Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 1649 มหามรรคด่านตะวันที่เชื่อมสู่ระดับจักรพรรด
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 1649 มหามรรคด่านตะวันที่เชื่อมสู่ระดับจักรพรรด
ใบไม้ใบหนึ่ง กลับสามารถผนึกสิ่งมีชีวิตน่าสะพรึงระดับกึ่งจักรพรรดิสองตัวไว้ได้ ทำให้พวกเขาสวามิภักดิ์ ด้วยชีวิตหาใช่ของตน แม้แต่พลังขัดขืนยังไม่มี
นี่น่ากลัวปานใด
จู่ๆ ในหัวนักพรตชิวพลันผุดความคิดหนึ่งขึ้นมา
ศาสตราจักรพรรดิ!
ใบหิมะน้ำแข็งที่ดูเหมือนไม่สะดุดตานี่ จะต้องเป็นศาสตราจักรพรรดิชิ้นหนึ่งแน่นอน หาไม่ จะเป็นไปได้หรือที่จะผนึกสิ่งมีชีวิตน่าสะพรึงระดับนี้ได้
และแววตาที่เขามองหลินสวินก็เผยไอสังหารรุนแรงขึ้นมา
ครั้งนี้เท่ากับล่วงเกินเจ้าเด็กนี่อย่างอนาถสิ้นเชิงแล้ว หากไม่ถือโอกาสนี้กำจัดทิ้งเสีย ต่อไปจะต้องเป็นภัยร้ายไร้สิ้นสุดอย่างแน่นอน
แทนที่จะเป็นเช่นนี้ ไม่สู้ถือโอกาสครั้งนี้ฆ่าเขาทิ้งในคราวเดียว ลำบากหนเดียวสบายตลอดกาล ที่สำคัญคือ…
ยังแย่งใบหิมะน้ำแข็งที่น่าจะเป็นศาสตราจักรพรรดิได้อีกด้วย!
พร้อมกันนั้นพวกหลิงเซียวจื่อ ซุ่นจี้ ฮูหยินมู่ก็ต่างตระหนักถึงความไม่ธรรมดาของใบหิมะน้ำแข็งใบนั้น
เมื่อเห็นสีหน้าของนักพรตชิว พวกเขาล้วนลอบอุทานว่าแย่แล้ว!
ตอนนี้สิ่งมีชีวิตน่าสะพรึงสองตัวถูกผนึกไว้แล้ว ต่อให้ปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง ดูจากอาการขุ่นเคืองโกรธเกรี้ยวก่อนหน้านี้ของพวกมัน เป็นไปได้หรือที่จะยังทำงานให้หลินสวินอยู่
สวบ!
ไม่รอให้ทุกคนตอบสนอง นักพรตชิวเคลื่อนผ่านห้วงอากาศประหนึ่งภูตผี ปรากฏตัวเบื้องหน้าหลินสวิน กดฝ่ามือออกมาคราหนึ่ง
ความเร็วชวนผวาสะท้านโลก!
เพียงแต่ครู่ต่อมาเขาก็ส่งเสียงร้องโหยหวน มือขวาที่ยื่นออกมาถูกปราณกระบี่เจิดจ้างดงามสายหนึ่งตัดขาดตรงๆ
ปราณกระบี่นั้นถึงขั้นให้ความรู้สึกแปลกพิสดารสะท้านโลก ประกายคมก็ช่างแข็งกร้าวน่ากลัว
หากไม่ใช่เพราะนักพรตชิวหลบได้ทัน หนีออกไปไกลลิ่ว กระบี่นี้สามารถสังหารเขาได้แล้ว!
“ยังมีอีกหรือ!?”
นักพรตชิวหน้าเปลี่ยนสียกใหญ่ ผมเผ้ายุ่งเหยิง หน้าตาหวาดผวา
ก่อนหน้านี้เขาถูกมดสำริดไล่ฆ่าจนบาดเจ็บสะบักสะบอม ตอนนี้ก็มาถูกตัดแขนขวาขาดอีก ถึงจะบอกว่าชั่วพริบตาก็สมานจนหายดี แต่ภายใต้การลอบโจมตีของปราณกระบี่นั่นก็ทำเอาเขาขื่นขมจริงๆ
ที่ทำให้เขาใจสะท้านที่สุดก็คือ เบื้องหน้าหลินสวิน มีดอกไม้อสูรมารแปลกประหลาดดอกหนึ่งขวางอยู่
ทั่วตัวมันแดงเพลิงดุจไฟ กลีบดอกใสวาวงดงาม ละอองแสงที่กระเซ็นออกมากลายเป็นปราณกระบี่เนืองแน่น เร้นลับและน่าสะพรึง
นี่ย่อมเป็นดอกกระบี่พันปีก สายพันธุ์ประหลาดบรรพกาลที่เติบโตตามธรรมชาติอย่างหนึ่งแน่นอน มีชื่อเสียงตั้งแต่สมัยบรรพกาลนานมาแล้ว เหลือแค่จุดเปลี่ยนเดียวก็สามารถก้าวสู่ระดับจักรพรรดิ ความแข็งแกร่งน่ากลัวหาใดเปรียบ
ปีนั้นตอนอยู่ในป่าต้นหม่อน จ้าวหยวนจี๋ยังเคยกล่าวว่าดอกกระบี่พันปีกนี่เป็นหนึ่งในสิ่งมีชีวิตน่าสะพรึงที่ไม่อาจระรานได้ในป่าต้นหม่อน!
