Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 1554 โฉมหน้าที่แท้จริงของสี่ยอดแปดพิทักษ์
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 1554 โฉมหน้าที่แท้จริงของสี่ยอดแปดพิทักษ์
ภาพนองเลือดและเผด็จการนั้น ทำให้บรรยากาศ ณ ที่นั้นเงียบไปอย่างน่าประหลาด
เวลานี้หลินสวินกล่าวราบเรียบ “ทุกท่านโปรดดู ซากศพและเลือดพวกนั้นจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของวัตถุดิบสร้างเมือง”
พูดถึงตรงนี้นัยน์ตาดำของหลินสวินราบเรียบกล่าวเสริม “แน่นอนว่านี่เป็นแค่ส่วนน้อยเท่านั้น ยังห่างไกลจากคำว่าพอ”
คุนป้าชิวและมกุฎอริยะทั้งหมดสีหน้าอึมครึมลงไม่น้อย
แต่ก็แค่ล้มตายหลักพันเท่านั้น
ทั้งในหมู่ผู้แข็งแกร่งที่ตายไป ก็มีอริยะแท้แค่ไม่กี่คน ความสูญเสียแค่นี้ยังไม่อาจสร้างการโจมตีอะไรให้กับพวกเขาได้
“ทุกท่าน แบ่งกำลังส่วนหนึ่งไปต้านและถล่มค่ายกลใหญ่นั่น!”
มีคนตวาดลั่น
ค่ายกลแดนพิฆาตที่ห่างออกไปยังโคจรอยู่ สาดปราณกระบี่เรือนพันเรือนหมื่นออกมาสังหารทั่วทิศ สร้างความเสียหายให้กับผู้แข็งแกร่งเจ็ดดินแดนที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงอย่างดุดันรุนแรง
ทันใดนั้นก็มีมกุฎอริยะสิบกว่าคนออกเคลื่อนไหวพร้อมกัน ไปกำราบและรุมโจมตีพลังของค่ายกลสังหารแดนพิฆาต
“ทุกท่าน นี่เพิ่งจะเริ่ม ต่อให้อยากทำลายค่ายกลก็ไม่จำเป็นต้องรีบร้อน”
หลินสวินสีหน้าราบเรียบไร้คลื่นลม ไม่ผิดคาดแม้แต่น้อย เหมือนทุกอย่างล้วนอยู่ในการคาดเดาของเขาแล้ว
“ฮึ! เจ้าสวะ ชีวิตเจ้าจะไม่ยืดอยู่แล้ว ยังกล้าเห่าหอนอีก!”
คุนป้าชิวตวาดลั่น เรียกสมบัติอริยะนานัปการออกมาถล่มค่ายกลสังหารยอดนภาอย่างเกรี้ยวกราดเหมือนมกุฎอริยะคนอื่นๆ
หลินสวินชี้ไปยังทิศทางหนึ่งที่ห่างออกไปแล้วกล่าว “ข้าบอกแล้ว เรื่องยอดเยี่ยมเพิ่งจะเริ่ม พวกเจ้าดูใหม่อีกครั้ง”
น้ำเสียงเพิ่งแผ่วลง บนทางราบที่ห่างออกไปมีสายฟ้าทะยานขึ้นมา!
ตูม…
ใต้ปฐพีกระบวนอักขระส่องประกายเหลือคณาพุ่งดังสนั่นเหมือนมังกรดินพลิกตัว สร้างเป็นค่ายกลใหญ่กลางอากาศ
ในค่ายกลใหญ่อสนีน่าครั่นคร้ามบาดตา รัศมีสายฟ้าพลุ่งพล่านไปทั่ว แน่นขนัดราวน้ำตกอสนีบาตป่วนคลั่งฟาดผ่า
สายฟ้านานัปการทั้งสีม่วง สีชาด สีฟ้า สีเขียว สีดำ สีเงิน… ล้วนเต็มไปด้วยอานุภาพทำลายล้างฟ้าดิน พอจะทำลายความกล้าของเทพผี!
ค่ายกลสังหารทลายเทพ!
