Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 1758 สังหารซวีหลิงคุน จับตัวเหวินฉิงเสวี่ย
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 1758 สังหารซวีหลิงคุน จับตัวเหวินฉิงเสวี่ย
พรวด!
ร่างของซวีหลิงคุนกระแทกพื้นอย่างรุนแรง กระอักเลือดคำโต ได้รับบาดเจ็บสาหัส
ในลานเงียบกริบ
ทุกคนอดตกใจไม่ได้ ซวีหลิงคุนผู้ผ่าเผย นายเหนือหัวแห่งยุคผู้แข็งแกร่งยิ่งใหญ่ปานใด แต่ตอนนี้กลับถูกกดข่มอย่างเห็นได้ชัด!
“ประชันวัตถุนอกกายเจ้าไม่ไหว ประชนมรรควิถีแห่งตน เจ้าดูเหมือนจะ…ไม่ไหวเช่นกัน”
ในลาน นัยน์ตาดำของหลินสวินดุจเหว อาภรณ์ปลิวโบก ผมยาวพลิ้วไสว เจดีย์มหามรรคไร้สิ้นสุดเหนือศีรษะแผ่ลอย อานุภาพดุจเทพ
ขณะเขาเอ่ยปาก ก็บุกสังหารไปทางซวีหลิงคุนอีกครั้ง
“บั่น!”
เหวินฉิงเสวี่ยบุกเข้ามาจากอีกด้านหนึ่ง ปราณกระบี่แน่นขนัด ดุกร้าวเบาหวิว ราวกับสายรุ้งที่พุ่งออกมาจากนอกเวิ้งฟ้า
แต่น่าเสียดายที่ปลายกระบี่ลึกลับเสี้ยวนั้นถูกยับยั้งไว้อย่างแน่นหนา อาศัยแค่พลังต่อสู้แห่งตนของเหวินฉิงเสวี่ยเพียงอย่างเดียว สำหรับหลินสวินก็ดูไม่ค่อยได้เท่าใดนัก
ตูม!
หลินสวินไม่แม้แต่จะมอง ฟันกระบี่บุกสังหาร เหวินฉิงเสวี่ยถูกกระแทกลอยออกไปพร้อมกับกระบี่ ใบหน้างดงามดุจเซียนล้วนซีดขาว
ในลานเกิดความกระสับกระส่ายอีกครั้ง
“บั่น!”
ในเวลาเดียวกัน ดาบหักโฉบขึ้น ปลายคมดาบไร้เทียมทาน
หนึ่งกระบวนวัฏจักรฟ้า!
เพียงแต่ หลังจากผสานเข้ากับท่าร่างของหลินสวินแล้ว กระบวนเฉือนนี้ก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป มีอานุภาพฆ่าล้างทุกสิ่ง และชำระล้างจักรวาล
“เปิด!”
นัยน์ตาของซวีหลิงคุนเบิกขึ้นด้วยความโกรธ ส่งเสียงแผดคำราม โบกง้าวใหญ่กระดูกขาวฟันสังหาร
กล้ามเนื้อผิวหนังของเขายืดออก ปล่อยแสงศักดิ์สิทธิ์สีทองอร่ามระฟ้าออกมา อานุภาพน่าสะพรึงถึงขีดสุด ทุ่มกำลังสุดแรงเกิด
เคร้ง…!
ห้วงอากาศสั่นสะท้าน แรงปะทะดุจฟ้าคำรามเก้าสวรรค์
ง้าวกระดูกขาวของซวีหลิงคุน ถูกซัดกระเด็นหลุดออกจากมือ และทั้งตัวเขาก็ถูกฟันจนถอยครูดออกมาอีกครั้ง ร่างกายล้วนถูกปลายคมอันดุกร้าวฉีกออกเป็นคราบเลือดน่าสะพรึงดทางหนึ่ง
สีหน้าของทุกคนในลานเปลี่ยนไป
สถานการณ์เปลี่ยนแปลงเร็วเกินไป เดิมทีหลินสวินถูกซวีหลิงคุนกับเหวินฉิงเสวี่ยปราบปรามด้วยสมบัติก้นกรุ สถานการณ์ล่อแหลมอันตราย
แต่เมื่อหลินสวินก็ใช้วัตถุภายนอกต่อต้านด้วยเช่นกัน สถานการณ์ก็แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง!
