Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 1750 เทพมารหลินเผด็จการไม่มีสอง
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 1750 เทพมารหลินเผด็จการไม่มีสอง
บริเวณไกลโพ้น พวกฮว่าซิงหลี ซวีหลิงคุน จวนอวี๋เหิง ถังซูต่างจับจ้องสนามรบ ถูกพลังต่อสู้น่าสะพรึงที่หลินสวินสำแดงออกมาดึงดูดความสนใจ
คนไม่น้อยล้วนฉายแววแปลกใจ
เพราะต่างคิดไม่ถึงว่าภายใต้สถานการณ์ที่ถูกผู้แข็งแกร่งทั้งกลุ่มที่มีเหวินฉิงเสวี่ย เมิ่งอี้เป็นผู้นำปิดล้อมสังหาร หลินสวินตัวคนเดียวถึงกับยังแข็งแกร่งได้ขนาดนี้!
‘ยามพบกันคราแรก เขาอยู่แค่ระดับมหาอริยะขั้นต้น คราวนี้เพิ่งจะผ่านไปเท่าไหร่เอง เขากลายเป็นระดับมหาอริยะขั้นปลายแล้ว…’
สายตาฮว่าซิงหลีลุ่มลึก เพลิงมารไหลเวียน
ในใจคนอื่นๆ ก็มีลางสังหรณ์รุนแรงเช่นเดียวกัน สามารถฟันธงได้ว่าในช่วงเวลาระยะนี้หลินสวินนี่จะต้องได้รับศุภโชคที่เหนือธรรมดาอย่างแน่นอน ถึงสามารถรุดหน้าก้าวกระโดดบนเส้นทางแสวงมรรคได้!
“ควบ!”
ในสนามรบชายหนุ่มชุดคลุมทองที่องอาจไม่ธรรรมดาคนหนึ่งตะโกนลั่น คนผู้นี้คือผู้สืบทอดเรือนมรรคยุทธจักร เป็นมกุฎมหาอริยะที่พลังต่อสู้โดดเด่นคนหนึ่ง
ฟุ่บ!
ดาบศึกที่ตัวดาบดำสนิท แผ่เพลิงเทพสีม่วงออกมาเล่มหนึ่งกลายเป็นรุ้งทอดยาวพาดเวิ้งฟ้า ฟาดฟันลงมา
ดาบเดียวเท่านั้นกลับเจืออานุภาพอัศจรรย์ไพศาล เพลิงเทพลุกโหม กฎเกณฑ์ไหลเคลื่อน!
นี่คือ ‘กระบวนเฉือนเพลิงยุทธจักร’ เป็นมรดกวิชาที่บุคคลระดับจักรพรรดิคนหนึ่งในเรือนมรรคยุทธจักรทิ้งเอาไว้ เมื่อฝฝึกสำเร็จ ภายใต้กระบวนเฉือนเดียวก็สามารถเผาฟ้าดินเทพผีได้ ดุจเพลิงสวรรค์ผลาญนภา!
“งัดไพ่ตายออกมาใช้ไวขนาดนี้เชียว”
คนไม่น้อยนัยน์ตาหดรัด มองออกว่าชายหนุ่มชุดทองคนนี้กำลังสู้สุดชีวิต งัดไม้ตายน่าสะพรึงออกมา
“ทลาย!”
ชายหนุ่มชุดทองร้องตวาด ดวงตาทั้งคู่วาบประกายอสนี ทั้งร่างดุจดั่งหลอมรวมเข้ากับกระบวนเฉือนนี้เป็นหนึ่งเดียว ดุกร้าวเหี้ยมโหดถึงขีดสุด
“แค่การโจมตีนี้ ในการจัดอันดับรายชื่อบนกระดานมหาอริยะฟ้าดาราในอีกไม่กี่ปีให้หลัง ห้าสิบอันดับแรกต้องมีที่ว่างให้เจ้าหมอนี่อย่างแน่นอน”
ฮว่าซิงหลีกล่าวชม
บุคคลแห่งยุคคนอื่นๆ จำนวนหนึ่งในที่นั้นต่างก็ลอบพยักหน้าเห็นด้วย
ภาพลักษณ์ของกระบวนเฉือนนี้น่าทึ่งมากจริงๆ
ในขณะที่คนไม่น้อยล้วนกำลังปาดเหงื่อแทนหลินสวินที่ถูกล้อมกรอบ
“ตาย!”
