Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 1910 ประตูกระหายเลือด
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 1910 ประตูกระหายเลือด
ตอนที่ 1910 ประตูกระหายเลือด
หลินสวินไม่ได้หันหน้ากลับไป คล้ายไม่สังเกต
แต่ที่เบื้องหลังของเขากลับมีฝนกระบี่แวววาวโปร่งแสงอุบัติขึ้น ปราณกระบี่ไท่เสวียนแน่นขนัดปะทุออกมาทันที
ตูม!
หมัดอันเงียบเชียบไร้เสียงของอู่หวงนี้ถูกสลายจนหมดสิ้นท่ามกลางเสียงปะทะสะท้านฟ้าสะเทือนดิน หนำซ้ำปราณกระบี่ที่แน่นขนัดที่ไหลเวียนยังบีบให้เขาต้องหลบหนี
ทุกคนที่เดิมใจหดเกร็งถึงลอบถอนหายใจโล่งอกได้ในยามนี้
ภาพก่อนหน้านี้ช่างน่าหวาดเสียวจริงๆ!
อู่หวงยื่นมือไปคว้าจักระเทพกลับมา ในขณะเดียวกันเขาก็ลงมืออีกครั้ง ว่องไวเสียยิ่งกว่าสายฟ้าแลบ!
แขนขวาของเขาระเบิดหมอกแสงสีเทา แกว่งจักระเทพนรกโลหิตฟันไปที่หลินสวิน
ห้วงอากาศส่งเสียงดังครั่นครืนคล้ายจะพังทลาย
ทูตจักรพรรดิจากสำนักโบราณจรัสเทพผู้นี้ พลานุภาพแปรเปลี่ยนเป็นอหังการหาใดเทียบ โดยเฉพาะจักระเทพนรกโลหิตในมือเขา เต็มไปด้วยกลิ่นอายทำลายล้าง
หลินสวินแววตาวูบไหว เบื้องหลังมีประกายสีชาดไร้สิ้นสุดปรากฏขึ้น แดงสดสว่างใส เต็มไปด้วยพลังเผาผลาญ
อภินิหารพรสวรรค์ของกายมรรคเพลิงแดงคือ ‘เนตรผลาญเผา’ แต่นอกจากนี้แล้วยังสำแดงวิชามรรคที่หลินสวินครอบครองได้ด้วย
พูดง่ายๆ ก็คือ ข้อแตกต่างเพียงข้อเดียวของกายมรรคเพลิงแดงกับร่างต้นของเขาอยู่ที่ไม่มีชีพจรปราณวิญญาณบริสุทธิ์ แต่เมื่อเทียบกับร่างต้น ก็จะมีพรสวรรค์ ‘เนตรผลาญเผา’ เพิ่มขึ้นมา
สองมือของเขากวาดวาด ที่สำแดงออกมาก็คือวิชามรรคมหัศจรรย์หาใดเปรียบ น่าสะพรึงเทียมฟ้า
ชั่วพริบตาทั้งสองก็ประมือกันเกินร้อยครั้ง
ทุกคนพบอย่างประหลาดใจว่าต่อให้ชกหมัดเปล่า ในการประจันหน้าตรงๆ อานุภาพของจินตู๋อีก็ไม่เคยถูกกำราบสักครั้ง!
จักระเทพนรกโลหิตน่ากลัวปานไหน พลังต่อสู้ของอู่หวงองอาจปานใด แต่ในการจู่โจมดุเดือดก็ยังทำอะไรจินตู๋อีไม่ได้!
“ตกลงหมอนี่เป็นปีศาจที่โผล่มาจากไหนกัน จะเย้ยฟ้าเกินไปแล้ว”
มีคนสูดหายใจสะท้าน
พวกลู่ตู๋ปู้ เซี่ยอวี่ฮวายังจิตใจไหวหวั่น
จินตู๋อีคนนี้ทำให้พวกเขาประหลาดใจมากเกินไปแล้วจริงๆ อานุภาพที่สำแดงออกมาในการประลองแต่ละครั้งล้วนเหนือความคาดหมายของพวกเขาทั้งนั้น
“ดรรชนีทลายหยิน!”
ในสนามประลอง อู่หวงตวาด ชี้นิ้วหนึ่งไปข้างหน้าทันที
พลังดรรชนีสีดำสนิทเหมือนน้ำหมึกเจือประกายแสงน่าสะพรึงแปลกประหลาด คล้ายทำลายสรรพชีวิตได้!