ทันทีที่ปรากฏก็ฟ้าคะนองสะเทือนเลื่อนลั่น ผู้แข็งแกร่งนับร้อยคนหลบไม่ทัน ถูกสังหารกระจุยหายวับไปในพริบตา
กลิ่นอายสังหารที่แข็งแกร่งดุดันนั้น ทำให้ทั่วทั้งลานร้องเสียงหลงอีกครั้ง
สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือ อสนีบาตพวกนั้นยืดขยายออกไปราวโซ่ตรวน คลั่งระบำอยู่กลางฟ้าดิน ส่องประกายเจิดจ้า แต่กลับฆ่าฟันอริยะแท้ได้อย่างดุเดือด!
ในค่ายชั่วคราวบรรยากาศพลุ่งพล่านถึงขีดสุด เมื่อผู้แข็งแกร่งของดินแดนรกร้างโบราณทุกคนที่หลบอยู่ในค่ายกลแปดพิทักษ์ได้เห็นภาพทำลายล้างนี้กับตาตนเอง ต่างก็อารมณ์ปั่นป่วน โลหิตเดือดพล่าน
พวกเขาคาดการณ์ได้ว่าฝีมือของหลินสวินต้องไม่ได้มีแค่นี้แน่ แต่กลับคิดไม่ถึงว่าอานุภาพของค่ายกลนี้จะสั่นสะเทือนใต้หล้าเช่นนี้!
“หลบเร็ว!”
“น่าชังนัก! พวกเราถูกไอ้สวะนั่นหลอกแล้ว!”
เสียงกรีดร้องโหยหวนดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง
เห็นภาพนี้แล้ว คุนป้าชิวและมกุฎอริยะทั้งหมดหน้าเปลี่ยนสีอีกครั้งอย่างอดไม่อยู่
ระหว่างทางมาที่นี่พวกเขาก็เคยตรวจสอบและสัมผัสแล้ว เห็นชัดว่าไม่พบร่องรอยและกลิ่นอายของพลังผนึกใดๆ
แต่ตอนนี้กลับมีเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง นี่ทำให้พวกเขามีความรู้สึกว่ารับมือไม่ทัน
“ผิดคาดมากใช่ไหม แต่จะว่าไปหากให้พวกเจ้าสังเกตเห็น แล้วข้าจะจับตะพาบในไหอย่างพวกเจ้าได้อย่างไร”
หลินสวินกล่าวเฉยชา
ช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ ยามเขาวางกระบวนค่ายกลได้ใคร่ครวญสถานการณ์ต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นไว้หมดแล้ว
ก็เหมือนค่ายกลที่ปกคลุมในรัศมีร้อยลี้นี้ เพื่อไม่ให้ศัตรูหวาดระแวง หลินสวินจึงใช้ความคิดอย่างมาก ในการใช้พลังเฉพาะตัวของค่ายกลลายมรรคมาตัดกลิ่นอายทั้งหมด
ไม่อย่างนั้นศัตรูมีหรือจะกล้าเข้ามาใกล้อย่างไม่กลัวสิ่งใดเช่นนี้
นี่ก็คือสิ่งที่เรียกว่าจับตะพาบในไห!
ประโยคเดียวทำให้สีหน้าของพวกคุนป้าชิวไม่น่าดูขึ้นมา เจ้าสวะบัดซบนี่คิดจริงๆ หรือว่าวางกระบวนค่ายกลใหญ่พวกนี้แล้วจะพลิกสถานการณ์กลับมาได้
“พวกเราไปถล่มค่ายกลใหญ่นั่นให้ราบ!”
ทันใดนั้นก็มีมกุฎอริยะสิบกว่าคนออกเคลื่อนไหว พุ่งโฉบไปที่ค่ายกลสังหารทลายเทพ
ไม่ว่าจะเป็นค่ายกลสังหารแดนพิฆาตหรือค่ายกลสังหารทลายเทพก็ล้วนแข็งแกร่งเกินไป ต่างกำจัดอริยะแท้ได้
หากไม่ทำลายมัน ยิ่งปล่อยเวลาเนิ่นนานคงได้สร้างการโจมตีอย่างไม่อาจจินตนาการให้กับทัพใหญ่เจ็ดดินแดนแน่
เมื่อเห็นว่าอานุภาพของค่ายกลสังหารทลายเทพถูกสกัด พวกคุนป้าชิวก็สีหน้าผ่อนคลายลงทันที ล้วนเหลือบสายตาเยียบเย็นมองไปที่หลินสวิน
“เจ้าสวะ ยังมีอีกไหม สำแดงออกมาให้หมด!”