เห็นเพียงสีหน้าหลินสวินราบเรียบ กดมือลงไปลวกๆ คราหนึ่ง
ตูม!
ประทับปี้อั้นที่แผ่อานุภาพสะท้านฟ้าดินควบรวมออกมา ดุจดั่งประทับสวรรค์ที่จอมมรรคเรียกออกมา ประหนึ่งเขาเทพดึกดำบรรพ์ที่วิญญาณศักดิ์สิทธิ์ยกขึ้น
ประทับนี้หลอมเข้ากับนัยเร้นลับคัมภีร์เตาหลอมมหามรรค มีอานุภาพของหนึ่งหมัดสะเทือนสวรรค์ วิญญาณแห่งมังกรเคราะห์เก้ากระบวนแปร และความฉับไวของหนึ่งกระบวนวัฏจักรฟ้า
ทันทีที่พุ่งออกมาก็เจือพลังที่ไม่อาจทัดเทียม ทำเอาห้วงอากาศล้วนระเบิดออกราวกระดาษเปื่อย!
และเบื้องหน้าของมัน ‘กระบวนเฉือนเพลิงยุทธจักร’ ก็เสมือนเศษหญ้าไม้ผุที่ทรุดพัง ถูกกระแทกแตกเป็นเสี่ยงๆ
ตูม!
ประทับปี้อั้นพลังล้นเหลือไม่ลดทอน ขยายใหญ่ขึ้นฉับพลัน ประหนึ่งครอบฟ้าคลุมตะวัน ภายใต้การกำราบลงมา ทั้งตัวชายหนุ่มชุดทองคนนั้นรวมถึงดาบต่างกลายเป็นผุยผงสิ้นซากไปพร้อมกัน
สุดท้าย มีเพียงฝนเลือดระฟ้าสาดกระเซ็น!
ในที่นั้นล้วนเงียบกริบ
ไม่ว่าจะเป็นผู้แข็งแกร่งเหล่านั้นที่กำลังล้อมโจมตีหลินสวิน หรือจะเป็นผู้ชมการต่อสู้ที่อยู่ไกลๆ ล้วนปากอ้าตาค้าง
ขนาดอาหูที่มั่นใจในตัวหลินสวินเต็มเปี่ยมก็ยังอดแลบลิ้นออกมาไม่ได้ คิดไม่ถึงว่าผู้สืบทอดชั้นยอดเรือนมรรคยุทธจักรที่พลังต่อสู้โดดเด่นเช่นนี้ ถึงขั้นแม้แต่การโจมตีเดียวของหลินสวินยังต้านไม่อยู่ ถูกประทับเดียวตบตาย!
“นะ… นี่…”
เสียงฮือฮาในลานดังขึ้นทั่วทิศ
ไม่ว่าจะดูจากรากฐาน พลังปราณ หรือระดับพลัง ชายหนุ่มชุดทองนี้ล้วนไม่ควรแพ้อย่างน่าอนาถเช่นนี้
ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นมกุฎมหาอริยะคนหนึ่ง เป็นผู้กล้าที่สะดุดตาคุณสมบัติไม่ธรรมดา หนำซ้ำยังโจมตีเต็มกำลัง เรียกใช้ไพ่ตาย!
ทว่าอยู่ต่อหน้าหลินสวิน กลับเหมือนแมลงเม่าบินเข้ากองไฟจริงๆ…
“พลังแข็งแกร่งนัก!”
