Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 1836 จินเทียนเสวียนเยวี่ย
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 1836 จินเทียนเสวียนเยวี่ย
หลินสวินฟังจบ สีหน้าเรียบเฉย
หญิงชราไม่ใช่คนชั่วร้าย นางเพียงทำตามหน้าที่อย่างเคร่งครัดในการคุ้มกันเด็กหนุ่มชุดป่าน หลินสวินสามารถเข้าใจได้
แม้ถูกเตือน เขาก็ไม่ได้โกรธอะไร
เพียงแต่สิ่งที่ทำให้หลินสวินไม่พอใจนัก คืออะไรเรียกว่าเป็นแพะรับบาปแทนตน ตนไม่เคยขอร้องนะ
และอะไรที่เรียกว่าได้คืบเอาศอก
มหันตภัยกำลังมาเยือนเขาก็ดี เขายากจะเอาตัวรอดก็ช่าง แต่ไม่เคยมีความคิดจะลากเด็กหนุ่มชุดป่านลงน้ำเพื่อกันลมฝนให้ตัวเอง
ทว่าเรื่องพวกนี้หลินสวินคร้านจะอธิบายแล้ว
ด้วยฐานะกับระดับของหญิงชรา กลัวว่าคงไม่เชื่อคำอธิบายพวกนี้
ว่ากันถึงที่สุด ในสายตาของนางเขาก็ไม่ได้สำคัญพอก็เท่านั้น
ลมกลางคืนพัดโชย
บนเขารับแขก หลินสวินเงียบรอคอย
ในเรือนพักหลิ่วชิงเยียนนั่งอยู่ตรงนั้นเพียงลำพัง หยิบขลุ่ยวิญญาณโบราณออกมาวางข้างริมฝีปากที่แดงชุ่มชื้น เป่าทำนองไพศาล ทรงพลัง และกว้างไกลออกมาเบาๆ
เรื่องผ่านไปแล้ว
ในใจนางกลับนิ่งสงบอย่างสิ้นเชิง มองความเป็นตายอย่างสงบนิ่ง
ที่แห่งนี้เงียบสงบ ไร้ซึ่งระลอกคลื่น
ทว่าทั้งบนล่างเขารับแขกถูกสายตาไม่รู้เท่าไหร่จับจ้องนานแล้ว แต่ละภาพที่พวกจินเทียนฉีถูกทำร้ายก่อนหน้านี้ รวมถึงขั้นตอนยามอู่อวิ๋นเหลียนถูกฆ่า ได้ทำให้เกิดความตื่นตะลึงไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่แล้ว
“คิดไม่ถึงว่าที่นั่นกลับมีคนร้ายกาจเช่นนี้อาศัยอยู่”
“ฆ่าคนของหอเสียงสวรรค์และกำราบพวกคนตระกูลจินเทียน ความกล้าหาญนี้ไม่มีใครเทียบได้ แต่เพราะเหตุนี้ เกรงว่าเขาคงไม่รอดคืนนี้”
“ไม่เห็นหรือ เขารู้ว่ามหัตภัยมาเยือนแล้ว ยังรอความตายอยู่”
เสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ ดังขึ้นในความมืด
“อาจารย์ลุง พวกเราไปดูสักหน่อย”
ตรงตีนเขา อู้หมิงภิกษุหนุ่มที่สวมงอบ ใส่ชุดผ้าหยาบเท้าเปล่า พาเหล่าผู้สืบทอดแดนกษิติครรภ์เดินออกจากประตูเรือน
‘ไปเถอะ มีความเป็นไปได้สูงมากที่ชายผู้นั้นจะเป็นเจ้านอกรีตนั่น หากเป็นเช่นนี้ จะให้เขาถูกคนอื่นฆ่าตายไม่ได้เด็ดขาด’
ภิกษุเฒ่าตู้คงที่นั่งขัดสมาธิอยู่หน้าเรือนสื่อจิตด้วยเสียงแหบพร่า
อู้หมิงพยักหน้า คนทั้งกลุ่มฉวยโอกาสตอนดึกขึ้นเขาไป ชั่วขณะเดียวดึงดูดสายตาคนไม่รู้เท่าไหร่
“เหตุใดเหล่าภิกษุที่มาจากอารามหยกถึงได้ออกเคลื่อนไหวก่อน”
“น่าแปลก!”