หลินสวินหยัดร่าง กดนิ้วหนึ่งออกไปเช่นกัน
วสันต์สารทชั่วพริบตา!
เพียงแต่ พลังดรรชนีที่ถูกกายมรรคเพลิงแดงสำแดงออกมานี้ปรากฏอานุภาพทำลายล้างน่าครั่นคร้าม ดั่งตำราประวัติศาสตร์ที่กลายเป็นเถ้าธุลีกลางกองเพลิง
ตูม!
ทั้งสองปะทะกัน พลังดรรชนีสองสายส่งเสียงครั่นครืน แสงเทพสาดกระจาย
หลินสวินไม่รีรอ ทั้งร่างราวเพลิงโหมบุกเข้าไปโดยพลัน สำแดงหมัดสะท้านฟ้า มีท่วงท่าสังหารรอบทิศ
มองจากไกลๆ ทั้งตัวเขาส่องแสง ราวกับเตาหลอมมีชีวิตป่วนโลกาที่พาดขวางเตาหนึ่ง!
เสียงปึงดังขึ้น อู่หวงถอยหลังโซเซ ถูกพลังหมัดกระแทกจนเลือดลมปั่นป่วน เสื้อผ้าทั้งตัวแทบถูกเผาผลาญ
ทั้งที่นั้นฮือฮาในทันใด
อู่หวงถึงกับมีทีท่าจะถูกกำราบ!
“ดีมาก!”
อู่หวงกราดเกรี้ยว ดวงตาน่ากลัว ฉายแววโมโหเข้าจริงๆ ผมดำทั้งหัวแผ่สยาย แหงนหน้าคำราม คลื่นเสียงดั่งสายฟ้า สะท้านจนทุกคนเลือดลมปั่นป่วน!
เพียงพริบตาเท่านั้น เขาก็มีปีกสีเทาขมุกขมัวงอกขึ้นมาคู่หนึ่ง ศีรษะแปลงเป็นหัวนก
“ปักษาฉงหมิง!”
มีคนตกตะลึง นี่เป็นนกปีศาจดึกดาบรรพ์หายากพันธุ์หนึ่ง มีดวงตาอันพิสดารสี่คู่ อานุภาพปีศาจเกรียงไกร!
เห็นได้ชัดว่านี่เป็นร่างเดิมของอู่หวง!
หลินสวินเหมือนไม่แยแสเรื่องนี้ สำแดงมรรคและวิชาของตัวเอง เพลิงเทพสีชาดมืดฟ้ามัวดิน จู่โจมจนที่นี่เดือดพล่าน
ดวงตาทั้งสี่คู่ของอู่หวงต่างยิงลำแสงสี่สีดำ ขาว เขียวและม่วง สำแดงเป็น ‘ภาพกระหายวิญญาณจตุลักษณ์’ อันพิสดารสุดหยั่งทะยานออกไป
โครม!
วิชามรรคทั้งสองปะทะกัน แสงเทพโปรยปราย สะท้านฟ้าสะเทือนดิน เห็นแล้วทำให้จิตใจว้าวุ่น ทนดูต่อไปไม่ได้
ทั้งสองแข็งกร้าวนัก ไม่ยอมถอยร่นแม้แต่ก้าวเดียว ใช้ท่วงท่าไม่อาจต้านทานบุกประชิด แสดงเคล็ดวิชาไร้เทียมทานสะท้านจิตวิญญาณ
อู่หวงมีฐานะเป็นทูตจักรพรรดิ ลำพองและทระนงตน ไม่เชื่อว่ามีใครในระดับมกุฎราชันอริยะก้าวข้ามเขาไปได้ อหังการถึงที่สุด
“ฆ่า!”
แววตาของเขาเย็นชา กลิ่นอายเปลี่ยนแปลงไปอีกครั้ง มือข้างหนึ่งปกคลุมไปด้วยหมอกดำถั่งโถม ควบคุมจักระเทพนรกโลหิต ส่วนตาทั้งสี่คู่ของเขายิงปะทุประกายแสงเทพทะลวงฟ้าดิน
หลินสวินเห็นดังนี้ ในที่สุดก็ไม่ออมมืออีก
โครม!
ปราณกระบี่ไท่เสวียนอันโชติช่วงเล่มแล้วเล่มเล่าปรากฏขึ้นในจุดชีพจรนับไม่ถ้วนภายในร่างกายของเขา หลั่งไหลในน้ำเลือด ส่งเสียงชิ้งๆ
จากนั้น ตัวเขาก็แหลมคมขึ้นมา ดุจกระบี่เซียนไร้เทียมทานเล่มหนึ่งปรากฏสู่โลกา เผยคมออกมาจากสิ้น กลิ่นอายพลุ่งพล่าน
“กลิ่นอายน่ากลัวจริง!”