ทันทีที่ดอกไม้นี้ปรากฏ อภินิหารสะท้านโลกที่สำแดงออกมาก็หอบม้วนทั่วลาน พวกซุ่นจี้ ฮูหยินมู่ยังจนคำพูดไปพักหนึ่ง
ถึงกับยังมีอีกจริงๆ ด้วย!
หนำซ้ำดูจากกลิ่นอาย อานุภาพของดอกอสูรมารดอกนี้ เห็นได้ชัดว่าแข็งแกร่งยิ่งกว่ามดสำริดจอมพลังและเจียวหลงเขียวมรกตนั่นเสียอีก!
และพวกน่าสะพรึงระดับนี้ ถึงกับถูกผนึกไว้ในใบหิมะน้ำแข็งเล็กจิ๋วใบนั้น นี่ทำเอาผู้คนสะท้านสะเทือนอย่างไม่ต้องสงสัย
“ท่าทีของเจ้างูยาวและมดนั่นเจ้าเองก็เห็นแล้ว ตอนนี้เจ้ารู้ว่าควรทำอย่างไรแล้วกระมัง”
หลินสวินเอ่ยปากทำลายความเงียบ
แววตาของเขาลุ่มลึกเย็นเยียบอย่างที่สุด หากบอกว่าตอนแรกเขายังไม่มีความคิดจะฆ่านักพรตชิว เช่นนั้นตอนนี้เขาก็ไม่อาจปล่อยให้เจ้าเฒ่านี่มีชีวิตอยู่ต่อไปอีก!
“ข้าไม่ได้โง่เหมือนพวกเขา!”
ดอกกระบี่พันปีกเอ่ยปาก เสียงดังชิ้งๆ ดุจเสียงกระบี่ครวญ ชั่วขณะเดียวพลังขับเคลื่อนของมันดั่งเขาถล่มสมุทรพลิกคว่ำ จับจ้องนักพรตชิวที่อยู่ไกลออกไป
“บุตรนรก ไปเร็วเข้า!”
นักพรตชิวหน้าเปลี่ยนสียกใหญ่ หันตัวเผ่นหนีอย่างไม่ลังเล
เขาพาบุตรนรกหนีไปพร้อมกันไม่ทันแล้ว ได้แต่ส่งเสียงร้องเตือน
ฮู้ม!
ในฐานะกึ่งจักรพรรดิ ย่อมคุ้นเคยกับกฎเกณฑ์ห้วงอากาศนานแล้ว จากความแข็งแกร่งของนักพรตชิว หากหนีสุดกำลัง ในกำแพงเมืองด่านจักรพรรดินี้ยังไม่เห็นมีใครขวางเขาได้
แต่ครั้งนี้กลับเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น!
กลีบดอกไม้กลีบหนึ่งลอยร่วงบนทางเบื้องหน้านักพรตชิวอย่างไร้สุ้มเสียง นุ่มนวลและงดงาม เจือความรู้สึกน่าลุ่มหลงแปลกพิกล
แต่ชั่วอึดใจนักพรตชิวกลับตกใจจนนัยน์ตาเบิกขยาย วิญญาณเกือบหลุดออกมา ร่างที่เคลื่อนไหวกลางอากาศพลันแข็งทื่ออย่างจัง
วู้ม!
กลีบดอกไม้ร่วงโรยเงียบๆ กลับมีปราณกระบี่เนืองแน่นหลายล้านปรากฏขึ้น ใช้อานุภาพครอบคลุมฟ้าดินกลบพื้นที่ตรงนั้นเอาไว้
ทอดสายตามองจากไกลๆ ประหนึ่งธารดาราปราณกระบี่ร่วงลงมาจากสรวงสวรรค์ ปิดครอบจักรวาล!
“ไม่…!”
