Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 1743 ‘เทพ’ ที่ถูกกำราบ
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 1743 ‘เทพ’ ที่ถูกกำราบ
ตอนที่ 1743 ‘เทพ’ ที่ถูกกำราบ
ภูเขาลูกหนึ่งเคยลบล้างตัวตนระดับจักรพรรดิมาก่อน!
หลินสวินและอาหูต่างใจจมดิ่งลงทันที
ฟุ่บ!
หลินสวินลงมือแล้ว ดาบหักฟาดฟันออกไป
เสียงฉัวะดังขึ้น เงาร่างของเมิ่งอี้แตกระเบิดเหมือนฟองน้ำ กลายเป็นละอองแสงกระจัดกระจาย
แต่นอกระยะหลายร้อยลี้กลับมีเสียงหัวเราะของเมิ่งอี้ดังขึ้นไกลๆ “พี่หลิน อย่าเปลืองแรงอีกเลย ในเมื่อข้ากล้าทำเช่นนี้ มีหรือจะนำตัวเองเข้าไปเสี่ยง”
“เงาจำแลงคันฉ่องวารี นี่คือวิชาลับที่สืบทอดกันมาของเผ่าฉงฉี คล้าย ‘หนึ่งร่างแปรหมื่นมายา’ อยู่บ้าง แต่เงาจำแลงคันฉ่องวารีเป็นวิชาเคลื่อนย้ายที่น่าอัศจรรย์เหลือประมาณ สามารถจำแลงกายที่เหมือนจริงหาใดเปรียบได้อย่างไร้สุ้มเสียง โดยร่างต้นเคลื่อนห่างไปไกลนานแล้ว”
น้ำเสียงของอาหูเจือความไม่พอใจเสี้ยวหนึ่ง “ข้าน่าจะเดาออกแต่แรก ตลอดทางมานี้เป็นเจ้าเมิ่งอี้นี่ที่เล่นแง่!”
ทันทีที่เข้ามาในทุ่งรกร้างจันทร์โลหิตก็เจอกับต้นมรณะฝังวิญญาณโดยบังเอิญ ตามปกติแล้วพวกเขาควรหลบหนีได้อย่างไร้อันตราย
แต่ศพคลั่งฝังวิญญาณพวกนั้นต่างถูกทำให้ตกใจซะอย่างนั้น!
ต่อให้มีป้ายคำสั่งเซียนเหินอยู่ สัตว์ร้ายพวกนี้ก็ยังแกล้วกล้าไม่กลัวตาย เดิมทีนี่ก็ผิดปกติเกินไป
กระทั่งต่อมาสิ่งลี้ลับและอันตรายที่พวกเขาเจอระหว่างทางนี้ ล้วนเรียกได้ว่ายากพบเห็นเป็นอย่างยิ่ง ทั้งยังมีมาบ่อยๆ ไม่อาจเทียบกับในอดีตได้เลย
ความผิดปกตินานัปการนี้จะเกี่ยวข้องกับความซวยทั้งหมดได้อย่างไร
ตอนนี้อาหูเข้าใจกระจ่าง และในที่สุดก็กล้าแน่ใจ ตลอดทางมานี้เป็นเมิ่งอี้ที่นำทาง ก็มีแค่เขาที่ชักนำสิ่งผิดปกติเช่นนี้มาได้!
น่าเสียดาย มาเข้าใจตอนนี้ก็ช้าไปก้าวหนึ่งอย่างไม่ต้องสงสัย
“ตั้งแต่ต้นข้าก็ไม่เคยเชื่อคนผู้นี้อย่างสนิทใจ แต่กลับคิดไม่ถึงว่ายังถูกเขาวางอุบายเข้าให้ครั้งหนึ่ง”
หลินสวินมุ่นคิ้ว “เวลาไม่คอยท่า พวกเรารีบออกจากที่นี่ก่อนเถอะ”
ฮูม!
ยังไม่ทันสิ้นเสียง เสียงกึกก้องหนักแน่นราวสะเทือนใต้หล้าดังขึ้น ก็เห็นบนยอดเขากักเทพสวรรค์ที่ห่างออกไป โซ่ที่ทิ้งตัวลงมาดั่งพญามังกรเส้นหนึ่งทะลวงอากาศม้วนทะยานเข้ามา
โซ่เส้นนั้นแผ่แสงประหลาดดั่งพญามังกรสีดำ มองห้วงอากาศราวสิ่งไร้ค่า ชั่วพริบตาก็ปรากฏอยู่เหนือศีรษะพวกหลินสวินแล้วปกคลุมลงมา
จากนั้นหลินสวินและอาหูก็ถูกมัดเหมือนบ๊ะจ่าง ปรากฏตัวอยู่หน้ายอดเขากักเทพสวรรค์
ตูม!
