Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 1705 ลายสมบัติบริสุทธิ์
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 1705 ลายสมบัติบริสุทธิ์
แดนหลอมสมบัติ
ระหว่างทางที่ทะยานไป ไอมรรคหลอมสมบัติที่แปลงเป็นรูปปักษาเพลิงแปรสภาพเป็นละอองแสง หลอมรวมเข้าไปในดาบหักที่ขาวเปล่งปลั่งดุจหิมะ
วิ้ง!
เสียงวิ้งอัศจรรย์ที่ดาบหักแผ่ออกมาราวกับเสียงร้องกังวานอันตื่นเต้นดีใจ
ใช้เวลาเพียงชั่วพริบตา ท่ามกลางสายตาจับจ้องของหลินสวิน คุณลักษณะของดาบหักก็เพิ่มขึ้นอีกช่วงใหญ่!
ละอองแสงดั่งมายาดุจภาพฝันเป็นสายๆ หลั่งรินอยู่กลางคมดาบ กลิ่นอายที่แผ่ออกมากลับดุร้ายท่วมฟ้า!
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าไอมรรคหลอมสมบัตินี้ไม่ธรรมดายิ่ง ผลลัพธ์ในการเพิ่มพูนคุณลักษณะของดาบหักน่าตกตะลึงนัก
“หืม?”
หลินสวินสังเกตได้ว่าพื้นผิวของดาบหักถึงกับมีลายมรรคสีทองลายหนึ่งปรากฏขึ้นอย่างเลือนราง ราวกับมังกรใหญ่สีเหลืองทองจำศีลอยู่ภายในนั้น อบอวลไปด้วยกลิ่นอายกฎเกณฑ์น่ากลัวปะทะเข้ามา
“ลายสมบัติบริสุทธิ์!”
อาหูตกตะลึง หน้าเปลี่ยนสีไม่หยุด “ตามคำร่ำลือ มีเพียงกำราบสิ่งของฟ้าประทานหลอมเป็นศาสตราอริยะบริสุทธิ์เท่านั้น ถึงมีโอกาสบ่มเพาะ ‘ลายสมบัติบริสุทธิ์’ ได้ นี่หมายความว่าสมบัตินี้มีศักยภาพแฝงที่จะให้กำเนิดวิญญาณอาวุธได้แล้ว!”
“อย่างนี้นี่เอง”
หลินสวินสีหน้าเข้าใจฉับพลัน
เขาก็เคยได้ยินเรื่องลายสมบัติบริสุทธิ์มาก่อน
สมบัติอริยะบนโลกแบ่งคร่าวๆ เป็นสองประเภทใหญ่ ประเภทหนึ่งคือสมบัติอริยะธรรมดา อีกประเภทหนึ่งคือศาสตราอริยะบริสุทธิ์
สมบัติอริยะธรรมดาพบเห็นได้ทั่วไป ผู้มีระดับอริยะแท้ทั่วไปต่างครอบครองสมบัติอริยะชั้นนี้ไม่มากก็น้อย อานุภาพจะมากหรือน้อยเกี่ยวข้องกับคุณลักษณะของตัวสมบัติอริยะเอง
ความยอดเยี่ยมในอานุภาพของสมบัติอริยะพิเศษบางชิ้นก็แข็งแกร่งเกินจินตนาการ
เช่นกระบี่อเวจีกับกระบี่ยอดสังหารที่อยู่ในมือหลินสวินก็ถือเป็นสมบัติอริยะฟ้าประทาน มีอานุภาพน่าเหลือเชื่อ
แต่ศาสตราอริยะบริสุทธิ์พิถีพิถันนัก ไม่เพียงหายาก ตอนหลอมยังยุ่งยากหาใดเทียบ จำเป็นต้องมีวาสนาและจุดเปลี่ยน
ปกติแล้วอานุภาพของศาสตราอริยะบริสุทธิ์แข็งแกร่งยิ่งกว่าสมบัติอริยะทั่วไปในระดับเดียวกันมาก อีกทั้งยังสอดรับกับการปลดปล่อยศักยภาพแฝงทั้งหมดของตัวผู้ฝึกปราณออกมาอย่างสมบูรณ์แบบ
จุดนี้เป็นสิ่งที่สมบัติอริยะชิ้นอื่นไม่อาจเทียบเคียงได้อย่างยิ่ง
ที่สำคัญที่สุดก็คือขอเพียงหลอมและฟูมฟักไม่หยุด อานุภาพกับคุณลักษณะของศาสตราอริยะบริสุทธิ์จะเพิ่มสูงขึ้นทีละน้อยไปด้วย
เมื่อควบรวมลายสมบัติบริสุทธิ์ออกมาได้ อานุภาพของมันก็จะแปรสภาพถึงแก่น อานุภาพเปลี่ยนแปลงชนิดพลิกฟ้าดินไปด้วย!
