Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 1667 ศุภโชคกลั่นแกล้งลั่วทงเทียน
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 1667 ศุภโชคกลั่นแกล้งลั่วทงเทียน
เจ้าแห่งมรรคาสวรรค์ท่าทางโอ้อวด ราวกับบ้าคลั่ง
ชั่วขณะนี้จู่ๆ หลินสวินก็สงบลง
เจ้าแห่งมรรคาสวรรค์ในตอนนั้น จะเป็นคนที่มืดมน เหี้ยมโหด และบ้าคลั่งเช่นนี้ได้อย่างไร
ที่หญิงลึกลับพูดไม่ผิด เขาไม่ใช่เจ้าแห่งมรรคาสวรรค์แล้ว เป็นเพียงประทับเจตจำนงที่รออยู่ที่นี่มาเนิ่นนานอย่างยากลำบากเสี้ยวหนึ่งเท่านั้น
หากเจ้าแห่งมรรคาสวรรค์ยังมีชีวิตอยู่จริงๆ…
จะฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่การ ‘รับศิษย์’ ได้อย่างไร
หรือพูดอีกอย่างหนึ่ง เจตนาที่แท้จริงของเจ้าแห่งมรรคาสวรรค์คือทิ้งประทับเจตจำนงเสี้ยวหนึ่งเอาไว้ ต้องการสืบทอดมรดกวิชาของตนต่อไป
ด้วยเหตุนี้จึงหยุดอยู่ที่ห้องโถงมรรคาสวรรค์แห่งนี้ เพื่อรอผู้มีวาสนาที่เปิดประตูบานนั้นได้
ทว่าเจ้าแห่งมรรคาสวรรค์เองก็คงไม่คิดว่าประทับเจตจำนงเสี้ยวหนึ่งที่เขาทิ้งไว้ หลังผ่านการรอคอยเนิ่นนาน ได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง!
ประทับเจตจำนงเสี้ยวนี้สืบทอดความยึดมั่นต่อเส้นทางดารานิรันดร์ของเจ้าแห่งมรรคาสวรรค์ แต่กลับไม่ได้สืบทอดสภาวะจิตของเจ้าแห่งมรรคาสวรรค์!
หลินสวินสูดหายใจลึกแล้วเอ่ยว่า “หากข้าไม่ยินยอม ต่อให้เจ้าฆ่าข้าก็ไม่มีทางสมปรารถนาได้”
เจ้าแห่งมรรคาสวรรค์หุบยิ้ม จ้องหลินสวินด้วยแววตาเย็นเยียบ “เจ้าจะยินยอมหรือไม่ก็ไม่เป็นไร อีกเดี๋ยวข้าจะใช้สติปัญญาของข้าผสานเข้าไปในจิตของเจ้า ผสานเจตจำนงของข้าเข้าไปในกายหยาบของเจ้า ผสานมรดกของข้าเข้าไปในปราณของเจ้า…”
“พูดง่ายๆ ก็คือ ถึงตอนนั้นเจ้าก็คือข้า ข้าก็คือเจ้า เจ้ากับข้าเป็นอาจารย์กับศิษย์ อยู่ร่วมกันบนโลก ฝึกปราณร่วมกัน ศัตรูของเจ้า ข้าจะสังหารให้ ศัตรูของข้า พวกเราก็สังหารด้วยกัน สุดท้าย… พวกเราจะทะยานสู่ปลายสุดแห่งมหามรรคด้วยกัน ควบคุมหมื่นมรรค กลายเป็นนายเหนือหัวทั่วหล้า!”
แววตาของเจ้าแห่งมรรคาสวรรค์คลั่งขึ้นมาอีกครั้ง ถึงขั้นคลุ้มคลั่ง “ถึงตอนนั้นเจ้าอยากไปจากอาจารย์ อาจารย์ค่อยให้กายหยาบเจ้าร่างหนึ่งก็เพียงพอแล้ว”
ฟังจบทั้งกายใจของหลินสวินล้วนเย็นเยียบ!
นี่เป็นการยึดร่างหรือ
ไม่!
นี่คือการปล่อยให้สติปัญญา จิตใจ และเจตจำนงทั้งหมดของตนคงอยู่ และผสานรวมกับอีกฝ่ายโดยสมบูรณ์ ใช้ร่างเดียวกัน!
