Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 1731 เทพมารเคลื่อนกวาด หมดทางถอยหลัง
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 1731 เทพมารเคลื่อนกวาด หมดทางถอยหลัง
“ตาย!”
เสียงโหดเหี้ยมพ่นออกมาจากปากหลินสวิน หมัดเขาดั่งเตาหลอมใหญ่ทะลวงสังหารออกไป
ผู้ฝึกปราณที่พุ่งมารับ แต่ละคนต่างใช้พลังทั้งหมด แต่ด้วยหมัดนี้กลับถูกบดขยี้คาที่เหมือนต้นหญ้า
น้ำเลือดดั่งพายุฝน กึกก้องกระเซ็นกระสายรอบทิศ!
หากอยู่ในโลกภายนอก ต่ำกว่าอริยะล้วนเป็นมดตัวจ้อย ระดับอริยะก็คือตัวแทนของความสูงส่งที่ทำให้คนนับไม่ถ้วนมุ่งหวัง
พวกเขาพลิกเมฆคว่ำฝน พ่นลมหายใจกลายเป็นเมฆ เผาภูผาต้มสมุทร มีอานุภาพอันน่าเหลือเชื่อ
พวกเขายืนอยู่สูงยิ่งกว่ามรรคาอมตะ อายุขัยยืดขยายยาวนาน
และผู้สืบทอดขุมอำนาจใหญ่เหล่านี้ก็ยิ่งไม่ธรรมดา เลือกออกมาสักคนต่างก็มีรากฐานพลังไม่ด้อยกว่าระดับมหาอริยะ และบางส่วนในกลุ่มนั้นยังไม่ขาดมกุฎมหาอริยะ!
แต่ไม่ว่าเป็นใคร ต่อหน้าหลินสวินในขณะนี้กลับเหมือนกระจกที่แตกสลายได้ง่าย ดั่งตุ๊กตาดินอ่อนแอไม่อาจต้านการโจมตี!
เขาองอาจไร้ศัตรู ผมดำปลิวสยาย ร่างกายดุจเตาเพลิงคงกระพันไม่เสื่อมสลาย ปะทุอานุภาพทำลายล้างที่สามารถสะท้านฟ้าสะเทือนดิน
นี่ ย่อมทำให้ทุกคนสั่นไหว!
ต่ำกว่าอริยะอาจเป็นดั่งมด แต่ในระดับอริยะ ใต้มือหลินสวินที่อยู่ระดับเดียวกัน อริยะก็ไม่ต่างอะไรกับมด
พวกกู่ฉางซิน เถาเจี้ยนสิง คุนจิ่วหลินต่างตาถลน กราดเกรี้ยวจนแทบคลั่ง
ตั้งแต่แรกพวกเขาก็ไม่ได้ดูถูกหลินสวิน มิเช่นนั้นคงไม่ร่วมมือกัน และคงไม่ทุ่มเทกายใจวางแผนนี้
ทุกอย่างล้วนเป็นเพราะศึกใหญ่ที่ภูเขากลับหัวในคราวนั้น ความแข็งแกร่งของพลังต่อสู้ที่หลินสวินสำแดงออกมาทำให้พวกเขาต่างหวาดหวั่น
แต่พวกเขาคิดคำนวณเป็นหมื่นเป็นพันครั้งก็คิดไม่ถึง ว่าพลังต่อสู้ของหลินสวินจะถึงกับเปลี่ยนไปชนิดพลิกฟ้าดินเมื่อเทียบกับสมัยอยู่ที่ภูเขากลับหัว!
และยิ่งคิดไม่ถึง ว่าค่ายกลกลียุคสังหารมารที่พวกเขาฝากความหวังไว้อย่างมาก สุดท้ายกลับเป็นเหมือนของประดับ ไม่อาจทำให้หลินสวินบาดเจ็บได้สักนิด!
ตอนนี้หลินสวินมีพลานุภาพดั่งเทพมาร เคลื่อนกวาดที่แห่งนั้น เข่นฆ่าจนผู้แข็งแกร่งฝั่งพวกเขาตายไปทีละคน จะไม่ทำให้พวกกู่ฉางซินโกรธได้อย่างไร
“กำราบ!”
คุนจิ่วหลินออกโจมตีภายใต้เสียงคำรามเดือดดาล เขาซัดพายุเต็มฟ้าขึ้นมาดั่งคุนเทพที่ท่องไปในทะเลเหนือตัวหนึ่ง
และในมือของเขาก็เรียกทวนใหญ่แวววาวดุจหิมะเล่มหนึ่งออกมา แสงมรรคคลุมเครือไหลเคลื่อน คมประกายเฉียบคมหาใดเปรียบ แผ่แสงดุร้ายไร้เทียมทาน
ทวนใหญ่เทพสมุทร!
