Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 1950 เผยความองอาจแห่งเทพมารอีกครั้ง
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 1950 เผยความองอาจแห่งเทพมารอีกครั้ง
ตอนที่ 1950 เผยความองอาจแห่งเทพมารอีกครั้ง
บังลมกันฝน!
คำสั้นๆ ก็ทำให้จินเทียนเสวียนเยวี่ยอึ้งงัน ในดวงตากระจ่างใสราวกับดวงดาวมีน้ำตาคลออย่างไม่เอาไหน
นางในอดีต ฐานะสูงส่งเป็นถึงผู้กล้าชั้นยอดในบรรดาคนรุ่นเยาว์เผ่าจักรพรรดิดึกดำบรรพ์ตระกูลจินเทียน ชื่อเสียงเลื่องลือในแดนดินหนึ่ง ทว่าตั้งแต่ติดตามหลินสวินมา นางก็เหมือนทิ้งทุกอย่าง ตั้งแต่ต้นจนจบเก็บความเย่อหยิ่งและอวดดีภายในใจไปหมดแล้ว
ตั้งแต่เข้าสู่โลกใหญ่หงเหมิง เดินทางร่วมกับหลินสวิน ผ่านร้อนผ่านหนาวร่วมทุกข์ร่วมทุกข์กันมา เคยมีทั้งความโศกเศร้าและน้อยใจ
แต่ตอนนี้ ประโยคเดียวที่หลินสวินพูดออกมา พลันทำให้จินเทียนเสวียนเยวี่ยรู้สึกว่าทุกสิ่งที่ทำที่คิดนับตั้งแต่ติดตามหลินสวินมาจนถึงวันนี้…
ล้วนคุ้มค่าแล้ว!
“เจ้าร้องไห้ทำไม”
หลินสวินอึ้ง ในใจตึงเครียดขึ้นมาระลอกหนึ่ง นึกว่าในใจจินเทียนเสวียนเยวี่ยมีความอดสูยิ่งยวดบางอย่างซ่อนอยู่
“ข้า… มีความสุข”
จินเทียนเสวียนเยวี่ยสูดหายใจลึกคราหนึ่ง กลั้นน้ำตาไว้ ใบหน้างดงามเผยความมีชีวิตชีวาอย่างไร้สาเหตุ กล่าวว่า “คุณชาย คำว่าบังลมกันฝน สำหรับข้า มันจะตราตรึงในใจไปชั่วชีวิต ไม่มีวันลืม”
หลินสวินยิ้มพูด “ข้าพูดได้ทำได้ ไป ข้าพาเจ้าไประบายความโกรธก่อน”
“ข้า…”
ทีแรกจินเทียนเสวียนเยวี่ยอยากเตือนหลินสวินว่าอย่าบุ่มบ่ามเช่นนี้ แต่คำพูดกำลังจะออกจากปาก กลับหลุดพูดออกมาว่า “คุณชาย ข้าฟังคำท่าน”
ทันทีที่คำพูดนี้ออกมา ในใจนางพลันอึดอัดขึ้นมา ความรู้สึกเช่นนี้เหมือนตนถูกรังแก แล้วเจอที่พึ่งอย่างไรอย่างนั้น…
“ไปกันเถอะ”
หลินสวินพูด
เดิมทีเพราะสิ่งที่เถิงอี๋เฉินกับกุยซานสิงประสบ ก็ทำให้เขาเพลิงสุมอกไม่มีที่ระบายอยู่แล้ว
ตอนนี้แม้แต่จินเทียนเสวียนเยวี่ยยังถูกรังแกจนกลายเป็นสภาพนี้ นี่ทำให้หลินสวินทนไม่ได้อีกต่อไป!
สวบ!