“บั่น!”
หลินสวินในเวลานี้ ยะเยือกเย็นดุจลม เข่นฆ่าเด็ดขาด ไม่ให้โอกาสซวีหลิงคุนหายใจ ไล่ตามเขาไปติดๆ
ดาบหักที่ขาวราวหิมะเหมือนฝันดั่งมายา ไหลรินด้วยลายมรรคลึกลับ และคมของมันก็เหมือนจะตัดเวิ้งฟ้าขาดออกจากกัน
“ทุกท่าน หากใครช่วยข้าฆ่าเดรัจฉานนี่ ข้าผู้แซ่ซวีจะตอบแทนในวันหน้าอย่างแน่นอน!”
ซวีหลิงคุนแผดคำราม เขาตื่นตระหนกอย่างสมบูรณ์แล้ว
ตั้งแต่บนเส้นทางสักการะ ถูกหลินสวินไล่ล่าสังหารมาจนถึงแท่นสักการะนี้ และตอนนี้แม้ว่าจะร่วมมือกับเหวินฉิงเสวี่ย แต่ก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลินสวินอยู่ดี
ความเป็นจริงที่โหดร้ายนี้ สร้างแรงโจมตีอันหนักอึ้งหาใดเปรียบให้กับซวีหลิงคุน!
เสียงของเขาดังก้องไปทั่วลาน ทำให้คนไม่น้อยสายตาวาบสว่าง แต่สุดท้ายก็ไม่มีใครตอบตกลง
ไม่ว่าจะเป็นจวนอวี๋เหิง ฮว่าซิงหลีหรือคนอื่นๆ ไหนเลยจะกล้าเข้าไปแทรกแซงในเรื่องระดับนี้
เดิมที ระหว่างพวกเขาก็มีความสัมพันธ์แบบแข่งขันกันอยู่แล้ว!
ไม่ว่าการต่อสู้ครั้งนี้จะเป็นหลินสวินตาย หรือพวกซวีหลิงคุนพ่ายแพ้ สำหรับพวกเขา ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดกันเลยสักนิด
ตูม!
ในเวลานี้ ซวีหลิงคุนถูกฟันกระเด็นอีกครั้ง ร่างกายล้วนแตกระแหง เลือดสดไหลนอง ทั้งตัวคนดูอนาถสะบักสะบอมสุดขีด
“ข้าสู้กับเจ้า!”
ซวีหลิงคุนแผดคำราม ดวงตาล้วนแดงก่ำ ราวกับสัตว์ร้ายที่ความตายใกล้มาเยือน ดิ้นรนอหนีตายย่างยิ่งยวด
ร่างกายของเขาเรากับลุกโหม แผ่ซ่านกลิ่นอายที่น่าสะพรึงไร้ขอบเขตออกมา
“ฆ่า!”
เขาแผดคำราม กลางฝ่ามือปรากฏกริชเล่มหนึ่ง พุ่งโฉบออกไป
วู้ม!
กริชนี้ราวกับภาพลวงตา ทำลายกำแพงเสียงในพริบตา ความเร็วยิ่งเร็วขึ้นเรื่อยๆ มองเห็นเพียงเงาจางๆ เสี้ยวหนึ่งเท่านั้น ราวกับสามารถเพิกเฉยต่อกฎเกณฑ์อวกาศได้!
ดาบปลิดวิญญาณ!
