Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 1847 น้ำหนักแห่งอานุภาพจักรพรรดิ
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 1847 น้ำหนักแห่งอานุภาพจักรพรรดิ
ยานลมกรดเงียบกริบ ทุกคนล้วนสีหน้าแปลกไป
แขกบนยานรู้ดีแต่ต้น ก่อนหน้านี้ผู้แข็งแกร่งเรือนมรรคดึกดำบรรพ์พวกนั้นถูกอวี่เสวียนฆ่าตาย แต่อวี่เสวียนในยามนี้กลับถูกหอเสียงสวรรค์เทิดทูนเป็นแขกพิเศษ ตำแหน่งแปลกแยกโดดเด่น
ข่งหลินบอกว่าหอเสียงสวรรค์คุ้มครองและให้ท้ายอวี่เสวียน ไม่ใช่เรื่องเท็จเลย
ตอนนี้ขบวนคนของเผ่าจักรพรรดิตระกูลข่งมาเยือน หนำซ้ำฟ้าดาราละแวกนี้ก็เป็นส่วนของหนึ่งเขตแดนดาราราชันแสง นั่นเท่ากับอยู่บนในอาณาเขตของเผ่าจักรพรรดิตระกูลข่ง
เมื่อเป็นเช่นนี้ อวี่เสวียน… เกรงว่าคงต้องประสบเคราะห์แล้ว!
“เหอะๆ ดียิ่ง!”
ข่งอวี้หัวเราะ เพียงแต่เสียงหัวเราะนั้นเย็นชาเป็นพิเศษ
ใครต่างก็ดูออก เขาเดือดดาลแล้ว!
เหลียงชวนสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่งกล่าวว่า “คุณชายข่งอวี้ เรื่องนี้มีอย่างอื่นแอบแฝง ไม่ได้เป็นอย่างที่ท่านคิด ไม่สู้ไปเป็นแขกที่โถงใหญ่หอเสียงสวรรค์ของข้าก่อน ให้ข้าอธิบายสักหน่อยเป็นอย่างไร”
“ช่างเถิด”
เสียงของข่งอวี้เย็นชา “มิน่ายานลมกรดถึงไม่หยุดแวะที่โลกใหญ่แดนธรรม หากไม่ใช่เพราะข้าคนแซ่ข่งตามขึ้นมา เกรงว่าคงปล่อยให้พวกเจ้าทำเนียนผ่านไปแล้ว!”
ในใจพวกเหลียงชวนต่างสั่นสะท้าน ทั้งขมขื่นและจนปัญญา
“เหอะๆ แค่หอเสียงสวรรค์เล็กๆ แห่งหนึ่ง ถึงกับช่วยคนอื่นรังแกตระกูลข่งของพวกเรา พวกเจ้าคงคร้านจะมีชีวิตอยู่กันแล้วกระมัง”
ด้านหลังข่งอวี้ ชายวัยกลางคนชุดขาวหัวเราะอย่างเยียบเย็น
“นายน้อย ท่านแค่พูดประโยคเดียว ข้าจะช่วยท่านเชือดสารเลวพวกนี้เอง”
ชายชราชุดเขียวเอ่ยปากด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก ประโยคเดียวไอสังหารห้อมล้อม ทำเอาผู้ฝึกปราณที่เฝ้าดูอยู่บนยานต่างหายใจติดขัด หน้าเปลี่ยนสียกใหญ่
“คุณชายข่งอวี้ พวกข้าสาบานต่อสวรรค์ หาได้มีใจจะหยามเกียรติตระกูลข่งเป็นอันขาด”
เหลียงชวนรีบอธิบายเป็นพัลวัน
กึ่งจักรพรรดิผู้สูงส่งเช่นเขา ยามนี้กลับมีท่าทางก้มหน้าพินอบพิเทา ร้อนรนจนปัญญา ทำเอาคนไม่น้อยที่ได้เห็นอดถอนหายใจในใจไม่ได้
ผู้อาวุโสชั้นสูงของหอเสียงสวรรค์แล้วอย่างไร
อยู่ต่อหน้าเผ่าจักรพรรดิตระกูลข่งนี่ สุดท้ายก็ไม่ได้ความเกินไปอยู่ดี!