โซ่ประหลาดที่น่ากลัวทิ้งตัวลง กดร่างทั้งสองคนไว้ใต้ยอดเขาอย่างหนักหน่วง และหายไปในหมอกควันคลุมเครือโหมกระหน่ำ
“ในที่สุดก็สำเร็จแล้ว…”
ในจุดที่ไกลออกไปเมิ่งอี้ยืนอยู่กลางอากาศ คำจารึกสักการะที่ถูกผนึกไว้ลอยอยู่เหนือศีรษะ แสงลึกลับไหลบ่าลงมาปกคลุมเงาร่างเขา
“พี่เมิ่ง นี่มันเรื่องอะไรกัน”
ยามนี้ในที่สุดจีเฉียนก็ตระหนักได้ ตลอดทางมานี้เมิ่งอี้วางกับดักใหญ่ วางอุบายใส่หลินสวินและอาหู!
นี่ทำให้เขาบันดาลโทสะ “หากไม่ได้พี่หลิน พวกเราคงถูกศพคลั่งฝังวิญญาณฆ่าไปนานแล้ว เจ้าทำกับผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตไว้เช่นนี้หรือ”
เจียงเหิงก็เผยสีหน้าไม่เข้าใจและเดือดดาล
เมิ่งอี้ใช้วิธีขุดหลุมฝังพวกหลินสวิน ทำให้นางไม่สังเกตเห็นแม้แต่น้อย ตอนนี้มาคิดดูแล้วก็รู้สึกว่าหนาวสะท้านไปทั้งตัว
เมิ่งอี้สีหน้าราบเรียบไม่สะทกสะท้าน ยิ้มกล่าว “ศพคลั่งฝังวิญญาณข้าเป็นคนชักนำมาเอง เดิมคิดจะยืมมือของสัตว์ประหลาดพวกนี้มากำจัดพวกหลินสวินในคราเดียว ใครจะคิดว่า… จะเกิดเรื่องไม่คาดฝัน”
“เจ้า…”
จีเฉียนและเจียงเหิงสั่นไปทั้งตัว ตอนนี้ถึงได้เข้าใจ ที่แท้แผนการนี้ก็เริ่มตั้งแต่เข้ามาในทุ่งรกร้างจันทร์โลหิตแล้ว!
“ไม่ขอปิดบังพี่จี ตลอดทางมานี้ข้าใช้ความสามารถที่มีทั้งหมด เดิมคิดจะพึ่งภัยพิบัติและตัวประหลาดน่ากลัวพวกนั้นมากำจัดพวกหลินสวิน แต่ทุกครั้งล้วนถูกพวกเขาคลี่คลายได้อย่างไร้อันตราย”
เมิ่งอี้พูดถึงตรงนี้ก็อดกล่าวทอดถอนใจไม่ได้ “แม้แต่ข้ายังไม่อาจไม่ยอมรับ ว่าฝีมือของเจ้าหลินสวินนี่ร้ายกาจจริงๆ ไม่สิ ควรพูดว่าพลิกฟ้าถึงขีดสุด เหลือบแลในหมู่คนรุ่นเดียวกันของทางเดินโบราณฟ้าดารา คนที่เทียบเคียงเขาได้ก็มีแค่หนึ่งหยิบมือเท่านั้น”
ไม่นานเขาก็เผยความกลัดกลุ้มอีกครั้ง “เพียงแต่เสียดายสมบัติบนตัวหลินสวิน เจดีย์สมบัติลึกลับหลังหนึ่งที่เคยปรากฏใน ‘ศึกมรรคของเหล่าจักรพรรดิ’ โคมสำริดดวงหนึ่งที่ซัดศพคลั่งฝังวิญญาณให้พินาศได้อย่างง่ายดาย ดาบหักเล่มหนึ่งที่กลิ่นอายพลิกฟ้า ‘กระบี่อเวจียอดสังหาร’ คู่หนึ่งที่จักรพรรดิกระบี่ธารนรกพกติดตัวในปีนั้น ขวดหยกมันแพะขวดหนึ่งที่อัศจรรย์เกินคาดเดา…”
เขาเหมือนนับสมบัติในบ้าน ด้วยตลอดทางมานี้ได้จับจ้องสมบัติบนตัวหลินสวินอยู่ก่อนแล้ว
แต่สุดท้ายเขาก็ถอนหายใจ “คราวนี้หมดสิ้นแล้ว…”
ยอดเขากักเทพสวรรค์ นั่นเป็นถึงภูเขาอันตรายที่น่ากลัวที่สุดในแดนผนึกแท่นสักการะ เคยลบล้างระดับจักรพรรดิแท้มาก่อน!