สมบัติก้นกรุของคุนจิ่วหลิน ลือกันว่าทวนใหญ่นี้ถือกำเนิดขึ้นในโลกปฐมกาลแห่งหนึ่ง เกิดขึ้นจากการควบรวมของหยดวารีทมิฬที่หนักที่สุดในโลก เป็นสมบัติโบราณฟ้าประทานชิ้นหนึ่ง
ห้วงอากาศระเบิดออก ส่งผลให้บริเวณนี้สั่นไหว ความแกร่งกล้าของพลานุภาพทวนใหญ่เทพสมุทรทำให้หลินสวินประหลาดใจอยู่บ้าง
เคร้ง!
เขาตวัดกระบี่อเวจี สีดำสนิทดั่งแดนนรกปรากฏขึ้น เจตกระบี่หนาทึบ เข้าประจันหน้ากับทวนใหญ่เทพสมุทรจนเกิดเสียงดังสนั่นหู
ตึงๆๆ!
ร่างของคุนจิ่วหลินถูกซัดให้กระเด็นถอยหลังซวนเซในอากาศ ทวนใหญ่เทพสมุทรที่อยู่ในมือสั่นวิ้งๆ ไม่หยุด เขาเลือดลมปั่นป่วน สีหน้าตกตะลึงอย่างห้ามไม่อยู่
ไม่ต้องสงสัยว่าพลานุภาพของกระบี่อเวจีไม่ด้อยกว่าทวนใหญ่เทพสมุทร หากเปลี่ยนเป็นสมบัติอริยะอื่นก็คงถูกบดขยี้ไปนานแล้ว
วิ้ง!
ในตอนที่หลินสวินกำลังจะตามฆ่าคุนจิ่วหลินนี้เอง รุ้งเหินสีเงินอันเจิดจรัสสายหนึ่งก็พุ่งมากะทันหัน รวดเร็วอย่างน่าอัศจรรย์หาใดเทียบ
นี่คือสมบัติรูปกระสวยที่เรียวเล็กโปร่งใสประหนึ่งมัจฉาแหวกว่ายชิ้นหนึ่ง แต่ความคมกล้าที่เกิดขึ้นทำเอาร่างกายหลินสวินรู้สึกเจ็บแปลบไปหมด
“ฆ่า!”
เถาเจี้ยนสิงตะคอกลั่น เป็นเขาที่กำลังควบคุมสมบัตินี้ สีหน้าเต็มไปด้วยไอสังหารน่าครั่นคร้าม
สวบ!
สมบัติคล้ายมัจฉาแหวกว่ายชิ้นนั้นเพิกเฉยต่อพันธนาการห้วงอากาศ จู่ๆ ก็บุกมาตรงหน้าหลินสวิน แทงไปที่หว่างคิ้วเขาอย่างรุนแรง
แต่ในตอนนี้เอง ดาบหักพลันปรากฏขึ้นขวางการโจมตีอันลึกลับหาใดเทียบนี้เอาไว้
เพียงแต่หว่างคิ้วของหลินสวินกลับมีเลือดไหลออกมาหยดหนึ่ง กลิ่นอายแหลมคมของสมบัติรูปกระสวยนั้นแกร่งกล้าอย่างยิ่ง แม้ถูกขวางไว้ แต่กลิ่นอายของมันกลับกวาดโดดหว่างคิ้วของหลินสวิน
“ถึงกับขวางไว้ได้หรือ” เถาเจี้ยนสิงอึ้งไป เผยสีหน้ายากจะเชื่อ
สมบัติชิ้นนี้ของเขาก็เป็นสมบัติโบราณที่ลึกลับสุดหยั่งชิ้นหนึ่ง ดูคล้ายกระสวย แต่ความจริงแล้วเป็นกระบี่บินเล่มหนึ่ง มีนามว่า ‘ท่องอัมพร’
กระบี่นี้ตีหลอมจาก ‘ผลึกอัมพร’ ที่ถือกำเนิดขึ้นในห้วงอากาศว่างเปล่า เป็นกระบี่บินห้วงอากาศที่มีชื่อสมตัวชิ้นหนึ่ง มาไร้เงาไปไร้รอย ไม่ถูกห้วงอากาศพันธนาการ ลึกลับน่ากลัวอย่างยิ่งยวด
แต่เมื่อครู่นี้ กระบี่นี้กลับถูกหลินสวินสกัดไว้ได้!
