Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 1721 เดือดดาลจนเสียสติ
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 1721 เดือดดาลจนเสียสติ
แสงสีแพรวพราวเป็นสายๆ โรยร่วงลงมา อาบชโลมเงาร่างของอาหูไว้ภายใน เจือประกายพิสุทธิ์ศักดิ์สิทธิ์
นัยน์ตาหลินสวินหดรัด
เขาเงยหน้าขวับ จ้องมองอย่างละเอียด ไม่นานก็ชี้ที่มาของแสงสายนี้ได้
นั่นคือท้อแบนเขียวขาวราวหยกผลหนึ่ง ขนาดเท่ากำปั้น หลบเร้นแต่ขับเน้นซึ่งกับและกันอยู่ท่ามกลางกิ่งใบ ผิวที่โปร่งใสแวววาวรินประกายศักดิ์สิทธิ์เข้มข้นเป็นสายๆ ลงมา
เมื่อมองดูอาหูอีกที นางหลับตาสนิท ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น กลิ่นอายไหววูบ ดุจดั่งภิกษุเฒ่าเข้าฌาน สภาพเดียวกับพวกชายชุดฟ้าที่สะพายกระบี่โบราณไม่มีผิด
หลินสวินมุ่นคิ้ว ทอดสายตามองดูอาหู แล้วมองศิลาไม้เขียวแผ่นนั้นที่อยู่อีกด้าน
ชีวิตเลื่อนลอยราวฝันมายา ชะตามนุษย์กี่วสันตสารท!
เขากล้าฟันธง หากตนก็ท่องประโยคนี้ออกมาเหมือนกับอาหู จะต้องเกิดเหตุประหลาดเช่นนี้ขึ้นแน่นอน
เพียงแต่เหตุประหลาดนี่ดีหรือไม่ดีกันแน่
สายตาหลินสวินมองไปยังส่วนล่างของต้นไม้วิเศษต้นนั้น ใต้แสงหมอกขมุกขมัวที่ปิดครอบ เต็มไปด้วยซากโครงกระดูกขาวเกลื่อนกล่น!
ตอนยังมีชีวิตซากโครงกระดูกเหล่านี้ก็ผ่านเหตุการณ์ประหลาดเช่นนี้เหมือนกันใช่หรือไม่
หืม?
ทันใดนั้นหลินสวินเห็นว่าร่างที่ยืนอยู่ไม่ไกลร่างหนึ่ง จู่ๆ ก็ส่งเสียงหัวเราะลั่นคล้ายชอบใจออกมา
เขาหน้าตาเหมือนเด็กหนุ่ม ผมขาวชุดผ้าป่าน ผมมัดเป็นมวยเช่นนักพรต แม้แต่ตอนที่หัวเราะลั่นก็ยังหลับตาสนิท เสียงหัวเราะราวกับเปล่งออกมาจากคนโง่งมที่นอนละเมอ
ตูม!
ครู่ต่อมาชายชุดผ้าป่านคนนี้ร่างกายล้วนลุกโชน แต่เขากลับไม่รู้เนื้อรู้ตัว สีหน้าเต็มไปด้วยความเยือกเย็น ยินดี มีแต่รอยยิ้มน้อยๆ คล้ายมองทะลุสรรพสิ่ง
“สหายยุทธ์!”
หลินสวินตะโกนเสียงดัง เขามองออกแล้ว คนผู้นี้ส่อแววธาตุไฟเข้าแทรก มรรควิถีทั่วร่างจวนจะมอดไหม้หมดสิ้น
แต่ชายชุดผ้าป่านกลับไม่รู้ตัวสักนิด
เลือดเนื้อทั่วกายเขาต่างเริ่มสลายกลายเป็นเถ้าธุลีทีละนิด!
