Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 1566 กำราบศัตรูแข็งแกร่ง
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 1566 กำราบศัตรูแข็งแกร่ง
หลินสวินร้องอ้อคราหนึ่งแล้วกล่าวราบเรียบ “ดูออกเลยว่าเจ้ามั่นใจในพลังของตัวเองมาก เพียงแต่เจ้าคิดจริงๆ หรือว่าผลของการลงมือจะเหมือนอย่างที่เจ้าคาด”
ขณะกล่าวเขาก้าวไปข้างหน้า
แค่ก้าวเดียวเท่านั้น กลิ่นอายน่ากลัวไร้รูปก็แผ่ออกมาจากร่างของหลินสวินแล้วเข้าปกคลุมพื้นที่แถบนี้
เจี้ยนชิงเฉินแววตาไหววูบ คล้ายคาดไม่ถึงอยู่บ้าง
ยามหลินสวินก้าวออกไปครั้งที่สอง นัยน์ตาของเจี้ยนชิงเฉินก็หรี่ลงอย่างอดไม่ได้ พลังขับเคลื่อนทั่วร่างพลันโคจรออกมาดังสนั่น
หลินสวินในตอนนี้มีแสงมรรคไหลวนไปทั้งตัว แม้ยังไม่ลงมือ แต่อานุภาพทั่วร่างกลับสะกดผู้คนได้เหมือนภูผาสูงตระหง่าน ล้ำลึกดุจมหาสมุทรกว้างใหญ่ไพศาล ทันทีที่ระเบิดออกมาก็ไม่กล้าจินตนาการเลยว่าพลังนั้นจะน่ากลัวเพียงใด
เห็นได้ชัดว่าเจี้ยนชิงเฉินก็รู้ถึงจุดนี้ ชายเสื้อเขาพลิ้วไหว สีหน้าราบเรียบ ในดวงตากลับมีเจตกระบี่เล็กละเอียดเหลือคณาพรั่งพรู
“หลังจากนี้เก้าเดือน สมรภูมิเซียนเหินก็จะมาเยือน เจ้าแน่ใจว่าจะลงมือตอนนี้หรือ”
เจี้ยนชิงเฉินมุ่นคิ้ว
เขาเคยได้ยินเรื่องของหลินสวินมาก่อน ถึงขั้นเคยค้นคว้าเกี่ยวกับหลินสวินโดยเฉพาะ รู้ชัดนานแล้วว่านี่คือศัตรูแข็งแกร่งคนหนึ่งที่ไม่อาจดูหมิ่นได้ง่ายๆ
แต่ยามนี้เมื่อเผชิญหน้ากับอีกฝ่ายจริงๆ เจี้ยนชิงเฉินจึงพบว่าแค่พูดถึงกลิ่นอาย หลินสวินก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าพวกเขา ‘แปดยอดนภาคราม’ คนใดแล้ว!
“สมรภูมิเซียนเหินหรือ นั่นคือเรื่องภายหลัง ตอนนี้เป็นเรื่องระหว่างพวกเราสองคน”
หลินสวินพูดพลางก้าวออกไปครั้งที่สาม
ตูม!
ห้วงอากาศใกล้เคียงแตกระเบิดดังสนั่นทรุดตัวลงเหมือนเครื่องแก้วที่แตกง่าย อานุภาพกดดันของพลังอริยมรรคชวนประหวั่นม้วนพัดออกไปโดยมีหลินสวินเป็นศูนย์กลาง
“ฮึ!”
ประกายคมปลาบในดวงตาของเจี้ยนชิงเฉินพุ่งวาบ ก้าวออกไปก้าวหนึ่งเช่นกัน ลักษณะพลังของเขาก็เปลี่ยนตามไปด้วย ท่วงทำนองศักดิ์สิทธิ์ที่เดิมทีลุ่มลึกพลันปล่อยออกมาในยามนี้
ชิ้ง!
ด้านหลังศีรษะเขาปรากฏโลกวงกระบี่เกลี้ยงกลมหนึ่ง ภายในมีปราณกระบี่นับไม่ถ้วนม้วนซัดราวน้ำขึ้นน้ำลง ฟาดฟันดวงดาว ตัดสะบั้นฟ้าดิน ทำให้เทพผีตกตะลึง!