“หึ!”
หลินสวินแววตาลุ่มลึกเย็นเยียบ ทันใดนั้นก็เคลื่อนย้ายตัว ฝ่าไปหาเถาเจี้ยนสิง
ฉึบ!
เถาเจี้ยนสิงหน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย กระบี่ท่องอัมพรโฉบออกมาอีกครั้ง รวดเร็วเหนือคาดเดา
แต่มาได้ถึงครึ่งทางก็ถูกแส้ยาวพายุอสนีเส้นหนึ่งพันไว้ กระบี่บินสั่นระรัวรุนแรงดังหึ่งๆ แต่กลับถูกยึดไว้แน่น
แส้อสนีหยินม่วง!
นี่เป็นสมบัติโบราณแข็งแกร่งที่หลินสวินชิงมาจากมือของถูชิงสยงหลังจากฆ่าเขาที่ใต้ต้นท้อแบน ความแข็งแกร่งของอานุภาพ แม้แต่ดาบหักยังสู้ไม่ได้
ที่ลึกลับที่สุดก็คือ แส้นี้มีสายฟ้าหยินม่วงที่แกร่งกล้าอหังการรัดพัน ยามฟาดเข้าไปในอากาศ สามารถทำให้เกิดพื้นที่อันน่ากลัว รับมือกับการสังหารในห้วงอากาศได้
เผียะ!
หลินสวินสะบัดมือ กระบี่ท่องอัมพรส่งเสียงครวญ ถูกแส้อสนีหยินม่วงยึดไว้และตกลงไปในมือหลินสวิน
จิตวิญญาณเถาเจี้ยนสิงพลันถูกพลังสะท้อนกลับ กระอักเลือดออกมาในทันใด
แย่แล้ว!
เขาสีหน้าประหลาดใจ ปลีกตัวหลบหนี แต่ช้าไปก้าวหนึ่งแล้ว
ก็เห็นว่ากระบี่อเวจีที่ประหนึ่งแดนนรกนั้นตวัดม้วนเปลวเพลิงสีดำคับฟ้า ตกลงมาจากท้องนภาและระเบิดสังหารให้สิ้นซาก
ตูม!
เพียงชั่วพริบตาเดียวเท่านั้น ร่างของเถาเจี้ยนสิงเหมือนถูกพันดาบแล่เนื้อเป็นหมื่นชิ้น เผยรอยกระบี่เป็นสายๆ กระหวัดกันไปทั่ว ผิวเปิดเนื้อแตก เลือดกระเซ็นกระสายดั่งน้ำพุ
โดยเฉพาะที่หน้าอกของเขา ถูกกระบี่อเวจีเจาะทะลวงอย่างจัง อวัยวะตันห้ากลวงหกถูกซัดกระจุย ตัวเขาถูกฟันจนกระแทกกับพื้นแรงๆ
ปึง!
เถาเจี้ยนสิงตกลงไปที่พื้น ร่างกายแตกกระจุย ปากเพียงส่งเสียงร้องอนาถ จากนั้นภาพตรงหน้าก็มืดดำ สิ้นชีพโดยสมบูรณ์
ปราณกระบี่ถั่งโถมนั้นอหังการเกินไปแล้ว แผลงฤทธิ์อยู่ภายในร่าง ตัดฟันพลังชีวิตของเขาโดยสมบูรณ์!
“สวรรค์!”
“เถาเจี้ยนสิงยังถูกฆ่าแล้ว…”
เสียงร้องตะลึงระลอกหนึ่งดังขึ้นในที่นั้น ผู้ฝึกปราณที่ดูการต่อสู้อยู่ไกลออกไปตื่นตะลึงจนศีรษะชาหนึบ หลินสวินร้ายกาจเกินไปแล้ว สำแดงท่วงท่าไร้เทียบเทียมออกมาโดยสมบูรณ์ ไม่มีใครกำราบได้!
“ฆ่า!”
มกุฎมหาอริยะหลายคนบุกมาพร้อมกัน แต่ละคนสีหน้าเคร่งเครียดหาใดเทียบ ความแข็งแกร่งของหลินสวินเกินกว่าที่พวกเขาจินตนาการไว้มาก
พวกเขาล้วนทุ่มสุดตัว ไม่ยั้งมืออีก
หากเปลี่ยนเป็นหลินสวินก่อนหน้านี้ แม้สามารถตั้งรับการล้อมโจมตีเช่นนี้ได้ แต่ก็จะต้องถูกกำราบอย่างแน่นอน เฉกเช่นศึกใหญ่ที่เกิดขึ้นสมัยภูเขากลับหัวนั้น
แต่ตอนนี้ เขาในปัจจุบันไม่อาจเทียบกับอดีตได้นานแล้ว!
