Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 1933 สิบอันดับแรกกระดานราชันอริยะปวงสวรรค์
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 1933 สิบอันดับแรกกระดานราชันอริยะปวงสวรรค์
ตอนที่ 1933 สิบอันดับแรกกระดานราชันอริยะปวงสวรรค์
‘ดูท่าแค่การปิดด่านเคี่ยวกรำอย่างหนักคงไม่ได้การ’
หลินสวินครุ่นคิดเนิ่นนาน สุดท้ายก็ล้มเลิกความตั้งใจที่จะลองพยายามต่อ
เขาหยัดกายขึ้นเดินออกจากถ้ำสถิต
ในวันนี้ เหลือเวลาอีกเพียงหนึ่งเดือนก่อนที่งานชุมนุมถกมรรคจะเริ่ม หลินสวินออกจากการปิดด่าน
การฝึกปราณตลอดห้าเดือน ทำให้มรรควิถีทั่วทั้งร่างของเขาเกิดการเปลี่ยนแปลงมากมาย
ปราณทะลุระดับมกุฎราชันอริยะขั้นปลาย สามารถสู้กับผู้แข็งแกร่งระดับกึ่งจักรพรรดิห้าคนได้
ควบรวมกายมรรคทองขาวออกมาได้ และครองครองอภินิหารพรสวรรค์หนามแสงคม ถึงตอนนี้ได้ฝึกฝนคัมภีร์มหามรรคหวงถิงถึง ‘ระดับห้ากลิ่น’ สมบูรณ์ มีร่างแยกมหามรรคห้าร่าง
และด้วยความช่วยเหลือของจานมหามรรคไร้ตัวตน พัฒนาเขตแดนมรรคให้สมบูรณ์แบบมากขึ้น ขาดเพียงก้าวเดียวก็จะสามารถไปถึงขั้นสมบูรณ์พร้อมได้แล้ว!
สิ่งที่ได้รับและการเปลี่ยนแปลงแต่ละอย่าง ทำให้พลังต่อสู้ของหลินสวินเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างพลิกฟ้าดิน แตกต่างจากห้าเดือนก่อนอย่างสิ้นเชิง…
“คุณชาย พวกนี้คือข้อมูลและข่าวสารบางส่วนที่เกี่ยวกับงานชุมนุมถกมรรค”
นัยน์ตาสุกใสของจินเทียนเสวียนเยวี่ยเจือแววปิติยินดี สองมือยื่นม้วนหยกม้วนหนึ่งให้หลินสวิน ไม่ได้พบกันห้าเดือน นางสัมผัสได้อย่างว่องไวว่ากลิ่นอายของคุณชายตนเปลี่ยนเป็นลึกล้ำสุดหยั่งมากขึ้นแล้ว
หลินสวินนั่งลงใต้ต้นสนเขียวต้นหนึ่ง หยิบม้วนหยกมาแล้วเริ่มพลิกอ่านลวกๆ
หวังอี้เฉินอันดับหนึ่งแคว้นเขียว หมิงฉี่ยั่งอันดับหนึ่งแคว้นยมโลก สวีชิงเจียนอันดับหนึ่งแคว้นดารา…
รายชื่อที่โดดเด่นสะดุดตาแต่ละชื่อ ก็เหมือนตำนานเรื่องแล้วเรื่องเล่า แต่ละคนล้วนมีมหาโชควาสนา บารมีองอาจ รากฐานพลังสะท้านโลก
เพียงแต่ในใจหลินสวินกลับไม่สะทกสะท้านหวั่นไหว
นับตั้งแต่มีพลังต่อสู้ที่ข้ามระดับไปเข่นฆ่ากึ่งจักรพรรดิได้ ในหมู่คนรุ่นเดียวกันจึงมีน้อยคนนักที่พอจะเข้าตาเขา
มือเรียวของจินเทียนเสวียนเยวี่ยต้มชา เหลือบมองหลินสวินเป็นพักๆ มุมปากโค้งเป็นรอยยิ้มละไมเสี้ยวหนึ่งที่แม้แต่ตัวนางเองก็ยังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ
“หืม?”
ไม่นานหลินสวินก็สังเกตเห็นชื่อหนึ่ง อันดับหนึ่งแคว้นทองแดง… เสวียนจิ่วอิ้น!
