Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 1915 บารมีเทพมาร
ตอนที่ 1915 บารมีเทพมาร
ขวดมหามรรคไร้ขอบเขต!
เมื่อหลินสวินปล่อยพลัง ภายในปากขวดที่แวววาวโปร่งแสงพลันมีปราณกระบี่สายหนึ่งพุ่งออกมาทันควัน
ไปไร้หวน!
กระบวนท่าเช่นเดียวกัน ก่อนหน้ายามหลินสวินสังหารหญิงชุดเงินคนนั้นก็เคยใช้ไปแล้วครั้งหนึ่ง
เพียงแต่ว่ากระบวนท่านี้ที่ถูกขวดมหามรรคไร้ขอบเขตสำแดงออกมา กลิ่นอายแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง อานุภาพก็เป็นหนึ่งเท่าตัวเต็มๆ จากที่หลินสวินสำแดงออกมา
เคร้ง!
ในเสียงกระแทกสะเทือนหู ทวนศึกสีทองถูกซัดลอยคว้างอย่าแรง กึ่งจักรพรรดิที่ถือทวนศึกข้อมือหักสะบั้นโดยตรง
เขาสีหน้าหวาดผวา เพิ่งหมายจะหลบเลี่ยง ปราณกระบี่สายนั้นก็ตัดหัวร่วงเป็นที่เรียบร้อย
ตูม!
ภาพเหตุการณ์น่าสะพรึงปรากฏขึ้นแล้ว ร่างของกึ่งจักรพรรดิคนนี้ถึงกับแตกระเบิดกระจุยตรงๆ ภายใต้ปราณกระบี่ จิตสิ้นวิญญาณสลาย
จนถึงตอนนี้ กึ่งจักรพรรดิคนที่สี่ถูกสังหาร!
ชายชุดม่วงและกึ่งจักรพรรดิที่ควบคุมมุกวิญญาณที่เหลืออยู่ต่างหวาดผวา ความเดือดดาลภายในใจถูกแทนที่ด้วยไอหนาวเยือกหวั่นหวาด
แรกเริ่มเดิมทีพวกเขาฮึกเหิมเต็มเปี่ยม ระหว่างพูดคุยกลั้วหัวเราะก็มองหลินสวินเป็นตะพาบในไห คิดว่ามีกึ่งจักรพรรดิหกคนลงมือพร้อมกัน แค่จัดการคนรุ่นเยาว์ระดับมกุฎราชันอริยะคนหนึ่งเป็นการทุ่มแรงมากได้ผลน้อยอย่างสิ้นเชิง
แต่ตอนนี้การต่อสู้เพิ่งดำเนินไปเพียงชั่วครู่เท่านั้น ก็มีกึ่งจักรพรรดิสี่คนถูกสังหารต่อเนื่อง
หญิงชุดเงินตายภายใต้ไปไร้หวน
ชายชราอ้วนเตี้ยตายภายใต้เนตรผลาญเผา
ชายร่างผอมแห้งตายภายในเขตแดนมรรค
และยามนี้ ชายถือทวนศึกสีทองก็ตายภายใต้ขวดมหามรรคไร้ขอบเขต!
ภาพการตายที่นองเลือดแต่ละภาพประหนึ่งการโจมตีอันหนักอึ้งหาใดเปรียบครั้งแล้วครั้งเล่า ทำเอาพวกชายชุดม่วงสองคนที่เหลือต่างรู้สึกไม่สมจริง ราวกับฝันไป
น่าสะพรึงเกินไป
และน่าเหลือเชื่อเกินไป!
“พี่รอง สถานการณ์ไม่เข้าที ขืนยังไม่ไปเกรงว่า…”
กึ่งจักรพรรดิที่ควบคุมมุกวิญญาณสีหน้าเคร่งขรึม เขาสวมชุดแพรไหม บุคลิกดุดัน เพียงแต่เวลานี้ในใจกลับเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
ชายวัยกลางคนชุดม่วงสีหน้าวูบไหวไม่นิ่ง
ภายในใจของเขากำลังกระอักเลือด เต็มไปด้วยความเดือดดาล ไม่ยินยอม และหวาดผวา
หมดสภาพต่อหน้าคนรุ่นหลังคนหนึ่ง สูญเสียพวกพ้องมากมายเช่นนี้ ทำให้เขาจวนจะคลุ้มคลั่ง
แต่ประโยคเดียวของชายชุดแพรไหมทำให้เขาเยือกเย็นลงบ้าง ในใจเกิดความคิดถอยหนีผุดขึ้นมา
“ไป!”