เพียงแต่ถึงตอนนั้น ตนจะยังเป็นตนได้อย่างไร
หลินสวินพูดอย่างเย็นเยียบ “ข้าคิดไม่ถึงเลยว่า เป็นถึงเจ้าแห่งมรรคาสวรรค์ ตอนมีชีวิตอยู่เป็นบุคคลทระนงพลิกฟ้าคนหนึ่ง เคยท่องไปทั่วโลก หวังเพียงความพ่ายแพ้เท่านั้น คิดไม่ถึงว่าประทับเจตจำนงที่เขาทิ้งเอาไว้หลังตายกลับเลือกหักหลังเขา น่าเศร้าเหลือเกิน!”
เจ้าแห่งมรรคาสวรรค์สีหน้าเย็นชา กล่าวโดยไม่สะทกสะท้าน “ยั่วยุไปก็ไม่มีประโยชน์ ที่เจ้าพูดไม่ผิด ข้าตอนมีชีวิตอยู่ไม่เหมือนกับข้าในตอนนี้จริงๆ แต่ไม่สำคัญแล้ว ขอเพียงสามารถตีทวารดวงดาวได้อีกครั้ง สังหารขึ้นไปในเส้นทางดารานิรันดร์ แม้ต้องทำผิดต่อคนทั่วหล้าแล้วอย่างไร”
“ศิษย์เอ๋ย นี่เป็นศุภโชคไร้เทียมทานที่เจ้าสมควรจะได้เสพสุข มีข้าผสานอยู่ในร่างของเจ้า เจ้าในอนาคตย่อมสามารถเหยียบทั้งโลกไว้ใต้ฝ่าเท้า!”
พูดถึงตรงนี้เจ้าแห่งมรรคาสวรรค์ก็ยิ้มบางๆ “ศิษย์เอ๋ย รอเจ้าตระหนักได้ถึงพลังที่ข้าให้เจ้า ก็จะไม่เกลียดอาจารย์อีกแน่”
ฟุ่บ!
จู่ๆ เงาร่างของเขาเปลี่ยนเป็นแสงสายหนึ่ง มุดเข้ากลางหว่างคิ้วของหลินสวิน
ชั่วพริบตานี้หลินสวินยังตอบสนองไม่ทันด้วยซ้ำ อีกทั้งถูกควบคุมทั้งร่างย่อมไม่มีทางต่อต้านได้ ทำได้เพียงปล่อยให้ทุกอย่างเกิดขึ้นโดยที่ไม่สามารถทำอะไรได้
ถึงขั้นที่หลินสวินมั่นใจว่า แม้ตนจะต่อต้าน แต่เผชิญกับบุคคลน่ากลัวจนไม่สามารถจินตนาการได้เช่นนี้ เกรงแต่ว่าจะไร้ประโยชน์
ความรู้สึกเจ็บแปลบระลอกหนึ่งแผ่ออกจากจิตวิญญาณ ทำให้หลินสวินไม่อาจคิดมากความ ประหนึ่งถูกเหล็กแหลมฉีกทึ้งจิตวิญญาณ กระแสเย็นเยียบที่น่าหวาดหวั่นหาที่เปรียบไม่ได้พุ่งเข้าไปในจิตวิญญาณ
ในเวลาเดียวกันร่างกายและสภาวะจิตของเขาล้วนมีพลังน่ากลัวเช่นนี้จู่โจมรุกล้ำ หมายยึดครองกายหยาบและช่วงชิงจิตมรรคของเขา!
ที่น่ากลัวที่สุดคือ ตั้งแต่ต้นจนจบหลินสวินไม่มีเรี่ยวแรงจะต่อต้านเลย ทำได้เพียงรับรู้ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นเงียบๆ
ในเวลาที่สติสัมปชัญญะยังนับว่าแจ่มชัด หลินสวินอดเยาะหยันตัวเองไม่ได้ ความลับยิ่งใหญ่ที่หญิงลึกลับรอคอยมานานอย่างยากลำบาก วาสนาที่ตนรอคอยด้วยใจที่เต็มไปด้วยความหวัง
สุดท้ายกลับเป็นมหัตภัย!
ใครจะคาดคิดได้
ความรู้สึกเจ็บปวดจากการถูกฉีกทึ้งอันทรมานอย่างที่สุดค่อยๆ พวยพุ่งในจิตวิญญาณ กายหยาบ และสภาวะจิตโดยพร้อมเพรียง ทำให้การรับรู้ของหลินสวินเริ่มเลื่อนราง
ความรู้สึกนั่น ช่างเป็นความไร้เรี่ยวแรงและไร้ที่พึ่งอย่างไม่สามารถอธิบายได้!