ท่ามกลางปราณกระบี่เต็มฟ้านั่น มองไม่เห็นเงาร่างของนักพรตชิวแล้ว แต่เสียงคำรามโหยหวน หวาดผวา ไม่ยินยอมของเขากลับดังก้องเวิ้งฟ้า
พวกซุ่นจี้ หลิงเซียวจื่อ ฮูหยินมู่ล้วนตกใจจนเหงื่อกาฬท่วมตัว มือไม้เย็นเฉียบ
ภาพเหตุการณ์นี้น่าสยดสยองเกินไปแล้ว!
นักพรตชิวหาใช่กึ่งจักรพรรดิธรรมดาทั่วไป ความแข็งแกร่งแห่งพลังต่อสู้ของเขาสามารถไต่เต้าขึ้นสู่สิบอันดับแรกในกำแพงเมืองด่านจักรพรรดิได้
แต่ตอนนี้กลับมาตายหมดท่าอยู่ภายในคลื่นปั่นป่วนของทะเลปราณกระบี่ เพียงชั่วอึดใจก็ถูกสังหารอยู่ภายในนั้น
อย่าว่าแต่ขัดขืน ขนาดต้านทานยังทำไม่ได้!
ไม่ถึงขนาดร่วมโศกเศร้าทุกข์ร้อน เพียงแต่เวลานี้พวกซุ่นจี้ล้วนรู้สึกถูกเขย่าขวัญ หัวใจสั่นเทิ้ม
ดอกกระบี่อสูรมารนั่น เหตุใดจึงน่ากลัวเช่นนี้
มัน…
หรือจะเป็นระดับกึ่งจักรพรรดิผู้หนึ่ง
และเวลานี้หลินสวินกลับไม่ตกใจแต่อย่างไร จังหวะที่นักพรตชิวเผ่นหนี พลังขับเคลื่อนของเขาก็พุ่งเป้าไปที่ตัวบุตรนรก สำแดงการจู่โจมทันใด
ใครเลยจะคาดคิด ก็ไม่รู้ว่าบุตรนรกใช้วิธีการใด ทั่วทั้งร่างพลันสหายไปในพริบตา กลายเป็นควันเอื่อยสีเลือดเป็นสายๆ จางหายไป
พลังต่อสู้ของหลินสวินน่าสะพรึงปานใด แต่กลับไม่สามารถทำลายควันพวกนั้นได้
ได้แต่มองดูบุตรนรกหายไปต่อหน้าต่อตา
“หลินสวิน ข้าจะกลับมาอีกแน่!”
นี่ก็คือคำพูดที่บุตรนรกฝากไว้ก่อนไป เจือความเคียดแค้นเดือดดาล และเยียบเย็นสลักกระดูก
หลินสวินสีหน้าวูบไหวไม่นิ่ง
กึ่งจักรพรรดิอย่างนักพรตชิวถูกฆ่า แต่มกุฎอริยะอย่างบุตรนรกดันหนีรอดปลอดภัย นี่เห็นได้ชัดว่าไม่น่าเชื่ออย่างไม่ต้องสงสัย
แต่เมื่อลองคิดดูให้ดี หลินสวินก็เดาได้รางๆ ว่าการหลบหนีของบุตรนรกเกรงว่าคงเกี่ยวข้องกับกาหลอมจิตนั่น!
และมีแต่สมบัติวิเศษไร้ขอบเขตระดับนั้นจึงจะมีอานุภาพน่าเหลือเชื่อเช่นนี้ได้
“เด็กแจกทรัพย์ ข้าตั้งตาคอยการได้พบกับเจ้าในครั้งต่อไปยิ่งนัก…”
หลินสวินระบายยิ้ม ไม่คิดมากอีก
เมื่อสายตาของเขาทอดมองไป เหล่าสัตว์ประหลาดเฒ่าอย่างพวกซุ่นจี้ ฮูหยินมู่ หลิงเซียวจื่อล้วนมีสีหน้าแปลกประหลาด สะท้านสะเทือนยากปกปิด
โดยเฉพายามเมื่อทอดสายตามองหลินสวิน ก็ราวกับจ้องสัตว์ประหลาดตัวหนึ่ง
ใช่แล้ว สัตว์ประหลาด!