ภาพพิสดารที่น่าสะพรึงนี้ทำเอาหลินสวินยังอดขนลุกซู่ในใจไม่ได้ ลงมือโดยไม่ลังเล หมายจะเข้าไปเรียกสติ
เพียงแต่ฝ่ามือที่เขาตบออกไป ไม่รอให้เฉียดใกล้ก็ถูกพลังไร้รูปสายหนึ่งที่แผ่มาจากใกล้ๆ ต้นท้อแบนสลายไป
ท้ายที่สุดภายใต้สายตาตื่นตระหนกที่จับจ้องของหลินสวิน ชายชุดผ้าป่านผมขาวก็กลายเป็นซากกระดูก ล้มลงกับพื้น!
ตายไปพร้อมรอยยิ้มน้อยๆ อย่างไร้สุ้มเสียงเช่นนี้!
หลินสวินสีหน้าวูบไหวไม่นิ่ง เขามองไปบนต้นท้อแบน ที่ตรงนั้นมีท้อแบนสดอ่อนแวววาว สีแดงชาดราวแสงสายัณห์อยู่ผลหนึ่ง
ก่อนหน้านี้ประกายแสงศักดิ์สิทธิ์เป็นสายๆ ที่หลั่งรดบนร่างชายผมขาวชุดผ้าป่าน ก็มาจากท้อแบนผลนี้เช่นกัน!
“ในนี้ซ่อนอันตรายยิ่งยวดเอาไว้ หรือว่าจะมาจากท้อแบนต้นนั้นจริงๆ…”
หลินสวินสีหน้าเคร่งขรึมหาใดเปรียบ
เขายังไม่เคยเห็นเรื่องพิสดารเช่นนี้มาก่อน สิ่งที่ทำให้เขากังวลใจมากที่สุด คืออาหูในตอนนี้ก็อยู่ในสภาพเดียวกับชายผมขาวชุดผ้าป่านก่อนหน้านี้ไม่ผิดเพี้ยน
หลินสวินซักถามเสี่ยวอิ๋น เสี่ยวอิ๋นก็ส่ายหน้าเป็นเชิงไม่รู้
หลินสวินไปถามกับเจ้าคางคก อาหลู่ เสี่ยวเทียน เจ้านกดำอีก… พวกเขาก็ไม่สามารถบอกเหตุผลได้เช่นกัน
แหล่งสถานคุนหลุนเป็นหนึ่งในจตุโบราณสถานบรรพกาล ซุกซ่อนความลับไม่รู้เท่าไหร่ ตั้งแต่อดีตจนปัจจุบันล้วนไม่เคยมีใครสอดส่องความลับทั้งหมดได้
นับประสาอะไรกับพวกเจ้าคางคก
เดิมทีหลินสวินยังคิดจะไปถามอู้เชวีย วิญญาณอาวุธที่เก็บตัวฟื้นฟูอาการบาดเจ็บอยู่ในธนูวิญญาณไร้แก่นสารอีกสักหน่อย แต่จู่ๆ เขาก็นึกถึงคนผู้หนึ่งขึ้นมา
พูดให้ถูกคือ… ต้นไม้ต้นหนึ่ง
สวบ!
ครู่ต่อมาต้นบรรพชนหลอมจิตที่เคยติดสอยห้อยตามอยู่ข้างมหาจักรพรรดิแยกฟ้า ท่องไปทั่ววัฏจักรว่างเปล่าด้วยกัน ก็กลายเป็นประกายแสงเขียวสายหนึ่ง ถูกหลินสวินปล่อยออกมา
“ต้นท้อแบน!”
ทันทีที่มันปรากฏตัวก็ร้องเสียงแหลมอย่างตื่นเต้น “ฮ่าๆๆ ที่นี่ต้องเป็นแหล่งสถานคุนหลุนแน่ มีแต่แหล่งสถานคุนหลุนเท่านั้นถึงจะให้กำเนิดของแปลกล้ำแห่งฟ้าดินระดับนี้ได้!”