เมื่อควบรวมลายสมบัติบริสุทธิ์ได้ลายหนึ่ง ยามใช้ศาสตราอริยะบริสุทธิ์ในการต่อสู้ ก็จะทำให้พลังต่อสู้ของผู้ฝึกปราณเพิ่มสูงขึ้นราวหนึ่งในร้อยส่วน
อย่ามองว่าเพียงแค่หนึ่งในร้อยส่วน อย่างไรพลังต่อสู้ของผู้ฝึกปราณเดิมทีก็มีขีดจำกัด ต่อให้เพิ่มสูงขึ้นมาเพียงนิดเดียวยังเป็นไปได้สูงยิ่งที่จะพลิกสถานการณ์ชี้เป็นชี้ตายได้!
เมื่อควบรวมลายสมบัติบริสุทธิ์ได้สิบลาย พลังต่อสู้ของศาสตราอริยะบริสุทธิ์ก็จะแปรสภาพอีกครั้ง สามารถทำให้พลังต่อสู้ของผู้ฝึกปราณเพิ่มสูงขึ้นหนึ่งในสิบส่วน
เมื่อควบรวมลายสมบัติบริสุทธิ์ได้หนึ่งร้อยลาย พลังต่อสู้ของศาสตราอริยะบริสุทธิ์ก็จะแปรสภาพเป็นระดับใหม่ เริ่มก่อกำเนิด ‘ครรภ์วิญญาณอาวุธ’ สามารถทำให้พลังต่อสู้ของผู้ฝึกปราณเพิ่มสูงขึ้นหนึ่งเท่า!
ความจริงเรื่องนี้คล้ายกับการทะลวงระดับของผู้ฝึกปราณ เพียงแต่การเลื่อนระดับของศาสตราอริยะบริสุทธิ์ใช้ลายสมบัติบริสุทธิ์เป็นระดับขั้น เป้าหมายสุดท้ายคือการควบรวม ‘วิญญาณอาวุธ’!
วิญญาณอาวุธมีสติปัญญา สภาวะจิต พลังปราณ และพลังต่อสู้ แทบจะไม่ต่างกับผู้ฝึกปราณจริงๆ คนหนึ่ง
แต่วิญญาณอาวุธพบเห็นได้ยากยิ่งนัก ในบรรดาศาสตราอริยะบริสุทธิ์นับพัน ยากจะมีสักชิ้นที่ฟูมฟักวิญญาณอาวุธออกมาได้
แต่ขอเพียงมีวิญญาณอาวุธ อานุภาพที่ปลดปล่อยออกมายามต่อสู้ย่อมน่ากลัวเกินจินตนาการ!
อย่างวิญญาณอาวุธของธนูวิญญาณไร้แก่นสารนามว่าอู้เชวีย สมัยอยู่ที่หุบเขาตะวันคล้อย สังหารราชันอริยะได้ง่ายดายเหมือนเชือดไก่ ดุร้ายหาใดเทียบ
หรืออย่าง ‘เฟยหลัน’ ที่กลายร่างมาจากผีเสื้อราตรีสีเลือด ตามคำพูดของอู้เชวีย เดิมทีก็เป็นวิญญาณอาวุธของ ‘ระฆังมหามรรครวมศูนย์’
และเฟยหลันก็กำลังเสาะหาจุดเปลี่ยนแจ้งมรรคบรรลุจักรพรรดิ!
นี่ก็คือความน่ากลัวของวิญญาณอาวุธ
“พี่หลิน ดาบหักของเจ้าเล่มนี้ได้มาจากไหน”
อาหูอดไม่ได้เอ่ยปากถาม
ในใจหลินสวินไหววูบ ตอนทดสอบด่านที่เก้าของทางเดินเมฆาหยกในห้องโถงมรรคาสวรรค์ที่จักรวรรดิจื่อเย่า เขาเคยถูกเคลื่อนย้ายเข้าไปเคี่ยวกรำในสถานที่ที่เรียกว่าแดนวิญญาณโบราณ
สมบัติในมืออย่างดาบหัก น้ำเต้าหลอมวิญญาณที่ผนึกโลหิตม่วงหนึ่งหยด หนอนกินเทพเสี่ยวอิ๋น เขาราหู ล้วนได้มาจาก ‘แดนวิญญาณโบราณ’
ด้วยประสบการณ์ที่เพิ่มพูนขึ้นในหลายปีมานี้ หลินสวินกล้าตัดสินแล้วว่าแดนวิญญาณโบราณนั้นต้องไม่อยู่ในดินแดนรกร้างโบราณ!