ในการประชันหมากเก้าวัง หลินสวินซ่อนกระบวนท่าสังหารไว้นอกกระดาน ทำให้หลิงเซียวจื่อที่มีชื่อเสียงเกรียงไกรว่าเป็นปฐมาจารย์สลักลายมรรคอันดับหนึ่งแห่งกำแพงเมืองด่านจักรพรรดิยังต้องยอมจำนน ยอมรับว่าตนเทียบชั้นไม่ได้
นี่ทำเอาเหล่าสัตว์ประหลาดเฒ่าตระหนักได้ว่า ในวิถีสลักวิญญาณหลินสวินคือปีศาจแห่งยุคที่สามารถสะเทือนอดีตสะท้านปัจจุบัน หนทางภายหน้าย่อมไร้ขอบเขตอย่างแน่นอน
แต่หลังจากผ่านการต่อสู้กับบุตรนรก พวกเขาเพิ่งค้นพบว่าสิ่งที่ตนรู้ช่างตื้นเขินเกินไป หลินสวินไม่เพียงเชี่ยวชาญในวิถีสลักวิญญาณ แม้แต่พลังต่อสู้ก็ยังเรียกได้ว่าเย้ยฟ้า!
ระดับมกุฎอริยะแท้ สร้างวิชาแห่งตนขึ้นมาแล้วสยบบุตรนรกจนอยู่หมัด นี่ต่อให้ทอดสายตามองทั่วดินแดนรกร้างโบราณ สำรวจอดีตจนบัดนี้ จะมีสักกี่คนที่สามารถทัดเทียมกับหลินสวินได้
นับแต่บัดนั้นเป็นต้นมา ในสายตาพวกสัตว์ประหลาดเฒ่า หลินสวินก็ต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง
เพราะฉะนั้นเมื่อรู้ว่านักพรตชิวและบุตรนรกมุ่งหน้ามาแก้แค้น พวกเขาจึงก้าวออกมารับหน้าแทนหลินสวินอย่างไม่ลังเล!
แต่ที่ทำเอาพวกเขาล้วนรู้สึกไม่น่าเชื่อคือ ตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่จำเป็นต้องให้พวกเขายื่นมือเข้าแทรก หลินสวินคนเดียวก็สลายวิกฤตนี้ไปได้!
อีกทั้งวิธีการที่หลินสวินใช้ยังทำเอาพวกเขาพรั่นพรึง สั่นสะเทือนอย่างยิ่ง!
เริ่มจากสำแดงความสามารถเอาชนะปฐมาจารย์สลักวิญญาณอย่างหลิงเซียวจื่อ ต่อมาก็สยบมกุฎอริยะแท้อย่างบุตรนรกในการต่อสู้ด้วยวิชาแห่งตน ทั้งยังมีความสามารถควบคุมเหล่าสิ่งมีชีวิตน่าสะพรึงออกรบ…
ทั้งหมดนี้ล้วนเกิดขึ้นจากตัวหลินสวินคนเดียว ใครจะนิ่งเฉยได้
ทั่วทั้งด่านตะวัน ล้วนเงียบกริบไปในเวลานี้!
พวกสัตว์ประหลาดเฒ่าที่เป็นพยานรู้เห็นเรื่องทั้งหมดนี้ในเงามืดต่างนิ่งเงียบ ภายในใจคุกรุ่นเดือดพล่าน เนิ่นนานก็ยังไม่อาจสงบสติอารมณ์
โดยเฉพาะการตายของนักพรตชิว นำพาความสะท้านสะเทือนยิ่งใหญ่มาสู่พวกเขา!
นั่นเป็นถึงกึ่งจักรพรรดิคนหนึ่ง ประจำการในกำแพงเมืองด่านจักรพรรดิไม่รู้กี่กาลเวลา ตอนที่ยังมีชีวิต ศัตรูไม่รู้เท่าไหร่ตายอนาถในมือเขา
แต่ขนาดกึ่งจักรพรรดิที่เหี้ยมหาญมากผลงานรบเช่นนี้ ก็ยังถูกฆ่าทั้งอย่างนี้!
เป็นความผิดของเจ้าเด็กหลินสวินนี่หรือ
ไม่ขนาดนั้น
นักพรตชิวเดิมก็มาเพื่อแก้แค้นอยู่แล้ว อาละวาดก่อกวน เผด็จการอย่างที่สุด ไม่เห็นคนรุ่นหลังอย่างหลินสวินอยู่ในสายตา
หากบอกว่าผิด ก็ย่อมเป็นนักพรตชิวรนหาที่เอง
เพียงแต่เมื่อนึกขึ้นว่าบุคคลอย่างนักพรตชิวต้องมาตายทั้งอย่างนี้ ทุกคนก็เสียดายอยู่บ้างอย่างเลี่ยงได้ยาก ทอดถอนใจไม่หยุด
“สหายน้อย เจ้าไม่ต้องหวาดระแวงข้าก็ได้ ข้ากับเจ้าสัตว์โง่พวกนั้นไม่เหมือนกัน หาไม่ก็คงไม่ฟังคำสั่งของเจ้า ฆ่าเจ้ากระจอกนั่นทิ้งแน่”
ดอกกระบี่พันปีกส่ายไหว ร่างสีแดงเพลิงดุจแสงเรื่อ ผุดลำแสงเข้มข้นงดงาม เสียงของมันดังชิ้งๆ ดุจเสียงกระบี่ครวญ แต่ยามเมื่อปฏิบัติต่อหลินสวิน กลับเห็นได้ชัดว่าค่อนข้างอ่อนโยน
“เจ้ากระจอก?”