ข่งอวี้กล่าวเสียงเย็น “หลิ่วชิงเยียน นางชั้นต่ำนั่นล่ะ”
ข่งหลินที่อยู่ด้านข้างรีบกล่าวว่า “ก็อยู่บนยาน ถูกอวี่เสวียนนั่นคอยคุ้มครองตลอด หากไม่ใช่เพราะเป็นเช่นนี้ ข้าคงจับตัวนางชั้นต่ำนั่นได้ตั้งนานแล้ว”
เพี๊ยะ!
ข่งอวี้สะบัดฝ่ามือใส่หน้าของข่งหลิน นัยน์ตามืดทะมึน “นางชั้นต่ำใช่คำที่เจ้าก็เรียกได้รึ”
ข่งหลินมึนงง กุมหน้าที่บวมแดงเอาไว้ เงียบกริบปานจักจั่นหน้าหนาว
ข่งอวี้หันสายตามองไปทางพวกเหลียงชวน น้ำเสียงเลือดเย็น
“ไปฆ่าอวี่เสวียนซะ แล้วพาตัวนางชั้นต่ำหลิ่วชิงเยียนนั่นมา ข้าจะให้โอกาสหอเสียงสวรรค์ของพวกเจ้าได้อธิบายสักครั้ง จำไว้ แค่โอกาสอธิบาย ส่วนจะรักษาชีวิตของพวกเจ้าได้หรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับท่าทีต่อไปของพวกเจ้าแล้ว!”
ทุกประโยคเผยกลิ่นอายไม่ยอมให้ขัดขืน ทำเอาพวกเหลียงชวนต่างหน้าเปลี่ยนสี
ฆ่าอวี่เสวียน?
พวกเขากล้าที่ไหน!
เหลียงชวนนึกถึงวันนั้นขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ ภาพเหตุการณ์ที่ชายหนุ่มซึ่งราวกับชาวนาคนนั้นใช้อานุภาพของสามหมัดกำราบภิกษุเฒ่าตู้คง
และนึกถึงภาพที่เฒ่าดึกดำบรรพ์ของเผ่าจักรพรรดิตระกูลจินเทียนอย่างจักรพรรดิกระบี่วายุยังได้แต่ก้มหัว
แต่สิ่งเหล่านี้…
เหลียงชวนกลับไม่กล้าพูดออกมาแม้แต่คำเดียว!
เมล็ดของหญ้านรกกักจิตนั่นได้ปลูกอยู่ในสภาวะจิตของตั้งแต่ต้น ถ้ากล้าพูดออกมาแม้แต่คำเดียว สภาวะจิตจะต้องพังทลาย ร่างตายมรรคสลายทันที!
“อาจารย์ลุงเหลียงชวน…”
บรรดาคนใหญ่คนโตของหอเสียงสวรรค์ในที่นี้ต่างหันสายตามองไปทางเหลียงชวน เจือแววหวาดหวั่นและวิงวอน
เหลียงชวนหน้าเปลี่ยนสีไม่หยุด
ฝึกปราณจนป่านนี้ เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกกล้ำกลืน อึดอัด และจนปัญญาเช่นนี้
มดน้อยที่ต้องเอาชีวิตรอดกลางซอกหลืบก็เป็นเช่นนี้นี่เอง!
สีหน้าของเขาทุกข์ระทม ริมฝีปากสั่นระริกอยู่หลายครั้ง สุดท้ายก็ส่งเสียงถอนหายใจยาวออกมา
“คุณชายข่งอวี้ โปรดอภัยที่ทำตามคำสั่งไม่ได้!”