เขากัดฟัน หมายจะล่าถอย
“เพิ่งหนีเอาป่านนี้ ไม่รู้สึกว่าสายไปแล้วหรือ”
เงาร่างหลินสวินพุ่งมากะทันหัน กระตุ้นพลังเขตแดนมรรคปิดครอบสิบทิศ กักขังพวกเขาสองคนเอาไว้
“ฆ่า!”
พวกชายวัยกลางคนชุดม่วงสองคนต่างหน้าเปลี่ยนสี โจมตีแทบจะสุดชีวิต
เพียงแต่เวลานี้พวกเขาไม่ได้ทำไปเพื่อฆ่าศัตรูแล้ว หากแต่เพื่อดั้นด้นหาทางรอด ขอเพียงคว้าโอกาสได้สักเสี้ยว จากความแข็งแกร่งของพวกเขาก็สามารถหนีได้อย่างง่ายดาย
ตูม!
ชายวัยกลางคนชุดม่วงสองมือกดอากาศ เบื้องหน้าปรากฏกระแสน้ำหมื่นชั้น ประหนึ่งมหาสมุทรซัดโหมแผ่ท่วมโลกหล้า อานุภามหาศาลดุจทลายภูผาธารา
อีกด้านหนึ่งชายชุดแพรไหมก็สำแดงฝีมือก้นกรุออกมา เมื่อเขาโบกมือ มุกวิญญาณสีสันสดใสสิบแปดเม็ดก็พุ่งโฉบออกมา ประกอบเป็นวงแหวนมุกวิญญาณส่งเสียงวู้มยาว แสงมรรคศักดิ์สิทธิ์ซัดสาดพร่างพรม
กึ่งจักรพรรดิสองคนสู้สุดชีวิต สภาพการณ์นั้นน่ากลัวเกินกว่าจะจินตนาการ ทำเอาหลินสวินยังรู้สึกถึงแรงกดดันยิ่งยวด
เขาก็ไม่ได้ออมมืออีกต่อไป
สวบ!
บริเวณหน้าอกเขา แสงขาวเจิดจ้าบาดตาสายหนึ่งพุ่งโฉบฉับพลัน ฟ้าดินภูผาธารา วัฏจักรสรรพสิ่งเสมือนชะงักค้างในพริบตา
ดุจกาลเวลาที่ไหลเคลื่อนนิรันดร์เกิดการหยุดชะงักในชั่วขณะ!
อภินิหารพรสวรรค์…
หยุดเวลา!
สรรพสิ่งบนโลกนิ่งงันดุจภาพวาด ชายวัยกลางคนชุดม่วงและชายชุดแพรไหมก็เส้นสายในภาพวาด แม้แต่วิชาที่พวกเขาสำแดงเต็มกำลังยังชะงักค้างอยู่ตรงนั้นด้วยเช่นกัน
ภาพพิสดารหาใดเปรียบนี้ เห็นได้ชัดว่าน่ากลัวเกินไปอย่างไม่ต้องสงสัย
ถึงอย่างไรก็เกี่ยวพันกับพลังกฎระเบียบกาลเวลาสูงสุด นี่เป็นนัยเร้นลับน่าสะพรึงที่แม้แต่ระดับจักรพรรดิก็ยังมีน้อยคนนักจะสัมผัสถึง
“ฟัน!”
พริบตาที่สำแดงอภินิหารหยุดเวลา ดาบหักราวกับธารดาราสว่างไสว ฟันไปทางชายชุดแพรไหม
ขณะเดียวกันเงาร่างหลินสวินก็แหวกอากาศไปปรากฏเบื้องหน้าชายวัยกลางคนชุดม่วง ใช้คัมภีร์กลืนกินไร้สิ้นสุดสำแดงหนึ่งหมัดสะเทือนสวรรค์
พรูด!
ร่างชายชุดแพรไหมถูกฟัน เลือดสดๆ สาดกระเซ็นกลางอากาศ ประกายคมกริบเจิดจ้าไร้ทัดเทียมกลบร่างที่ระเบิดแตกของเขาจนมิด สุดท้ายทั้งกายจิตล้วนดับสูญ
ส่วนอีกด้านหนึ่งเมื่อเสียงกระแทกทึบหนักดังขึ้น บริเวณอกของชายวัยกลางคนชุดม่วงถูกหมัดหนึ่งซัดกระแทกจนยุบ ปากจมูกกระอักเลือด ส่งเสียงตะโกนโหยหวนออกมา
เดิมทีหมัดนี้ของหลินสวินซัดไปที่หัวของชายวัยกลางคนชุดม่วง แต่สุดท้ายกลับถูกอีกฝ่ายที่มีปฏิกิริยาคืนมาหลังจากอภินิหารหยุดเวลาหลบเลี่ยงได้ทัน
หากไม่เป็นเช่นนี้ หมัดนี้ล้วนสามารถเอาชีวิตเขาได้
ตูม!