ภาพอริยมรรคเช่นนี้ทำให้นัยน์ตาหลินสวินฉายแววประหลาดใจ
ไม่จำเป็นต้องสงสัย เจี้ยนชิงเฉินนี่ก็ก้าวสู่ธรณีประตูของการสร้างวิชาแห่งตนแล้วเช่นกัน ทั้งมรรคกระบี่ที่อีกฝ่ายฝึกยังดุดันและรุนแรงยิ่งกว่าที่เขาคาดเดาด้วย
ตูม!
อานุภาพกดดันของพลังมกุฎอริยมรรคทั้งสองที่แตกต่างปะทะเข้าหากันในชั่วพริบตา ช่างเหมือนตะวันจันทราชิงชัย ส่งเสียงกัมปนาทอึกทึกสนั่นหู
พื้นปฐพีที่มีทั้งสองเป็นศูนย์กลางพลันทรุดตัวเกิดเป็นรอยแยกมหึมาหลายสาย เหยียดยาวไปยังจุดที่ห่างออกไป
ก้อนหินต้นไม้ใกล้เคียงไม่มีสิ่งใดไม่แตกระเบิดกลายเป็นจุณในพริบตา เมื่อมองลงมาจากเวิ้งฟ้า ภูผาธาราในรัศมีพันลี้นี้ก็เหมือนตกอยู่ในสภาพราพณาสูร
หลินสวินในยามนี้ให้ความรู้สึกละโลกีย์เหมือนเทพเซียน ลักษณะพลังก็น่าพรั่นพรึงดั่งเทพมาร
เจี้ยนชิงเฉินก็เหมือนกระบี่ไร้เทียมทานเล่มหนึ่งที่ซ่อนคมอยู่ในฝักและเผยคมกระบี่ออกมาในยามนี้ สำแดงท่าทางผงาดผยองของมกุฎอริยะกระบี่คนหนึ่งออกมาได้อย่างสมบูรณ์
แค่การประลองพลังระหว่างทั้งคู่ก็ทำให้ฟ้าดินปั่นป่วนได้แล้ว!
นัยน์ตาดำของหลินสวินเฉยชา กล่าวว่า “ให้โอกาสเจ้าครั้งหนึ่ง ภายในสามกระบวนท่า หากเจ้าไม่แพ้ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า”
“เจ้าหลินสวินนี่ช่างเจ้าแผนการดังคาด!”
เจี้ยนชิงเฉินหัวเราะเบาๆ สายตาเฉียบคมราวกระบี่คมกริบคู่หนึ่ง “ถ้าครบสามกระบวนท่าแล้วยังเอาชนะข้าไม่ได้ แน่นอนว่าเจ้าต้องรู้ว่าข้ามีความสามารถพอจะไปรบกวนการข้ามด่านเคราะห์ของแม่นางคนนั้น ถึงตอนนั้นเจ้าต้องเปลี่ยนใจแน่”
ไม่นานเขาก็เปลี่ยนประเด็น “แต่ข้ารับปากเจ้าได้ว่าสามกระบวนท่าก็คือสามกระบวนท่า เซวี่ยชิงอีมองเจ้าเป็นดาบ ต้องการใช้เจ้าตัดกำลังของดินแดนอื่น ข้ามีหรือจะไม่คิดเช่นนั้น”
“มองข้าเป็นดาบ? ไม่กลัวข้าเฉือนโดนตัวเจ้าเองหรือ”
หลินสวินกล่าวเย็นชา
เจี้ยนชิงเฉินหัวเราะลั่น กล่าวอย่างทอดถอนใจ “รู้ไหม หากไม่ใช่ว่ายอมรับในพลังต่อสู้ของเจ้า ตั้งแต่พริบตาแรกที่เจ้าปรากฏตัวก็จะถูกฆ่าตายไปแล้ว”
“เพียงแต่ด้วยรู้ว่าพลังต่อสู้ของเจ้าไม่ธรรมดา ข้าจึงไม่อยากสู้กับเจ้าอย่างเอาเป็นเอาตายตอนนี้”
“หากข้าตายไปแล้ว แม้ค่ายทัพดินแดนโบราณต้าหลัวจะไม่ถึงขั้นแตกแยกกระเซ็นกระสาย แต่กลับยากจะไปต่อต้านขุมกำลังดินแดนอื่นอีก”
“หากเจ้าตายไปแล้ว ดินแดนรกร้างโบราณก็เหมือนฝูงมังกรไร้หัว สำหรับพวกเราแปดดินแดนก็ไม่มีภัยคุกคามใดๆ อีก สามารถกำจัดพวกเจ้าให้สิ้นซากได้อย่างง่ายดาย”
“ผลลัพธ์ทั้งสองนี้เจ้าคงไม่อยากเห็น ข้าก็ไม่อยากเห็นเช่นกัน ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ทำไมข้าต้องสู้กับเจ้าอย่างเอาเป็นเอาตายด้วย กลับจะทำให้ดินแดนอื่นเอารัดเอาเปรียบเสียเปล่า”
เจี้ยนชิงเฉินพูดถึงตรงนี้ ก็คิดไปคิดมาแล้วกล่าว “สรุปง่ายๆ ก็คือ ต่อให้อยากจัดการเจ้า ก็ต้องให้ทั้งแปดดินแดนลงมือพร้อมกันจึงจะได้ เจ้าเข้าใจไหม”
ริมฝีปากหลินสวินยิ้มหยันกล่าว “เจ้าไม่จำเป็นต้องพูดมากเช่นนี้เลย จากไปเองก็ได้แล้วไม่ใช่หรือ”
เจี้ยนชิงเฉินไหวไหล่ยิ้มกล่าว “ง่ายมาก เพราะไม่อยากน่ะสิ”
ตูม!