แววตาหลินสวินเป็นประกาย เห็นได้ชัดว่าต้นไม้เฒ่านี่รู้อะไรบางอย่าง!
ลองคิดๆ ดูก็ถูก เจ้านี่เป็นต้นบรรพชนหลอมจิต สามารถจัดอยู่ในหมวดหมู่ ‘ไม้เทพ’ เหมือนกับต้นท้อแบนได้ นับว่าเป็นจำพวกเดียวกัน
“เช่นนั้นเจ้ามองอันตรายของที่นี่ออกหรือไม่”
หลินสวินถาม
ต้นบรรพชนหลอมจิตสงบอารมณ์ลงจากอาการบ้าคลั่งแล้ว มันมองสำรวจต้นท้อแบน แล้วมองดูอาหูกับหนึ่งชายหนึ่งหญิงที่อยู่ไกลๆ
“ข้าเคยได้ยินมหาจักรพรรดิแยกฟ้าบอกว่า ท้อแบนถูกเรียกอีกชื่อหนึ่งว่าผลมรรคห้วงฝัน คิดจะกลืนกินผลไม้นี้ จะต้องผ่านการเคี่ยวกรำในความฝัน หากความแข็งแกร่งไม่มากพอ จะกลายเป็นทำร้ายตนเองระหว่างการเคี่ยวกรำเอาได้”
“บางคนจมสู่ห้วงฝัน คิดเอาเองว่ารู้แจ้งนัยเร้นลับมหามรรคแล้ว ทำให้จิตมรรคลุ่มหลง สุดท้ายตายเพราะธาตุไฟเข้าแทรก”
“หากข้าเดาไม่ผิด โครงกระดูกที่อยู่ใต้ต้นท้อแบนนั่น เกรงว่าล้วนจมสู่การเคี่ยวกรำในห้วงฝันจนไม่สามารถถอนตัว ตายเพราะประสบเคราะห์ทั้งสิ้น!”
ประโยคนี้ของต้นบรรพชนหลอมจิตทำให้นัยน์ตาหลินสวินหดรัด เริ่มเชื่อบ้างแล้วเจ็ดแปดส่วน
เพราะเมื่อครู่เขาเห็นเองกับตาว่าชายผมขาวชุดผ้าป่านคนนั้นประสบเคราะห์อย่างไร!
“กล่าวเช่นนี้ ไม่ใช่ว่าอาหูก็ตกอยู่ในอันตรายแล้วหรือ”
ในใจหลินสวินบีบรัด
“ไม่ นั่นต้องขึ้นอยู่กับโชคของนางแล้ว หากสามารถผ่านการเคี่ยวกรำในห้วงฝันมาได้ จะสามารถช่วงชิงศุภโชคสูงสุดได้เลยทีเดียว”
ต้นบรรพชนหลอมจิตกล่าว
หลินสวินขมวดคิ้วเอ่ยว่า “แต่สุดท้ายก็ยังอันตรายเกินไปอยู่ดี หมายจะช่วงชิงศุภโชค ก็ไม่มีวิธีอื่นแล้วหรือ”
“นี่ข้าก็ไม่รู้แล้ว”
ต้นบรรพชนหลอมจิตส่ายหน้า
หลินสวินผิดหวังเล็กน้อย เก็บต้นบรรพชนหลอมจิตลงไปอีกครั้ง
ก่อนไปต้นไม้เก่าแก่ต้นนี้ยังไม่วายบ่นพึมพำเหมือนท่องจำจนขึ้นใจ “สหายน้อย อย่าลืมดินอัศจรรย์ห้าสีเด็ดขาดเชียว ของนี่ล้ำค่ายิ่งกว่าท้อแบนเสียอีก…”
ดินอัศจรรย์ห้าสี!