ควรรู้ว่าก่อนที่เขาจะกินท้อแบน เขาก็สามารถสังหารถูชิงสยงที่อยู่อันดับที่ยี่สิบเจ็ดของกระดานมหาอริยะฟ้าดารา
สำหรับผู้แข็งแกร่งที่รากฐานพลังแข็งแกร่งหาใดเทียบอย่างหลินสวินแล้ว สิ่งที่การเคี่ยวกรำประหนึ่งสิบปีนำมาให้ไม่ได้มีเพียงการแปรสภาพของพลังปราณ มหามรรคที่อยู่ในตัวเขาเองก็เปลี่ยนแปลงชนิดพลิกฟ้าพลิกดินไปด้วยเช่นกัน
ด้วยสถานการณ์เช่นนี้ จะกลัวการล้อมจู่โจมได้อย่างไร
“เปิด!”
ในสนามรบ หลินสวินพลันส่งเสียงตวาดดังลั่นครั้งหนึ่ง เงาร่างของเขาดุจเตาหลอม สารกาย พลังชีวิตและจิตวิญญาณทั้งหมดลุกโชนเหิมฮึก พลานุภาพทั้งตัวเหมือนสุริยันกวาดผ่านท้องนภา ส่องสว่างเหลือคณา
ตูม!
แต่ละหมัดที่ชกออกไปล้วนมีอานุภาพสะท้านฟ้าสะเทือนดิน มีนัยเร้นลับของมังกรเคราะห์เก้ากระบวนแปร มีความดุดันของหกกระบวนเฉือนวัฏจักรฟ้า
พลังหมัดระดับนั้นโฉบพุ่ง ทะลวงแปดทิศ ศัตรูที่ล้อมเข้ามาใกล้ๆ ต่างประหนึ่งถูกภูเขาเทพชนกระแทก ร่างกายกระเด็นถอยหลังออกไปอย่างแรง ได้รับบาดเจ็บสาหัส
ในนั้นมีมกุฎมหาอริยะคนหนึ่งร่างถูกระเบิดออกด้วยซ้ำ เลือดสดๆ สาดกระเซ็น
เสียงร้องตกตะลึงระลอกหนึ่งดังขึ้นในที่นั้น ต่างหวาดกลัวเพราะภาพนี้
คนผู้เดียว ถูกผู้สืบทอดที่มาจากขุมอำนาจชั้นยอดนับร้อยล้อมโจมตี ไม่เพียงไม่ถูกกำราบ กลับถูกเขาคนเดียวกวาดล้างไปทั้งสนามรบ สังหารจนหัวคนกลิ้งกระดอน เลือดสดๆ ดั่งสายธาร!
อานุภาพดุร้ายไร้เทียมทานเช่นนี้ช่างน่าตื่นตะลึง หากแพร่ออกไปต้องก่อให้เกิดคลื่นลมเทียมฟ้าแน่
“น่าชังนัก!”
“ทำไมถึงเป็นเช่นนี้ได้…”
“เขามาจากสถานที่อย่างดินแดนรกร้างโบราณจริงหรือ”
ขณะนี้พวกกู่ฉางซิน คุนจิ่วหลินต่างร่างกายหนาวยะเยือก ความครั่นคร้ามผุดขึ้นในจิตใจ
บนทางเดินโบราณฟ้าดาราไม่เคยขาดอัจฉริยะชั้นยอดที่โดดเด่นตระการตา และไม่ขาดบุคคลที่สะดุดตาดั่งสุริยัน
แต่ใครก็คิดไม่ถึงว่าชายหนุ่มที่ไม่ใช่คนของทางเดินโบราณฟ้าดารา กลับเข่นฆ่าพวกเขาเสียหมดรูปในวันนี้!
ที่แห่งนั้นอบอวลไปด้วยเลือดสดๆ กลิ่นอายเยียบเย็นถาโถม มีแต่ภาพนองเลือดน่าสะพรึงกลัว
การต่อสู้ยังดำเนินอยู่ หลินสวินเคลื่อนกวาดสนามรบ เข่นฆ่าเด็ดขาดประหนึ่งไร้ศัตรูอย่างแท้จริง กำจัดทุกสิ่งที่กั้นขวางในทุกทีที่เคลื่อนผ่าน
ปึงๆๆ!