แต่แดนวิญญาณโบราณอยู่ที่ไหนกันแน่ แม้แต่หลินสวินเองยังไม่อาจชี้ชัดได้
เพราะห้องโถงมรรคาสวรรค์เป็นสิ่งที่เจ้าแห่งมรรคาสวรรค์ลั่วทงเทียนเหลือทิ้งไว้ และลั่วทงเทียนก็เป็นผู้ไร้เทียมทานที่มาจากฟากฝั่งฟ้าดาราคนหนึ่ง!
ตอนนั้นลั่วทงเทียนก็เคยเข้าไปใน ‘แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์’ เพียงแต่ ‘แดนวิญญาณโบราณ’ แห่งนี้อยู่ที่ฟากฝั่งฟ้าดารา หรือเป็นสถานที่สักแห่งในโลกหล้าของทางเดินโบราณฟ้าดารา แม้แต่หลินสวินยังไม่กล้าคาดเดาสุ่มสี่สุ่มห้า
“อาหูเจ้าดูอะไรออกไหม”
หลินสวินเอ่ยถาม
“สมบัตินี้ไม่สมบูรณ์ เหลือเพียงคมดาบท่อนหนึ่ง เดิมทีปลายดาบของมันเป็นตำแหน่งที่สำคัญที่สุด แต่กลับหายไป ทว่าต่อให้เป็นเช่นนี้ก็ยังมีกลิ่นอายอัศจรรย์น่าเหลือเชื่อเพียงนี้ แค่คิดก็รู้ว่าหากสมบัตินี้สมบูรณ์จะต้องไม่ธรรมดาแน่”
ดวงตางดงามของอาหูปรากฏแววครุ่นคิด “อีกอย่าง ที่ประหลาดที่สุดคือสมบัตินี้ไม่สมบูรณ์ชัดๆ แต่ความรู้สึกที่มอบให้ข้ากลับมี ‘ความสมบูรณ์’ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ‘ลายสมบัติบริสุทธิ์’ ลายนี้”
ในที่สุดสายตาของนางก็มองไปที่หลินสวิน แล้วสันนิษฐานออกมาว่า
“ข้าสงสัยว่าสมบัตินี้แปรสภาพเป็นวิญญาณอาวุธนานแล้ว เพียงแต่เพราะเหตุผลบางอย่าง ลายสมบัติบริสุทธิ์ของสมบัตินี้จึงถูกผนึกไว้มาตลอด มีเพียงดูดซับพลังของไอมรรคหลอมสมบัติ ถึงได้เผยให้เห็นลายสมบัติบริสุทธิ์ที่ถูกผนึกไว้เหล่านั้นทีละลาย”
หลินสวินแววตาวูบไหว จมสู่ภวังค์ความคิด
ดาบหักไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน เดิมตัวมันก็ประทับด้วยรอยประทับมรดกอย่าง ‘ปฐม’ ‘ยอด’ ‘สังหาร’ อานุภาพมหาศาลหาใดเทียบ
ก่อนหน้านี้เขาคิดมาตลอดว่าดาบหักไม่สมบูรณ์ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า… ตนจะเข้าใจผิดมาตลอดเสียแล้ว
‘ถ้าลายสมบัติบริสุทธิ์ถูกผนึกไว้ ส่วนที่ขาดหายไปของดาบหักจะไม่ได้สูญหายไปจริงๆ แต่อยู่ในผนึกด้วยหรือไม่’
หลินสวินคิดถึงตรงนี้ พอมองดูดาบหักอีกครั้ง สายตาก็เจือความซับซ้อนเล็กน้อย
“ผู้สืบทอดสำนักใหญ่ที่เข้ามาในแดนหลอมสมบัติพวกนั้น ก็มาเพื่อยกระดับอานุภาพของศาสตราอริยะบริสุทธิ์เช่นกัน เจ้าจะถือโอกาสนี้ลองดูก็ได้”