มีคนตวาดลั่น
ขณะกล่าวพวกเขายังโจมตีค่ายกลสังหารยอดนภาที่หลินสวินอยู่ไปด้วย ค่ายกลนี้สั่นสะเทือนรุนแรง โหมซัดไม่หยุด หากเป็นไปดังคาดไม่นานก็จะถูกทำลาย!
ถึงตอนนั้น…
ในแววตาของพวกคุนป้าชิวมีไอสังหารเข้มข้นวาบผ่าน ถึงตอนนั้นเจ้าหมอนี่ต้องตายอย่างไร้ข้อกังขา!
ส่วนค่ายกลใหญ่ที่ปกปักคุ้มครองอยู่บนท้องฟ้าเหนือค่ายชั่วคราวนั่น กลับไม่ถูกพวกคุนป้าชิวเห็นอยู่ในสายตา รอสังหารหลินสวินแล้ว ด้วยพลังของพวกเขาย่อมต้องล้มและทำลายที่นั่นให้พินาศย่อยยับได้อย่างง่ายดายแน่
กลับเห็นหลินสวินดีดนิ้วกล่าว “เจ้าเดรัจฉานเฒ่าสายตาไม่เลว เดาถูกแล้ว พวกเจ้าดูนะ”
เขาพูดพลางยื่นมือชี้ออกไป
พวกคุนป้าชิวต่างชะงัก เกือบสบถด่าอยู่ในใจ ยังมีอีกจริงรึ
ในจุดที่ห่างออกไปมีพลังอักขระเหมือนละอองฝนเซียนเหินปรากฏขึ้นอย่างไร้สุ้มเสียง สร้างเป็นค่ายกลใหญ่สลัวรางค่ายหนึ่ง
หมอกควันขมุกขมัวตลบอบอวล ในพื้นที่ใกล้เคียงมีเสียงลุ่มลึกหนึ่งดังขึ้น ผู้แข็งแกร่งแถบแล้วแถบเล่าเบิกตากว้าง ร่วงลงไปกองกับพื้น
ร่างกายของพวกเขาสมบูรณ์ไร้ความเสียหาย แต่จิตวิญญาณกลับถูกกำจัด!
นี่ก็คือ ‘ค่ายกลสังหารดับวิญญาณ’ !
หมอกควันอบอวลไม่อาจถูกกำจัดเข้าปกคลุมฟ้าดินแถบนั้น ผู้แข็งแกร่งที่ถูกปกคลุมอยู่ภายใน ไม่ว่าจะดิ้นรนอย่างไรก็ไร้ประโยชน์ ล้มลงไปกับพื้นท่ามกลางความตกตะลึงและหวาดกลัว
ภาพแปลกประหลาดชวนขนพองสยองเกล้านั้น ทำให้ในที่นั้นมีเสียงหวีดร้องดังขึ้นไม่รู้เท่าไหร่
“ยอดเยี่ยมมากใช่ไหม”
หลินสวินถอนสายตากลับ มองไปยังพวกคุนป้าชิวด้วยดวงตาเยียบเย็น
“เพื่อวันนี้ ข้าเตรียมการมานานเกือบครึ่งปี ทุ่มแรงกายแรงใจไปไม่รู้เท่าไร ถึงขั้นถ่วงเวลาฝึกปราณของตนไปไม่น้อย ดูเหมือนวันนี้สิ่งที่ทุ่มเทไปก็นับว่าคุ้มค่า”
เสียงเฉยชาดังเป็นระลอก ทำให้พวกคุนป้าชิวสีหน้าปรวนแปรไม่หยุด
พวกเขาคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าค่ายกลที่หลินสวินวางไว้จะเชื่อมต่อสอดประสาน ทั้งไม่มีค่ายใดที่อานุภาพไม่น่ากลัว พลังทำลายล้างน่าอัศจรรย์
ทันใดนั้นก็มีมกุฎอริยะกลุ่มหนึ่งนั่งไม่ติด พุ่งไปยัง ‘ค่ายกลสังหารดับวิญญาณ’ ที่อยู่ห่างออกไป