ห้วงอากาศพังทลาย ชายวัยกลางคนชุดม่วงลอยคว้างออกไป สีหน้าซีดขาว หน้าอกของเขายุบทลาย ได้รับบาดเจ็บสาหัสอย่างที่สุด
แต่ยามเห็นภาพที่ชายชุดแพรไหมซึ่งอยู่ห่างออกไปถูกสังหาร ยิ่งทำให้ความกล้าของเขาแทบแตกสลาย
“น่าชังนัก…”
เขาแหงนหน้าคำราม ดวงตาแทบหลั่งเลือด เคียดแค้นจนคลุ้มคลั่ง “เจ้าเดรัจฉานน้อย วันหน้าข้าเฮ่อเหลียนสยงจะฆ่าเจ้าให้จงได้!”
“เจ้าไม่มีโอกาสแล้ว”
เสียงของหลินสวินยังไม่ทันสิ้นสุด ตัวเขาก็ปรากฏอยู่ต่อหน้าชายวัยกลางคนชุดม่วงแล้ว
พริบตาเดียวเบื้องหน้าชายวัยกลางคนชุดม่วงพลันดำมืด เสมือนหุบเหวใหญ่กลืนฟ้าปิดครอบลงมา เดิมเขาคิดจะสำแดงวิชาลับหลบเลี่ยง แต่เงาร่างกลับเหมือนถูกจองจำ ถูกพลังกลืนกินอันน่าสะพรึงยึดขึงไว้
จากนั้นทั้งตัวเขาล้วนถูกกลืนกินเข้าไปในนั้น
ตูม!
เมื่อพลังเขตแดนมรรคของหลินสวินโคจรเต็มที่ ชายวัยกลางคนชุดม่วงที่เดิมก็เจ็บหนักปางตาย ร่างกายพลันแตกเป็นเสี่ยงๆ ในทันที
สารกาย พลังชีวิต จิตวิญญาณ พลังทั้งหมดในร่างเขาล้วนประหนึ่งถูกกลืนกินอย่างน่าสะพรึง เพียงพริบตาสั้นๆ ก็มอดดับเป็นเถ้าถ่านลอยล่อง!
ใต้เวิ้งฟ้าหลินสวินยืนตระหง่าน ร่างสะท้อนลักษณ์แห่งหุบเหวลึก ผมดำพลิ้วไหว ดุจดั่งเทพมารในตำนานบรรพกาล
ผงาดผยองเหนือหล้า!
บริเวณที่ห่างออกไปไกล เฮ่อเหลียนฉีซึ่งเป็นพยานเห็นเหตุการณ์ทุกอย่างอึ้งงันไปนานแล้ว สติหลุดลอย จนกระทั่งยามเห็นว่าชายวัยกลางคนชุดม่วงก็ประสบเคราะห์ด้วยเช่นกัน ทั้งตัวเขาก็เหมือนพังทลาย ร้องลั่นเสียงหลง
“ไม่ นี่เป็นไปไม่ได้ นี่ไม่ใช่เรื่องจริง…”
เสียงร้องแตกตื่นดังสะท้อนเหนือพื้นที่พังพินาศแถบนี้
เฮ่อเหลียนฉี ระดับมกุฎราชันอริยะคนหนึ่ง เคยเป็นหนึ่งในสิบอันดับหนึ่งของการคัดเลือกถกมรรคแคว้นเมฆา และเคยผ่านเข้ารอบในการคัดเลือกรอบที่สอง
พวกชั้นเลิศเช่นเขา ภายในแคว้นเมฆาก็เป็นบุคคลที่สามารถทำให้ผู้ฝึกปราณส่วนใหญ่เลื่อมใส
แต่เวลานี้เขากลับเหมือนนกกระทาที่แตกตื่น ตาแทบถลน ดูประหนึ่งสูญเสียบุพการี!