เพียงไม่กี่คำสั้นๆ เสมือนสูบเรี่ยวแรงทั้งหมดในร่างกายของเขาไปสิ้น เผยแววซึมเซาไร้สิ้นสุด
ทุกคนที่เฝ้าดูอยู่ไกลๆ เมื่อเห็นเช่นนี้ต่างไม่มีใครไม่สังเวชใจ คนที่แข็งแกร่งอย่างกึ่งจักรพรรดิเหลียงชวนยังถูกบีบถึงขั้นนี้ จะไม่ให้สะเทือนอารมณ์ได้อย่างไร
หลินสวินซึ่งมองดูเหตุการณ์เหล่านี้อยู่ไกลๆ ในที่สุดก็ตัดสินใจ
เดิมเหลียงชวนสามารถโยนทุกอย่างมาใส่เขาได้ แต่เจ้าตัวกลับไม่ได้ทำเช่นนั้น แม้จะถูกเผ่าจักรพรรดิตระกูลข่งข่มขู่ สุดท้ายก็ยังเลือกปฏิเสธ
จากจุดนี้ก็ได้รับการยอมรับจากหลินสวินแล้ว
เขาเดินไปข้างหน้าอย่างเงียบๆ
และยามนี้ดวงตาของข่งหลินเบิกกว้าง ออกอาการยากจะเชื่อ “เจ้าเฒ่า เจ้าถึงกับกล้าไม่รับน้ำใจเรอะ!”
ข่งอวี้ก็หน้าขรึมลง โกรธจัดจนหัวเราะออกมา “เพื่ออวี่เสวียนคนเดียว พวกเจ้าหอเสียงสวรรค์แม้แต่ชีวิตก็ไม่ต้องการแล้ว ดี ดีนัก!”
เอ่ยถึงตอนท้ายเขาไม่อาจระงับไอสังหารและความเดือดดาลภายในใจได้อีกแล้ว “วันนี้ พวกเจ้าหอเสียงสวรรค์อย่าคิดรอดชีวิตออกไปแม้แต่คนเดียว!”
“นายน้อย มอบหมายให้พวกเราเถิด”
ชายวัยกลางคนชุดขาวก้าวมาเบื้องหน้าพร้อมกับชายชราชุดเขียวคนนั้น
บรรยากาศตึงเครียดกดดัน
ทุกคนต่างรู้สึกว่าแม้แต่หายใจยังลำบาก
คนใหญ่คนโตของหอเสียงสวรรค์อย่างพวกเหลียงชวนต่างสีหน้าซีดเซียว ท้ายที่สุดแล้วพวกเขาก็ต้องพลอยเดือดร้อนไปด้วยอย่างเลี่ยงไม่ได้
แต่พวกเขา… จะทำอย่างไรได้อีกกัน
เรือนมรรคดึกดำบรรพ์ พวกเขาล่วงเกินไม่ได้ เผ่าจักรพรรดิตระกูลจินเทียน พวกเขาล่วงเกินไม่ได้ อวี่เสวียน… พวกเขาก็ล่วงเกินไม่ได้เช่นเดียวกัน!
ตั้งแต่ต้นจนจบพวกเขาล้วนได้แต่อดทนก้มหน้า ทว่าในตอนท้ายก็ยังหนีไม่พ้นหายนะครั้งนี้อยู่ดี…
ตูม!
ชายวัยกลางคนชุดขาวและชายชราชุดเขียวลงมือทันควัน เคลื่อนย้ายกลางห้วงอากาศ โจมตีเข้าใส่เหลียงชวน ปราณระดับกึ่งจักรพรรดิได้รับการสำแดงอย่างชัดแจ้งในเวลานี้
จะจับโจรต้องจับหัวหน้าโจรก่อน ฆ่าเหลียงชวนเสร็จ คนอื่นๆ ก็เป็นแค่ไก่กระเบื้องสุนัขดินเผา!