รูปการณ์ตอนนี้เปลี่ยนเป็นเห็นได้ชัดขึ้นมาทันที
ค่ายกลสังหารสี่แห่งอย่างยอดนภา แดนพิฆาต ทลายเทพ ดับวิญญาณต่างรั้งมกุฎอริยะกลุ่มหนึ่งไว้
ภายในนั้นใกล้ค่ายกลสังหารยอดนภาที่หลินสวินอยู่มีมกุฎอริยะมากที่สุด
ส่วนทัพใหญ่เจ็ดดินแดนในที่นั้น แม้จะถูกสังหารหมู่ไปแล้วส่วนหนึ่ง แต่ถึงอย่างไรก็มีกันสองแสนหนึ่งหมื่นคน บาดเจ็บล้มตายยังไม่ถึงหนึ่งในสิบด้วยซ้ำ
พวกเขาลงมือถล่มค่ายกลแปดพิทักษ์ที่เหมือน ‘อาณาจักรเทพ’ นั้นอยู่ตลอด
แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่เห็นผล
อย่างน้อยผู้แข็งแกร่งของดินแดนรกร้างโบราณที่อยู่ในค่ายชั่วคราวก็ปลอดภัยได้ช่วงหนึ่ง
นี่ทำให้เซ่าเฮ่าและรั่วอู่นึกขึ้นมาได้โดยไม่รู้ตัว ก่อนจะเปิดศึกหลินสวินเคยบอกว่าจะต้านศัตรูที่แข็งแกร่งด้วยตัวคนเดียว
ตอนนั้นทุกคนยังคิดว่าเขาบ้าระห่ำเกินไป
แต่ตอนนี้ดูท่าสถานการณ์ทุกอย่างเหมือนจะยืนยันคำพูดของเขาแล้ว!
“ไร้เดียงสา ขอแค่เจ้าตาย ทุกอย่างนี้ก็ย่อมสลายไปตามกัน!”
มีคนกล่าวเสียงขรึมทันที เสียงสะท้านไปทั่วเก้าชั้นฟ้าสิบแผ่นดิน
“ทุกท่าน บุกโจมตีเต็มกำลัง สังหารเจ้าหมอนี่!”
คุนป้าชิวตวาดลั่น
ในสายตาของพวกเขา ค่ายกลสังหารยอดนภาใกล้จะพังทลายแล้ว!
แต่เวลานี้หลินสวินพลันหัวเราะร่า ท่าทางผงาดผยองเหมือนจะกลืนกินภูผาธารา
“สายไปแล้ว พวกเจ้าคิดว่าเมื่อครู่ข้าพูดไร้สาระกับพวกเจ้ารึ ก็แค่รอโอกาสหนึ่งเท่านั้น”
“ตอนนี้โอกาสมาถึงแล้ว!”
ฮูม หลินสวินที่ไม่เคยเคลื่อนไหวอะไรสะบัดแขนเสื้อคราหนึ่ง สมบัติอริยะสิบสองชิ้นที่เหลือถูกหลอมเป็นจานกระบวน แบ่งเป็นสามชุดแล้วพุ่งแหวกไปสามทิศทาง
ตูม!
ที่แรกคือค่ายกลสังหารแดนพิฆาต หลังจากมีจานกระบวนสามอัน อานุภาพของมันก็ถูกเปิดใช้อย่างสมบูรณ์ ภายในค่ายกลใหญ่ราวกับมหาสมุทรปราณกระบี่แถบหนึ่งจริงๆ
ปราณกระบี่แน่นขนัดเหมือนคลื่นซัดสาด ทะยานขึ้นฟาดฟันนภาคราม ตวัดลงตัดใต้พิภพ ไอสังหารแผ่กระจายไปทั่วทิศ ส่งเสียงมีพลังกึกก้อง
จากนั้นในค่ายกลสังหารทลายเทพก็เกิดการเปลี่ยนแปลงตามไปด้วย พายุสายฟ้าพร่างพรายงามตระการซัดโหม กระหน่ำมายาสายฟ้าดุจว่างเปล่าหลายสายออกมา เหมือนวิญญาณอสนีและเทพอสนีในตำนาน!