พวกฮว่าซิงหลี ซวีหลิงคุนต่างเผยสีหน้าเคร่งขรึม
ฝีมือที่หลินสวินสำแดงออกมาเรียบง่ายสุดขีด ดุจดั่งการโจมตีลวกๆ ประหนึ่งชูมือยกเท้า ทว่าพลังนั่นกลับน่าสะพรึงไร้ขอบเขต
จวนอวี๋เหิงดูคล้ายมองอะไรออก เผยสีหน้าแปลกประหลาด ‘ไตรมรรครวมเป็นหนึ่ง แม้แต่วิชาแห่งตนที่รังสรรค์ขึ้นยังเผด็จการขนาดนี้… มรรควิถีแห่งตนของเจ้าหมอนี่ไม่เหมือนใครเกินไป ไม่แม้แต่จะเคยได้ยิน…’
ผู้ฝึกปราณทั่วไปมองความตื้นลึกหนาบางของหลินสวินไม่ออกสักนิด เพราะความรู้สึกที่เขามอบให้แก่ผู้คนก็เหมือนเหวใหญ่แห่งหนึ่ง คาดเดาไม่ถึง
ทว่าสำหรับบุคคลแห่งยุคที่ไต่เต้าขึ้นสู่สิบอันดับแรกของกระดานมหาอริยะฟ้าดาราอย่างจวนอวี๋เหิง ความสามารถที่หลินสวินสำแดงออกมา บรรลุถึงขั้นน่าสะพรึงถึงขีดสุดอย่างหนึ่งไปแล้ว ดูเหมือนง่ายดาย ความจริงแล้วเป็นสัญญาณแห่งมหามรรคสูงสุด ก่อเกิดหนึ่งเดียวอันสัมบูรณ์!
‘ถ้าเจ้านี่ไม่ตาย การแก่งแย่งบนแท่นสักการะครั้งนี้ ต้องเป็นคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งคนหนึ่งแน่’
จวนอวี๋เหิงชี้ขาดล่วงหน้า
ตูม!
ในสนามรบผู้แข็งแกร่งเผ่านักรบฉงฉีคนหนึ่งโบกแขนเสื้อคราหนึ่ง เรียกกระถางหยกสีเลือดที่มังกรชาดขดล้อมใบหนึ่งออกมา มังกรโลหิตสี่สิบเก้าตัวพุ่งทะยานออกมาจากตรงกลาง แหงนหน้าคำรามยาว ไอเลือดระฟ้า
นี่เห็นชัดว่าเป็นสมบัติโบราณที่แข็งแกร่งชิ้นหนึ่งด้วยเช่นกัน คุณสมบัติไม่ธรรมดา
แต่เพียงแค่ชั่วพริบตาก็ถูกหมัดเดียวของหลินสวินซัดกระเด็น มังกรโลหิตสี่สิบเก้าตัวระเบิดออกเหมือนงูตาย แสงเลือดแผ่ซ่าน
วู้ม…
มีง้าวใหญ่แสบตากวาดขวาง ควันหมาป่าสีดำซัดโถม วิวัฒน์ออกมาเป็นเงามายาเทพผีเกรี้ยวกราดนับร้อยพัน ดุจดั่งผีนับร้อยเคลื่อนขบวนยามราตรี
เพียงแต่ไม่ทันรอให้เฉียดใกล้หลินสวิน ก็ถูกเสียงธรรมสีทองแถบหนึ่งที่ปลดปล่อยออกมาจากปากหลินสวินโจมตีเป็นผุยผง กระจายฟุ้งทั่วท้องฟ้า
ผู้ฝึกปราณที่ชูง้าวใหญ่ลุยเข้ามา ยิ่งถูกซัดจนเลือดออกเจ็ดทวาร จิตวิญญาณบาดเจ็บสาหัส ส่งเสียงร้องแหลมโหยหวนออกมา
ที่ตามมาติดๆ มีทั้งง่ามบินสีเงิน กระบี่มรรคสีเขียว แส้ยาวสีทอง ขวานยักษ์สีดำ ต่างกรูเข้ามาจากสี่ทิศแปดทาง
แต่ล้วนถูกหลินสวินสลายได้อย่างง่ายดายโดยไม่มีข้อยกเว้น!
