Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 1615
โลกมารโลหิต
สำหรับหลินสวินก็เหมือนไปเยือนถิ่นเก่า
ยามสมรภูมิเก้าดินแดนเปิดออก เขาก็ถูกเคลื่อนย้ายมาที่นี่ และเป็นตำหนักใต้ดินที่อยู่ในส่วนลึกของป่าหลอมจิตนั้นที่ทำให้หลินสวินบรรลุมกุฎอริยะได้ในคราเดียว
เพียงแต่การมาโลกมารโลหิตครั้งนี้ พวกเขาไม่เพียงไม่พบอุปสรรคใดๆ แม้แต่เงาของศัตรูก็ยังไม่เจอ!
กระทั่งมาถึงหน้าเมืองอารักษ์มรรคของค่ายทัพดินแดนโบราณมารโลหิตนั้น พวกหลินสวินต่างอึ้งงัน
ไม่มีคน!
เมืองที่กว้างใหญ่นั้นว่างเปล่าเปลี่ยวเหงา อย่าว่าแต่เงาคนเลย แม้แต่แมลงวันสักตัวยังไม่มี
“ให้ตายเถอะ เจ้าเซวี่ยชิงอีนั่นตัดสินใจหนีได้เด็ดขาดเกินไปแล้วกระมัง”
อาหลู่ตกตะลึงตาค้าง
“ผู้นำของดินแดนหนึ่งกลับหนีโดยไม่สู้เนี่ยนะ?”
เจ้าคางคกตะลึงงัน
ทุกคนต่างผิดคาดเป็นอย่างยิ่ง ไม่ทันตั้งตัวอยู่บ้าง
มีเพียงหลินสวินที่เข้าใจเซวี่ยชิงอี รู้ดีว่าเจ้าหมอนี่ระมัดระวังตัวแค่ไหน ทั้งยังเป็นพวกที่ไม่ขาดแคลนสติปัญญาและกลยุทธ์
ก็มีแค่เขาที่หนีได้อย่างหมดจดชัดเจนเช่นนี้ ไม่อืดอาดยืดยาดแม้แต่น้อย ไม่สนศักดิ์ศรีและเกียรติภูมิอะไรอย่างสิ้นเชิง ช่ำชองวิธีการที่ยืดได้หดได้
“ยามเจ้าหมอนี่หนีไปยังพาผู้แข็งแกร่งทั้งค่ายทัพไปได้ด้วย ฝีมือร้ายกาจจริงๆ”
เซ่าเฮ่าทอดถอนใจ
“ต้องตามไหม”
รั่วอู่เหลือบสายตามองไปยังหลินสวิน
“ช่างเถอะ รอบุกยึดค่ายทัพของดินแดนอื่นได้ทีละแห่งแล้ว ค่อยตามจับศัตรูโดยละเอียดก็ไม่สาย”
หลินสวินคิดไปคิดมา ในที่สุดก็ยอมจำนน
โลกมารโลหิตกว้างใหญ่ หากศัตรูมีใจคิดจะซ่อนตัวขึ้นมา เมื่อค้นหาต้องใช้เวลาและพลังอย่างมากแน่นอน
ไม่นานหลินสวินก็ใช้วิธีเดียวกัน ทำลายเมืองอารักษ์มรรคที่ตั้งตระหง่านอยู่ในโลกมารโลหิตนี้ ทยอยเก็บกระดูกของบรรพชนดินแดนรกร้างโบราณที่กองพะเนินอยู่ในนั้นกลับไป
วันนั้นพวกเขาออกจากโลกมารโลหิต หันหลังมุ่งหน้าตั้งเป้าหมายไปที่โลกเพลิงสวรรค์
…
โลกเพลิงสวรรค์
ผู้คนอกสั่นขวัญแขวน สถานการณ์ง่อนแง่น
ทัพพันธมิตรแปดดินแดนพ่ายแพ้ เลี่ยเฉียนตายในสมรภูมิเซียนเหิน ทั้งหมดราวกับพายุฝนโหมกระหน่ำ สร้างแรงโจมตีอย่างหนักหน่วงให้กับค่ายทัพดินแดนโบราณเพลิงสวรรค์
ฝูงมังกรไร้หัวย่อมถูกโจมตีหนัก ค่ายทัพที่กว้างใหญ่นั้นยุ่งเหยิงอลหม่านเกินทนนานแล้ว