“นึกเสียใจขึ้นมาแล้วหรือ”
หลินสวินปรากฏตัวตรงหน้าเฮ่อเหลียนฉีโดยพลัน มองดูท่าทางตกใจสติหลุดของเขา นัยน์ตาก็อดฉายแววเวทนาออกมาไม่ได้
เจ้างั่งนี่ ในที่สุดก็รู้สึกกลัวแล้วหรือ
“จะ… เจ้าเป็นใครกันแน่”
เฮ่อเหลียนฉีมองหลินสวินที่อยู่ตรงหน้า รู้สึกแปลกหน้าหาใดเปรียบเสมือนเพิ่งรู้จักกันครั้งแรกก็ไม่ปาน
“ใกล้ตายรอมร่อ เจ้ายังห่วงปัญหานี้อยู่หรือ”
หลินสวินแปลกใจ
“ข้าแค่กล้ามั่นใจว่าบนโลกใบนี้ไม่เคยมีคนชื่อจินตู๋อีที่อยู่ระดับมกุฎราชันอริยะ แล้วสามารถฆ่ากึ่งจักรพรรดิตั้งมากมายขนาดนั้นได้!”
เฮ่อเหลียนฉีดวงตาแดงก่ำ ฉายแววเคียดแค้น
“หากเมื่อก่อนเจ้าฉลาดเช่นนี้ มีหรือจะเกิดเรื่องอย่างในวันนี้ได้”
หลินสวินถอนหายใจเบาๆ
“เจ้าเป็นใครกันแน่”
เฮ่อเหลียนฉีตวาด เขาคล้ายเสียสติไปแล้วอย่างไรอย่างนั้น สติหลุดอย่างสิ้นเชิง
“เจ้าใกล้จะตายอยู่แล้ว รู้ว่าข้าเป็นใครจะมีประโยชน์อันใดเล่า”
หลินสวินกล่าวจบก็โบกแขนเสื้อคราหนึ่ง
ตูม!
พลังน่าสะพรึงกลายเป็นเตาหลอมใบหนึ่ง สยบสังหารลงมา
นี่ก็เป็นการใช้เขตแดนมรรคอย่างหนึ่งเช่นกัน ยามที่คล้ายเตาเหลอม วิวัฒน์เป็นนัยเร้นลับแห่งเตาหลอมมหามรรค ยามคล้ายหุบเหว วิวัฒน์เป็นลักษณ์แห่งหุบเหวกลืนกิน!
เพียงชั่วพริบตาเฮ่อเหลียนฉีถูกฆ่าตายคาที่ จิตสิ้นวิญญาณสลาย
ก่อนสิ้นใจยังร้องคำราม ซักไซ้ถามว่าหลินสวินเป็นใคร
อันที่จริงหลินสวินดูออกแต่แรกว่าสภาวะจิตของเฮ่อเหลียนฉีพังทลายแล้ว สติสัมปชัญญะได้รับแรงสะเทือน ต่อให้ตนไม่ฆ่าเขาก็จะกลายเป็นคนบ้าเสียสติคนหนึ่งอยู่ดี
หลินสวินไม่ได้ปลงสังเวชอะไร เริ่มเก็บกวาดทรัพย์หลังศึกในที่นั้นทันที
ครู่ต่อมา
สวบ!
ยานขนส่งอวกาศแหวกห้วงอากาศ พาหลินสวินจากไป
เหลือไว้เพียงแต่ภูผาธาราพังยับที่มีแต่ร่องรอยหายนะเต็มไปหมด
หลินสวินจากไปไม่นาน คนขบวนหนึ่งก็ปรากฏตัว ผู้นำก็คือนักพรตหลัน เจ้าสำนักเกาะเทพเวหาทมิฬนั่นเอง
“ที่นี่เหลือกลิ่นอายกึ่งจักรพรรดิที่แตกต่างกัน ดูจากสภาพเสียหายวายวอดเช่นนี้ น่าจะเคยเกิดการต่อสู้นองเลือดที่ดุเดือดถึงขีดสุด”
นักพรตหลันกวาดสายตาและสันนิษฐานออกมา
“เจ้าสำนัก หรือว่าจินตู๋อีนั่นจะถูกคนอื่นชิงตัดหน้าฆ่าไปก่อนแล้ว”
มีคนอดเอ่ยถามไม่ได้
นักพรตหลันส่ายหน้า สีหน้าวูบไหวไม่นิ่ง “กลิ่นอายกึ่งจักรพรรดิที่หลงเหลือในที่นี้เป็นของคนหกคน หากข้าคาดเดาไม่ผิด หกคนนี้น่าจะประสบเคราะห์กันหมดแล้ว”
“อะไรนะ”
“จินตู๋อีนั่นออกเดินทางเพียงลำพังชัดๆ หรือว่ายังมีคนคอยช่วยเขาอยู่ลับๆ”
ทุกคนต่างตกใจแกมสงสัย
“ไปกันเถิด รีบกลับสำนักเดี๋ยวนี้”
นักพรตหลันสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง ทำการตัดสินใจ
ไป?