นี่เป็นสมบัติร้ายกาจที่ลึกลับสุดหยั่งชิ้นหนึ่ง ผสานรวมเข้าสู่กลิ่นอายแระทับของระดับจักรพรรดิและทองแท้ฟ้าประทาน แม้แต่ร่างราชันอริยะก็ยังสามารถทะลุผ่านอากาศได้
ใครต่างก็มองออก ซวีหลิงคุนสู้สุดแรงเกิดอย่าสมบูรณ์แล้ว ถึงขั้นที่หมายจะทำลายล้างทั้งสองฝ่ายกับหลินสวิน!
เห็นแต่หลินสวินสูดหายใจเข้าลึกๆ ไม่หลบไม่เลี่ยง กระบี่อเวจีและกระบี่ยอดสังหารสอดรับกันอยู่กลางห้วงอากาศ ทันใดนั้นก็เฉือนออกไปพร้อมกัน
มันเหมือนกับการวาดอักษร ‘ไขว้’ กลางอากาศ
พาดไขว้ มีแต่ฆ่า!
นี่เป็นทั้งอักษรที่เก่าแก่โบราณที่สุด และยังเป็นลายมรรคดั้งเดิมและเรียบง่ายที่สุดด้วย
แต่ในเวลานี้นำมาใช้ภายใต้ปลายกระบี่ของหลินสวิน กลับกลายเป็นการเข่นฆ่าที่บริสุทธิ์ เรียบง่าย และตรงไปตรงมาที่สุด
อย่าฟังแค่เสียงดังเคร้งคราหนึ่ง
ดาบปลิดวิญญาณที่มีพลังสังหารสุดหยั่ง ถูกขวางอยู่บริเวณที่ตัดเชื่อมของอักษร ‘ไขว้’ ก็เหมือนชนกระแทกเข้ากับปราการสวรรค์แห่งหนึ่ง
อย่าว่าแต่ฆ่าคน แม้แต่เสียบทะลุเข้าไปแม้เพียงเศษเสี้ยวก็ยังทำไม่ได้
อเวจี ยอดสังหาร นี่ก็เป็นถึงกระบี่พกที่จักรพรรดิกระบี่ธารนรกใช้ก่อนแจ้งมรรค มีหรือจะธรรมดาสามัญ
“เป็นไปได้อย่างไรกัน”
ซวีหลิงคุนเบิกตากว้าง ไม่กล้าเชื่อเลย ในใจของเขาพลิกตลบไหวกระเพื่อม สยดสยองไม่หาย
แต่เขาไม่ทันได้คิด
ตูม!
การโจมตีนี้ของหลินสวิน เรียบง่ายอย่างสุดขั้ว แต่ก็ควบแน่นดุกร้าวอย่างสุดขั้วเช่นเดียวกัน ส่งเสียงคำรามที่สะเทือนโสตจนหูจะหนวก
ดาบปลิดวิญญาณถูกฟันกระเด็น ร้องคร่ำครวญไม่รู้จบ
ร่างของซวีหลิงคุน ถูกปราณกระบี่อักษร ‘ไขว้’ แยกออกจากกัน!
มือและเท้าของเขาถูกตัดขาด กระจัดกระจายไปกลางห้วงอากาศ โลหิตสดหลั่งไหลโปรยปรายลงมาราวกับน้ำตก
“อ้าก…”
จนกระทั่งยามตาย ในปากซวีหลิงคุนถึงส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดและหวาดกลัวออกมา
มีเพียงเสียงไม่นานก็หยุดลงกะทันหัน ปราณกระบี่ที่บุกรุกนั่นโหมกระหน่ำ ทำลายจิตวิญญาณและพลังชีวิตของเขาตัดขาดอย่างสิ้นเชิง!
จนถึงตอนนี้ ซวีหลิงคุนตายแล้ว!
ส่วนหลินสวิมาถึงแท่นสักการะนี้ เพียงครู่เดียวเท่านั้น ภายใต้สถานการณ์หนึ่งต่อสองก็เขาฟันสังหารซวีหลิงคุนอย่างดุเดือด อานุภาพแกร่งจนทำลายเละทั้งแถบ
เฮือก!