ไม่ว่าเสียงวิพากษ์วิจารณ์จะเป็นอย่างไร พวกอู้หมิงก็เหมือนไม่รู้สึก สีหน้าลึกล้ำสงบนิ่ง
……
“เฮอะๆ ดันไม่ได้ตีพวกไร้ประโยชน์อย่างพวกเจ้าตาย”
ตรงไหล่เขา ชายชราในชุดคลุมเผยความเย้ยหยันไม่มีปกปิดสักนิด
พวกจินเทียนฉีคุกเข่ากับพื้น สีหน้าอึมครึมไม่สามารถสงบได้ ในใจอับอายถึงขีดสุด ประหม่าอย่างที่สุด
“ผู้อาวุโส พวกเราไร้ความสามารถเอง!”
จินเทียนฉีคุกเข่าโขกหัว กัดฟันพูด “แต่เจ้าหมอนั่นรู้ทั้งรู้ว่าพวกเราเป็นคนตระกูลจินเทียน กลับไม่เกรงใจเลยสักนิด นี่เห็นได้ชัดว่าไม่เห็นพวกเราอยู่ในสายตา”
ชายชราในชุดคลุมยิ้มเยาะ “อยากยั่วยุให้ข้าล้างแค้นแทนพวกเจ้าหรือ”
จินเทียนฉีสีหน้าชะงัก แต่เขายังคงฝืนใจเอ่ยว่า “ผู้อาวุโส พวกเราขายหน้าน่ะไม่สำคัญ แต่หน้าของตระกูลจินเทียนของพวกเรา… จะเสียไม่ได้เด็ดขาด!”
ปัง!
จินเทียนฉีตัวสั่น เอ็นกระดูกทั้งร่างพลันแตกหัก ทรุดลงพื้นทั้งตัว ทั้งร่างกระตุกด้วยความเจ็บปวดไม่หยุด
คนอื่นๆ ต่างหวาดกลัว ยิ่งตื่นตกใจ
ชายชราในชุดคลุมพูดอย่างเยียบเย็น “หากไม่ใช่เพราะพวกเจ้าขี้ขลาด ไร้ความสามารถเกินไป จะเกิดเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไร ถึงตอนนี้ถึงเพิ่งรู้ว่าตระกูลจะเสียหน้าไม่ได้ ไม่รู้สึกว่าสายเกินไปหรือ”
“ผู้อาวุโส แม้พวกเขาพูดโง่ๆ ไปหน่อยแต่ก็ถือว่าพูดได้ไม่เลว ตระกูลจินเทียนของพวกเราเสียหน้าที่ไหน เอาคืนที่นั่นก็พอแล้ว”
ทันใดนั้นเสียงที่เย็นเยียบราวกับน้ำแข็งดังขึ้น
ด้านหลังชายชราในชุดคลุม ประตูเรือนที่ปิดสนิทเปิดออก สาวงามไร้ที่ติ รูปร่างสูงโปร่ง ท่าทางโดดเด่นอย่างที่สุดคนหนึ่งก้าวออกมา
มาดของคนผู้นีสง่างามหาที่เปรียบไม่ได้ บุคลิกโดดเด่น!
จินเทียนเสวียนเยวี่ย
ผู้กล้าหญิงที่สะดุดตาที่สุดในหมู่คนรุ่นเยาว์ของเผ่าจักรพรรดิตระกูลจินเทียน ฝึกปราณมาหนึ่งร้อยแปดสิบปี อยู่ในอันดับที่สี่สิบเก้าของกระดานราชันอริยะปวงสวรรค์!
ชื่อเสียงโด่งดังทั้งทางเดินโบราณฟ้าดารา ถูกผู้ฝึกปราณไม่รู้เท่าไหร่เลื่อมใสชื่นชม
เห็นนางเดินออกมา สีหน้าของพวกจินเทียนฉีซับซ้อนมาก พวกเขาเรียกได้ว่าทั้งอิจฉาและริษยาจินเทียนเสวียนเยวี่ย
ชายชราในชุดคลุมสีหน้าอ่อนโยนลงไม่น้อยอย่างยากจะเห็น เอ่ยว่า “เสวียนเยวี่ย เจ้าทะลวงขั้นแล้วหรือ”
จินเทียนเสวียนเยวี่ยพยักหน้า แม้อยู่ต่อหน้าชายชราในชุดคลุม นางก็ยังมีท่าทางเย็นชา “เรียนผู้อาวุโส ข้าได้ก้าวสู่ระดับมกุฎราชันอริยะขั้นกลางแล้ว ควบรวมเขตแดนมรรคที่สมบูรณ์แบบออกมาแล้ว”
ชายชราในชุดคลุมตาเป็นประกาย กล่าวชื่นชม “ดี!”