วู้ม…
ทันใดนั้นตรงหน้าอกของหลินสวิน ชีพจรปราณวิญญาณต้นกำเนิดเกิดระลอกคลื่นคลุมเครือที่แปลกประหลาดและร้อนระอุ แผ่ซ่านออกไป
แทบจะในเวลาเดียวกัน เสียงร้องที่เต็มไปด้วยความตะลึง งุนงง และเดือดดาลของเจ้าแห่งมรรคาสวรรค์ก็ดังขึ้น…
“หุบเหวกลืนกิน! ไม่ เป็นไปได้อย่างไร นี่มันเป็นไปได้อย่างไร!?”
การรับรู้ที่เดิมเลือนรางของหลินสวินพลันกระจ่างขึ้นมาเล็กน้อย มองเห็นความหวังเสี้ยวหนึ่ง
หรือพลังพรสวรรค์ของตน มีพลังที่สามารถทำให้ประทับเจตจำนงของเจ้าแห่งมรรคาสวรรค์หวาดกลัวได้?
การจู่โจมที่น่าสะพรึงกลัวทั้งหมดล้วนหยุดชะงักในชั่วขณะนี้
เจ้าแห่งมรรคาสวรรค์ราวกับเจอเรื่องน่ากลัวที่สุดในโลก ในเสียงแฝงความสั่นสะเทือนเสี้ยวหนึ่ง เหมือนยากจะเชื่อ และเหมือนไม่อยากยอมรับ
“เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้! เด็กคนนี้เขา… เขาถึงกับเป็น… ทายาทของข้าลั่วทงเทียน…”
ตูม!
ทันใดนั้นหลินสวินก็เหมือนถูกฟ้าผ่า
ลั่วทงเทียนหรือ
ทายาท?
หรือเจ้าแห่งมรรคาสวรรค์… เป็นบรรพบุรุษของสายเลือดฝั่งมารดาตนลั่วชิงสวิน
นี่เหนือความคาดหมายเกินไป ทำให้หลินสวินที่เดิมการรับรู้เลือนราง รู้สึกว่างเปล่าและงงงันไปหมดทั้งตัว
คนที่คิดยึดครองทุกสิ่งของตนกลับเป็น… ญาติของตนหรือ
เรื่องเหลวไหลในโลกหล้า ศุภโชคกลั่นแกล้งคน ก็ไม่พ้นเป็นเช่นนี้!
“สวรรค์ชั่ว!!! เจ้าทำให้ข้าพ่ายแพ้อนาถในเส้นทางดารานิรันดร์ แล้วยังทำลายความหวังในการแก้แค้นเสี้ยวสุดท้ายของข้า น่าชังนัก!”
เสียงของเจ้าแห่งมรรคาสวรรค์แฝงความเดือดดาล โศกเศร้า และชิงชังอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
คาดว่าแม้แต่เขาก็คงคิดไม่ถึง ว่าคนรุ่นหลังที่ตนรอคอยมาเนิ่นนานกว่าจะเปิดประตูเข้ามาได้ในที่สุด ในกายกลับ…
มีสายเลือดของเขาไหลอยู่!
“นี่คือจุดจบของการเปิดทวารดวงดาวหรือ เป็นการแก้แค้นข้าลั่วทงเทียนหรือ มิฉะนั้นเหตุใดจึงกำหนดให้เจ้าหมอนี่เป็นคนเปิดประตูเข้ามา เพราะเหตุใด!?”
“น่าชังนัก ข้าไม่เชื่อ! ข้าไม่ใช่ลั่วทงเทียนแล้ว เป็นเพียงความยึดมั่นเสี้ยวหนึ่ง ยิ่งไปกว่านั้น… ข้าจะถ่ายทอดต่อไปให้คนรุ่นหลัง!”
“ใช่ ข้ากำลังถ่ายทอดมรรค มีเพียงคนรุ่นหลังของข้า จึงคู่ควรบุกสังหารขึ้นเส้นทางดารานิรันดร์กับข้าอีกครั้ง!”
เจ้าแห่งมรรคาสวรรค์คำรามก้อง ลมหายใจถี่กระชั้น ตกอยู่ในสภาวะปานบ้าคลั่ง
ตูม!