ทุกคนไม่มีใครไม่สูดหายใจเฮือก
ซวีหลิงคุน พวกนายเหนือหัวแห่งยุคที่อยู่ไต่ขึ้นสู่อันดับที่สิบสามบนกระดานมหาอริยะฟ้าดารา ถูกฟันสังหารบนแท่นสักการเช่นนี้
หากแพร่ออกไป ใครจะกล้าเชื่อ
จนถึงขณะนี้ ทุกคนในที่นี้ได้ตระหนักถึงความน่าสะพรึงของหลินสวินอย่างลึกซึ้ง
“มีเพียงพวกขวางสยบในโลก อาลดวาดไร้ศัตรูในระดับมหามกุฎอริยะเท่านั้นจึงจะสามารถมีพลังต่อสู้ที่เหลือเชื่อเช่นนี้กระมัง”
มีคนใจสะท้าน นึกถึงพวกที่อยู่ในห้าอันดับแรกของกระดานมหาอริยะฟ้าดารา “มหาอริยะไร้ศัตรู” ที่ถูกใต้หล้าฟ้าดารารู้จักกันดี!
เพียงแต่ ก่อนหน้านี้ไม่มีใครสามารถเชื่อมโยงคำว่า ‘ไร้ศัตรู’ กับหลินสวินชายหนุ่มที่มาจากดินแดนรกร้างโบราณคนนี้เข้าด้วยกันได้
สวบ!
ในความเงียบชวนผวานี้ จู่ๆ เหวินฉิงเสวี่ยก็หันตัว โฉบเคลื่อนไปทางบนเส้นทางสักการะ ความเร็วรวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ
ถึงขั้นที่ นางไม่เพียงละทิ้งโอกาสของการสักการะอริยมรรคเท่านั้น แม้แต่ปลายกระบี่ลึกลับที่ถูกเจดีย์มหามรรคไร้สิ้นสุดปราบเอาไว้เสี้ยวนั้นก็ยังไม่เอาแล้ว เห็นชัดว่าเด็ดเดี่ยวและเฉียบขาดหาใดเปรียบ
เห็นได้ชัดว่าการตายของซวีหลิงคุน ทำให้นางตระหนักถึงความสยองขวัญของหลินสวินอย่างสมบูรณ์
หลินสวินหันตัว ตอนที่ตั้งท่าจะโจมตีไล่ตาม
บนเส้นทางสักการะ โฉบพรวดเงาร่างงดงามที่สวมกระโปรงเหลืองปรากฏขึ้น ดักขวางตรงหน้าเหวินฉิงเสวี่ยราวกับรอจังหวะมาแต่ต้น
คนผู้นี้ เป็นอาหูนั่นเอง
สวบ!
ปราณกระบี่สีม่วงพุ่งออกมาจากฝ่ามือของนาง ฟันไปทางเหวินฉิงเสวี่ย
เหวินฉิงเสวี่ยขมวดคิ้ว ใช้กระบี่มรรคมหายุทธ์ซัดสะเทือนเต็มกำลัง
แต่การต่อสู้ครั้งนี้ยังไม่ทันเริ่มก็จบลงเสียแล้ว ร่างของเหวินฉิงเสวี่ยถูกมือใหญ่ข้างหนึ่งกำคอขาวราวหิมะจากด้านหลังแล้วหิ้วขึ้นมา
ในขณะนี้ เหวินฉิงเสวี่ยผู้สงบนิ่งไม่ไหวติง เรียบเฉยดุจน้ำมาโดยตลอด ดุจเซียนไร้มลทิน ในที่สุดก็หน้าเปลี่ยนสีอย่างสมบูรณ์
นางดิ้นรนอย่างหนัก แต่จู่ๆ ก็หายใจไม่ออก รู้สึกเพียงว่ามือใหญ่ที่บีบคออยู่ออกแรงขึ้น พลังน่าสะพรึงบุกเข้าร่างของนางจากปลายนิ้วราวเขาถล่มคลื่นโหมซัด ปราบปรามและกักขังพลังรอบกายไว้ทั้งหมด!
