Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 1651 ละโมบ
ในด่านตะวันบรรยากาศไม่น่าไว้ใจ!
หลังจากหลินสวินมาถึงที่นี่ก็พูดได้ว่าไม่มีใครเหลียวแล ด้วยสัตว์ประหลาดเฒ่าที่ประจำการอยู่ที่นี่ล้วนมองเขาเป็นคนรุ่นหลังที่ไม่มีความสำคัญคนหนึ่ง ใครจะใส่ใจ
ถึงขั้นมีน้อยคนนักที่รู้จักชื่อแซ่ของเขา!
ใช่ว่าจงใจดูถูก และไม่ถึงขั้นลบหลู่ หากแต่ไม่ใส่ใจกันจริงๆ
แต่ตอนนี้ด่านตะวันที่กว้างใหญ่นั้น ขอแค่ไม่ใช่คนหูหนวก ใครจะไม่รู้จักชื่อของหลินสวิน
ในการประชันหมากเก้าวัง หลิงเซียวจื่อที่เป็นถึงปฐมาจารย์สลักลายมรรคอันดับหนึ่งของกำแพงเมืองด่านจักรพรรดิ เมื่ออยู่ต่อหน้าหลินสวินยังต้องชื่นชมยอมแพ้
ในการประลองกับบุตรนรก บุตรนรกก็เสียหน้าไม่เหลือ หนีหัวซุกหัวซุน
การประชันหมากได้พิสูจน์ว่าแม้หลินสวินจะเป็นคนรุ่นหลัง แต่กลับมีพลังที่สามารถทำให้สัตว์ประหลาดเฒ่าคนใดก็ตามไม่อาจมองข้าม
ในการประลองกับบุตรนรก พรสวรรค์และพลังต่อสู้ที่หลินสวินเผยออกมาก็ได้พิสูจน์ว่า เขานั้นเรียกได้ว่าโดดเด่นเป็นหนึ่งในการเสาะหามหามรรค ความสำเร็จในภายหน้าถูกลิขิตให้ไม่อาจประเมิน!
คนรุ่นหลังเช่นนี้ใครจะไม่ใส่ใจได้อีก
ถ้ามีแค่นี้คงไม่อาจทำให้สัตว์ประหลาดเฒ่าในด่านตะวันพวกนั้นตกตะลึงเกินไป ด้วยพวกเขาที่เป็นถึงราชันอริยะหรือกึ่งจักรพรรดิ ไม่จำเป็นต้องใส่ใจเรื่องพวกนี้มากนัก ต่อให้พรสวรรค์ของหลินสวินชวนตะลึง เบื้องลึกเบื้องหลังพลิกฟ้าแค่ไหน แต่ในระดับปราณก็ยังอยู่ห่างจากพวกเขามาก
ต่อให้ภายหน้าหลินสวินประสบความสำเร็จยอดเยี่ยม นั่นก็เป็นเรื่องของอนาคต
แต่เมื่อนักพรตชิวถูกสังหาร สัตว์ประหลาดเฒ่าในด่านตะวันพวกนั้นก็ไม่อาจนิ่งเฉยได้แล้ว
คนรุ่นหลังคนหนึ่งกลับใช้ไพ่ตายในมือ สังหารกึ่งจักรพรรดิคนหนึ่งที่มีพลังต่อสู้พอจะก้าวขึ้นไปอยู่ในสิบอันดับแรกของกำแพงเมืองด่านจักรพรรดิได้ ใครจะกล้ามองข้าม
กวาดสายตามองทั่วด่านตะวัน ล้วนหาคนที่เผชิญหน้ากับนักพรตชิวได้ไม่เจอ
นักพรตชิวยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลินสวิน นับประสาอะไรกับพวกเขา
เรื่องราวพัฒนามาถึงขั้นนี้ ใครยังจะกล้าตั้งท่าเป็น ‘ผู้อาวุโสสูงศักดิ์’ ใส่หลินสวินอีก
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลังจากสังเกตเห็นความอัศจรรย์และน่ากลัวของใบหิมะน้ำแข็งนั้นในมือหลินสวิน สภาวะจิตของสัตว์ประหลาดเฒ่าในด่านตะวันพวกนั้นก็เปลี่ยนไปอย่างสมบูรณ์
บ้างละโมบ บ้างตกตะลึง และบ้างควบคุมความมุ่งหวังปรารถนาไม่อยู่!