ผู้แข็งแกร่งที่บ้างมาจากเรือนมรรคดึกดำบรรพ์ บ้างมาจากเรือนมรรคจักรวาล บ้างมาจากเผ่านักรบกิเลนโลหิตกับเผ่านักรบเถาอู้ถูกปลิดชีพอย่างต่อเนื่องคนแล้วคนเล่า
หนีตายก็ไม่มีประโยชน์!
ทั้งด้านบนและด้านล่างเขาพญามังกรปกคลุมไปด้วยพลังผนึกห้วงอากาศ ไม่อาจเหินทะยานเคลื่อนตัวได้
สาเหตุที่ตอนแรกพวกกู่ฉางซินเลือกวางกับดักที่นี่ ก็เป็นเพราะเล็งเห็นจุดนี้ เป้าหมายก็เพื่อยามไล่ล่าหลินสวิน จะได้เลี่ยงไม่ให้หลินสวินหนีไปได้
แต่จะคิดได้อย่างไรว่าพลังผนึกห้วงอากาศที่นี่ ตอนนี้กลับกลายเป็นอุปสรรคเมื่อพวกเขาหนีตาย!
ตูม!
ขณะนี้หลินสวินยิ่งสู้ยิ่งองอาจ ระบายไฟโทสะกับไอสังหารในใจออกมาจนหมดสิ้น
ตั้งแต่เข้าสู่แหล่งสถานคุนหลุน เขาก็ถูกมองเป็นเหยื่อไว้ล่า กลายเป็นเป้าที่ทุกคนเพ่งเล็ง ถูกพุ่งเป้าทุกที่ไป ด้วยมีคนละโมบอยากได้ป้ายคำสั่งเซียนเหินในมือเขา
มีคนต้องการจะชิงสมบัติที่อยู่กับตัวเขา แทบไม่มีใครเห็นชายหนุ่มที่มาจากดินแดนรกร้างโบราณอย่างเขาอยู่ในสายตา
หากเป็นแค่นี้ หลินสวินคงไม่คลุ้มคลั่งปานนี้
แต่เมื่อได้รู้ว่าราชันเผิงปีกทองน้อยกับหยวนฝ่าเทียนก็ประสบเคราะห์เพราะป้ายคำสั่งเซียนเหิน ทั้งยังถูกตนลากเข้าไปเกี่ยวด้วย หลินสวินก็โกรธโดยสมบูรณ์แล้ว
หกเรือนมรรคใหญ่ สิบเผ่านักรบอะไร มาแตะต้องเกล็ดย้อนของหลินสวิน เขาก็ไม่หวั่นกลัวแต่อย่างใด!
“หนี…!”
หลายคนต่างหมดสภาพแล้ว ถูกเล่นงานจนไส้แทบฉีก ลุกลี้ลุกลนหนีไปตรงทางขึ้นเขา
“บัดซบ ถอยเร็ว!”
ผู้ชมการต่อสู้อยู่ที่กำลังยืนอยู่บนทางขึ้นเขาเหล่านั้นเห็นดังนี้ต่างหน้าเปลี่ยนสี กลัวแต่จะโดนลูกหลง เริ่มพากันถอยหนี
มีเพียงคนเดียวที่ไม่ได้หนีไป
อาหู!
นางสวมชุดกระโปรงสีเหลืองยืนอยู่เพียงลำพัง เงาร่างอรชรงดงาม รอยยิ้มสวยสด แผ่ความเย้ายวนที่สามารถทำให้ทุกคนชื่นชอบได้ออกมา
ฉึบ!
นางลงมือแล้ว เจตกระบี่ทรงพลังสายหนึ่งโฉบพุ่งออกไปประหนึ่งปราณม่วงบูรพาทิศ เจือกลิ่นอายไพศาลดั่งเมฆา
เพียงชั่วพริบตาเดียวเท่านั้น ผู้ฝึกปราณที่หนีตายออกมาก่อนสามคนก็ถูกฆ่าตายคาที่ ร่างกายแยกชิ้นกระจัดกระจาย เลือดย้อมขั้นบันได!
ไม่มีใครรับกระบี่นี้ของอาหูไว้ได้สักคน!
ผู้ชมที่อยู่ใกล้เคียงต่างกลืนน้ำลายอย่างยากเย็น ตอนนี้จึงตระหนักได้ว่าโฉมสะคราญที่งดงามจนล่มเมืองได้คนนี้ ดันเป็นพวกเดียวกับหลินสวินเสียได้
อีกทั้งพลังต่อสู้ของนางยังแข็งแกร่งจนน่าหวั่นใจ!