“นี่ถึงเป็นรากฐานพลังที่แท้จริงของเจ้าหนุ่มนี่หรือ”
คนใหญ่คนโตทุกคนต่างนั่งไม่ติด แสดงสีหน้าตระหนกตกใจ
พวกลู่ตู๋ปู้ เซี่ยอวี่ฮวาก็รู้สึกตื่นตะลึง จิตใจหวาดหวั่นอย่างรุนแรง ในสายตาพวกเขา จินตู๋อีในตอนนี้แตกต่างไปโดยสิ้นเชิงแล้ว
ตัวเขาก่อนหน้านี้ฉกาจฉกรรจ์ดั่งเปลวเพลิง แผลงฤทธิ์อาละวาด แต่เขาในตอนนี้เปล่งประกายสะดุดตา ไร้เทียมทานหาใดเทียบ!
“ฆ่า!”
อู่หวงก็สังเกตเห็นความไม่ชอบมาพากล ทันใดนั้นก็คำรามลั่น ผมทั้งศีรษะปลิวไสว จักระเทพนรกโลหิตในมือส่งเสียงฮูมๆ ซัดสาดไปกลางจักรวาล
ก็ในขณะนี้เอง หลินสวินสะบัดแขวนเสื้อ ปราณกระบี่ไท่เสวียนเต็มฟ้าคำรามออกมา
ฝนกระบี่สิบทิศ!
ปราณกระบี่แต่ละสายล้วนเป็นสีแดงฉานดุเพลิงเผา งามตระการไร้สิ้นสุด แผ่กระจายไอเผาผลาญอันเฉียบคมตะลึงโลกาออกมา
โครม!
ทั้งสองปะทะกัน ในชั่วพริบตา เสียงระเบิดปึงๆๆ ก็ดังขึ้นไม่ขาดหู
ภายใต้ปราณกระบี่จู่โจมนับไม่ถ้วน เงาร่างอู่หวงถูกบีบอัดให้ถอยหลังไปไม่หยุด ท้ายที่สุดตัวเขาก็ถูกฟันกระเด็นแทบตกจาก สนามประลอง
ทุกคนใจเต้นแรง สั่นสะท้านไม่ว่างเว้น
ทั้งสองคนประมือถึงตอนนี้ เปลี่ยนวิธีไม่หยุด ที่สำแดงล้วนเป็นวิชาต่อสู้ที่เรียกได้ว่าเป็นเอกอุ สถานการณ์การต่อสู้ดุเดือด หาได้ยากในโลกา!
บางคนถึงกับลอบถอนใจ ในระดับมกุฎราชันอริยะ ทั้งสองถือว่าอนุมานวิถีมกุฎได้เข้าขั้นน่ากลัว อย่าว่าแต่คนทั่วไป ต่อให้เป็นเหล่าคนชั้นยอดในยุคนี้ก็ต้องดูหม่นหมอง
และในตอนนี้ ภาพอู่หวงถูกกำราบยิ่งน่าสะท้านใจ
มือถือสมบัติจักรพรรดิยังถูกกำราบ เรื่องนี้น่ากลัวปานไหนกัน
“นี่ก็คือพลังที่แท้จริงของเจ้าหรือ ยังถือว่าไม่เลว น่าเสียดาย คราวนี้เจ้าต้องพ่ายแพ้!”
อู่หวงสีหน้าแปรเปลี่ยนเป็นเหี้ยมเกรียมหาใดเทียบ ในดวงตาเปี่ยมไปด้วยความโหดเหี้ยมและไอสังหาร กลิ่นอายแปลกประหลาดไหลเวียนอยู่บนร่างเขา ในที่สุดก็ปะทุออกเหมือนดินถล่ม พลานุภาพแกร่งกล้าขึ้นไปอีก
โครม!
เพียงชั่วพริบตาเดียวเท่านั้น กลิ่นอายของอู่หวงแตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิงเสียแล้ว พลังวิชาขยายตัวฉับพลัน เส้นผมทั้งศีรษะเทตัวลงมาเหมือนน้ำพุ ดวงตาทั้งสี่คู่พ่นแสงเทพสีสันพิสดาร
รอบตัวเขาก่อรูปขึ้นเป็นเขตแดนไร้รูปร่าง หมุนวนรอบตัวเขา นี่เป็นกลิ่นอายน่าตกตะลึง ประหนึ่งเทพสวรรค์คืนชีพ โอหังเหนือโลกมนุษย์
เปรี้ยง!