เมื่อพวกหลินสวินมาถึง เดิมผู้แข็งแกร่งของค่ายทัพดินแดนโบราณเพลิงสวรรค์พวกนี้ยังคิดจะพึ่งพากระบวนค่ายกลพิทักษ์เมืองมาตั้งรับ
ใครจะคิดว่าการปรากฏตัวของซย่าจื้อที่บุกเข้าเมืองได้ในคราเดียว เหตุการณ์ต่างๆ ที่เคยเกิดขึ้นในค่ายดินแดนโบราณยอดหยินเมื่อไม่นานมานี้จะเปิดฉากขึ้นอีกครั้ง
ไม่นานกระบวนค่ายกลก็พังทลาย ผู้แข็งแกร่งของดินแดนโบราณเพลิงสวรรค์ในเมืองวุ่นวายอลหม่านกันทันที
ผ่านการเข่นฆ่าโรมรันไม่ถึงหนึ่งก้านธูป เมืองนี้ก็ถูกพวกหลินสวินเหยียบย่ำ สังหารศัตรูตายคาที่ไปไม่รู้เท่าไร
เลือดแดงสดและซากศพล้วนก่ายกองระเกะระกะเต็มพื้น
สุดท้ายมีแค่ผู้แข็งแกร่งของดินแดนโบราณเพลิงสวรรค์ส่วนน้อยโชคดีหนีไปได้ แต่ก็ยากจะก่อคลื่นลมแล้ว
“พี่ใหญ่ ไปไหนต่อดี”
อาหลู่มองหลินสวินเหมือนยังไม่หายอยาก
“สังหารต่อไป บุกเข้าไปรวดเดียว โจมตีโดยไม่ให้ตั้งตัว!”
นัยน์ตาดำของหลินสวินเยียบเย็น
เขารู้ดีว่าเมื่อข่าวที่ค่ายทัพดินแดนโบราณยอดหยิน ค่ายทัพดินแดนโบราณมารโลหิต ค่ายทัพดินแดนโบราณเพลิงสวรรค์ทยอยถูกบุกทำลายแพร่ออกไป ค่ายทัพอื่นจะต้องระวังตัวเป็นอย่างยิ่ง หากไม่ป้องกันตัวเต็มกำลังก็คงหนีหัวซุกหัวซุน
ไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์ไหนก็ล้วนขวางภารกิจของพวกเขาทั้งสิ้น
ดังนั้นหากบุกสังหารก่อนที่ข่าวจะแพร่ออกไปได้ นั่นคงเป็นผลดีที่สุดของ ‘การโจมตีโดยไม่ให้ตั้งตัว’ อย่างไม่ต้องสงสัย
“ไปไหนดี”
ทุกคนต่างฮึกเหิม ตอนนี้ต่อให้พวกเขาผ่านอาณาเขตมาสามค่ายทัพแล้ว แต่ก็ไม่รู้สึกอ่อนเพลียสักนิด
ทั้งระหว่างเร่งเดินทางยังได้พักผ่อนในยานขนส่งอวกาศอีก พอที่จะฟื้นฟูพลังกายได้ตลอดเวลา
“โลกหม่อนบูรพา!”
ริมฝีปากหลินสวินขยับพูดออกมาสามคำ
…
โลกขุมอุดร
ทะเลลมกรด ในเมืองอารักษ์มรรค
คุนเซ่าอวี่กำลังฝึกตน พลังปราณของเขาใกล้จะทะลวงขั้น หากถือโอกาสก้าวเข้าสู่ระดับอริยะแท้ขั้นปลายได้ก่อนอันตรายมาเยือน เขาย่อมมีความมั่นใจไปเผชิญหน้ากับหลินสวิน!
“นายน้อยแย่แล้ว เมื่อครู่มีข่าวส่งมาว่าค่ายทัพดินแดนโบราณยอดหยินถูกเหยียบย่ำ เมืองกลายเป็นซากปรักหักพัง แม้แต่จู๋อิ้งคงก็ถูกเจ้าหลินสวินนั่นฆ่า!”
ข้ารับใช้ชราคนหนึ่งตื่นตระหนกทำอะไรไม่ถูก พุ่งเข้ามาในตำหนักใหญ่ที่คุนเซ่าอวี่ปิดด่านอยู่
พรึ่บ!