เวลานี้หลินสวินพลันก้าวออกไป กระบี่มรรคเล่มหนึ่งที่เหมือนไม่เจือกลิ่นอายธุลีเพียงเสี้ยวปรากฏออกมา
กระบี่แสนแปดพัน!
“เจตกระบี่ไท่เสวียนหรือ คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะได้รับมรดกของจักรพรรดิกระบี่ไท่เสวียนนั่น!”
เพียงพริบตานัยน์ตาของเจี้ยนชิงเฉินก็ฉายแววเยียบเย็นน่าพรั่นพรึง ตั้งมือเป็นกระบี่ ริมฝีปากส่งเสียงหนึ่งออกมา
“มา!”
ปราณกระบี่ดำสนิทและลึกล้ำสายหนึ่งพลันปรากฏ เหมือนลำแสงที่ลอดผ่านม่านแห่งรัตติกาลนิรันดร์ เต็มไปด้วยกลิ่นอายทำลายล้าง ความเงียบ และความตายที่กดดันใจผู้คน
กระบี่เดียวแต่เหมือนความมืดมิดบุกจู่โจม นำพาเงามืดของความตายมาด้วย!
เมื่อประทับด้วยปราณกระบี่สองสายของบุคคลขอบเขตมกุฎแห่งยุคสองคน กลางอากาศจึงเกิดการปะทะที่น่าพรั่นพรึง
ตูม!
ฟ้าดินพลิกตลบ สุริยันจันทราหม่นแสง
คมกระบี่ ปราณกระบี่ เจตกระบี่ แสงกระบี่รวมตัวกันเปล่งประกายปะทุพล่าน สภาพอากาศแปรปรวนชวนประหวั่นที่เกิดขึ้นราวคลื่นซัดสาดม้วนพัดออกไป
ทุกหนแห่งที่พาดผ่านห้วงอากาศปั่นป่วน ใต้หล้าพังทลาย สรรพสิ่งดับสูญ ทั้งมีลักษณ์ประหลาดชวนประหวั่นมากมายทยอยปรากฏ สั่นสะเทือนใต้หล้า
แต่ทันทีที่ปะทะกัน หัวคิ้วของเจี้ยนชิงเฉินก็ขมวดมุ่น ตกตะลึงในใจ รับรู้ถึงความน่ากลัวในกระบี่นี้ของหลินสวินว่าอยู่เหนือความคาดหมายของเขา
เขาตัดสินใจเปลี่ยนกระบวนท่าโดยไม่ลังเล
แต่การโจมตีที่สองของหลินสวินก็บุกเข้ามาแล้ว เห็นได้ชัดว่าไม่คิดจะให้โอกาสเขาตอบสนองและรับมือแต่แรก
ฟุ่บ!
ครั้งนี้สิ่งที่หลินสวินสำแดงยังคงเป็นกระบี่เดียวเหมือนเดิม
เพียงแต่กระบี่นี้กลับเผยท่วงทำนองศักดิ์สิทธิ์ที่ต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง คมประกายไร้ใดเปรียบ ไม่มีสิ่งใดกีดขวาง อานุภาพไม่เป็นสองรองใคร พาให้เทพผีถอยร่น
กระบี่เดียวทำให้ฟ้าดินเงียบสงัด เวลาเหมือนหยุดนิ่ง ขอเพียงเป็นคนที่เจอกระบี่นี้ก็ไม่มีใครไม่รู้สึกว่าตัวเล็กจ้อย สิ้นหวังและหายใจไม่ออก
กระบี่นี้มีชื่อว่าไปไร้หวน!