อู่หวงยกมือขึ้น กฎเกณฑ์ถักทอ อสนีบาตฟ้าคำรนในชั่วพริบตา
พลานุภาพเช่นนั้น อย่าว่าแต่คนยุคเดียวกัน แม้แต่คนใหญ่คนโตเหล่านั้นยังสูดหายใจเย็นเยียบ สัมผัสได้อย่างเฉียบแหลมว่า อู่หวงจะทะลวงระดับเมื่อไรก็ได้ มีพลังปราณระดับมกุฎอริยะราชันขั้นบริบูรณ์มานานแล้ว เพียงแต่ข่มไว้เท่านั้น
เห็นได้ชัดว่า เพราะงานชุมนุมถกมรรคเขาถึงกดข่มพลังปราณ!
ตาดำของหลินสวินเหี้ยมเกรียม แม้แต่เขายังต้องยอมรับว่าพลังที่อู่หวงแสดงออกมาดึงดูดปณิธานต่อสู้ในใจเขาได้สำเร็จแล้ว
เกิดเสียงเปรี้ยงดัง แสงเทพเหินขึ้น สายฟ้าถักทอ
อู่หวงลงมือแล้ว เขาใช้วิชาลับ มือตั้งมุทราเทพ ประตูคาวเลือดอุบัติขึ้นตรงหน้าเขา
ประตูนี้คลุมเครือหาใดเทียบ แต่กลิ่นอายนองเลือดที่แผ่กระจายออกมากลับชวนประหวั่นพรั่นพรึง นี่คือเขตแดนมรรคของเขา มีนามว่า ‘ประตูกระหายเลือด’!
ประตูหนึ่งบานกลับเหมือนเชื่อมต่อพลังของโลกลี้ลับแห่งหนึ่ง ที่นั่นเลือดหลั่งเป็นธารจนโล่ลอย ปกคลุมไปด้วยการนองเลือดไร้สิ้นสุด
พอเห็นภาพนี้เข้า ทุกคนต่างก็สั่นสะท้าน ตื่นตะลึงหาใดเทียบ นี่ก็เป็นครั้งแรกที่อู่หวงเปิดเผยเขตแดนมรรคของเขาทั้งหมด
“เจ้าเอาอะไรมาสู้กับข้า ถ้าอาศัยศักยภาพที่แท้จริง ข้าจะฆ่าเจ้ายังได้!”
อู่หวงกล่าว แววตาเย็นชาไร้ปรารี วาจาระคายหู
“เจ้าพูดพร่ำทำเพลงเยอะจริงนะ”
ทั้งร่างหลินสวินส่องแสง สารกาย พลังชีวิตและจิตวิญญาณภายในร่างเดือดพล่าน
โครม!
ประตูกระหายเลือดมาถึงแล้ว ลงมาปกคลุม น่าสะพรึงกลัวเทียมฟ้า
แล้วก็ในตอนนี้เองที่หลินสวินชกหมัดหนึ่งออกไปอย่างเรียบง่าย
หมัดเดียวคล้ายเตาหลอมก็ไม่ใช่ ละม้ายหุบเหวก็ไม่เชิง ประกายแสงเปลวเพลิงสุดหยั่งไหวเคลื่อน กลิ่นอายที่แผ่ออกมากลับทำให้ทุกคนหวาดผวาหาใดเทียบ
พลังเขตแดนมรรคขั้นสำเร็จยิ่งใหญ่!
ตาเนื้อเห็นได้ว่าประตูกระหายเลือดนั้นดันสั่นโคลงรุนแรงฉับพลันด้วยหมัดนี้หมัดเดียว แล้วจากนั้นก็ระเบิดออกดังสนั่น ฝนแสดงเต็มฟ้าถูกพลังหมัดอันไร้สิ่งใดเทียบได้นั้นบดขยี้ ผลาญทำลายอยู่กลางอากาศ
โครม!
โดยไม่ทันตั้งตัว อู่หวงถูกซัดกระเด็นอีกครั้งหนึ่ง ทวารทั้งเจ็ดเลือดไหล ถ้าไม่ใช่เขาสลายเต็มกำลัง เพียงแค่การโจมตีนี้ยังทำให้เขาบาดเจ็บสาหัสได้!