หลินสวินและอาหูถูกกำราบกักขัง ไม่ใช่แค่ตาย แม้แต่สมบัติบนตัวของพวกเขาก็ล้วนดับสูญ!
นี่ก็คือสิ่งที่ทำให้เมิ่งอี้ปวดใจ
จีเฉียนสีหน้าอึมครึมกล่าว “แต่ทำไมเจ้าต้องดึงดันจัดการพี่หลิน เป็นเพื่อนกับเขาไม่ดีกว่าหรือ”
“ใช่แล้ว ตลอดทางมานี้พี่หลินไม่เคยละเลยเป็นตัวถ่วง ทั้งช่วยพวกเราไว้หลายครั้ง ทำไมยังต้องทำร้ายเขาด้วย”
เจียงเหิงก็ไม่อาจยอมรับอยู่บ้าง
สีหน้าของเมิ่งอี้เปลี่ยนเป็นเย็นชาขึ้นมา เหลือบมองทั้งสองคนวูบหนึ่งแล้วกล่าว “ตอนแรกพวกเจ้ามองเจ้าหมอนี่เป็นศัตรู ละโมบอยากได้สมบัติบนตัวเขา ทำไมตอนนี้ถึงเห็นใจและสงสารเจ้าหมอนี่เล่า”
“จำไว้ว่าข้ากำลังช่วยพวกเจ้า!”
พูดจบเขาก็ลอยจากไป
สีหน้าของจีเฉียนและเจียงเหิงต่างปรวนแปรไม่หยุด ในใจอึดอัดเป็นอย่างยิ่ง วิธีของเมิ่งอี้ไม่เพียงแต่ทำให้พวกเขาโกรธ ยังรู้สึกหนาวเยือกอย่างบอกไม่ถูก
ความคิดของเขาลึกล้ำเกินไปแล้ว ใครก็เดาไม่ออกว่าเขาจะขุดหลุมฝังเจ้าอย่างไร้ร่องรอยเมื่อไหร่!
“เมิ่งอี้ ข้าขอถามเจ้าสักประโยค เพราะอะไร”
จีเฉียนตะโกนลั่น
เขาเป็นเพื่อนกับเมิ่งอี้ตั้งแต่เด็ก แต่ตอนนี้เขากลับพบว่าตัวเองเหมือนไม่เคยรู้จักอีกฝ่ายเลย
“ข้าทำการแลกเปลี่ยนกับเหวินฉิงเสวี่ย ขอแค่สังหารหลินสวินได้ เหวินฉิงเสวี่ยจะช่วยข้าชิงศุภโชคของการสักการะอริยมรรคบนแท่นสักการะให้”
เมิ่งอี้กล่าวโดยไม่แม้แต่จะหันกลับมามอง “ทั้งสองท่าน นี่เป็นแค่การแก่งแย่งมหามรรคเท่านั้น ข้ากับเขาหลินสวินไม่ใช่มิตรไม่ใช่ศัตรู ทั้งไม่เคยมีความแค้นต่อกัน สาเหตุที่ฆ่าข้าก็แค่เพื่อมรรคาของข้าเท่านั้น”
“อีกอย่างถ้าพวกเจ้ายังไม่ตามมา ก็ไม่อาจเข้าไปในแท่นสักการะได้อีกแล้ว”
ได้ยินดังนี้จีเฉียนก็กล่าวเดือดดาล “การแก่งแย่งมหามรรคบ้าบออะไรกัน ก็แค่ใช้เล่ห์เหลี่ยมวางอุบายเท่านั้น เจ้าไปเถอะ ตั้งแต่นี้ไปข้าจีเฉียนจะถือว่าไม่เคยมีเพื่อนอย่างเจ้า!”