ในใจหลินสวินสะท้าน จิตรับรู้แผ่กว้าง กวาดมองจากเบื้องสูงและสังเกตเห็นทันที ว่าที่ราบกว้างแถบนี้มีสีสันแพรวพราว เต็มไปด้วยเงาแสงห้าชนิดได้แก่ เขียว ทอง ดำ ชาด และขาว
ใต้ดินนี่ คงไม่ใช่ซ่อนแฝงดินอัศจรรย์ห้าสีอยู่กระมัง
เพิ่งคิดถึงตรงนี้หลินสวินก็สังเกตเห็นโดยพลัน ว่าสีหน้าอาหูฉายแววดิ้นรนขัดขืน คล้ายกำลังต่อต้านพลังที่น่ากลัวสุดขีดบางอย่างอยู่ พยายามจะตื่นขึ้นมา
แต่ไม่ว่านางจะพยายามอย่างไรก็ล้วนไม่เป็นผล
ตรงข้ามระหว่างการต่อต้านขัดขืนนี้ สารกาย พลังชีวิต และจิตวิญญาณทั่วร่างนางต่างเริ่มปั่นป่วน ส่อแววจะลุกไหม้อยู่รำไร
แย่แล้ว!
นัยน์ตาหลินสวินหดรัดฉับพลัน
ก่อนหน้านี้ชายผมขาวชุดผ้าป่านก็ธาตุไฟเข้าแทรกในสภาพเช่นเดียวกันนี้ ร่างกายลุกไหม้ สุดท้ายก็ตายเพราะประสบเคราะห์!
“อาหู ต้องฝืนประคองไว้ให้ได้ ข้าจะช่วยเจ้าเดี๋ยวนี้แหละ!”
หลินสวินตะโกนลั่น โคจรนัยเร้นลับเสียงคำรามผูเหลา ส่งเสียงกระหึ่มราวอสนี
ในใจเขาร้อนรน เพียงแต่กลับไม่รู้ว่าจะช่วยอย่างไร!
ความรู้สึกไร้กำลังและร้อนรนนี้ทำให้หลินสวินไม่อาจสงบนิ่งได้เช่นกัน เพลิงโทสะที่บอกไม่ถูกทะลักออกมาจากในใจ
พรึ่บ!
ท้ายที่สุดหลินสวินจ้องต้นท้อแบนต้นนี้ด้วยสายตากราดเกรี้ยว
เขาไม่มีทางยอมให้อาหูประสบเคราะห์เช่นนี้เด็ดขาด เพราะหลายปีมานี้เขาติดหนี้อาหูไว้มากเหลือเกิน!
“ข้าจะทำลายต้นไม้บรรลัยอย่างเจ้าซะ!”
หลินสวินกัดฟันแล้วพลันทะยานขึ้นไปในห้วงอากาศ แววตาดั่งสายฟ้า จ้องผลท้อแบนผลหนึ่งที่ควบรวมออกมาบนต้นท้อ
ท้อแบนนี่เขียวขาวราวหยก ประกายแสงศักดิ์สิทธิ์ที่ไหลรินออกมาปกคลุมเงาร่างของอาหู กล่าวได้ว่ามันก็คือตัวการหลัก!
และเพื่อจะช่วยชีวิตอาหู เขาไม่มัวสนใจอย่างอื่นอีก ทุ่มออกไปสุดตัว!
นัยน์ตาหลินสวินเยียบเย็น กลิ่นอายทั่วร่างโคจรประหนึ่งเขาถล่มคลื่นยักษ์โหมซัด ปล่อยหมัดหนึ่งออกไปสุดกำลัง
ตูม!
ฟ้าดินสั่นสะเทือน พลังหมัดน่าพรั่นพรึงที่บรรจุความเดือดดาลของหลินสวินทะยานออกมา ควบรวมถึงขีดสุด และแข็งแกร่งถึงที่สุดเช่นเดียวกัน
หนึ่งหมัดสะเทือนสวรรค์!