ในด่านตะวันนี้บางทีพวกฮูหยินมู่ ซุ่นจี้ หลิงเซียวจื่ออาจมองหลินสวินเป็นเพื่อน ไม่มีทางทำเรื่องสกปรกโสมมเช่นนั้นแน่
แต่คนอื่นก็ไม่จำเป็นว่าต้องทำเช่นนั้น
ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะใบหิมะน้ำแข็งในมือของหลินสวิน สำหรับสัตว์ประหลาดเฒ่าพวกนั้นก็เหมือนสิ่งล่อใจยิ่งอย่างหนึ่ง ก่อให้เกิดความมุ่งหวังปรารถนาที่ไม่อาจควบคุมได้!
ยังดีที่อาจเป็นเพราะหวาดกลัวพลังที่น่าพรั่นพรึงของดอกกระบี่พันปีก จึงทำให้สัตว์ประหลาดเฒ่าในด่านตะวันพวกนั้นได้แต่ควบคุมความละโมบภายในใจอย่างเต็มที่ ไม่กล้าลงมือง่ายๆ
แต่ก็ด้วยสาเหตุนี้ บรรยากาศทั้งด่านตะวันจึงเปลี่ยนเป็นไม่น่าไว้ใจและแปลกพิกลขึ้นมา
สิ่งที่พิสูจน์ได้ดีที่สุดก็คือ นอกตำหนักสำริดที่หลินสวินอาศัยอยู่ชั่วคราวมีสายตามากมายจับจ้อง
และมีสัตว์ประหลาดเฒ่าไม่น้อยเริ่มใช้เหตุผลต่างๆ มาเยี่ยมเยียน
ยังดีที่การเยี่ยมเยียนทั้งหมดนี้ถูกพวกหลิงเซียวจื่อ ฮูหยินมู่ขวางไว้ได้ แต่พวกเขากลับหนักใจอยู่บ้าง
หลินสวินในตอนนี้เหมือนคบเพลิงในความมืด ดึงดูดพวกแมงเม่ามาไม่รู้เท่าไร!
หากมีแมงเม่าที่ไม่กลัวตายบางส่วนควบคุมความโลภในใจไม่อยู่แล้วพุ่งเข้ามาโดยไม่สนใจอะไร ผลที่ตามมานั้นคงพูดลำบากแล้ว
ขณะเดียวกันพวกซุ่นจี้ก็เป็นห่วงว่าหลังจากหลินสวินสังเกตเห็นเรื่องทุกอย่างนี้ จะเกิดจิตสังหารจนใช้วิธีการรุนแรงกระแทกกลับหรือไม่
ถ้าเป็นเช่นนี้ สำหรับกำแพงเมืองด่านจักรพรรดิคงเป็นเรื่องร้ายไม่ใช่เรื่องดีอย่างไม่ต้องสงสัย
“คนไม่ผิด ผิดที่มีหยกติดตัว ความหวังหนึ่งที่สามารถเข้าใกล้หนทางบรรลุจักรพรรดิได้ ล้วนสามารถทำให้กึ่งจักรพรรดิคนใดก็ตามคลุ้มคลั่งแล้ว…”
หลิงเซียวจื่อทอดถอนใจ
เขารู้ชัดถึงมูลค่าของใบหิมะน้ำแข็งนั้นในมือหลินสวินดี
คนที่อยู่ในระดับกึ่งจักรพรรดิไม่ใช่เทพที่สำรวมตน วาสนาและสมบัติส่วนใหญ่บนโลกนี้ บางทีอาจดึงดูดความสนใจของพวกเขาไม่ได้
แต่ใบหิมะน้ำแข็งนั่นกลับเป็นข้อยกเว้น!
ถามตัวเองดูแล้ว ต่อให้เป็นพวกหลิงเซียวจื่อ ซุ่นจี้ ฮูหยินมู่ก็ยังไม่อาจไม่ใส่ใจสมบัติล้ำค่าที่เต็มไปด้วยสิ่งเร้าเช่นนี้
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ การเปลี่ยนแปลงของบรรยากาศทั่วด่านตะวันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกแล้ว
“ตอนนี้ก็ได้แต่รอท่านเซิ่นกลับมาควบคุมสถานการณ์แล้ว”
ฮูหยินมู่ทอดถอนใจ
ทุกอย่างนี้แม้ว่าหลินสวินจะไม่ได้ออกจากตำหนัก แต่กลับสังเกตเห็นได้อย่างฉับไว
ตั้งแต่ฝึกปราณมาถึงวันนี้ เขาผ่านเรื่องอันตรายมานับไม่ถ้วน ไหนเลยจะไม่รู้ว่าการมีอยู่ของใบหิมะน้ำแข็งจะก่อคลื่นลมมาให้เท่าไร
แต่หลินสวินก็ไม่หวาดกลัว
ต่อให้ไม่พึ่งพาพลังของสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวพวกนั้น ในมือเขาก็ยังมีไพ่ตายอื่นอีก แค่ไม่อยากสิ้นเปลืองไปกับเรื่องเช่นนี้เท่านั้น
ไม่คุ้มค่า!