เหลียงชวนย่อมไม่อาจนั่งนิ่งรอความตาย
และหลินสวินที่ปะปนอยู่ในกลุ่มคนก็เตรียมพร้อมลงมือแล้ว
แต่เวลานี้เอง…
เงาร่างซูบผอมสายหนึ่งจู่ๆ ก็ปรากฏขึ้น โบกแขนเสื้อหนึ่งครา
ปึง! ปึง!
พร้อมๆ กับเสียงอื้ออึงสองสาย ชายวัยกลางคนชุดขาวและชายชราชุดเขียวยังอยู่ครึ่งทาง ร่างกายก็ถูกพลังอันน่าสะพรึงไร้รูปวูบหนึ่งกำราบ ร่วงกระแทกลงพื้น
“ใคร”
ชายวัยกลางคนชุดขาวหน้าเปลี่ยนสีทันควัน
“ระดับจักรพรรดิ!”
ชายชราชุดเขียวส่งเสียงคำรามต่ำลึกออกมา เผยแววเดือดดาล
ทุกคนที่มองดูการต่อสู้อยู่ไกลๆ ต่างก็ตัวสั่นเทิ้มทั้งร่าง หัวสมองมึนตื้อ กึ่งจักรพรรดิของเผ่าจักรพรรดิตระกูลข่งสองคน ถึงกับถูกกำราบอย่างง่ายดาย?
เรื่องทั้งหมดนี้ล้วนเกิดขึ้นไวเกินไป ทำเอาผู้คนตั้งตัวไม่ทัน
แต่ยามที่มองเห็นลักษะท่าทางของผู้ที่ลงมือแล้ว ล้วนมีปฏิกิริยาตอบสนองขึ้นมาทันที
พวกเหลียงชวนเดิมทีตั้งใจจะสู้ตาย แต่ยามนี้ต่างก็อึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นทุกคนล้วนฉายแววดีใจออกมา
เพราะพวกเขามองเห็นผู้ที่ลงมือได้ถนัดตา ความร้อนรนและหวาดกลัวภายในใจล้วนหายวับหมดสิ้นในเวลานี้
หลินสวินที่เดิมตั้งใจจะลงมือก็อึ้งงันไป รู้สึกแปลกใจยิ่ง
เพราะผู้ที่ลงมือเข้าช่วยเหลือคนนั้นสวมชุดคลุมทั้งตัว ใบหน้าซูบตอบ เป็นจักรพรรดิกระบี่วายุนั่นเอง!
ควรรู้ว่าเรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเขาแม้แต่นิดเดียว เขาจะทำเป็นคนผ่านทางที่มาชมดูเหตุการณ์อยู่ข้างๆ ก็ย่อมได้
อีกทั้งอย่างไรที่นี่ก็เป็นอาณาเขตของเผ่าจักรพรรดิตระกูลข่ง ไม่ว่าใครคิดอยากต่อต้านพวกเขา ก็ยังต้องชั่งน้ำหนักถึงผลที่จะตามมา คำนวณผลได้ผลเสียกันบ้าง
แต่จักรพรรดิกระบี่วายุกลับยังลงมืออย่างเหนือความคาดหมายของผู้คน!
นี่จึงจะเป็นจุดที่ทุกคนคิดไม่ถึง
“หมดสนุกเลย ถึงกับถูกเขาชิงตัดหน้าก้าวหนึ่ง ดูท่าหนี้น้ำใจนี้ช่างมอบให้ยากเย็นเหลือเกิน…”
ไม่มีใครสังเกตเห็น ว่าเด็กหนุ่มชุดป่านจากตระกูลเสวียนเวลานี้กำลังลอบบ่นพึมพำกับตัวเอง
และไม่มีใครสังเกตเห็น ว่าก่อนหน้าที่จักรพรรดิกระบี่วายุจะลงมือ หญิงชราคนหนึ่งก็ยืนอยู่ด้านนอกเรือนพักบนเขารับแขกอย่างเงียบเชียบ
ยามที่มองเห็นจักรพรรดิกระบี่วายุปรากฏตัว มุมปากของหญิงชราก็กระตุกขึ้นอย่างไม่เป็นที่สังเกต คล้ายหงุดหงิดเล็กน้อยที่ถูกอีกฝ่ายชิงตัดหน้าก่อนหนึ่งก้าว
และยามนี้ ข่งอวี้ก็อึ้งไปเช่นกัน
ระดับจักรพรรดิคนหนึ่ง!