ในหัวผุดภาพเด็กหนุ่มหล่อเหลาที่สวมชุดผ้าป่าน ใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสคนหนึ่งขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
ตอนที่ยานลมกรดเหินข้ามฟ้าดารา เด็กหนุ่มชุดป่านที่เรียกตัวเองว่า ‘เสี่ยวจิ่ว’ คนนี้ ชื่นชอบการนอนฟุบบนกำแพงชมเรื่องสนุกเป็นที่สุด
แต่หลินสวินกลับคิดไม่ถึง ว่าเจ้าหมอนี่จะกระโดดขึ้นมาในก้าวเดียว กลายเป็นอันดับหนึ่งการคัดเลือกถกมรรคแคว้นทองแดง
เขาอ่านข้อมูลในม้วนหยก เสวียนจิ่วอิ้น ทายาทเผ่าจักรพรรดิโบราณตระกูลเสวียน ครอบครองเขตแดนมรรค ‘ตำราอัศจรรย์’ ความแข็งแกร่งแห่งพลังต่อสู้ ระดับราชันอริยะในแคว้นทองแดงไม่มีใครเทียบชั้นได้!
‘ตำราอัศจรรย์…’
หลินสวินก็อดใคร่รู้ไม่ได้ เขตแดนมรรคระดับนี้จะวิเศษอัศจรรย์ปานใด
ไม่นานหลินสวินก็มองเห็นชื่อที่คุ้นเคยอีกชื่อหนึ่ง…
หลิงเคอจื่อ
นี่คือเด็กหนุ่มภิกษุที่ท่าทางซื่อๆ คนหนึ่ง มาจากอารามโบราณยอดทักษิณในดินแดนที่เรียกว่า ‘อนุสุขาวดี’
หลินสวินจำได้แม่น ปีนั้นตอนที่หลิงเคอจื่อเห็นตนที่แหล่งสถานคุนหลุน เห็นได้ชัดว่าใจเสาะและหวาดกลัวเป็นพิเศษ มองตนเหมือนสัตว์ดุร้ายหายนะใหญ่
สิ่งนี้ก็ทิ้งภาพจำลึกล้ำให้แก่หลินสวิน
หลินสวินกลับคิดไม่ถึงว่าภิกษุที่ดูเหมือนขี้ขลาดหาใดเปรียบคนนี้ ถึงกับเป็นอันดับหนึ่งในคัดเลือกถกมรรคแคว้นมาร!
แคว้นมาร นั่นเป็นถึงอาณาเขตที่ประดุจโลกมารแห่งหนึ่ง เป็นแดนของผู้ฝึกปราณสายมาร และถูกมองว่าเป็นพื้นที่ที่มากอันตรายของโลกใหญ่หงเหมิง
หลิงเคอจื่อที่ขี้ขลาดเช่นนี้ กลับกลายเป็นที่หนึ่งของแคว้นนี้ในก้าวเดียว นี่ช่างทำให้ผู้คนรู้สึกเหลือเชื่อเกินไปแล้ว
หลินสวินอ่านข้อมูลที่บันทึกไว้ หลิงเคอจื่อมีพลังพรสวรรค์ ‘จิตพุทธะไร้มลทิน’ ครอบครองเขตแดนมรรค ‘สังฆารามโพธิสัตว์’ มีอานุภาพที่ทำให้ผู้คนยอมจำนนโดยไม่ต้องต่อสู้!
“น่าสนใจ”
หลินสวินยกยิ้ม พลิกอ่านม้วนหยกต่อไป จนกระทั่งครู่ต่อมาเขาจึงอ่านข้อมูลในม้วนหยกจนจบ
“คุณชาย ท่านเคยได้ยินชื่อข่งเจามาก่อนหรือไม่”
จู่ๆ จินเทียนเสวียนเยวี่ยก็กล่าวขึ้น
“เขาคือใคร”
หลินสวินอึ้งไป
จากนั้นจินเทียนเสวียนเยวี่ยก็เล่าภูมิหลังของข่งเจารอบหนึ่ง ‘เลิศล้ำทรงพลัง’ ‘ที่สุดแห่งตระกูลข่ง’ อะไรเอย ปีศาจแห่งยุคที่หาตัวจับยากเอย อันดับห้ากระดานราชันอริยะปวงสวรรค์อะไรเอย…
หลินสวินฟังจนประหลาดใจไประลอกหนึ่ง
จนกระทั่งฟังถึงตอนที่ข่งเจาคุยโว ว่าก่อนงานชุมนุมถกมรรคจะทำให้อันดับหนึ่งแต่ละแคว้นก้มหัว หลินสวินก็หัวเราะขึ้นมาทันที
ทายาทเผ่าจักรพรรดิตระกูลข่งนี่ แต่ละคนช่างจองหองไม่แพ้กันเลย
แน่นอน นี่คือความคิดเห็นของหลินสวินเอง สำหรับผู้ฝึกปราณคนอื่นๆ ข่งเจาย่อมเป็นพวกน่าสะพรึงถึงขั้นสามารถทำให้ใครก็ตามหวาดกลัวได้ และมีคุณสมบัติที่จะคุยโวเช่นนี้
“คุณชาย ก่อนหน้านี้ท่านเคยใช้สถานะอวี่เสวียนสังหารคนของพวกข่งอวี้ ถึงจะไม่กังวลว่าจะถูกข่งเจามองฐานะของท่านออก แต่ถ้าบังเอิญพบคนผู้นี้ในงานชุมนุมถกมรรค ท่านต้องระวังไว้หน่อย”
จินเทียนเสวียนเยวี่ยกล่าวกำชับ
หลินสวินร้องอืมคราหนึ่ง ไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธ
ปีนั้นตอนอยู่แหล่งสถานคุนหลุน เขาเคยสังหารผู้แข็งแกร่งของหกเรือนมรรคใหญ่และสิบเผ่านักรบใหญ่ไปไม่รู้เท่าไหร่ จากพลังต่อสู้ของเขาในตอนนี้ เป็นไปไม่ได้เลยที่จะกริ่งเกรงใครก็ตามในหมู่คนรุ่นเดียวกัน!