“ผู้อาวุโส ข้าไปเจออวี่เสวียนนั่นสักหน่อย”
จินเทียนเสวียนเยวี่ยพูดด้วยเสียงเย็นชา “ฉวยโอกาสลองดูพลังหลังจากทะลวงขั้นด้วย เพียงแต่ต้องดูว่าเขามีคุณสมบัติเป็นหินลับมีดของข้าหรือเปล่า”
ชายชราในชุดคลุมพูดพร้อมรอยยิ้ม “ไปเถอะ”
ท่าทีที่มีต่อจินเทียนเสวียนเยวี่ยกับพวกจินเทียนฉี แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง!
นี่ทำให้ในใจพวกจินเทียนฉียิ่งอิจฉาขึ้นมา
แต่ในเวลาเดียวกันก็โล่งอกไปด้วย มีจินเทียนเสวียนเยวี่ยลงมือ คนแซ่อวี่นั่นจะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย อย่างน้อยก็สามารถกอบกู้หน้าของพวกเขากลับมาได้
จินเทียนเสวียนเยวี่ยพยักหน้าแล้วพลิ้วตัวจากไป เงาร่างสันโดษ
ตอนที่เห็นจินเทียนเสวียนเยวี่ยปรากฏตัว ทั้งบนล่างเขารับแขกสะท้านขึ้นมาในชั่วขณะ ในที่สุดเทพธิดาเผ่าจักรพรรดิตระกูลจินเทียนคนนี้ก็ปรากฏตัวแล้ว!
ผู้คนนับไม่ถ้วนตื่นเต้น ราวกับเห็นบุคคลระดับตำนานบนโลก หาดูได้ยากเกินไปแล้ว
เห็นได้ชัดว่าการมาครั้งนี้ของนาง ก็เพื่อกอบกู้หน้าของเผ่าจักรพรรดิตระกูลจินเทียน
บนเขารับแขก ทุกสายตาล้วนรวมอยู่ในตำแหน่งเดียว…
หลินสวินยืนอยู่ที่เดิม
คลื่นใต้น้ำพรั่งพรู ไอสังหารอบอวลเข้ามา
ทว่าเหนือความคาดหมายของทุกคน มีคนชิงไปถึงก่อนพวกอู้หมิและจินเทียนเสวียนเยวี่ยแล้ว
ฉัวะ!
ในอากาศเกิดระลอกคลื่น เงาร่างผอมบางร่างหนึ่งปรากฏกลางอากาศ ผมขาวราวหิมะ รูปลักษณ์เหมือนเด็กหนุ่ม เป็นเหลียงชวน ผู้อาวุโสชั้นสูงแห่งหอเสียงสวรรค์
นี่คือกึ่งจักรพรรดิคนหนึ่ง!
ผู้แข็งแกร่งมากมายที่เห็นภาพนี้ต่างกลั้นหายใจ อวี่เสวียนนั่นจะประสบเคราะห์แล้ว!
ขุมอำนาจทั้งสามอย่างหอเสียงสวรรค์ เผ่าจักรพรรดิตระกูลจินเทียน อารามหยกรวมตัวกัน พุ่งสังหารมาในคืนนี้ ใครเล่าจะต้านทานไหว
พลังระดับนี้สามารถทำให้คนสิ้นหวัง!