ตัวเขาเหมือนกลายเป็นเตาหลอม หมื่นวิชาไม่อาจรุกราน สีหน้าไม่ทุกข์ไม่สุข เข่นฆ่าในสนามรบ บุกโจมตีศัตรูรอบทิศ เผด็จการไม่มีสอง
อย่าว่าแต่ถูกกดข่ม แค่คิดจะเข้าใกล้เขายังยาก!
มาดที่ผงาดกร้าวไร้ศัตรูระดับนั้น ทำเอาทั้งในและนอกสนามรบไม่รู้มีเสียงอุทานดังขึ้นมากมายเท่าไหร่ มีทั้งประหลาดใจ ทั้งสะเทือนสะเทือน มีทั้งเดือดดาลและไม่อยากเชื่อ
ใต้เขาคุนหลุนแห่งนี้ เสมือนปรากฏภาพปั่นป่วนวุ่นวาย อลหม่านนองเลือด
“เป็นไปได้อย่างไร”
ใบหน้าสุภาพหล่อเหลาของเมิ่งอี้เขียวคล้ำบิดเบี้ยว ยากจะจินตนาการ
ตั้งแต่เริ่มแรกเขาก็ไม่ได้ประเมินหลินสวินต่ำไป หาไม่คงไม่ใช้วิธีวางอุบายกับหลินสวิน
เพราะเขาก็ไม่กล้ารับรองว่าในการปะทะซึ่งหน้า จะสามารถโจมตีสังหารอีกฝ่ายได้
แต่เขาก็ยังคิดไม่ถึงว่าพลังต่อสู้หลินสวินจะถึงกับน่าเหลือเชื่อเช่นนี้ ต่อให้เขากับพวกเหวินฉิงเสวี่ยร่วมมือกัน ก็ยังไม่อาจครองได้เปรียบแม้แต่น้อย
ที่น่ากลัวที่สุดคือต่อสู้มาจนถึงตอนนี้ ฝั่งพวกเขากลับถูกฆ่าไปแล้วหลายคน บาดเจ็บสาหัสมากมาย!
“ฟัน!”
ดาบหักสีขาวหิมะพลันทะยานเข้ามา เมิ่งอี้ไม่กล้าแบ่งสมาธิอีก ต่อต้านเต็มกำลัง
ท้ายที่สุดแม้เขาจะสลายกระบวนท่านี้ได้ แต่หหลินสวินฉวยโอกาสนี้ ร่างกายประหนึ่งมังกรใหญ่ออกจากเหว ปล่อยหมัดดุจสายฟ้า พิฆาตผู้แข็งแกร่งเผ่านักรบฉงฉีสามคนติดกันรวด
ปึง! ปึง! ปึง!
เงาร่างสามสายนั้นราวกับถูกเขาเทพชนกระแทก แหลกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยกลางห้วงอากาศ ฝนเลือดสาดพรม แดงฉานบาดตา เรียกเสียงอุทานหวาดหวั่นระลอกหนึ่งดังขึ้นในที่นั้น
“หลินสวิน เจ้าไม่ตายดีแน่!”
เมิ่งอี้ดวงตาแทบถลน เดือดดาลโดยสมบูรณ์
“พี่เมิ่ง ตอนนี้ยังมีโอกาสปลิดชีพตัวเอง หากรอยามข้าลงมือ รสชาติที่ถูกบีบให้ฆ่าตัวตายไม่น่าอภิรมย์ยิ่งนัก”
หลินสวินเอ่ยปากเรียบๆ เสียงเยียบเย็นดังก้องในที่นั้น มีความหนาวสะท้านกรีดกระดูกอย่างหนึ่ง ทำให้ในใจผู้คนสั่นเทิ้ม
ตูม!