เงาร่างของเมิ่งอี้ที่อยู่ห่างออกไปหยุดชะงัก ครู่ใหญ่มุมปากก็เผยรอยยิ้มหยัน “เป็นถึงมกุฎมหาอริยะแล้ว ยังอ่อนต่อโลกเช่นนี้อีก…”
จากนั้นเขาก็ไม่หันกลับมาอีก
“ศิษย์พี่ใหญ่ ท่านทำถูกแล้ว!”
เจียงเหิงสูดหายใจลึกกล่าว “คนอย่างเมิ่งอี้ ต่อให้พลังต่อสู้แข็งแกร่งแค่ไหน ฝีมือทรงพลังเท่าไร แต่ก็เป็นแค่พวกต่ำทราม น่าขยะแขยงจริงๆ”
จีเฉียนสีหน้าหดหู่ “ข้าแค่คิดไม่ถึงว่าเขาจะเปลี่ยนไปเช่นนี้เท่านั้น… พวกเรามาคิดกันเถอะว่าจะมีชีวิตรอดอยู่ในแดนผนึกนี้อย่างไร”
“แต่น่าเสียดายวีรบุรุษอย่างพี่หลิน ไม่ง่ายเลยกว่าจะก้าวออกมาจากดินแดนรกร้างโบราณได้ ผลลัพธ์คือยังไม่ทันเข้าไปเปล่งประกายบนทางเดินโบราณฟ้าดารา ก็ตายในมือคนถ่อยหน้าไม่อายอย่างเมิ่งอี้”
เจียงเหิงถอนหายใจ
…
ยอดเขากักเทพสวรรค์
ลักษณะคล้ายปราการธรรมชาติ โซ่ประหลาดหนึ่งพันแปดร้อยเส้นที่ใหญ่โตเหมือนมังกรดำทิ้งตัวลงมา ไอขุ่นมัวโหมกระหน่ำพวยพุ่ง ปกคลุมภูเขาอวมงคลที่ทำให้คนนับไม่ถ้วนหน้าเปลี่ยนสีเมื่อกล่าวถึงลูกนี้จนดูลึกลับแปลกประหลาด
ไม่มีใครรู้ว่าใต้ภูเขาลูกนี้คือโลกผนึกที่มืดมนแห่งหนึ่ง ด้วยขอแค่เป็นผู้แข็งแกร่งที่ถูกสยบมัดตัวมาที่นี่ก็ล้วนตายไปหมดแล้ว…
ปึงๆ!
ร่างของหลินสวินและอาหูถูกเหวี่ยงลงบนพื้นอย่างหนักหน่วง เบื้องหน้าพร่าเลือน กล้ามเนื้อและกระดูกทั่วร่างเกือบฉีกแตก ส่งเสียงอึดอัดในคอด้วยความเจ็บปวดอย่างห้ามไม่อยู่
แม้ว่าทั้งสองคนจะถูกมัด แต่ยังเงยหน้าขึ้นมาแผ่จิตรับรู้ออกไปทันที
นี่คือโลกลึกลับที่มืดมัวและวังเวงแห่งหนึ่ง ท้องฟ้ามืดสลัว ปกคลุมด้วยสีดำหนาทึบ
บนพื้นดินเต็มไปด้วยโครงกระดูกที่แตกหัก เกราะและสมบัติที่บิ่นผุแน่นขนัด เมื่อมองไปถึงกับมองไม่เห็นจุดสิ้นสุด!
ที่นี่ยังจะไม่ใช่ใต้ยอดเขากักเทพสวรรค์นั้นอีกหรือ
หลินสวินและอาหูสบตากันวูบหนึ่ง หมายจะดิ้นรน แต่พลังทั้งตัวถูกพันธนาการ แม้แต่นิ้วมือหนึ่งยังยกไม่ขึ้น
“เหยื่อน้อยสองตัว… ไม่พอให้ข้าแคะฟันด้วยซ้ำ โลกตอนนี้นับวันยิ่งแย่ลงแล้วรึ หรือหลังจากผ่านศึกมรรคของเหล่าจักรพรรดิแล้ว เจ้าหนูระดับจักรพรรดิบนทางเดินโบราณฟ้าดาราพวกนั้นจะตายกันหมดแล้ว”
เสียงแหบพร่ายากเข้าใจหนึ่งดังขึ้น เหมือนไม่ได้พูดมานานมากแล้ว แต่ไม่ปกปิดความผิดหวังในคำพูดแม้แต่น้อย
ตู้ม!