ในที่สุดสีหน้าของเจี้ยนชิงเฉินก็เปลี่ยนไป กระบี่แสนแปดพันก็ทำให้เขาเกิดแรงกดดันแล้ว ยังไม่อาจสลายได้อย่างแท้จริง ยังคงต้านทานอย่างดุเดือดอยู่
แต่กระบี่ที่สองนี้กลับทำให้เขาสัมผัสได้ถึงแรงคุกคามอย่างแท้จริง ทำให้เขารู้สึกหวั่นหวาดหนาวสั่นไปทั้งตัว เหมือนมีหนามทิ่มแทงอยู่ข้างหลัง
‘เจ้าหมอนี่ถึงกับมีระดับความรู้ลึกซึ้งน่ากลัวเช่นนี้บนมรรคกระบี่ด้วยหรือ’
เจี้ยนชิงเฉินพลันเหยียดกายแล้วสะบัดแขนเสื้อคราหนึ่งโดยไม่ลังเลใดๆ รวบนิ้วทั้งสิบควบรวมเป็นประทับกระบี่ สีหน้าเคร่งขรึมและจริงจังอย่างยากจะได้เห็น
“ปฐพีหรดี วิถีกระบี่ไม่อาจขวาง!”
“สวรรค์พายัพ ทางกระบี่ไร้กฎเกณฑ์!”
“วาโยอาคเนย์ เทียวกระบี่ไม่เกรงกลัว!”
“อสนีบูรพา ผ่านกระบี่ไร้ชีวา!”
มรรคกระบี่ชั้นสูงทั้งสี่อย่างฟ้า ดิน ลม อสนี ควบรวมเป็นประทับกระบี่สี่ลักษณ์ นั่งบัญชาอยู่รอบตัวเจี้ยนชิงเฉิน
สี่ยอดกระบี่มหามรรค!
พลังก้นหีบของเจี้ยนชิงเฉิน!
กลิ่นอายของประทับกระบี่สี่สายปกคลุมฟ้าดินในพริบตา ขับเน้นให้เขาเป็นดั่งเทพกระบี่ที่เย้ยฟ้าท้าดินองค์หนึ่ง อานุภาพทะยานถึงขีดสุดในชั่วพริบตา บีบกดจนเมฆลมทั่วทิศแหลกละเอียด
ตู้ม…
พริบตานี้ฟ้าดินสั่นสะเทือน เสียงระเบิดสะท้านฟ้าสะเทือนดินดังก้องนภา ถึงขั้นกลบเสียงด่านเคราะห์อสนีที่กำลังครั่นครืนอยู่บนเวิ้งฟ้าได้สนิท
พูดได้อย่างไม่โอ้อวด เวลานี้หากมีมกุฎอริยะทั่วไปอยู่ที่นี่ เมื่อถูกคลื่นลูกหลงก็คงพบฉากจบที่ร่างแหลกสลายเป็นแน่!
ปึง!
เจี้ยนชิงเฉินยืนหยัดไม่อยู่ก่อน ร่างกายถูกคมกระบี่น่าพรั่นพรึงพุ่งเข้าใส่จนซวนเซถอยหลังไปหลายก้าวกลางอากาศ สีหน้าซีดเผือด เผยให้เห็นใบหน้าตกตะลึง
เสื้อขนนกของเขาขาดวิ่น ผมยาวที่เกล้ามวยยุ่งเหยิงแผ่สยาย
ฝั่งตรงข้ามร่างของหลินสวินแค่ไหวสั่นเล็กน้อย ตั้งแต่ต้นจนจบสีหน้ายังราบเรียบไร้คลื่นลม มีเพียงดวงตาดำคู่นั้นที่เฉยชายิ่งกว่าเดิม
ความจริงในใจเขาก็ผิดคาดอยู่บ้าง นี่เป็นคู่ต่อสู้คนแรกที่รับท่าสังหาร ‘กระบี่แสนแปดพัน’ และ ‘ไปไร้หวน’ ได้หลังจากที่เขาเข้ามาในสมรภูมิเก้าดินแดนนี้
เจี้ยนชิงเฉินสูดหายใจลึก เลือดลมในร่างตีกลับ รู้สึกไม่ดีเป็นอย่างมาก สีหน้าเจือความจริงจังอย่างยากจะได้เห็น
ในดินแดนโบราณต้าหลัวเขาถูกมองเป็นอันดับหนึ่งของคนรุ่นเยาว์ มีสมญาว่า ‘อำนาจทั่วทิศ’ ในหมู่คนรุ่นเดียวกัน
นี่ยังเป็นครั้งแรกที่เขาตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบและถูกกำราบอยู่หมัด ในการประลองของคนระดับเดียวกันตั้งแต่ฝึกปราณมาจนถึงวันนี้!