ขณะพูดหลินสวินตบฝ่ามือหนึ่งลงไป ตบผู้สืบทอดเรือนมรรคยุทธจักรที่ซุ่มโจมตีเข้ามาคนหนึ่งตาย สมองระเบิดออกตรงๆ ศพไร้หัวกระแทกลงบนพื้นอย่างจังเหมือนกระสอบแตก กลายเป็นเลือดเนื้อเละเกลื่อน
จนบัดนี้ใครต่างก็มองออก สถานการณ์การต่อสู้ครั้งนี้ตั้งแต่ต้นก็ชัดเจนยิ่งแล้ว
เพียงแต่ใครก็คิดไม่ถึงว่าหลินสวินที่ตัวคนเดียว กลับกลายเป็นผู้ครองความได้เปรียบ
เบื้องหน้าเขา ไม่ว่าพวกเจ้าผู้สืบทอดเผ่านักรบฉงฉีหรือเรือนมรรคยุทธจักรจะมีมากเท่าไหร่ ก็ยังไม่อาจครอบครองความได้เปรียบสักนิด ตรงข้ามกลับถูกฆ่าทีละคน!
นี่ทำให้ผู้คนสะท้านสะเทือน เพราะพลังต่อสู้ที่หลินสวินสำแดงออกมาน่าตกใจเกินไปจริงๆ เหนือจินตนาการและความคาดหมายของผู้คนครั้งแล้วครั้งเล่า
มองดูเงาร่างของเขาเคลื่อนกวาดในที่นั้น แต่ละคนล้วนรู้สึกเหมือนถูกซัดสะเทือน
เมิ่งอี้น่าทึ่งปานใด
ทว่าในการปะทะซึ่งหน้า กลับถูกกดข่มจนโงหัวไม่ขึ้นอยู่ตลอด!
เหวินฉิงเสวี่ยโดดเด่นสะดุดตาปานใด ‘เจตกระบี่ยุทธจักรไร้ผูกมัด’ ยอดเยี่ยมเลิศล้ำสุดขีด เสมือนมีลักษณ์ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตน
ทว่าต่อสู้จนบัดนี้ก็ยังไม่สามารถเอาหลินสวินอยู่!
กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ กระแสของการต่อสู้ทั้งสนามรบ ล้วนถูกหลินสวินคนเดียวควบคุมแน่นหนา
“ทุกท่าน หากพวกเจ้าเลือกจะมองดูเฉยๆ ปล่อยให้เจ้าเดรัจฉานนี่รอดต่อไป อีกไม่นานก็จะถึงคราวตายของพวกเจ้า ใครก็หนีไม่พ้น!”
ในสนามรบเมิ่งอี้ผมเผ้ายุ่งเหยิง สีหน้าเกรี้ยวกราด ส่งเสียงคำรามออกมา
ไกลออกไปจากสนามรบ ผู้แข็งแกร่งขุมอำนาจใหญ่อย่างเรือนมรรคดึกดำบรรพ์ เรือนมรรคจักรวาล เผ่านักรบกิเลนโลหิต เผ่านักรบเถาอูล้วนสีหน้าวูบไหวไม่นิ่ง ภายในใจขัดแย้ง
บนยอดเขาพญามังกร หลินสวินสู้ศัตรูสิบทิศเพียงลำพัง ฆ่าคนร่วมสำนักร่วมเผ่าของพวกเขาไปไม่รู้เท่าไหร่ นี่เรียกว่าเป็นแค้นฝังลึกทะเลโลหิต ไม่อาจคลี่คลายได้แต่แรกแล้ว
เดิมทีไม่จำเป็นต้องให้เมิ่งอี้เตือนสักนิด พวกเขาก็จะหาจังหวะลงมือ รอรุมเหยียบซ้ำหลินสวินอยู่แล้ว
แต่เมื่อได้เห็นการต่อสู้ที่ดุจดั่งไร้ศัตรูของหลินสวิน กลับทำให้พวกเขาแต่ละคนล้วนลังเล ภายในใจสะท้านสะเทือน
“บุกพร้อมกัน ฆ่าเจ้าหมอนี่ซะ!”