หลินสวินสะบัดแขนเสื้อ เมฆมงคลก้อนหนึ่งปรากฏขึ้น พาเขาและจินเทียนเสวียนเยวี่ยทะยานฟ้าไปด้วยกัน
ระหว่างทางหลินสวินเองก็ได้รู้ว่า พวกที่ล้อมโจมตีจินเทียนเสวียนเยวี่ยมาจากเรือนมรรคดึกดำบรรพ์ ผู้นำนามว่าซินหรูเจี่ย อยู่อันดับสิบเจ็ดของกระดานราชันอริยะปวงสวรรค์
นอกจากซินหรูเจี่ย คนอื่นๆ ก็เป็นศิษย์แกนหลักของเรือนมรรคดึกดำบรรพ์
หากไม่ใช่เช่นนี้ จินเทียนเสวียนเยวี่ยย่อมไม่มีทางบาดเจ็บหนักขนาดนี้
“พวกเขาตามมาแล้วหรือ”
เหนือความคาดหมายของหลินสวิน เพิ่งจะเดินทางได้ไม่นาน เงาร่างของคนกลุ่มหนึ่งก็ปรากฏอยู่ไกลๆ แล้ว จินเทียนเสวียนเยวี่ยจำคนที่เป็นผู้นำได้ตั้งแต่แวบแรก
“คุณชายโปรดดู เจ้าหมอนั่นก็คือซินหรูเจี่ย!”
ความเย็นเยียบแวบผ่านในดวงตาคู่ใสของจินเทียนเสวียนเยวี่ย
การต่อสู้ก่อนหน้านี้นางเล่าอย่างราบเรียบ ความเป็นจริงกลับอันตรายอย่างที่สุด หากไม่ใช่เพราะนางเอาชีวิตเข้าสู้ คงถูกคัดออกไปนานแล้ว
หลินสวินเงยมองไป ก็เห็นว่าผู้นำคือชายในชุดนักพรตสีฟ้า รูปร่างผอมบาง ใบหน้างดงามราวกับหยก เท้าเหยียบกระบี่โบราณลายสนเล่มหนึ่ง
บนศีรษะของเขาปรากฏบุปผามหามรรคมากมาย แปลกประหลาดน่าตกใจ ชายหญิงกลุ่มหนึ่งติดตามอยู่ด้านหลังเขา ยิ่งขับให้เขาดูไม่ธรรมดา
“โอ้ คุณหนูใหญ่แห่งยุคของเผ่าจักรพรรดิดึกดำบรรพ์ตระกูลจินเทียนเจอผู้ช่วยแล้วหรือ”
ตอนที่เห็นหลินสวินและจินเทียนเสวียนเยวี่ย พวกซินหรูเจี่ยอึ้งไปก่อนเป็นอันดับแรก จากนั้นต่างเผยรอยยิ้มเยาะเย้ย
“จุ๊ๆ ข้านึกว่าเป็นวีรชนผู้กล้าคนใด ที่แท้ก็เป็นจินตู๋อีอันดับหนึ่งศึกถกมรรคแคว้นเมฆา คุณหนูเสวียนเยวี่ย เจ้าคงไม่ได้จนปัญญาจนต้องเลือกคนมั่วๆ กระมัง”
มีคนยิ้มเยาะ สีหน้าสัพยอก
“ยังคงเป็นประโยคนั้น เหยื่อที่ถูกเรือนมรรคดึกดำบรรพ์ของพวกเราจับจ้อง ไม่มีทางที่หนีรอดไปได้ ยิ่งไปกว่านั้น ความแค้นของศิษย์พี่ข่งอวี้จะไม่แก้แค้นไม่ได้!”
ซินหรูเจี่ยที่เป็นผู้นำเอ่ยเสียงเย็น
หลินสวินถึงได้เข้าใจในยามนี้ ว่าที่ผู้สืบทอดเรือนมรรคดึกดำบรรพ์เหล่านี้ลงมือกับจินเทียนเสวียนเยวี่ย ก็เพราะข่งอวี้ที่ตายในมือตน
“เสวียนเยวี่ย เจ้าดูให้ดี วันนี้หากพวกเขาหนีไปได้แม้แต่คนเดียว ข้าคงผิดต่อเจ้าที่เดินทางด้วยกันมาตลอดทาง!”