เหลียงชวนสีหน้ามืนทะมึน มองหลินสวินที่ยืนอยู่หน้าเรือนพร้อมพูดว่า “พวกอวี๋จวิ้น อู่อวิ๋นเหลียน… ล้วนถูกเจ้าฆ่าหรือ”
หลินสวินพยักหน้าเรียบๆ
ประกายเย็นเยียบวาบผ่านในดวงตาเหลียงชวน “คนตระกูลจินเทียนก็ถูกเจ้าทำร้ายหรือ”
หลินสวินพยักหน้าอีกครั้ง สีหน้านิ่งสงบ ไม่มีอะไรต้องปิดบังแล้ว
เหลียงชวนสูดหายใจลึกคราหนึ่ง โกรธจนหน้าเขียว “หากข้าเดาไม่ผิด การตายของผู้แข็งแกร่งเรือนมรรคดึกดำบรรพ์ก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับเจ้าใช่หรือไม่”
หลินสวินพยักหน้าอีกครั้ง เอ่ยว่า “หอเสียงสวรรค์ของพวกเจ้าปกป้องศิษย์ในสำนักไม่ได้เอง ข้าจึงต้องทำแทน”
ประโยคเดียวแฝงความเสียดสี
แต่ได้ยินคำพูดนี้ ผู้แข็งแกร่งที่จับตามองเรื่องทั้งหมดนี้อยู่ในที่มืดต่างฮือฮาอย่างไม่มียกเว้น
ก่อนหน้านี้ การตายของผู้แข็งแกร่งเรือนมรรคดึกดำบรรพ์ ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์บนยานลมกรดอย่างรุนแรง!
ตอนที่ทุกคนสงสัยว่าเด็กหนุ่มชุดป่านและหญิงชราเป็นฆาตกรที่อยู่เบื้องหลัง ใครจะคิดว่าฆาตกรที่แท้จริงกลับเป็นคนอื่น
อวี่เสวียน!
ผู้แข็งแกร่งเผ่าจักรพรรดิตระกูลอวี่ที่ถูกมองข้ามมาโดยตลอดคนนี้ ในคืนนี้ได้สร้างความตะลึงและประหลาดใจให้พวกเขามากเกินไปแล้ว!
เหลียงชวนโกรธจัดจนผมตั้งแล้ว โกรธจนตาลุกเป็นไฟ
ช่วงที่ผ่านมาการตายของผู้แข็งแกร่งเรือนมรรคดึกดำบรรพ์ ทำให้หอเสียงสวรรค์ของพวกเขาได้รับผลกระทบไปด้วย ผู้คนแตกตื่น และตอนนี้ผู้แข็งแกร่งเผ่าจักรพรรดิตระกูลจินเทียนก็บาดเจ็บอีก สามารถคาดการณ์ได้ว่า หอเสียงสวรรค์ของพวกเขาจะต้องถูกโจมตีอีกแน่
ทั้งหมดนี้กลับเป็นฝีมือของคนผู้เดียว!
สิ่งที่ทำให้เหลียงชวนทนไม่ได้ที่สุดคือ อวี่เสวียนดันลงมืออย่างเหี้ยมโหด สังหารผู้แข็งแกร่งหอเสียงสวรรค์อย่างพวกอวี๋จวิ้น อู่อวิ๋นเหลียน!
“เจ้าคนชั่วช้า ตายซะเถอะ!”
เหลียงชวนคำรามอย่างเดือดดาล
ทว่าตอนที่เขาคิดจะลงมือ เงาร่างงดงามไร้ที่ติที่เย็นชาและสูงส่งปรากฏกลางอากาศ เอ่ยว่า “คนผู้นี้ ตระกูลจินเทียนของข้าจะฆ่าเอง”
ประโยคเดียวทำให้เหลียงชวนที่กำลังโกรธอึ้งไป จากนั้นพลันได้สติ สีหน้าแปรเปลี่ยนไม่หยุด
สุดท้ายเขาก็ข่มไอสังหารที่เดือดพล่านในใจก่อนจะพูดว่า “เป็นหอเสียงสวรรค์ของข้าไม่ดีเอง รบกวนแม่นางเสวียนเยวี่ยเข้าแล้ว”
จินเทียนเสวียนเยวี่ยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ไม่โทษหอเสียงสวรรค์ โทษเพียงพวกไร้ประโยชน์ที่ทำลายชื่อเสียงของตระกูลจินเทียน ความอับอายนี้ข้าจะเอาคืนเอง”
เสียงสะท้อนอยู่ภายใต้ท้องฟ้ารัตติกาล ราวกับกระบี่แทงกระดูก
หลินสวินมุ่นคิ้วมองผู้หญิงคนนี้แวบหนึ่ง จากนั้นเคลื่อนสายตามองไปยังพวกอู้หมิงที่อยู่ไกลๆ ซึ่งไม่รู้มาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่
“พวกเจ้าล่ะ จะลงมือด้วยหรือ”
หลินสวินถาม
อู้หมิงสีหน้าเคร่งขรึมนิ่งสงบ พนมมือพูด “หากสหายยุทธ์ไปกับพวกเราสักหน่อย วันนี้ก็อาจรอดพ้นความตายได้”
จินเทียนเสวียนเยวี่ยพูดเสียงเย็น “พวกเจ้าแดนกษิติครรภ์จะแย่งคนกับข้าหรือ”
แดนกษิติครรภ์!