คุยเล่นเรื่อยเปื่อยอีกพักหนึ่ง เหิงเซียวก็เร่งมาหา
“สหายน้อยออกด่านพอดี ข้าเพิ่งได้รับข่าวมา พรุ่งนี้ยามเช้าตรู่ ก้วนซวีเจ้าสำนักสำนักยุทธ์ว่างเปล่าจะพาสิบอันดับแรกในศึกถกมรรคแคว้นเมฆาออกเดินทางไปแคว้นกลางมรรค”
เหิงเซียวเอ่ยขึ้น
หลินสวินและจินเทียนเสวียนเยวี่ยสบตากันปราดหนึ่ง ต่างพยักหน้าตอบรับ
พวกเขาคนหนึ่งเป็นอันดับหนึ่งของศึกถกมรรคแคว้นเมฆา อีกคนก็อยู่อันดับเจ็ด ล้วนมีคุณสมบัติเข้าร่วมงานชุมนุมถกมรรค
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเราก็ออกเดินทางกันเดี๋ยวนี้เลย”
วันนั้นเหิงเซียวจึงพาหลินสวินและจินเทียนเสวียนเยวี่ยมุ่งหน้าสู่เขาเทพว่างเปล่าไปพร้อมกัน
…
สำนักยุทธ์ว่างเปล่า
ภายในโถงวิจิตรตระการแห่งหนึ่ง ขณะที่หลินสวินกับจินเทียนเสวียนเยวี่ยมาถึง ก็เห็นว่าพวกลู่ตู๋ปู้ อู่หวง ซูมู่หาน เซี่ยอวี่ฮวา หวังถู เหลิ่งซิวเจีย เถิงอี๋เฉิน กุยซานสิงต่างก็มาถึงแล้วเช่นกัน
‘เจ้าหมอนี่กลิ่นอายเปลี่ยนเป็นคลุมเครือยิ่งขึ้นแล้ว…’
‘ดูท่าระยะนี้ ปราณของเขาจะยิ่งรุดหน้าขึ้นไปอีกขั้น’
ยามมองเห็นหลินสวินและจินเทียนเสวียนเยวี่ย ในโถงใหญ่ก็มีสายตาไม่น้อยมองมา โดยเฉพาะเมื่อสัมผัสถึงการเปลี่ยนแปลงของหลินสวิน สายตาของคนไม่น้อยต่างก็นิ่งขึงไป
และในเวลาเดียวกันหลินสวินเองก็สังเกตเห็นเช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นลู่ตู๋ปู้ อู่หวง หรือคนอื่นๆ ล้วนมีการเปลี่ยนแปลงเด่นชัดในช่วงห้าเดือนมานี้
เห็นได้ชัดว่าในระหว่างนี้ ไม่เพียงแต่เขาที่มีการทะลวงขั้นบนมรรคาเท่านั้น พวกลู่ตู๋ปู้ก็เป็นเช่นนี้ด้วยเหมือนกัน
“ตอนนี้ก็มากันครบแล้ว พรุ่งนี้เช้าข้าจะพาพวกเจ้ามุ่งหน้าสู่แคว้นกลางมรรค ไปเข้าร่วมงานชุมนุมถกมรรคที่หกเรือนมรรคใหญ่ร่วมกันจัดขึ้น”
เงาร่างของก้วนซวีเจ้าสำนักสำนักยุทธ์ว่างเปล่าปรากฏขึ้นกลางโถงใหญ่ ประโยคเดียวทำให้บรรยายกาศในโถงเงียบสงบขึงขัง
“จำไว้ ไม่ว่าพวกเจ้าจะมาจากสำนักไหนและมีฐานะใด หลังจากไปถึงแคว้นกลางมรรคก็จะมีเพียงสถานะเดียว นั่นคือ… ผู้แข็งแกร่งแคว้นเมฆา!”