ต่อจากนั้นค่ายกลสังหารดับวิญญาณก็เกิดการเปลี่ยนแปลง หมอกหนาไร้ขอบเขตเหมือนทะเลหมอกปกคลุมฟ้าดิน ในแสงขมุกขมัวมีละอองฝนประหลาดส่องประกาย
สุดท้ายค่ายกลสังหารยอดนภาที่เดิมโงนเงนไม่มั่นคง ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงท่ามกลางเสียงกัมปนาทสะท้านฟ้าสะเทือนดินในทันที
หากพูดว่าก่อนหน้านี้เป็นหมู่ดาวที่มีหมื่นดาราเวียนวน
เช่นนั้นค่ายกลสังหารยอดนภาในตอนนี้ ก็เป็นทะเลดาวที่ภายในพรั่งไปด้วยธารดาราส่องประกายมากมาย!
การเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง สำเร็จเสร็จสิ้นเพียงหนึ่งลมหายใจ
เวลานี้สี่ยอดค่ายกลขานรับซึ่งกันและกัน หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว เข้าปกคลุมพื้นที่ใกล้เคียงในรัศมีร้อยลี้ไว้ภายใน!
ยามนี้ค่ายกลสี่ยอดแปดพิทักษ์จึงนับว่าปรากฏขึ้นบนโลกอย่างสมบูรณ์
หากมองลงมาจากเวิ้งฟ้าจะพบว่าแค่พลังคลื่นผนึกที่กระบวนค่ายกลใหญ่นี้แผ่ออกมา ก็กระจายเป็นวงกว้างในรัศมีสามพันลี้แล้ว ประสานเข้ากับฟ้าดินกลายเป็นอานุภาพยิ่งใหญ่ที่ ‘เมื่อสบโอกาสฟ้าดินจะส่งเสริม’ อย่างหนึ่ง
ประหนึ่งว่าต้านทานมัน ก็เหมือนต่อต้านฟ้าดินทั้งแถบ!
นี่คือการใช้ค่ายกลวัฏจักรดาราเป็นรากฐาน ใช้เวลาเกือบครึ่งปีของหลินสวิน จึงโคจรโฉมหน้าที่แท้จริงของกระบวนค่ายกลสี่ยอดแปดพิทักษ์ที่วางไว้ออกมาได้อย่างเต็มกำลัง
“แย่แล้ว!”
“นี่คือผนึกอริยะอะไร”
“บัดซบ ติดกับแล้ว เคลื่อนย้ายไม่ได้เลย!”
“ใต้ดินก็ไม่ได้ มีพลังผนึกกระจายอยู่แน่นหนา”
ยามนี้มกุฎอริยะอย่างพวกคุนป้าชิวไม่มีใครไม่หน้าเปลี่ยนสี สัมผัสได้ว่าท่าไม่ดี
เวลานี้พวกเขาเหมือนอยู่ในทะเลดาวไร้ขอบเขต ขาดการติดต่อทุกอย่างกับโลกภายนอก
ขณะเดียวกันในพื้นที่อื่น มกุฎอริยะกลุ่มแล้วกลุ่มเล่าก็ทยอยถูกขังอยู่ในค่ายกลสังหารอื่น สังเกตเห็นว่าไม่เข้าทีเช่นกัน
นี่คือ ‘สวรรค์ไร้ทางพิภพไร้ประตู’ อย่างแท้จริง!
หากทำลายค่ายกลไม่ได้ ผลที่ตามมานั้นก็ไม่อยากจะคิดจริงๆ
สำหรับทัพใหญ่เจ็ดดินแดนหลายแสนนั่นก็ติดกับเช่นกัน พวกเขารู้สึกเพียงเบื้องหน้าพลันฝ้าฟาง ภาพตรงหน้าเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
ไม่ต้องพูดถึงว่าจะไปโจมตีค่ายชั่วคราวต่อ แม้แต่จะหาทางออกก็ยังไม่ได้
กวาดตามองโดยรอบเป็นทะเลดาราไร้สิ้นสุด เป็นโลกปราณกระบี่ที่เหมือนมหาสมุทร เป็นอาณาจักรอสนีที่พายุสายฟ้าโหมทำลายพลุ่งพล่านไปทั่ว เป็นแดนว่างเปล่าที่หมอกควันไร้ขอบเขต…
ศัตรูทั้งหมดที่มารุกราน ยามนี้ต่างลงไหกันหมด!
หลินสวินสองมือไพล่หลัง นัยน์ตาล้ำลึกฉายแววเยียบเย็น
การเข่นฆ่าสังหารที่แท้จริงจะเริ่มต้น ณ บัดนี้!
……………..