ชั่วขณะเดียว ใบหน้าที่งามเกลี้ยงเกลาของนางก็เปลี่ยนเป็นสีแดงดุจแสงประกาย คิ้วดำขลับนิ่วขมวด ทั่วใบหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
“ดูสิ เทพธิดาผู้นี้ขนาดโกรธก็ยังมีเสน่ห์เย้ายวนคน มิน่าบนทางเดินฟ้าดาราถึงได้ถูกคนมากมายขนาดนั้นไล่ตามตื๊อ”
เสียงเย็นชาเจือแววเย้ยหยันของหลินสวินดังมาจากด้านหลัง
ภายในใจเหวินฉิงเสวี่ยล้นทะลักความแค้นและความอัปยศอย่างบอกไม่ถูก กล่าวอย่างเย็นชา “หลินสวิน ข้าแพ้แล้ว เจ้าจะฆ่าข้าก็ฆ่าเสียให้จบเรื่อง!”
ในลานเงียบทั้งแถบ พวกจวนอวี๋เหิง ฮว่าซิงหลีและคนอื่นๆ ล้วนอึ้งไปเล็กน้อย
เหวินฉิงเสวี่ย ผู้สืบทอดเรือนมรรคยุทธจักร เทพธิดาอันดับสามบนกระดานยอดจรัสฟ้าดารา ผู้กล้าหญิงแห่งยุคร้อยอันดับแรกบนกระดานมหาอริยะฟ้าดารา
นางบุคลิกสง่างาม ชื่อเสียงโด่งดัง มีผู้เทิดทูนและนิยมชมชอบอย่างสูงบนทางเดินโบราณฟ้าดารา ไม่ต้องพูดถึงผู้ฝึกปราณทั่วไป แม้แต่พวกโดเด่นแห่งยุคจำนวนหนึ่งพบเห็นนาง ก็ยังให้ความสำคัญและคอยไล่ตื๊อ
แต่ในเวลานี้ นางกลับเหมือนลูกไก่ตัวน้อย ถูกหลินสวินคว้าคอหิ้วขึ้นมา ภาพเหตุการณ์นี้เห็นชัดว่าน่าตกใจมากอย่างไม่ต้องสงสัย
“ฆ่าเจ้า?”
นัยน์ตาดำของหลินสวินลุ่มลึก เสียงดังปึงคราหนึ่ง กระแทกเหวินฉิงเสวี่ยลงบนพื้น “ไม่ แบบนี้มีแต่จะสบายเจ้าเกินไป”
อาหูที่อยู่ข้างๆ เห็นด้วยอย่างยิ่ง “ความตายง่ายด่ายยิ่ง จะให้นางสบายไม่ได้จริงๆ”
นัยน์ตาสุกใสของเหวินฉิงเสวี่ยหดรัด “เจ้าจะทำอะไร”
อาหูยิ้มพิมพ์ใจ กะพริบตาปริบๆ กล่าวว่า “เจ้าเป็นถึงเทพธิดาที่มีชื่อเสียงโด่งดึงบนทางเดินโบราณฟ้าดารา เดินไปไหนล้วนมีแต่ดึงดูดคนเทิดทูนนับไม่ถ้วน แต่หากให้พวกเขารู้เข้า เทพธิดาที่พวกเขาเทิดทูนในใจ จู่ๆ ก็ถูกแปดเปื้อนมลทิน ควรจะรู้สึกอย่างไรกันนะ”
“ทำลายปราณของข้าหรือ”
ใบหน้างามของเหวินฉิงเสวี่ยเปลี่ยนไปเล็กน้อย
ผู้แข็งแกร่งส่วนหนึ่งในที่นี้ยิ่งสูดหายใจเย็น นี่ช่างโหดร้ายเกินไปแล้ว
ฝึกปราณไม่ใช่เรื่องง่าย สามารถโดเด่นเหนือผู้แข่งขันนับไม่ถ้วน ทำให้เหวินฉิงเสวี่ยมีปราณ ชื่อเสียง ตำแหน่งอย่างทุกวันนี้ยากเสียยิ่งกว่ายาก
ถ้าทำลายปราณของนางทิ้ง นี่ก็ไม่ต่างอะไรจากการซัดโจมตีที่หนักหน่วงจนทำให้คนพังทลายลงไปอย่างหนึ่ง!