ก้วนซวีกล่าวว่า “อีกเดี๋ยวข้าจะมอบข่าวสารเกี่ยวกับงานชุมนุมถกมรรคที่ข้ารับรู้มาให้พวกเจ้า ฉวยจังหวะในคืนนี้ พวกเจ้าสามารถพูดคุยแลกเปลี่ยนกันได้”
จากนั้นก็กำชับเรื่องจิปาถะบางส่วน จากนั้นก้วนซวีจึงมอบม้วนหยกคนละม้วนให้แก่พวกหลินสวินทั้งสิบคน
ในม้วนหยก ข้อมูลที่บันทึกน่าตกใจหาใดเปรียบ ต่างจากที่โลกภายนอกเล่าลือกัน แจกแจงรายชื่อผู้แข็งแกร่งจากหกเรือนมรรคใหญ่ สิบเผ่านักรบใหญ่ ที่จะเข้าร่วมงานชุมนุมถกมรรคโดยละเอียด
ขณะเดียวกันก็มีข้อมูลเกี่ยวกับพวกปีศาจแห่งยุคจากฟ้าดาราโลกอื่นๆ บางส่วน คนเหล่านี้ก็จะเข้าร่วมงานชุมนุมถกมรรคด้วยเช่นกัน
ภายในโถงใหญ่ เหลือเพียงพวกหลินสวินสิบคน ต่างกำลังศึกษาเนื้อหาในม้วนหยก
สิ่งที่หลินสวินเห็นตั้งแต่แวบแรก ก็คือรายชื่อผู้แข็งแกร่งที่โดดเด่นสะดุดตาที่สุดแถวหนึ่ง
ซางจื่อเหยี่ยน ศิษย์แกนหลักเรือนมรรคยุทธจักร อันดับสิบกระดานราชันอริยะปวงสวรรค์ ทายาทเผ่าจักรพรรดิดึกดำบรรพ์ตระกูลซาง พรสวรรค์แปลกพิสดาร รากฐานพลังเหนือธรรมดา ครอบครองเขตแดนมรรค ‘ผูกขาดแปดทิศ’
บรรพชนต้นตระกูลเผ่าจักรพรรดิดึกดำบรรพ์ตระกูลซาง เป็นหนึ่งในเจ็ดจักรพรรดิอสูรมารดึกดำบรรพ์เหมือนกับบรรพชนต้นตระกูลข่ง ตระกูลซวี ตระกูลคุน มีนามว่า ‘จักรพรรดิอสููรมารอวิ๋นฉาง’!
ถูเชียนเจวี๋ย ศิษย์แกนหลักเรือนมรรคจักรวาล อันดับเก้ากระดานราชันอริยะปวงสวรรค์ ทายาทเลือดบริสุทธิ์ ‘เผ่านักรบวารีดำ’ จากสิบเผ่านักรบใหญ่ ครอบครองเขตแดนมรรค ‘ทุกข์ตรมหมื่นวารี’
จู่เฟยอวี่ ศิษย์แกนหลักเรือนมรรคเหล่ามาร อันดับแปดกระดานราชันอริยะปวงสวรรค์…
เยียนอวี่โหรว ศิษย์แกนหลักเรือนมรรคโลกาสวรรค์ อันดับเจ็ดกระดานราชันอริยะปวงสวรรค์…
เฟิงเป่ยหลิง ทายาทเลือดบริสุทธิ์เผ่าจักรพรรดิดึกดำบรรพ์ตระกูลเฟิง อันดับหกกระดานราชันอริยะปวงสวรรค์…
ข่งเจา…
ดูจากแต่ละรายชื่อ ความรู้สึกที่ให้แก่หลินสวินมีเพียงอย่างเดียว ดูเหมือนว่าสิบอันดับแรกของกระดานราชันอริยะปวงสวรรค์ แทบจะถูกผู้สืบทอดของหกเรือนมรรคใหญ่ครอบครองจนหมด!
“คิดไม่ถึง พวกหมีอู๋หยา หวงฝู่เซ่าหนง หลิงหงจวงสามคนนี้ ก็จะมาเข้าร่วมงานชุมนุมถกมรรคในครั้งนี้ด้วย!”