ผู้ฝึกปราณทุกคนที่จับตามองเหตุการณ์นี้ต่างใจสั่นโดยไม่มีข้อยกเว้น สีหน้าเปลี่ยนไปอย่างควบคุมไม่อยู่
เพิ่งจะรู้ตอนนี้ว่าภิกษุที่อ้างตัวว่ามาจากอารามหยก ที่แท้ดันมาจากแดนกษิติครรภ์ หนึ่งในสามยักษ์ใหญ่ของโลกมืด!
ในเวลาเดียวกันชายชราในชุดคลุมที่อยู่ตรงไหล่เขาก็ขมวดคิ้ว
ภิกษุเฒ่าตู้คงที่นั่งขัดสมาธิอยู่ตรงตีนเขาลืมตาขึ้น
แต่สุดท้ายระดับจักรพรรดิทั้งสองล้วนไม่ได้กระทำการใด
อู้หมิงไม่สนใจจินเทียนเสวียนเยวี่ย เพียงเคลื่อนสายตาจ้องมองหลินสวิน
หลินสวินเงียบไปครู่หนึ่ง จู่ๆ ก็เผยรอยยิ้มเอ่ยว่า “เจ้าเฒ่าข้างกายพวกเจ้าไม่ลงมือ กลับให้พวกเจ้ามา ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าก็จะเล่นกับพวกเจ้าสักหน่อย”
ว่าพลางกลิ่นอายบนร่างเขาพลันเปลี่ยนไป แสงมรรคสีเขียวไหลเวียน ฟ้าครามนิรันดร์ กดกำราบวัฏจักร!
เสื้อผ้าของเขาโบกสะบัดจนเกิดเสียง นัยน์ตาดำประหนึ่งสายฟ้า กวาดมองจินเทียนเสวียนเยวี่ยและอู้หมิง “อย่าเสียเวลาอีกเลย พวกเจ้าลงมือพร้อมกันเถอะ”
อวดดีนัก!
ผู้แข็งแกร่งที่เฝ้ามองเหตุการณ์อยู่ในที่มืดไม่มีใครไม่ตะลึง เจ้าหมอนี่ไม่กลัวตายจริงๆ หรือไม่รู้ว่าอะไรคือคำว่าฟ้าสูงแผ่นดินต่ำกันแน่
จินเทียนเสวียนเยวี่ยอดขมวดคิ้วไม่ได้ เป็นครั้งแรกในชีวิตที่นางโดนดูถูกเช่นนี้
ตูม!
ส่วนอู้หมิงยิ่งตรงไปตรงมา ปล่อยหมัดหนึ่งออกไปทันที ราวกับมุนินทร์ยื่นมือสยบโลก
พริบตาเดียวเสียงสวดดั่งอสนีบาตร พลังฝ่ามือบดบังท้องฟ้า แสงธรรมสีดำที่น่ากลัวบดขยี้ห้วงอากาศจนแตก กึกก้องกัมปนาท
มรดกชั้นสูงของแดนกษิติครรภ์…
เมืองพุทธในฝ่ามือ!
ดูเหมือนเป็นหนึ่งฝ่ามือ ความจริงเต็มไปด้วยนัยเร้นลับของเขตแดนมรรค
นัยน์ตาดำของหลินสวินลึกล้ำ กดฝ่ามือหนึ่งออกไปเช่นเดียวกัน
ตูม!
ประทับฝ่ามือนี้เหมือนเตาหลอมแต่ไม่ใช่เตาหลอม ราวกับหุบเหวแต่ไม่ใช่หุบเหว ร่วงโรยรุ่งโรจน์ผลุบโผล่ มีอานุภาพกดข่มจักรวาล กลืนกินสิบทิศ
นี่ก็คือ ‘ประทับรบเก้ากระถาง’ ของเผ่าจักรพรรดิตระกูลอวี่ สืบทอดมาจาก ‘คัมภีร์เก้ากระถางสยบหล้า’ ถูกหลินสวินใช้พลังเขตแดนมรรคแห่งตนโคจร!
..