ตีหัวจนแตกเขาก็คิดไม่ถึง ว่าบนยานลมกรดนี้ถึงกับยังมีบุคคลสูงส่งเช่นนี้อยู่ด้วย
ส่วนผู้แข็งแกร่งเผ่าจักรพรรดิตระกูลข่งที่มาพร้อมกับเขาเหล่านั้น ต่างตะลึงอึ้งค้างกันหมดแล้ว
ระดับจักรพรรดิคนหนึ่ง ดุจดั่งทวยเทพบนสวรรค์ ต่อให้พวกเขามาจากตระกูลใหญ่ดึกดำบรรพ์อย่างตระกูลข่ง ในใจก็ยังไม่มีความมั่นใจว่าจะต่อกรได้สักนิด!
“ก่อนหน้านี้พวกข้าทายาทเผ่าจักรพรรดิตระกูลข่งไม่รู้ว่าผู้อาวุโสอยู่ที่นี่ด้วย หากล่วงเกินประการใดหวังว่าผู้อาวุโสจะใจกว้างไม่ถือสา”
บนพื้น ชายวัยกลางคนเหงื่อชุ่มโชก เอ่ยปากเสียงสั่นเครือ
เขาก่อนหน้านี้อวดศักดาหยิ่งผยอง ไม่เห็นใครในสายตา แต่ยามนี้กลับถูกกำราบลงกับพื้นพร้อมกับชายชราชุดเขียวคนนั้น ตัวสั่นระริก
นี่ก็คืออานุภาพแห่งระดับจักรพรรดิ!
ต่อให้จักรพรรดิกระบี่วายุจะเคยก้มหัวต่อหน้าชายชาวนา แต่ถึงอย่างไรก็เป็นระดับจักรพรรดิแท้คนหนึ่ง เป็นบุคคลเทียมฟ้าที่สามารถทำให้คนทั่วหล้าตัวสั่นและแหงนหน้ามองอย่างวาดหวังได้
“ข้าเคยบอกแล้วว่าบนยานลมกรดนี้ ใครราวีสหายน้อยอวี่เสวียน ก็เท่ากับราวีตระกูลจินเทียนของข้า”
จักรพรรดิกระบี่วายุเอ่ยปากราบเรียบ ประโยคเดียวราวกับฟ้าผ่าก็ไม่ปาน ซัดสะเทือนจนหัวสมองพวกข่งอวี้มึนตื้อไป
เผ่าจักรพรรดิตระกูลจินเทียน!
นี่เป็นถึงคนใหญ่คนโตที่ไม่ด้อยไปกว่าตระกูลข่งของพวกเขาคนหนึ่ง
สิ่งที่ทำให้พวกเขายิ่งคิดไม่ถึงคิดคือ ตระกูลจินเทียนถึงกับแสดงจุดยืน สนับสนุนอวี่เสวียนนั่นอย่างโจ่งแจ้ง!
เวลานี้ข่งอวี้ถึงกับมีความคิดอยากฆ่าข่งหลินทิ้งเสีย ข้อมูลสำคัญเช่นนี้ ก่อนหน้านี้เจ้าสารเลวนี่ดันไม่บอกกล่าวกันสักแอะ!