ทุกคนต่างอึ้งไป จะปล่อยไปทั้งอย่างนี้หรือ
“จินตู๋อีนี่กล้าเดินทางเพียงลำพัง เป็นไปได้หรือว่าจะไม่มีที่พึ่งพิง ไม่เห็นหรือว่าในพื้นที่แถบนี้มีกึ่งจักรพรรดิหกคนร่วงหล่น ข้าถึงขั้นสงสัยว่าเบื้องหลังเจ้าหมอนี่จะมีระดับจักรพรรดิคอยตามอยู่หรือไม่…”
นักพรตหลันเอ่ยเสียงขรึม
ระดับจักรพรรดิ!
ประโยคเดียวทำให้ทุกคนตกใจอึ้งค้าง เมื่อลองคิดดูก็จริง สามารถสังหารกึ่งจักรพรรดิหกคนได้ มีหรือจะใช่คนธรรมดาทั่วไป
จากนั้นนักพรตหลันก็พาคนทั้งขบวนจากไปอย่างรวดเร็ว
“เฮอะ เจ้าพวกเกาะเทพเวหาทมิฬนี่ช่างเฉลียวฉลาดนัก”
นักพรตหลันจากไปไม่ทันไร บริเวณใกล้ๆ พื้นที่ที่พังยับเยินแถบนี้ เงาร่างของคนใหญ่คนโตสำนักยุทธ์เสวียนจีอย่างพวกเหิงเซียวก็ปรากฏตัว
“เจ้าสำนัก พลังต่อสู้ของสหายน้อยจินตู๋อีออกจะน่าสะพรึงเกินไปแล้ว ท่านรู้หรือไม่ว่าเขามีที่มาที่ไปอย่างไรกันแน่”
มีคนอดเอ่ยถามไม่ได้
ก่อนหน้านี้ภายใต้การนำของเหิงเซียว พวกเขาไล่ตามหลินสวินในเงามืด ยามการต่อสู้ก่อนหน้านี้ปะทุขึ้น พวกเขาล้วนเห็นอยู่ในสายตาทั้งหมด
เดิมทีพวกเขาตั้งใจจะยื่นมือเข้าช่วยเหลือ ไหนเลยจะคาดคิด ทันทีที่การต่อสู้เริ่มขึ้น หลินสวินก็สังหารกึ่งจักรพรรดิสองคนรวด
จากนั้นเพียงแค่ชั่วครู่กึ่งจักรพรรดิคนอื่นๆ ก็ถูกสังหารทีละคน
ภาพนองเลือดเช่นนั้นทำเอาเฒ่าชราอย่างพวกเขาล้วนสะท้านสะเทือน เกือบจะไม่กล้าเชื่อสายตาตัวเอง
อย่างไรเสียมกุฎราชันอริยะคนหนึ่ง กลับสังหารกึ่งจักรพรรดิได้เหมือนฆ่าไก่ ทอดสายตามองทั่วโลกใหญ่หงเหมิง ใครเล่าจะเคยพบเห็นเรื่องน่าสะพรึงสะท้านโลกเช่นนี้
และแน่นอนว่าไม่มีโอกาสให้พวกเขายื่นมือเข้าช่วยเลยสักนิด
“ไม่ว่าสหายน้อยจินตู๋อีเป็นใคร เรื่องในวันนี้ห้ามมีการรั่วไหลใดๆ ทุกคนเข้าใจหรือไม่”
เหิงเซียวเอ่ยเสียงเข้ม
ในใจทุกคนต่างสะท้านไหว พยักหน้าตอบรับ
เห็นดังนี้เหิงเซียวจึงลอบถอนหายใจโล่งอกอยู่ในใจ เอ่ยว่า ‘นี่เป็นถึงอาจารย์อาเล็กของท่านบรรพจารย์ของพวกเรา ฐานะและความแข็งแกร่งของเขาย่อมไม่ใช่พวกธรรมดาจะเทียบได้!
……………………….