“ดูท่าก่อนหน้านี้ข้าจะดูถูกเจ้าเกินไป”
เจี้ยนชิงเฉินแววตาดุจอสนี กลิ่นอายล้วนเปลี่ยนไปแล้ว เกิดจิตต่อสู้ชวนประหวั่นที่สั่นคลอนธารดารา!
“นี่ได้แต่พิสูจน์ว่าเจ้าสู้ข้าไม่ได้ ดูให้ดี นี่คือกระบวนท่าที่สาม!”
ขณะกล่าวจู่ๆ เงาร่างหลินสวินก็หายไป จากนั้นค่อยปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าเจี้ยนชิงเฉิน
นัยน์ตาของเจี้ยนชิงเฉินพลันหดรัด แต่นิ่งสงบไม่หวาดกลัว
เขาพลิกฝ่ามือ กลางฝ่ามือพลันปรากฏปลายกระบี่หนึ่งชุ่น เพียงชุ่นเดียวแต่กลับสว่างไสวพร่างพรายเหมือนดวงตะวัน นั่นคือสิ่งสะท้อนของพลังที่อัดแน่นถึงขีดสุด!
ขณะเดียวกันในมือของหลินสวินก็มีขวดหยกมันแพะหนึ่งปรากฏ ขวดนั้นว่างเปล่าล้ำลึกเหมือนไร้สิ้นสุด
ขวดมหามรรคไร้ขอบเขต!
หืม?
ร่างกายของเจี้ยนชิงเฉินพลันแข็งทื่อ ในใจกลิ่นอายอันตรายถึงชีวิตถาโถม ลอบอุทานว่าแย่แล้ว!
เกือบจะเป็นสัญชาตญาณ เขาถอยร่นโดยไม่ลังเล เคลื่อนหลบเต็มกำลัง!
ตูม!
แต่ยังช้าไปก้าวหนึ่ง ในขวดหยกมันแพะที่มีขนาดไม่กี่ชุ่นนั้นมีปราณกระบี่สายหนึ่งพุ่งออกมา
ยังคงเป็นกระบวนท่ากระบี่ ‘ไปไร้หวน’ มรดกที่ได้มาจากจักรพรรดิสงครามอู๋ยางเหมือนเดิม แต่อานุภาพกลับแข็งแกร่งกว่าก่อนหน้านี้ถึงเท่าตัว!
สำหรับมกุฎอริยะที่อยู่ในระดับเดียวกัน ความต่างของพลังเพียงเล็กน้อยก็พอจะตัดสินผลแพ้ชนะในการต่อสู้ได้แล้ว นับประสาอะไรกับช่องว่างที่ต่างกันเท่าตัว
ท่ามกลางเสียงกัมปนาทชวนประหวั่นที่ทำให้ฟ้าดินสั่นสะเทือน ร่างของเจี้ยนชิงเฉินถูกซัดลอยออกไปอย่างหนักหน่วงเหมือนว่าวสายป่านขาด
เสื้อผ้าเขาขาดวิ่นมอมแมมอย่างเห็นได้รางๆ เกราะสีเทาเข้มที่ปกคลุมอยู่เบื้องหน้าเขาถูกปราณกระบี่ไร้ใดเปรียบทะลวงโดยตรง หน้าอกถูกแทงทะลุ เลือดแดงสดหลั่งริน
หลินสวินมุ่นคิ้ว พริบตาก็ดูออกว่าเกราะนี้เป็นสมบัติอริยะที่แข็งแกร่งชิ้นหนึ่ง หากไม่ได้มันช่วยไว้ เจี้ยนชิงเฉินคงไม่มีทางแค่บาดเจ็บหนักธรรมดาเช่นนั้นแน่
ฟุ่บ!
ขณะคิดในใจเช่นนี้การเคลื่อนไหวของหลินสวินไม่ได้ช้าลงเพียงนิด สีหน้าเขาเยียบเย็น เงาร่างพุ่งแหวกอากาศเข้าสังหารเหมือนภาพมายา
ตั้งแต่เริ่มเขาก็ไม่คิดจะปล่อยให้เจี้ยนชิงเฉินจากไปทั้งเป็น!
………………….