แทบจะในเวลาเดียวกัน ความเจ็บปวดรุนแรงที่น่าสะพรึงกลัวนั่นปะทุขึ้นอีกครั้ง ทำเอาหลินสวินเกือบหมดสติไป เขาตะลึงและเข้าใจอย่างสิ้นเชิงแล้ว
แม้เจ้าแห่งมรรคาสวรรค์จะมีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกับตน แต่เจ้าแห่งมรรคาสวรรค์ในตอนนี้ ไม่ใช่เขาในตอนนั้นอีกต่อไปแล้ว!
เพื่อบุกสังหารขึ้นไปยังเส้นทางดารานิรันดร์อีกครั้ง ความยึดมั่นที่หักหลังเจ้าแห่งมรรคาสวรรค์อย่างสิ้นเชิงเสี้ยวนี้ เห็นได้ชัดว่าจะลงมือกับตนโดยไม่สนใจอะไรทั้งนั้นแล้ว
ฮูม…
ชีพจรปราณวิญญาณต้นกำเนิดเปล่งแสง โคจรคลื่นแปลกประหลาดและคลุมเครือ
เพียงแต่กลับไม่สามารถต่อต้านการจู่โจมของพลังน่ากลัวเสี้ยวนั้นได้อีก ความรู้สึกไร้ที่พึ่งและไม่จำยอมพวยพุ่งในใจหลินสวินอีกครั้ง
เรื่องที่เหลวไหลโหดร้ายที่สุดบนโลกนี้กลับเกิดขึ้นกับตน นี่ทำให้หลินสวินไม่รู้ว่าควรอธิบายความรู้สึกตอนนี้อย่างไรดี
“เจ้าหนุ่ม ในเมื่อเจ้าเป็นลูกหลานของข้า ก็ยิ่งควรรู้ดีว่าข้าทำเช่นนี้มีแต่จะดีกับเจ้า และไม่มีทางทำร้ายเจ้า!”
“รอในอนาคตข้ากลายเป็นนายเหนือหัวหนึ่งเดียวในโลก ก็จะคืนทุกสิ่งให้กับเจ้า ยิ่งไปกว่านั้นคือให้เจ้าร่วมเสพสุขในอมตะนิรันดร์พร้อมกับข้า!”
เสียงของเจ้าแห่งมรรคาสวรรค์แหบพร่าและต่ำลึก เห็นได้ชัดว่าสติกลับมาเยือกเย็นอีกครั้ง ในคำพูดแฝงความรู้สึกผิด และเจือความแน่วแน่ที่ไม่บรรลุเป้าหมายจะไม่หยุดเด็ดขาด
“ข้าไม่ใช่ลูกหลานของเจ้า เจ้าเป็นแค่ความยึดมั่นที่หักหลังตัวเอง เป็นหมาบ้าสารเลวตัวหนึ่ง!”
หลินสวินกัดฟันก่นด่ายกใหญ่
สติของเขาก็เริ่มปรากฏสัญญาณพังทลาย การรับรู้เริ่มเลือนราง กำลังจะยืนหยัดไม่ไหวแล้วจริงๆ
“เหอะ เย่อหยิ่งจริงๆ ช่างสมกับที่เป็นลูกหลานของข้าลั่วทงเทียน!”
เจ้าแห่งมรรคาสวรรค์ชื่นชม
เพียงแต่การกระทำของเขากลับยิ่งบ้าคลั่งกว่าเดิม
หุบเหวกลืนกิน เขาในตอนนั้นก็มีเช่นกัน ปละเพราะอาศัยมรรคนี้ ทำให้เขาช่วงชิงหมื่นมรรคทั่วหล้ามาใช้ สังหารศัตรูสำคัญคนแล้วคนเล่าจนพ่ายแพ้!
และเพราะรู้ความเร้นลับของหุบเหวกลืนกินเป็นอย่างดี ตอนนี้หลังจากเขาสงบลงแล้วกลับเกิดความคิดใหม่…
นี่ หรือว่าสวรรค์ช่วยข้า
ต้องใช่แน่!
บางทีสวรรค์อาจจะทนเห็นข้าพ่ายแพ้ไม่ได้ หมายจะช่วยข้าอีกแรง ให้บุกขึ้นเส้นทางดารานิรันดร์อีกครั้ง!