อาหูเอ่ยเสนอแนะ
หลินสวินพยักหน้า
ในช่วงเวลาต่อมาทั้งสองท่องไปในแดนหลอมสมบัติ เสาะหาไอมรรคหลอมสมบัติ สถานการณ์สงบราบเรียบ ไม่มีเหตุไม่คาดฝันตลอดทาง
และในขณะเดียวกัน ข่าวที่หลินสวินสังหารผู้สืบทอดเรือนมรรคจักรวาลเยี่ยนฉุนจวินก็เริ่มกระจายไปในแดนหลอมสมบัติ
ก่อให้เกิดเสียงฮือฮาและความตื่นเต้นไม่รู้เท่าไรในทันใด
“เจ้าหมอนี่พลังต่อสู้น่ากลัวปานนี้เชียวหรือ”
“ต้องระวังแล้ว ถ้าเจอเจ้าหมอนี่หลบได้ให้หลบ เลี่ยงไม่ปะทะกับเขาอย่างเต็มที่”
“ไหนจะผู้หญิงที่ชื่ออาหูซึ่งอยู่ข้างๆ เขาคนนั้นอีก โจมตีเบาๆ ด้วยดาบเดียวก็สังหารผู้สืบทอดเขากระบี่ต้าหลัวเว่ยจื่อหยาได้ น่ากลัวถึงนี่สุด ไม่อาจดูเบาได้”
คำวิพากษ์วิจารณ์ทำนองนี้เริ่มดังขึ้นในหมู่ผู้แข็งแกร่งที่มาจากขุมอำนาจต่างๆ ของทางเดินโบราณฟ้าดาราเหล่านั้น
“เยี่ยนฉุนจวินกับเว่ยจื่อหยาตายหมดแล้ว แม้แต่เหวินฉิงเสวี่ยยังไม่ได้รั้งเขาไว้…”
เมื่อได้รู้ข่าวเหล่านี้ จีเฉียนผู้สืบทอดสำนักยุทธ์เสวียนจีก็ชะงักไปทันที ความหนาวสะท้านที่ไม่อาจข่มลงปรากฏขึ้นในใจ
“ศิษยพี่ใหญ่ นี่… เป็นความจริงหรือ”
ดวงตาวาววามทั้งสองของเจียงเหิงก็เบิกกว้าง รู้สึกตื่นตะลึงและประหลาดใจ
“ข่าวกระจายมาจากศิษย์เรือนมรรคยุทธจักร ย่อมไม่มีทางเป็นเท็จไปได้”
จีเฉียนขมวดคิ้วแน่น “คราวนี้ยุ่งยากแล้ว ด้วยพลังต่อสู้ของข้า อย่างมากก็เทียบได้กับเยี่ยนฉุนจวินเท่านั้น ต่อให้ใช้ไพ่ตายก็เกรงว่าจะไม่ไหว ควรรู้ว่าในมือของคนอย่างเยี่ยนฉุนจวินจะไม่มีไพ่ตายน่ากลัวได้อย่างไร แต่สุดท้ายเขาก็ยังตายไป”
เขารู้สึกกลัดกลุ้มอยู่บ้าง
ตอนแรกเขาก็มองหลินสวินเป็นเหยื่อล่า ไม่เพียงเพื่อระบายแค้นแทนเจียงเหิง ยังหมายปองเจดีย์มหามรรคไร้สิ้นสุดกับป้ายคำสั่งเซียนเหินในมืออีกฝ่าย
แต่ตอนนี้…
เขากลับรู้สึกว่าต่อกรได้ยากเสียแล้ว!
ในใจเจียงเหิงกลับไม่พอใจมาก กัดฟันเข่นเขี้ยวเอ่ยว่า “น่าชังนัก เจ้าหัวขโมยที่มาจากดินแดนรกร้างโบราณคนหนึ่ง เหตุใดถึงแข็งแกรงปานนี้ได้!”
เงาร่างหนึ่งปรากฏขึ้นอย่างเงียบเชียบ คิ้วกระบี่เนตรดารา หล่อเหลาสง่างาม ที่เอวเสียบบรรทัดหยกไผ่เขียวเล่มหนึ่งไว้ ราวกับนักพรตหนุ่มที่อ่านตำราปราชญ์เมธีคนหนึ่ง
“พี่เมิ่ง!”
