข่าวแพร่ไปถึงโลกมารโลหิต สิ่งที่เหนือความคาดหมายของทุกคนคือ เซวี่ยชิงอีไม่แม้แต่จะหยุดคิด ปฏิเสธออกไปตรงๆ
“บอกคุนเซ่าอวี่ว่าดินแดนโบราณมารโลหิตของข้ายังไม่สนใจแทรกแซงเรื่องนี้เป็นการชั่วคราว”
การตัดสินใจครั้งนี้ยังไม่ทันแพร่ออกไป ในโลกมารโลหิตกลับเกิดระลอกคลื่นฉากหนึ่งขึ้นก่อนแล้ว ผู้แข็งแกร่งแต่ละขุมอำนาจของดินแดนโบราณมารโลหิต ไม่มีใครไม่รู้สึกอัดอั้น
เซวี่ยชิงอีเขา… เหตุใดนับวันเขายิ่งใจเสาะมากขึ้นทุกทีแล้ว
——