แต่เพื่อหลีกเลี่ยงเรื่องยุ่งยาก หลินสวินจึงได้แต่เก็บตัวชั่วคราว ไม่ออกไปข้างนอกเพื่อเลี่ยงปัญหา
เขาใช้เวลาและความคิดทั้งหมดไปกับการฝึกตน
…
บรรยากาศพิกลไม่น่าไว้ใจในด่านตะวันนั้นไม่ยืดเยื้อต่อเนื่องนานเท่าไร วันที่สามหลังจากนักพรตชิวถูกสังหาร เมื่อเสียงกัมปนาทของค่ายกลเคลื่อนย้ายดังก้องขึ้น บรรยากาศในด่านตะวันก็เปลี่ยนไป
เพราะกู่เหลียงฉวี่มาแล้ว!
กำแพงเมืองด่านจักรพรรดิมีผู้แข็งแกร่งระดับกึ่งจักรพรรดิประจำการอยู่ไม่รู้เท่าไร แต่มีแค่กู่เหลียงฉวี่คนเดียวที่ถูกเรียกว่า ‘อันดับหนึ่งของกำแพงเมืองด่านจักรพรรดิ’
บารมีและความแข็งแกร่งด้านพลังต่อสู้ของเขา ไม่ว่าจะปรากฏตัวที่ไหนย่อมต้องกลายเป็นศูนย์รวมสายตาที่ใครๆ ต่างจับจ้อง
เห็นได้ชัดว่าครั้งนี้กู่เหลียงฉวี่มาเพราะการตายของนักพรตชิว!
ไม่อย่างนั้นศึกที่ด่านสมุทรตึงเครียดเช่นนั้น กู่เหลียงฉวี่มีหรือจะลดตัวมาเยือนที่นี่
ยามกู่เหลียงฉวี่ก้าวออกมาจากค่ายกลเคลื่อนย้าย สัตว์ประหลาดเฒ่ามากมายในด่านตะวันล้วนถูกทำให้ตกใจ ต่างเข้ามาต้อนรับ
ชั่วขณะเดียวข้างกายของกู่เหลียงฉวี่ก็ราวกับดาวล้อมเดือน ขับเน้นให้เขาเป็นดั่งนายเหนือหัวออกสัญจร อานุภาพไม่เป็นสองรองใคร
พวกซุ่นจี้ หลิงเซียวจื่อ ฮูหยินมู่ก็มาแล้ว เมื่อเห็นภาพนี้เข้าก็พลันหนักใจอีกครั้ง
พวกเขาต่างคิดไม่ถึงว่าท่านเซิ่นยังไม่มา กลับเป็นกู่เหลียงฉวี่ที่มาถึงตั้งแต่พริบตาแรก
แค่คิดก็รู้แล้วว่าการตายของนักพรตชิวทำให้ในใจกู่เหลียงฉวี่เดือดดาลแค่ไหน!
“เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในด่านตะวันช่วงนี้มาให้ข้าฟังทีละเรื่อง”
กู่เหลียงฉวี่สวมชุดผ้าป่าน ผมยาวแผ่สยาย ร่างสูงตระหง่าน หน้าตาราบเรียบหนักแน่น ทันทีที่มาถึงก็ออกคำสั่งลงมา วาจาไม่แข็งกร้าว แต่กลับมีอำนาจกดดันที่ถาโถมเข้าใส่ผู้คน
“นอกจากนี้สั่งให้เจ้าหนุ่มที่ชื่อหลินสวินนั่นมาพบข้า ข้าให้เวลาเขาหนึ่งเค่อ ถ้าหนึ่งเค่อผ่านไปแล้วเขาไม่มา ข้าจะไปหาเขาด้วยตัวเอง”
ทุกคนในที่นั้นแตกตื่นทันที
สัตว์ประหลาดเฒ่ามากมายเผยสีหน้ายินดี กู่เหลียงฉวี่มาคราวนี้ เห็นชัดว่าต้องการลงโทษเจ้าหนุ่มหลินสวินนี่อย่างสาสม!