จีเฉียนอึ้งไป จากนั้นพลันกุมมือคารวะ
ในขณะเดียวกันก็รีบร้อนสื่อจิตให้เจียงเหิง ‘ศิษย์น้อง ท่านนี้คือเมิ่งอี้ ทายาทเลือดบริสุทธิ์เผ่านักรบฉงฉี’
เนตรกระจ่างของเจียงเหิงหดเกร็ง
เผ่านักรบฉงฉี หนึ่งในสิบเผ่านักรบใหญ่ฟ้าดารา นิสัยใจคอของคนเผ่านี้ล้วนขึ้นชื่อเรื่องความโหดเหี้ยม กระหายเลือด ชื่นชอบการต่อสู้ ภูมิหลังเก่าแก่ทรงอำนาจเป็นที่สุด
แต่เมิ่งอี้คนนี้กลับแตกต่าง เขานิสัยใจคอรักสงบ ทรงภูมิดั่งหยกประหนึ่งนักปราชญ์
บนทางเดินโบราณฟ้าดารา น้อยคนนักที่จะเคยเห็นเมิ่งอี้ลงมือ ทั้งยังไม่มีใครรู้ว่าพลังต่อสู้ของเขาแข็งแกร่งแค่ไหน แต่ชื่อของเขาครองตำแหน่งที่หกสิบหกบนกระดานมหาอริยะฟ้าดาราไว้มั่นมาตลอด สะดุดตาหาใดเทียบ
เพราะอันดับนี้ยังเคยทำให้ผู้แข็งแกร่งมากมายในทางเดินโบราณฟ้าดารากังขา
สำหรับเรื่องนี้ คนใหญ่คนโตของเรือนมรรคโลกาสวรรค์คนหนึ่งตอบกลับมาประโยคเดียวว่า ‘เมิ่งอี้คนนี้เหมือนกระบี่ในหีบ ยามคมกระบี่ออกจากฝักต้องสะท้านฟ้าดาราได้แน่!’
และจนถึงตอนนี้ก็ไม่มีใครกล้าสงสัยอีก
เพราะทุกถ้อยคำที่เรือนมรรคโลกาสวรรค์เอ่ยออกมา ล้วนเป็นตัวแทนแห่งอำนาจสูงสุด
เมื่อได้รู้ว่าคนตรงหน้าก็คือเมิ่งอี้ ‘คนผ่าเหล่าผ่ากอ’ ของเผ่านักรบฉงฉี ในใจเจียงเหิงก็ไหวกระเพื่อมไปครู่หนึ่ง นางคิดไม่ถึงว่าคนลึกลับเช่นนี้จะถึงกับมาที่แหล่งสถานคุนหลุนด้วย!
“พี่จี ไม่ได้พบกันนานเลย”
เมิ่งอี้เอ่ยปากพร้อมรอยยิ้ม จากนั้นก็หันไปพยักหน้าให้เจียงเหิงเป็นการทักทาย
เขาหยุดไปครู่แล้วเอ่ยต่อว่า “ที่มาเองโดยไม่ได้เชิญ เพียงต้องการทราบเรื่องผู้ร่วมมรรคนามหลินสวินผู้นั้นจากพี่จี”
“หรือพี่เมิ่งก็ทำเพื่อป้ายคำสั่งเซียนเหินในมือเจ้าหมอนี่เหมือนกัน”
จีเฉียนเอ่ยอย่างประหลาดใจ
เมิ่งอี้พยักหน้าพูดว่า “ข้ามาแหล่งสถานคุนหลุนคราวนี้ ต้องการไปสถานที่ผนึกแห่งหนึ่ง เพียงแต่ที่นั่นอันตรายเกินไป ต้องมีป้ายคำสั่งเซียนเหินถึงจะเปลี่ยนร้ายกลายเป็นดีได้”
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้”
จีเฉียนพยักหน้า เขาลังเลเล็กน้อยแล้วพูดว่า “พวกเราก็หมายตาเจ้าหมอนี่พอดี พี่เมิ่งมาเคลื่อนไหวกับพวกเราดีไหม”
เมิ่งอี้เอ่ยอย่างพอใจว่า “ถ้าเป็นเช่นนี้ได้จะดียิ่งนัก”
อีกด้านหนึ่งเจียงเหิงเห็นภาพเช่นนี้เข้ายังรู้สึกเหมือนฝันไป
ชายหนุ่มที่สง่างามทรงภูมินุ่มนวลเช่นนี้ เป็นลูกหลานเผ่านักรบฉงฉีที่ขึ้นชื่อว่าโหดเหี้ยมกระหายเลือด และชอบการต่อสู้จริงหรือ
ผ่าเหล่าผ่ากอเกินไปแล้ว