คุนเซ่าอวี่พลันลืมตาขึ้น หน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย “เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อไหร่”
“จากที่คาดเดาคือสองชั่วยามก่อนขอรับ”
ข้ารับใช้ชรากล่าวเสียงสั่น
เมื่อวานนี้สมรภูมิเซียนเหินเพิ่งปิดฉาก วันนี้ค่ายทัพดินแดนโบราณยอดหยินก็ถูกผู้แข็งแกร่งมากมายที่นำโดยหลินสวินบุกโจมตี แม้แต่จู๋อิ้งคงก็ตายแล้ว นี่จะน่ากลัวเกินไปแล้ว!
ต้องรู้ว่าเจี้ยนชิงเฉิน ชืออู๋ซู่ เลี่ยเฉียน สือพั่วไห่ ฮว่าหงเซียวตายไปก่อนแล้ว ในสมรภูมิเก้าดินแดนยามนี้มีแค่บุคคลระดับผู้นำสามคนอย่างเซวี่ยชิงอี จู๋อิ้งคงและคุนเซ่าอวี่ที่รอดชีวิต
เปรียบเทียบกับค่ายทัพอื่นที่สูญเสียบุคคลระดับผู้นำไป ค่ายทัพดินแดนโบราณยอดหยินที่จู๋อิ้งคงอยู่ กำลังพลทั้งหมดเห็นได้ชัดว่าแข็งแกร่งกว่าอยู่บ้าง
แต่ค่ายทัพดินแดนโบราณยอดหยินกลับถูกเหยียบย่ำพังทลายเป็นที่แรกซะอย่างนั้น!
‘เจ้าหลินสวินนี่… คงรีบร้อนจนทนไม่ไหวแล้วสินะ’
คุนเซ่าอวี่สีหน้าอึมครึมลง เมื่อวานหลังกลับมาจากสมรภูมิเซียนเหิน เขาก็สังเกตเห็นว่าสถานการณ์ไม่เข้าที คาดเดาได้ว่าหลินสวินต้องเริ่มดำเนินการเป็นฝ่ายออกโจมตีแน่
ดังนั้นเขาจึงรวมกำลังพลทั้งหมดของค่ายทัพดินแดนโบราณขุมอุดรมาอยู่ด้วยกันโดยไม่ลังเล เตรียมพร้อมป้องกันเต็มกำลัง
แต่เขากลับคิดไม่ถึง ว่าหลินสวินจะเว้นช่วงแค่วันเดียวก็ออกโจมตีแล้ว!
‘จู๋อิ้งคงคือองค์ชายของเผ่าจู๋หลง เชี่ยวชาญวิถีสลักวิญญาณที่สุด อาศัยพลังกระบวนค่ายกลของเมืองอารักษ์มรรคของเขาล้วนสามารถหยัดยืนได้อย่างไม่หวาดกลัวอะไร แต่สุดท้ายเขาก็แพ้แล้ว…’
‘นี่ไม่ได้หมายความว่าพลังของผนึกอริยะพิทักษ์เมืองก็ขวางเจ้าหลินสวินนี่ไม่อยู่หรือ’
คุนเซ่าอวี่สีหน้าปรวนแปรไม่หยุด
เขาตระหนักได้ว่าท่าไม่ดี เดิมทีเขาก็ฝากความหวังไว้กับพลังของเมืองอารักษ์มรรค ว่าจะปกปักคุ้มครองพวกเขาผู้แข็งแกร่งทั้งหมดของค่ายทัพดินแดนโบราณขุมอุดรได้
แต่ตอนนี้ดูท่าว่าการป้องกันเช่นนี้คงไม่ได้ผลแน่แล้ว
“นายน้อย แย่แล้ว เมื่อครู่มีข่าวส่งมา ว่าผู้แข็งแกร่งทั้งหมดของค่ายทัพดินแดนโบราณมารโลหิตเห็นอานุภาพของศัตรูแล้วเผ่นหนี ส่วนเมืองก็ถูกหลินสวินที่ไล่ตามมาเหยียบย่ำในคราเดียว!”