และมีคนไม่น้อยเป็นกังวล กู่เหลียงฉวี่เพิ่งมาถึงก็หันปลายหอกจ่อใส่หลินสวิน ถ้าเกิดความขัดแย้งขึ้น ผลที่ตามมาต้องคาดไม่ถึงแน่
หลิงเซียวจื่อสูดหายใจลึก สื่อจิตกล่าวรวดเร็ว ‘เหล่าซุ่น พวกเจ้ากับฮูหยินมู่ไปบอกข่าวการมาถึงของกู่เหลียงฉวี่กับเขา อย่าให้เขาวู่วามเด็ดขาด อีกอย่างอย่าให้เจ้าเฒ่าคนอื่นเข้าใกล้ ข้าเป็นห่วงว่าจะมีคนฉวยโอกาสสร้างคลื่นลม’
ซุ่นจี้และฮูหยินมู่พยักหน้าพร้อมกัน กำลังจะเคลื่อนไหวทันที
แต่พร้อมกันนี้สายตาของกู่เหลียงฉวี่ก็กวาดมองมาดุจอสนี กล่าวเสียงขรึม “พวกเจ้าอยู่ที่นี่ ไม่มีคำสั่งของข้า ใครก็ห้ามจากไป”
พวกซุ่นจี้ต่างหน้าเปลี่ยนสี
เห็นชัดว่ากู่เหลียงฉวี่ใช่ว่าไม่รู้เรื่องอะไรของด่านตะวัน หากแต่เตรียมการมาก่อน เพราะในใจเขามองพวกตนเป็นพวกเดียวกันกับหลินสวินแล้ว!
ขณะเดียวกันกู่เหลียงฉวี่ก็ออกคำสั่ง “ซิงเฟิง เนี่ยถู พวกเจ้าสองคนไปแจ้งหลินสวินนั่น จำไว้ว่าอย่าใช้กำลัง จะได้ไม่พูดว่าข้ากู่เหลียงฉวี่รังแกคนรุ่นหลังอย่างเขา หลีกเลี่ยงไม่ให้ผู้คนหยามเหยียด”
ทันใดนั้นก็มีชายสองคนก้าวออกมา
คนหนึ่งร่างเล็กกำยำ ท่าทางดิบเถื่อน ร่างกายเหมือนหล่อจากสำริด ทั้งตัวเต็มไปด้วยกลิ่นอายเลือดเย็นน่ากลัว
อีกคนกลับร่างผอมเหมือนไม้ไผ่ ราวกับพวกหนอนหนังสือ ในมือกำลังโบกพัดเหล็กเล่มหนึ่งไปมา
ฝ่ายแรกชื่อว่าซิงเฟิง ฝ่ายหลังชื่อว่าเนี่ยถู ล้วนเป็นขุนพลระดับกึ่งจักรพรรดิที่เลื่องชื่อลือนามและอยู่ใต้อาณัติกู่เหลียงฉวี่ แต่ละคนล้วนมีพลังน่ากลัว
เห็นดังนี้หลิงเซียวจื่อก็หน้าเปลี่ยนสีอีกครั้ง กล่าวอย่างอดไม่ได้ “พี่กู่ หลินสวินเป็นแค่คนรุ่นหลังคนหนึ่ง ทำไมต้องเอิกเกริกเช่นนี้เล่า”
กู่เหลียงฉวี่เหลือบมองเขาอย่างเฉยชาวูบหนึ่งแล้วกล่าว “บนโลกนี้มีคนรุ่นหลังที่ไหนกล้าสังหารกึ่งจักรพรรดิคนหนึ่ง หลิงเซียวจื่อ ข้านับถือที่หลายปีมานี้เจ้าสร้างผลงานให้กำแพงเมืองด่านจักรพรรดิไม่น้อย ดังนั้นเจ้าก็อย่าทำให้ข้าลำบากใจเลย”
หลิงเซียวจื่อกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง กู่เหลียงฉวี่ก็โบกมือ “เจ้าไม่ต้องพูดแล้ว มิฉะนั้นอย่าหาว่าข้ากู่เหลียงฉวี่ไม่ไว้หน้าเจ้า”
วาจาแข็งกร้าว ไม่เหลือทางให้ถอย
เวลานี้ซิงเฟิงและเนี่ยถูเริ่มเคลื่อนไหวแล้ว
หลิงเซียวจื่อเห็นดังนี้สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นอึมครึมไม่น่าดูขึ้นมา หากไม่ใช่ว่าเขาอยากเลี่ยงความขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้นอีกครั้ง มีหรือเลยจะใส่ใจเรื่องน่ารำคาญพวกนี้
คิดจริงๆ หรือว่าหลินสวินเป็นคนรุ่นหลังที่รังแกได้ง่ายคนหนึ่ง
“อ้อ ใบหิมะน้ำแข็งนั่นมหัศจรรย์เช่นนั้นจริงหรือ”
มีสัตว์ประหลาดเฒ่าคนหนึ่งเล่าเสียงเบา กู่เหลียงฉวี่ฟังจบ บนสีหน้าก็เจือแววประหลาดสายหนึ่ง
“ไม่ผิด สมบัตินั่นอัศจรรย์เกินคาดเดา หากเก็บสมบัตินั้นไว้ที่กำแพงเมืองด่านจักรพรรดิได้ ภายหน้าก็สามารถสร้างประโยชน์อย่างไม่อาจจินตนาการ!”