เขาหน้าเปลี่ยนสียกใหญ่ สั่นสะท้านชอบกล เขาใช้วิชาต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดของตัวเองแล้ว พลังของประตูกระหายเลือดเคยได้รับคำชื่นชมจากบุคคลระดับจักรพรรดิด้วยซ้ำ
แต่ตอนนี้ กลับถูกต้านไว้ได้เสียแล้ว เรื่องนี้น่าตกใจปานไหนกัน!
ส่วนที่นอกสนาม ทุกคนต่างอึ้งไป แสดงสีหน้าทำใจเชื่อได้ยาก การโจมตีแต่ละครั้งของอู่หวงล้วนเรียกได้ว่าตะลึงโลกา
แต่ทุกๆ ครั้งต่างเพลี่ยงพล้ำลงตรงหน้าจินตู๋อี นี่ช่างน่าเหลือเชื่อจริงๆ
หนำซ้ำ อู่หวงในตอนนี้ยังได้รับบาดเจ็บแล้ว!
“เจ้า จะเอาอะไรมาสู้กับข้าอีก”
หลินสวินเอ่ยเนิบนาบ
ประโยตเดียว ทำให้อู่หวงสีหน้าอึมครึมลง เพราะก่อนหน้านี้ เขาก็ดูถูกหลินสวินเช่นนี้เลย
“ตอนนี้ ข้าจะให้เจ้ายอมแพ้!”
ประกายแหลมเก้าชุ่นสีแดงสดรวมพลันตัวกันที่ฝ่ามืออู่หวง แล้วฉายวาบไปในห้วงอากาศ
ทุกคนในที่นั้นต่างหน้าเปลี่ยนสี
กระบวนท่านี้อีกแล้ว!
ในการประลองกับลู่ตู๋ปู้ก่อนหน้านี้ อู่หวงก็อาศัยกระบวนท่านี้เอาชนะลู่ตู๋ปู้ได้ในที่สุด
ที่น่ากลัวที่สุดก็คือ กระบวนท่านี้ป้องกันได้ยากยิ่ง ทำให้ทุกคนไม่อาจมองทะลุความลับที่อยู่ในนั้นได้ แปลกประหลาดเป็นที่สุด
ดังคาด ก็เห็นว่าหลินสวินที่กำลังจะหลบหนีชะลอตัวลงฉับพลัน ขมวดคิ้วขึ้น สถานการณ์ที่ประสบแทบเหมือนกับลู่ตู๋ปู้ในตอนนั้นไม่มีผิด
แย่แล้ว!
ลู่ตู๋ปู้ใจสะดุดกึก
เขารู้ดีที่สุดว่าประกายแหลมสีแดงสดนั้นจะฝ่าเข้าไปในจิตวิญญาณห้วงนิมิตทันที ในนั้นเปี่ยมไปด้วยพลังอันน่ากลัวแสนพิศวง ไม่ได้เป็นพลังของอู่หวงอยู่แล้ว แต่อานุภาพกลับแข็งแกร่งถึงที่สุด
แข็งแกร่งอย่างเขายังเคยเสียเปรียบ
และตอนนี้ เห็นได้ชัดว่าจินตู๋อีก็โดนเข้าให้แล้ว!
“แพ้!”
เงาร่างอู่หวงพุ่งออกมา ตัวเขาที่คว้าโอกาสไว้ได้ปรากฏตัวตรงหน้าหลินสวินทันที จักระเทพนรกโลหิตหมุนวนด้วยความเร็วสูงสุด ฟันไปที่ศีรษะของหลินสวิน
ถ้าถูกฟันโดน เช่นนั้นผลลัพธ์ก็ไม่เหลือจะคาดคิด
ก้วนซวีและเหิงเซียวที่อยู่นอกสนามต่างสีหน้าเคร่งเครียด หลังจากสังเกตเห็นความไม่ชอบมาพากล ต่างเตรียมพร้อมลงมือช่วงเหลือ
ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นการคัดเลือกถกมรรค ไม่ใช่การต่อสู้ชี้เป็นชี้ตาย ใครจะทนเห็ยบุคคลแห่งยุคอย่างจินตู๋อีถูกฆ่ากับตาได้
อย่างน้อย เหิงเซียวก็จะไม่ยอมเป็นคนแรก!
ถ้าให้อาจารย์อาน้อยของท่านบรรพาจารย์ตายต่อหน้าต่อตาตน เช่นนั้นเขายังจะไปอธิบายท่านบรรพาจารย์อย่างไรได้
——