“ใช่ เวลานี้หากไม่ตัดรากถอนโคนเจ้าหมอนี่ รอให้เขาฟื้นกำลังก็จะถึงคราวพวกเราแล้ว”
ท้ายที่สุดมีคนกัดฟันตะโกนลั่น พุ่งเข้าไปในสนามรบ
เมื่อคนอื่นๆ เห็นเช่นนี้ก็พากันเผยสีหน้าโหดเหี้ยม ยกพวกตะลุยขึ้นไป
ชั่วขณะเดียวนอกจากพวกฮว่าซิงหลีจากเรือนมรรคเหล่ามาร พวกถังซูจากเผ่านักรบดาบคลั่ง รวมถึงพวกซวีหลิงคุน
ผู้สืบทอดขุมอำนาจใหญ่ในที่นั้นที่มีความแค้นกับหลินสวินต่างลงมือแล้ว
เพราะความสามารถของหลินสวินทำให้พวกเขารู้สึกไม่ปลอดภัย สภาวะจิตรับรู้ถึงภัยคุกคามรุนแรง ขืนยังชักช้าอีก ผลร้ายที่ตามมาคงไร้สิ้นสุด
ตูม โครม!
สถานการณ์ในสนามรบเปลี่ยนแปลงฉับพลัน เมื่อผู้แข็งแกร่งทั้งกลุ่มเข้าร่วม ทำให้ฟ้าดินภายใต้เขาคุนหลุนแห่งนี้ยิ่งสั่นสะเทือนและน่าสะพรึงขึ้นเรื่อยๆ
อาหูยังอดเคร่งเครียดไม่ได้ คิ้วดำขลับขมวดมุ่น
เพียงแต่ยังไม่ทันให้นางลงมือ ก็มีคนรุมล้อมเข้ามาลงมือกับนางก่อนแล้ว!
เห็นได้ชัดว่าจุดประสงค์ของผู้แข็งแกร่งพวกนี้ง่ายดายยิ่ง ล้อมโจมตีอาหู ใช้สิ่งนี้ผูกมัดและข่มขู่หลินสวิน ทำให้เขาต้องแบ่งสมาธิ!
มุมปากอาหูปรากฏแววแค่นหัวเราะ คนพวกนี้วางแผนมาดีทีเดียว เพียงแต่… พวกเขาคิดว่าตนรังแกง่ายมากจริงหรือ
ในแดนหลอมสมบัติ นางสามารถต้านการโจมตีของพวกชั้นยอดอย่างคุนจิ่วหลิน หลูเป่ยกู้ได้ด้วยตัวคนเดียว
และหลังจากกลืนท้อแบน มรรควิถีทั้งร่างของนางก็เกิดการเปลี่ยนแปลงราวถอดรยางค์เปลี่ยนกระดูกนานแล้ว ไม่ใช่สิ่งที่ก่อนหน้านี้จะเทียบชั้นได้อีก
เพียงแต่ไม่ว่าจะเป็นยอดเขาพญามังกรหรือว่าการต่อสู้ตรงหน้านี้ หลินสวินก็ต่อสู้คนเดียวในสนามรบมาตลอด นางคอยเป็นกองหนุนอยู่ภายนอก มีโอกาสให้ลงมือน้อยมาก
แต่เห็นได้ชัดยิ่งว่านี่กลับทำให้คนนึกว่านางรังแกได้ง่ายๆ…
วู้ม!
กลางฝ่ามือเนียนขาวเรียวงามของนางปรากฏเจตกระบี่ที่ทรงพลังประดุจแสงประกายม่วงหมื่นกาล เงาร่างอรชรมีแสงมรรคไหลหลั่งดุจมายา พุ่งทะยานขึ้นไป