เพียงพริบตาหลินสวินและอาหูรู้สึกแค่ตัวเบาโหวง โซ่สีดำที่มัดร่างเส้นนั้นพลันถูกดึงเข้าไปในความมืดที่ห่างออกไป
จากนั้นทั้งสองคนจึงเห็นว่าม่านนภามืดมัวที่ปกคลุมอยู่ห่างไกลเหมือนแหวกออก แท่นมรรคเก่าแก่แท่นหนึ่งปรากฏออกมา
บนแท่นมรรคมีร่างผอมแห้งร่างหนึ่งนั่งขัดสมาธิ ผมเผ้ายุ่งเหยิง ทั้งตัวถูกโซ่ดำสนิทมากมายพันธนาการแน่นหนา ราวกับนักโทษคนหนึ่งที่ถูกกำราบ
โซ่ที่มัดตัวพวกหลินสวินก็พุ่งออกมาจากร่างผอมแห้งนี้เอง
สิ่งที่แปลกคือยามโซ่ถูกดึงกลับก็เฆี่ยนลงบนร่างผอมแห้งนี้อย่างหนักหน่วงทันที ฟาดจนฝ่ายหลังส่งเสียงร้องโหยหวนเหมือนสัตว์ปีศาจ
ร่างกายเขาล้วนสั่นสะเทือนรุนแรง คล้ายเจ็บปวดหาใดเปรียบ โซ่ดำสนิทที่พันรอบตัวเกิดเสียงดังครืดคราด แผ่แสงลึกลับออกมา
ไม่ว่าเขาจะดิ้นรนอย่างไร สุดท้ายเงาร่างก็ยังติดอยู่บนแท่นมรรคนั้นอย่างแน่นหนา ไม่อาจเคลื่อนย้ายเพียงก้าว
ฟุ่บ!
สุดท้ายหลังจากโซ่เส้นนั้นกลับไปก็เปลี่ยนเป็นหนาเท่าหัวแม่โป้ง แทงเข้าไปที่กระดูกสะบักของร่างผอมแห้งนี้อย่างหนักหน่วง ทะลุผ่านแล้วพันไปโดยรอบ
หลินสวินและอาหูต่างอึ้งงัน
เดิมพวกเขาคิดว่าโซ่บนยอดเขากักเทพสวรรค์นี้เป็นสิ่งประหลาดน่ากลัวอย่างหนึ่ง เมื่อใดที่ถูกพันธนาการจะถูกกำราบลบล้าง
แต่ตอนนี้ดูท่าว่าสิ่งที่โซ่พวกนี้ต้องการกำจัดจริงๆ ไม่ใช่ผู้ฝึกปราณที่หลงมายังยอดเขากักเทพสวรรค์ หากแต่เป็นร่างผอมแห้งที่ถูกกำราบอยู่ที่นี่มาไม่รู้กี่วันเวลาร่างนั้น!
เขาเป็นใคร
ทำไมถึงถูกยอดเขากักเทพสวรรค์กำราบ
สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือ เมื่อครู่เห็นชัดว่าร่างผอมแห้งนี้เป็นคนกระตุ้นพลัง ควบคุมโซ่เส้นหนึ่งที่มัดร่างเขาไว้แล้วจับตัวพวกเขามาที่นี่!
แต่เช่นเดียวกัน ร่างผอมแห้งก็ต้องจ่ายค่าตอบแทนอย่างหนักด้วยเหตุนี้ หลังจากโซ่นั้นหลุดออกจากการควบคุมของเขาก็เริ่มตอบโต้ ทำการเฆี่ยนตีและกำราบเขา!
ฮู่ว… ฮู่ว…
บนแท่นมรรค ร่างผอมแห้งหอบหายใจกระชั้นถี่ ครู่ใหญ่จึงฟื้นคืนสภาพจากความเจ็บปวดเหลือคณา ส่งเสียงแหบพร่าที่เต็มไปด้วยความโกรธแค้น
“เจ้าเฒ่าโพธิเอ๋ยเจ้าเฒ่าโพธิ รอข้ารอดไปได้จะล้างบางสำนักคีรีดวงกมลของเจ้าแน่!!!”
………………………
นิยายเรื่องนี้เข้าร่วมโปร FIC Goes SIXTH
เปิดตี้ฉลองครบรอบ 6 ปี
อัปเพิ่ม 1 ตอน!
15-21 ส.ค. 65 เท่านั้น!