ทันใดนั้นในโถงใหญ่ก็มีเสียงร้องตกใจดังขึ้น บนใบหน้าเล็กที่ดูอ่อนเยาว์เหมือนเด็กน้อยของหวังถูฉายแววเคร่งขรึม
คนอื่นๆ ต่างพากันมองไป สีหน้าครัดเคร่ง
หมีอู๋หยา ศิษย์แกนหลักอันดับหนึ่งเรือนมรรคยุทธจักร ยึดครองอันดับหนึ่งกระดานราชันอริยะปวงสวรรค์มาหกร้อยปี ยอดเยี่ยมเด่นสง่า จนบัดนี้ยังไม่มีใครสามารถสั่นคลอนตำแหน่งของเขาได้
ชื่อของเขา ล้วนแพร่กระจายไปทั่วทั้งทางเดินโบราณฟ้าดารา!
นี่คือบุคคลในตำนานที่ใกล้เคียงกับการไร้ศัตรูอย่างแท้จริงคนหนึ่ง!
หวงฝู่เซ่าหนง ศิษย์แกนหลักอันดับหนึ่งของเรือนมรรคจักรวาล อันดับสองกระดานราชันอริยะปวงสวรรค์
ในช่วงที่หมีอู๋หยายังไม่ผงาด ก็มีหวงฝู่เซ่าหนงเป็นที่หนึ่ง ยึดครองเหนือสุดของกระดานราชันอริยะปวงสวรรค์!
นี่ก็เป็นปีศาจน่าสะพรึงที่ไม่สามารถใช้หลักการทั่วไปมาตัดสินได้เช่นเดียวกัน
ส่วนหลิงหงจวง เป็นผู้สืบทอดแกนหลักของเรือนมรรคโลกาสวรรค์ ความผงาดกร้าวของนางสามารถใช้คำว่าปาฏิหาริย์มาบรรยายได้เลย ระยะเวลาไม่ถึงร้อยปี ลำดับบนกระดานราชันอริยะปวงสวรรค์ของนางก็พุ่งทะยาน จวบจนบัดนี้ก็ยังครองอันดับสามอย่างเหนียวแน่น!
คนมากมายคาดเดาว่า หากให้เวลาหลิงหงจวงอีกสักหน่อย ต่อให้ไปช่วงชิงอันดับหนึ่งกับสองก็ยังมีหวังเป็นอย่างมาก
และยามนี้ไม่ว่าจะเป็นหมีอู๋หยา หวงฝู่เซ่าหนง หรือหลิงหงจวง เห็นได้ชัดว่าล้วนร่วมงานชุมนุมถกมรรคครั้งนี้ด้วย
ข่าวนี้เป็นสิ่งที่ไม่เคยมีใครได้ยินมาก่อน ทำเอาในใจพวกลู่ตู๋ปู้ อู่หวง เซี่ยอวี่ฮวาม้วนตลบไปชั่วขณะ
“ดูท่างานชุมนุมถกมรรคครั้งนี้จะรับมือยากกว่าที่คิดไว้…”
ซูมู่หานถอนหายใจเบาๆ
รายชื่อในม้วนหยกชุดนี้ที่ก้วนซวีมอบให้ แต่ละชื่อก็เหมือนภูเขาใหญ่ลูกหนึ่งกดทับอยู่ในจิตใจ ทำเอาผู้คนรู้สึกถึงความกดดันไร้รูป
“จะใช่แค่รับมือยากที่ไหน วิปริตเลยชัดๆ พวกปีศาจแห่งยุคจากฟ้าดาราโลกอื่นเหล่านั้น ล้วนไม่ใช่พวกรับมือง่ายกันทั้งนั้น”
เถิงอี๋เฉินยิ้มขื่น “ข้ายังนึกสงสัยว่าอย่างพวกเรานี่ ยามที่เข้าร่วมงานชุมนุมถกมรรคเกรงว่าคงกลายเป็นตัวประกอบ”
คำพูดนี้ทำเอาสีหน้าของทุกคนวูบไหวไม่มั่นคง
แม้จะเป็นลู่ตู๋ปู้กับอู่หวงยังขมวดคิ้วมุ่น กำลังอ่านข้อมูลในม้วนหยกโดยละเอียด ไม่กล้าละเลยแม้แต่เสี้ยวเดียว
และตั้งแต่ต้นจนจบหลินสวินเยือกเย็นยิ่งอย่างเห็นได้ชัด นิ่งเงียบสงวนวาจา ไม่เคยร่วมวงวิพากษ์วิจารณ์
…………………..