นี่เป็นหนึ่งหมัดที่สามารถสังหารมกุฎมหาอริยะได้อย่างง่ายดาย แต่กลับทำให้ต้นท้อแบนสั่นไหวแค่ครู่เดียวเท่านั้น ก็ถูกแสงมรรคประกายซัดสาดคลี่คลายออกไป
ต้นไม้นี้ไม่ธรรมดาเกินไปแล้ว ดุจดั่งกระดูกสันหลังที่ค้ำยันฟ้าดิน ยอดต้นไม้เป็นเหมือนร่มปกฟ้าคลุมตะวัน หลั่งรินละอองแสงประกายเทพนับร้อยล้าน
ใบหน้างามของอาหูค่อยๆ ซีดขาว หว่างคิ้วเปี่ยมด้วยแววอึดอัดขัดขืน คล้ายกำลังฝืนทนความเจ็บปวดยิ่งยวด ร่างกายล้วนสั่นระริก
พลังปราณของนางเริ่มยุ่งเหยิงขึ้นเรื่อยๆ
“อาหู ต้องยืนหยัดไว้ให้ได้!”
หลินสวินสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง พลังทั้งหมดทั่วร่างล้วนถูกเขาปลดปล่อยออกมาสุดตัว ทั้งตัวดุจดั่งเตาหลอมลุกโชนกึกก้องขึ้นมา
ผมดำของเขาแผ่สยาย ความอัดอั้น ร้อนรน กังวลใจ และเดือดดาลที่สุมอก ล้วนระบายออกในการเคลื่อนไหวนี้
ตูม!
เขาส่งเสียงคำรามลากยาว หมัดราวกับมังกร ซัดโจมตีครั้งแล้วครั้งเล่า ทำให้ห้วงอากาศบริเวณใกล้เคียงล้วนแตกระเบิด ปั่นป่วนยุ่งเหยิง
วูบ…
ต้นท้อแบนกิ่งก้านไหวแกว่ง ไอมรรคละอองแสงงดงามไหลเวียนออกมา สลายการโจมตีทั้งหมดนี้ ไม่สามารถเฉียดใกล้ได้สักนิด
มันก็เหมือนเทพศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่อาจสั่นคลอน!
ควรรู้ว่าพลังต่อสู้ในปัจจุบันของหลินสวิน สามารถสังหารมกุฎมหาอริยะชั้นยอดอย่างพวกเยี่ยนฉุนจวิน ลู่อ๋างได้ แต่ตอนนี้กลับเห็นได้ชัดว่าไร้ประโยชน์ถึงเพียงนั้น
เสมือนมดเขย่าต้นไม้!
“ปล่อยเดี๋ยวนี้!”
แต่หลินสวินไม่เคยยอมแพ้ ดวงตาเขาแดงก่ำแล้ว ท่าทางเหมือนเทพมารดึกดำบรรพ์ที่เดือดคลั่งเข้าสิง หุบเหวใหญ่ปากหนึ่งปรากฏขึ้นรอบตัวเขา ทำให้ฟ้าดินล้วนเปลี่ยนสี
หนึ่งหมัดสะเทือนสวรรค์ มังกรเคราะห์เก้ากระบวนแปร คัมภีร์กระบี่ไท่เสวียน ดรรชนีมหาอุดมสลายมายา หนึ่งกระบวนวัฏจักรฟ้า …
วิชาลับวิทยายุทธ์มากมายถูกหลินสวินปลดปล่อยสุดตัว!
ช่วงหลายปีมานี้ เขาเดือดดาลเช่นนี้ เสียสติเช่นนี้ ไม่สนใจทุกสิ่งเหมือนอย่างตอนนี้น้อยครั้งยิ่งนัก
เขาไม่อาจลืมเลือนว่าปีนั้นยามหนีตายในทะเลกลืนวิญญาณ ก็เป็นอาหูพาเขาหนีออกมา ซ้ำยังมอบยานขนส่งอวกาศให้เขาอีกด้วย
ไม่อาจลืมเลือนว่าอาหูชี้แนะปริศนาของป้ายคำสั่งเซียนเหินให้เขา พาเขามุ่งหน้ามาแหล่งสถานคุนหลุน ต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กันตลอดทาง ฆ่าศัตรูด้วยกัน ร่วมทุกข์ด้วยกัน บุกฝ่าขวากหนามมาด้วยกัน!