ทันใดนั้นชายวัยกลางคนชุดเทาอีกคนก้าวเข้ามาในโถงใหญ่อย่างรีบเร่ง ประโยคเดียวทำเอาคุนเซ่าอวี่เบิกตากว้าง ท่าทางยากจะเชื่อ
เขาเอ่ยถามตามจิตใต้สำนึก “เซวี่ยชิงอีล่ะ เขาไม่ได้ต้านทานไว้รึ”
ชายชุดเทาส่ายหัวกล่าว “ไม่ขอรับ ตามรายงานของสายสืบแจ้งว่า ตั้งแต่เมื่อคืนก่อนเซวี่ยชิงอีก็ทิ้งเมืองหนีไป ทั้งเขายังออกคำสั่งให้ผู้แข็งแกร่งคนอื่นของค่ายทัพดินแดนโบราณมารโลหิตหนีไปด้วย…”
คุนเซ่าอวี่อึ้งงันก่อน จากนั้นก็ฟาดมือตบโต๊ะที่อยู่ข้างหน้าทันที หลุดปากด่ายกใหญ่ “เจ้าเซวี่ยชิงอีเวรนี่เป็นพวกไร้ประโยชน์ใจปลาซิวจริงๆ! ศักดิ์ศรีและเกียรติภูมิอะไรล้วนไม่ต้องการแล้ว ช่างน่าอายนัก!”
ไม่แปลกที่คุนเซ่าอวี่จะโกรธ
บุคคลระดับผู้นำอย่างเซวี่ยชิงอีกลับเลือกหนีตายไปทั้งอย่างนั้น นี่ไม่เท่ากับว่ายอมแพ้ในการต่อสู้แห่งเก้าดินแดนหรือ
สิ่งที่ทำให้ผู้คนรับไม่ได้ที่สุดคือเรื่องน่าขายหน้าเช่นนี้ คาดไม่ถึงว่าเขาจะไม่คิดว่าน่าอาย ยังออกคำสั่งให้ผู้แข็งแกร่งคนอื่นในค่ายทัพหนีตามเขาไปด้วย ช่างหน้าไม่อายเกินไปแล้ว!
“ก่อนหน้านี้ทำไมข้าถึงได้ถูกจัดอยู่ใน ‘แปดยอดนภาคราม’ ร่วมกับคนพวกนี้ได้ น่าอาย น่าอายเกินไปแล้ว!”
คุนเซ่าอวี่ไม่อาจนิ่งเฉยได้แล้วจริงๆ
ก่อนหน้านี้มีข่าวร้ายว่าจู๋อิ้งคงถึงแก่ชีวิต ค่ายทัพดินแดนโบราณยอดหยินพ่ายแพ้ส่งกลับมา ต่อจากนั้นก็มีข่าวว่าค่ายทัพดินแดนโบราณมารโลหิตหนีหัวซุกหัวซุน จะให้คุนเซ่าอวี่นิ่งเฉยได้อย่างไร
กระทั่งผ่านไปครู่ใหญ่คุนเซ่าอวี่จึงค่อยๆ ใจเย็นลง กล่าวว่า “สถานการณ์รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ในเมื่อเจ้าสวะหลินสวินนี่ออกโจมตีแล้ว ย่อมไม่มีทางรามือแค่นี้แน่ พวกเจ้าจับตาดูข่าวที่เกิดขึ้นในโลกภายนอกให้ดี ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงอะไรแค่เล็กน้อย ต้องมาบอกข้าทันที”
พูดจบเขาก็เริ่มฝึกตน
พลังปราณใกล้จะทะลวงขั้น เขาอยากลองดูสักตั้งว่าก่อนที่หลินสวินจะบุกมา เขาจะยกระดับความสามารถของตัวเองได้หรือไม่
เพียงแต่ไม่ถึงสองชั่วยามก็มีข่าวส่งมา ขัดจังหวะการฝึกของคุนเซ่าอวี่อีกครั้ง
“นายน้อย ค่ายทัพดินแดนโบราณเพลิงสวรรค์ก็แพ้แล้ว เหมือนกับสองค่ายทัพใหญ่อย่างยอดหยินและมารโลหิต เมืองอารักษ์มรรคถูกทำลายราบเป็นหน้ากลอง บาดเจ็บล้มตายกันนับไม่ถ้วน”
“อะไรนะ”
คุนเซ่าอวี่ใจสั่นสะท้าน พลังขับเคลื่อนที่กำลังฝึกพลันปั่นป่วน ยากจะรับจนเขาเกือบกระอักเลือด
‘เวลาสั้นๆ ไม่ถึงหกชั่วยามก็ทยอยมีค่ายทัพใหญ่สามแห่งถูกเหยียบย่ำ เจ้าหลินสวินนั่นจะฉวยโอกาสนี้กำจัดค่ายทัพของพวกเราให้ราบคาบในคราเดียวหรือ’
คุนเซ่าอวี่สีหน้าไม่กล้าเชื่อ
พลังกระบวนค่ายกลของเมืองอารักษ์มรรคแต่ละแห่งล้วนสามารถสังหารระดับมหาอริยะ แต่ดูเหมือนว่าจะทำอะไรหลินสวินไม่ได้จริงๆ!