นัยน์ตาหลินสวินฉายแววแปลกไป นักพรตชิวเป็นกึ่งจักรพรรดิที่กร้าวแกร่งปานใด แต่พอออกจากปากดอกกระบี่พันปีก ถึงกับกลายเป็นเจ้ากระจอก…
เสียงดอกกระบี่พันปีกเจือแววเหยียดหยามอย่างไม่ปิดบังสักนิด กล่าวว่า “ยุคบรรพกาลเมื่อหลายแสนปีก่อน ข้าก็ได้แจ้งมรรคระดับกึ่งจักรพรรดิ จำศีลในป่าต้นหม่อนในกาลเวลาไร้สิ้นสุด ขาดเพียงจุดเปลี่ยนเดียวก็สามารถเหยียบย่างระดับจักรพรรดิ มีหรือ ‘เจ้ากระจอก’ นั่นจะเทียบชั้นได้”
เขาหยุดไปพักหนึ่งก่อนกล่าวพลางหัวเราะร่วน “แน่นอน เจ้าอาจคิดว่าข้าคุยโว แต่ต่อให้เทียบอายุและเวลาที่อยู่บนโลก ตอนที่ข้าถือกำเนิด เกรงว่าบรรพบุรุษของเจ้ากระจอกนี่ยังไม่ทันปรากฏตัวในโลกด้วยซ้ำ”
พวกซุ่นจี้ หลิงเซียวจื่อที่อยู่ไกลๆ ได้ยินเช่นนี้ล้วนอดเหงื่อตกไม่ได้
พวกเขาถูกคนในโลกมองเป็นสัตว์ประหลาดเฒ่า แต่เห็นได้ชัดยิ่งว่าพออยู่ต่อหน้าพวกที่เหมือน ‘เฒ่าดึกดำบรรพ์ที่มีชีวิต’ อย่างดอกกระบี่พันปีกนี่ ล้วนกลายเป็นพวกคนรุ่นหลังกันหมดจริงๆ
แม้ว่าพวกเขาจะเป็นระดับกึ่งจักรพรรดิเหมือนกัน แต่ความตื้นลึกแห่งมรรควิถี ระดับของพลังต่อสู้ คนหนึ่งอยู่เหนือฟ้า ส่วนพวกตนอยู่ใต้ดิน ไม่อาจเทียบกันได้เลย
ต่อให้ไม่เอ่ยถึงดอกกระบี่พันปีกนี่ อย่างมดสำริด เจียวหลงเขียวมรกตที่ปรากฏตัวก่อนหน้านี้ ก็เห็นได้ชัดว่าเป็นสิ่งมีชีวิตน่าสะพรึงที่เก่าแก่อย่างที่สุด!
“สหายน้อย ตอนนี้ในที่สุดข้าก็เข้าใจแล้วว่าเหตุใดจักจั่นทองถึงต้องให้พวกข้ามุ่งหน้ามาที่นี่”
ทันใดนั้นเสียงดอกกระบี่พันปีกเจือแววแปลกไป ถึงขั้นตื่นเต้นอย่างหาได้ยาก
“พื้นที่สนามรบที่เก่าแก่มโหฬารแห่งนี้ หลงเหลือกลิ่นอายที่ผู้แข็งแกร่งระดับจักรพรรดิแท้ทิ้งไว้ กลิ่นอายแต่ละอย่าง สำหรับพวกข้าแล้วล้วนเทียบเท่ากับศุภโชคสูงสุดครั้งหนึ่ง!”
กล่าวถึงตอนสุดท้าย ดอกกระบี่พันปีกถึงขั้นเจือแววเคลิ้มลอย
“น่าขัน มดสำริดและเจียวหลงเพลิงเขียวนั่นยังเคียดแค้นจักจั่นทองหาใดเปรียบ เจ้าสัตว์โง่พวกนี้ไม่เข้าใจสักนิด จักจั่นทองกำลังชี้แนะมหามรรคด่านตะวันที่เข้าใกล้ระดับจักรพรรดิยิ่งกว่าสายหนึ่งให้แก่พวกเรา!”