แต่สุดท้ายเขาก็ยังข่มใจเอาไว้ สูดหายใจลึกเฮือกหนึ่งกล่าวว่า “ผู้น้อยข่งอวี้ ไม่ทราบว่าอวี่เสวียนผู้นี้เป็นคนในปกครองของผู้อาวุโส หวังว่าผู้อาวุโสจะให้อภัย”
เขากล่าวพลางค้อมกายก้มศีรษะ
ผู้ฝึกปราณที่เป็นพยานเห็นภาพเหตุการณ์นี้ต่างสะท้านสะเทือนขึ้นมาในใจ นี่ก็คือระดับจักรพรรดิ! ระดับมหามรรคเช่นนี้ แม้แต่คนชั้นสูงอย่างข่งอวี้ก็ยังต้องก้มหัว!
จักรพรรดิกระบี่วายุเอ่ยเสียงเรียบ “คนรุ่นเยาว์คนหนึ่ง กลับกล้ากระทำการยโสโอหังเช่นนี้ เชื่อหรือไม่ว่าต่อให้ตอนนี้ข้าฆ่าเจ้าเสีย แม้ในใจผู้อาวุโสตระกูลเจ้าจะไม่เบิกบาน แต่ก็จะไม่หักหน้าข้าด้วยเหตุนี้”
ข่งอวี้สั่นเทิ้มไปทั้งตัว เสื้อผ้าด้านหลังล้วนถูกเหงื่อเย็นไหลชุ่มไปหมด
เขากล้าไม่เชื่อเสียที่ไหน
คนรุ่นเยาว์เผ่าจักรพรรดิตระกูลข่ง ทายาทที่เหมือนกับเขามีมากยิ่งกว่ามาก ต่อให้เขาข่งอวี้ตายไป คนใหญ่คนโตของตระกูลพวกนั้นจะไปหักหน้าระดับจักรพรรดิคนหนึ่งของตระกูลจินเทียนได้หรือ
เป็นไปไม่ได้!
ข่งอวี้สูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง ก่อนกล่าวว่า “ผู้อาวุโส เหตุที่ผู้น้อยทำเช่นนี้ ก็เป็นเพราะอวี่เสวียนนั่นฆ่าผู้สืบทอดบางส่วนของเรือนมรรคดึกดำบรรพ์…”
ไม่รอให้พูดจบก็ถูกจักรพรรดิกระบี่วายุตัดบทอย่างเย็นชา “เจ้าหนุ่ม เอาเรือนมรรคดึกดำบรรพ์มาขู่ข้าหรือ”
ปึง!
น้ำเสียงยังไม่ทันสิ้นสุด ร่างของข่งอวี้ก็ถูกพลังอันน่าสะพรึงวูบหนึ่งกดข่มอย่างจัง เข่าทรุดลงกับพื้น หมดสภาพอัปยศอย่างที่สุด
“ผู้น้อยไม่กล้า หวังว่าผู้อาวุโสจะไว้ชีวิต!”
ข่งอวี้ค้อมศีรษะ วิญญาณของเขาเกือบหลุดออกมาแล้ว หวาดกลัวอย่างสิ้นเชิง ตระหนักได้ว่าตัวเองทำผิดครั้งใหญ่แล้ว
ในสายตาของบุคคลเช่นจักรพรรดิกระบี่วายุ มีหรือจะใส่ใจคำข่มขู่จากคนรุ่นหลังอย่างเขา
ทุกคนที่เฝ้าดูอยู่ไกลๆ เวลานี้ต่างก็อดสูดหายใจเฮือกไม่ได้
ใครก็คิดไม่ถึงว่าจักรพรรดิกระบี่วายุถึงกับปกป้องอวี่เสวียนนั่นขนาดนี้ เพื่อสิ่งนี้ ถึงขั้นไม่สนใจผู้แข็งแกร่งเผ่าจักรพรรดิตระกูลข่งอย่างพวกข่งอวี้!
ส่วนพวกเหลียงชวนจากหอเสียงสวรรค์ ภายใต้สภาพจับพลัดจับผลู ก็ได้อานิสงส์จากอวี่เสวียนคนนั้น หลบเลี่ยงเคราะห์สังหารครั้งนี้ไปได้แบบโชคช่วย
…..