เห็นอยู่ว่ากำลังจะทะลวงเข้าไปในพลังชีพจรปราณวิญญาณต้นกำเนินของหลินสวิน ยึดครองจิตใจ จิตวิญญาณ เจตจำนงทั้งหมดของเขาได้แล้ว
จู่ๆ กลิ่นอายแปลกประหลาดที่เงียบสงบและไพศาลก็ปรากฏในร่างหลินสวิน
พริบตานี้การกระทำของเจ้าแห่งมรรคาสวรรค์หยุดชะงักไป พลังที่แพร่กระจายอยู่ในตัวหลินสวินก็ราวกับตกใจ พลันรวมตัวอยู่ในตำแหน่งเดียว
“ใคร!”
เจ้าแห่งมรรคาสวรรค์ตะเบ็งเสียง ตอนนี้พลังของเขายึดครองอยู่ในสภาวะจิตของหลินสวิน ทว่าไม่ว่าจะสำรวจอย่างไรกลับไม่พบที่มาของกลิ่นอายแปลกประหลาดเสี้ยวนั้น
วู้ม…
ทว่าไม่นานก็มีอักษรโบราณลึกลับสีเขียวอร่ามตัวแล้วตัวเล่าราวกับหลอมจากมหามรรค ดุจฝันดั่งมายา ปรากฏขึ้นมาในสภาวะจิตของหลินสวิน
‘ยาตรานภสินธุ์ ย่ำแดนดินคุนหลุนผา’
‘เกี่ยวตะวันแลจันทรา กอบกุมไว้ทั่วอัมพร’
‘ข้าจากมรรตยะ เคาะประตูสู่อมร’
‘ทางเร้นเห็นสันดร มรรคประทานผู้มีบุญ’
นี่คือมรรคคาถาบทหนึ่ง แสงศักดิ์สิทธิ์และไพศาลพรั่งพรู ทว่าเมื่อตกต้องในตาของเจ้าแห่งมรรคาสวรรค์ กลับประหนึ่งพบเจอบุคคลที่น่ากลัวที่สุดในโลก
เขาส่งเสียงคำรามออกมาอย่างเดือดดาล “มรดกมรรคคาถา เจ้าสารเลวคนไหนถึงกับกล้าทิ้งประทับเช่นนี้ไว้ในร่างลูกหลานของข้าลั่วทงเทียน”
มรดกมรรคคาถาเป็นประทับที่หลงเหลือจากการถ่ายทอดวิชามรรค เป็นตัวแทนแห่งการยอมรับศิษย์ของอาจารย์ การมีมรรคคาถานี้ก็เท่ากับเป็นผู้สืบทอดที่ถูกต้องของเจ้าของมรรคคาถา!
“ประทับเจตจำนงเล็กจ้อยอันหนึ่ง กลับหมายจะฝืนชิงมรรควิถีของผู้สืบทอดคีรีดวงกมลของข้า ไม่รู้จักประมาณตนไปหน่อยแล้ว”
“ถอยไป!”
เสียงหัวเราะเปี่ยมชีวิตชีวาปานสายลมพัดดังขึ้น เสียงนั้นดุจดั่งมรรค คลุมเครือไร้ร่องรอย!
เสียงยังไม่ทันจบลง มรรคคาถาที่สะท้อนในสภาวะจิตของหลินสวินก็เหมือนกลายเป็นแหขนาดใหญ่ที่ประกอบจากอักษรมรรค ปกคลุมลงมายังพลังของเจ้าแห่งมรรคาสวรรค์
ตูม!
เจ้าแห่งมรรคาสวรรค์ถอยห่างอย่างไม่ลังเล เขาสัมผัสได้ถึงอันตรายร้ายแรง หากไม่ถอยจะต้องถูกกักขังและทำลายล้างในชั่วพริบตาแน่!
ฮูม…
ครู่ต่อมาเงาร่างของเจ้าแห่งมรรคาสวรรค์ก็ปรากฏนอกร่างกายของหลินสวิน เพียงแต่สีหน้าคล้ำเขียวและเหี้ยมโหดอย่างที่สุดแล้ว
แทบจะในทันที เขาพลันมองเห็นเจดีย์สมบัติที่ประหนึ่งหล่อขึ้นจากทองเทพโฉบออกจากร่างของหลินสวิน ลอยล่องกลางห้วงอากาศ เปล่งแสงสว่างไสว!
—