มีคนเอ่ยปาก แววตาเปล่งประกาย ประโยคเดียวชักนำให้คนไม่น้อยไหวหวั่นทันที
ถ้ามีใบหิมะน้ำแข็งอยู่ เช่นนั้นพวกเขาเหล่าสัตว์ประหลาดเฒ่าก็มีโอกาสเข้าใกล้หนทางบรรลุจักรพรรดิเช่นกัน!
กู่เหลียงฉวี่แววตาวาววาบ กวาดมองคนอื่นแล้วกล่าว “พวกเจ้าก็คิดเช่นนั้นหรือ”
ผู้คนมากมายต่างพยักหน้า
ชายชราชุดดำคนหนึ่งที่หน้าตาผอมแห้ง ท่าทางงามสง่าเอ่ยปากกล่าวตรงๆ “ใต้เท้ากู่ ในความเห็นข้า ครั้งนี้หากเจ้าหนุ่มหลินสวินนี่รับปากมอบสมบัตินี้ให้ ความผิดที่เขาก่อก่อนหน้านี้ก็พอจะพิจารณายกโทษให้ได้บ้าง”
กู่เหลียงฉวี่แค่นเสียงเย็นชา “นักพรตชิวมีความผิดอะไร เขาถูกเจ้าเด็กนี่ฆ่าอย่างเหี้ยมโหด สมบัติชิ้นเดียวก็ละเว้นเจ้าเด็กนี่ได้แล้วหรือ”
ชายชราชุดดำนั่นรีบร้อนกล่าว “โทษตายอาจละเว้น โทษเป็นยากหลบหลีก พวกเราแค่หวังให้โอกาสเจ้าเด็กนี่ทำคุณไถ่โทษ รอเขามอบสมบัติให้แล้วค่อยกำราบเขาและขังไว้หนึ่งพันปีเป็นการลงโทษก็พอ”
พวกสัตว์ประหลาดเฒ่าคนอื่นก็พากันเปิดปาก ทำเหมือนหลินสวินเป็นคนรุ่นหลังที่ทำผิดใหญ่หลวง แต่ยังพอพิจารณายกโทษให้ได้
แน่นอนว่าเงื่อนไขแรกของการยกโทษให้คือ จำเป็นต้องมอบใบหิมะน้ำแข็งนั้นให้ก่อน
‘ไร้สาระ!’
เห็นเหตุการณ์ต่างๆ นี้กับตาตนเอง ซุ่นจี้ ฮูหยินมู่ต่างโกรธจนหน้าอกกระเพื่อมไหว สีหน้าไม่น่าดู
หลิงเซียวจื่อยิ่งควบคุมความเดือดดาลภายในใจไม่อยู่ ตวาดลั่น “หลินสวินมีโทษอะไร พวกเจ้าถึงได้มองเป็นคนผิด”
“พวกเจ้าคิดจริงๆ หรือว่าการตายของนักพรตชิว ทั้งหมดล้วนเป็นความผิดของหลินสวิน”
“เพื่อสมบัติชิ้นเดียวก็กลับดำเป็นขาว ใช้อุบายสกปรกโสมมเช่นนี้มาจัดการคนรุ่นหลังคนหนึ่ง พวกเจ้า… ไม่มียางอายแล้วหรือ!?”
เสียงดั่งฟ้าร้องสะท้อนไปทั่วลาน
หลิงเซียวจื่อโกรธจนผมตั้ง!