ทั้งความเร็วในการบุกโจมตีของหลินสวินก็รวดเร็วรุนแรงเกินไป มีอานุภาพดุจฟ้าคำราม พลังทำลายรุนแรงตลอดทาง พอที่จะทำให้ใครก็ตามตื่นตระหนกหนาวเยือกในใจ
“ออกคำสั่งลงไป ทั่วทั้งเมืองเตรียมตั้งรับ ทุกคนเตรียมพร้อมสู้!”
คุนเซ่าอวี่กัดฟันกรอดออกคำสั่งลงไป
“ขอรับ!”
ผู้ใต้บังคับบัญชารับคำสั่งแล้วจากไป
คุนเซ่าอวี่กลับนั่งอยู่ตรงนั้นคนเดียว จิตใจไม่สงบ!
ค่ายทัพแปดดินแดนก่อนหน้านี้ ใครจะเห็นดินแดนรกร้างโบราณอยู่ในสายตา
แต่ยามนี้ทุกอย่างล้วนพลิกผัน!
ผู้แข็งแกร่งของดินแดนรกร้างโบราณที่ถูกมองเป็นแพะสองขา ยามนี้เหมือนขบวนสัตว์อสูรที่ไม่อาจขวาง แยกเขี้ยวคมกริบพุ่งเข้าใส่ค่ายทัพแปดดินแดน
ในการต่อสู้แห่งเก้าดินแดนที่ผ่านมา ถือเป็นเรื่องที่ไม่กล้าจินตนาการจริงๆ
‘ช่างเถอะ ก็แค่ศึกนองเลือดที่ต้องสู้สุดกำลังเท่านั้น!’
คุนเซ่าอวี่สูดหายใจลึก พยายามปรับจิตใจฝึกต่อไป
แต่ข่าวร้ายในวันนี้กลับประหนึ่งไม่มีสิ้นสุด เพิ่งผ่านไปไม่ถึงสามชั่วยามก็มีข่าวส่งมาอีก…
“ค่ายทัพดินแดนโบราณหม่อนบูรพาถูกบุก เมืองกลายเป็นซากปรักหักพัง บาดเจ็บล้มตายกันนับไม่ถ้วน!”
ยามได้ทราบข่าว คุนเซ่าอวี่แทบกระอักเลือดด้วยโทสะจู่โจมจิตใจ
เขาพลันหยัดร่างขึ้น แผดเสียงคำรามออกมาอย่างอดไม่อยู่อีก “ทำไม ทำไมถึงเป็นเช่นนี้ การต่อสู้แห่งเก้าดินแดนในอดีตที่ผ่านมา อย่างน้อยต้องใช้เวลาสามปีจึงจะตัดสินผลแพ้ชนะ แต่ครั้งนี้เพิ่งผ่านไปแค่สองปีเอง!”
ผ่านไปไม่กี่ชั่วยาม ก็มีข่าวส่งมาอีก
ค่ายทัพดินแดนโบราณจิ่วหลีพังทลาย…
ถึงตอนนี้คุนเซ่าอวี่ไม่มีความคิดจะฝึกแล้ว ภายใต้จิตใจที่ปั่นป่วน เขากังวลว่าธาตุไฟจะเข้าแทรก!
นอกตำหนักใหญ่ ม่านรัตติกาลดั่งวารี เป็นเวลากลางคืนแล้ว
คุนเซ่าอวี่รู้สึกเพียงกดดันอยู่ในใจ อัดอั้นจนต้องก้าวออกจากโถงไปรับลม เหลือบสายตามองไปยังรัตติกาลมืดสงัดที่ห่างออกไป
ทยอยได้ยินข่าวร้ายของค่ายทัพแห่งแล้วแห่งเล่าส่งกลับมา ทำให้คุนเซ่าอวี่ก็ลังเลแล้ว
ควรจะยืนหยัดต่อไปดีไหม…
หรือจะเอาอย่างเซวี่ยชิงอี ทิ้งเมืองแล้วหนีไปทั้งอย่างนั้น
นึกถึงตรงนี้คุนเซ่าอวี่ก็กัดฟันเกือบแตก รู้สึกได้ถึงความอึดอัดอย่างไม่เคยมีมาก่อน
………………..