และหลินสวินรู้ดีว่าการเดินทางในแหล่งสถานคุนหลุนครั้งนี้ หากไร้อาหูคอยนำทางและช่วยเหลือ เขาไม่มีทางมาถึงที่นี่ได้อย่างราบรื่นเช่นนี้เป็นอันขาด
เขาติดหนี้อาหูมากมายเหลือเกิน!
หรืออาจกล่าวว่า ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ในใจเขามองอาหูเป็นสหายรักที่ร่วมเป็นร่วมตายกันไปแล้ว!
ตอนนี้อาหูจวนจะประสบเคราะห์ ชีวิตเข้าตาร้าย หลินสวินมีหรือจะทนไหว
“ฆ่า!”
ในห้วงอากาศหลินสวินตะโกนลั่น ท่าทางเหมือนบ้าคลั่ง แม้จะเหมือนมดเขย่าต้นไม้ แมลงเม่าบินเข้ากองไฟ เขาก็ไม่ได้หยุดนิ่ง ไม่ได้ล่าถอยแต่อย่างใด
ตูม โครมๆ!
ห้วงอากาศที่นี่ล้วนสั่นสะเทือน ก้องกระหึ่มไม่หยุด
สุดท้ายหลินสวินถึงขั้นใช้สมบัติอย่างดาบหัก กระบี่อเวจี กระบี่ยอดสังหาร เจดีย์มหามรรคไร้สิ้นสุด ขวดมหามรรคไร้ขอบเขต ธนูวิญญาณไร้แก่นสารออกมาแล้ว
ทว่า…
อย่างไรก็ยังคงเปลืองแรงเปล่า!
พลังที่ต้นท้อแบนนั่นปลดปล่อยออกมาก็เหมือนกฎเกณฑ์สูงสุด กลายเป็นกำแพงที่ไม่อาจสั่นคลอน ไม่ว่าหลินสวินจะโจมตีอย่างไรก็ไม่ไหวติงแม้แต่เสี้ยว
“ฆ่า!”
แต่หลินสวินกลับคล้ายไม่รู้สึก จิตต่อสู้ ความเคียดแค้น ความเดือดดาลถมทับอยู่ในใจ ออกโจมตีครั้งแล้วครั้งเล่าดั่งภูเขาไฟที่พ่นสาด
ดื้อดึงดุจก้อนหิน รุนแรงดั่งพายุ!
ตัวคนเดียว ต่อต้านต้นไม้เทพที่ดุจดั่งตำนานต้นหนึ่ง
เห็นได้ชัดว่าเล็กจ้อยขนาดนั้น
แต่กลับไม่สนใจสิ่งใจปานนั้น
และไม่รู้นานเท่าใด จิตรับรู้ของหลินสวินค่อยๆ เลือนราง การต่อสู้ที่ปลดปล่อยสุดตัวทำให้พลังกายของเขามาถึงปลายทาง เหมือนตะเกียงน้ำมันใกล้แห้งเหือด ความเหนื่อยล้าอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนพุ่งโจมตีราวน้ำหลาก ทำเอาทั่วร่างเขาล้วนชาหนึบ
แต่เขายังคงต่อสู้เพียงลำพัง
“ฆ่า!”
“ฆ่า!”
“ฆ่า!”
กลางฟ้าดินแถบนี้ สะท้อนก้องด้วยเสียงคำรามลั่นที่เสมือนเดือดดาลจนเสียสติ ถึงตายก็ไม่ยอมเลิกราของหลินสวิน กังวานไปทั่วสี่ทิศสิบแดนดิน