ถึงตอนนั้น หากปราศจากปราณ ในโลกฝึกปราณที่การแข่งขันที่ดุเดือดไร้มัดเทียมแห่งนี้ นางก็ต้องเป็นพวกที่เหมือนเศษหญ้ามดปลวกอย่างไม่ต้องสงสัย
ตำแหน่งและชื่อเสียงอะไรเอยล้วนจะหายไปเหมือนหมอกควัน!
และถึงตอนนั้น เรือนมรรคยุทธจักรจะปฏิบัติต่อเหวินฉิงเสวี่ยที่กลายเป็นคนไร้สมรรถภาพอย่างไร ผู้แข็งแกร่งเหล่านั้นบนทางเดินโบราณฟ้าดาราที่เคยเทิดทูนเหวินฉิงเสวี่ย จะปฏิบัติต่อนางอย่างไรอีกกัน
กลับเห็นอาหูหัวเราะชอบใจ และกล่าวว่า “ทำลายปราณยังไม่พอ เกิดเจ้าบุญหนัก ลุกขึ้นใหม่หลังแตกสลาย ปีนป่ายสู่มรรคาอีกเล่า”
ในใจเหวินฉิงเสวี่ยหนักอึ้ง ผุดลางสังหรณ์ไม่ดีขึ้นมา
ดังคาด ครู่ต่อมาอาหูก็กล่าวว่า “ในความคิดข้า เจ้าหน้าตาสะสวยขนาดนี้มาก บุคลิกก็สูงสง่าปานนี้ ส่งเข้าหอคณิกาได้สบายเลย อย่างน้อยก็สามารถเป็นตัวชูโรงได้”
“ถึงตอนนั้น ข้าเชื่อว่าจะต้องมีคนที่เคยเทิดทูนเจ้ามากมายไปร่วมเรียกขวัญ แห่กันแย่งเข้าไปอุดหนุนกิจการของเจ้าอย่างแน่นอน”
น้ำเสียงของนางนุ่มนวล ต่ำลึก เจือรอยยิ้ม แต่เมื่อเข้าหูเหวินฉิงเสวี่ย คำพูดแต่ละคำนั้นเหมือนกรวยแหลมคมที่เย็นเยียบที่สุดในโลก เสียบลึกเข้าไปในใจของนาง ทำให้ร่างของนางล้วนสั่นเทา เดือดดาล ตื่นกลัว และหวาดผวา
แม้ว่าจะเป็นพวกจวนอวี๋เหิงก็ยังรู้สึกหนาวสะท้าน เมื่อผู้หญิงทรมานผู้หญิงด้วยกันเอง มักจะโหดเหี้ยมยิ่งกว่าผู้ชายเสมอ
ก็เหมือนในเวลานี้!
ผู้กล้าหญิงที่ชื่อเสียงระบือทั่วฟ้าดาราอย่างเหวินฉิงเสวี่ย ถูกขู่ทำลายปราณยังไม่พอ ถึงขั้นยังจะทำให้นางไปอยู่โลกปุถุชน ตกต่ำกลายเป็นหญิงคณิกา หอโคมเขียว
นี่โหดร้ายยิ่งกว่าการฆ่าเหวินฉิงเสวี่ยตรงๆ ไม่รู้กี่เท่า!