ดวงตาดำของหลินสวินลึกล้ำ ไอสังหารที่พรั่งพรูในใจราวกับหินหนืดโหมซัด แทบจะสกัดกั้นไม่ไหว
พวกซินหรูเจี่ยต่างเผยสีหน้าผิดคาด หัวเราะเกรียวกราวขึ้นมา อันดับหนึ่งศึกถกมรรคแคว้นเมฆาเท่านั้นกลับปากดีขนาดนี้ แปลกเกินไปแล้ว
พลังต่อสู้ของหลินสวินในตอนนี้น่าสะพรึงเพียงใด
แม้แต่จินเทียนเสวียนเยวี่ยยังไม่แน่ใจ นางรู้เพียงว่า เจ้าพวกที่หัวเราะเกรียวกราวเหล่านี้ อีกเดี๋ยวจะต้องซวยแน่…
“จินตู๋อี เตือนเจ้าประโยคหนึ่ง รีบเปลี่ยนชื่อเสียเถอะ คนอย่างเจ้ายังกล้าตั้งชื่อนี้ ไม่กลัวอายุสั้นหรือ”
ชายชุดคลุมทองเย้ยหยันพร้อมรอยยิ้ม
“เช่นนั้นหรือ”
ในเสียงเรียบเฉยเย็นเยียบ หลินสวินเคลื่อยไหวแล้ว ยกมือขึ้นแตะกลางอากาศเบาๆ
บนศีรษะของชายชุดทอง พลังดรรชนีเวิ้งว้างควบรวม แสงมรรคน่าพรั่นพรึงที่คลุมเครือไม่อาจคาดเดาพวยพุ่ง
พลังดรรชนีกดลงเบาๆ คราหนึ่ง
ตูม!
ห้วงอากาศแถบนั้นถล่มระเบิดเป็นเสี่ยงๆ ชายชุดทองส่งเสียงคำราม ใช้พลังทั้งหมดฝืนปะทะ แต่เงาร่างของเขากลับถูกกำราบกดลงบนพื้นดินทีละชุ่น เส้นเลือดบนกล้ามเนื้อโป่งพอง หน้าอกอัดอั้นจนแทบจะหลั่งเลือดออกมา
สุดท้ายเขาก็สกัดไว้ไม่ได้ ประหนึ่งตะปูที่ถูกตอกลงพื้นอย่างแรง แม้แต่พื้นดินยังสั่นไปด้วย
พร้อมๆ กับคลื่นอากาศระลอกหนึ่งปรากฏ ชายชุดทองก็ถูกคัดออก ทั้งหมดใช้เวลาเพียงชั่วพริบตาเท่านั้น!
รอยยิ้มบนใบหน้าของพวกซินหรูเจี่ยต่างแข็งทื่อ ทั่วร่างสะท้านเยือกขึ้นมา ภาพก่อนหน้านี้ทำเอาพวกเขาต่างตั้งตัวไม่ทัน
และคิดไม่ถึงว่าหลินสวินบอกจะลงมือก็ลงมือเลย!
“คนที่หนึ่ง”
หลินสวินเริ่มนับ สีหน้าไม่สุขไม่ทุกข์ มีเพียงภายในนัยน์ตาดำที่มีเพลิงโทสะและไอสังหารท่วมฟ้ากำลังพลุ่งพล่าน
เขาต้องการระบาย!
“ลงมือพร้อมกัน!”
ซินหรูเจี่ยตวาด
เหนือศีรษะเขา เกสรที่ควบรวมจากกฎเกณฑ์มหามรรคเบ่งบาน ปรากฏปราณกระบี่คบกริบยิ่งยวดเป็นสายๆ ฟันไปทางหลินสวิน
สามสิบหกบุปผาบาน กระบี่ฟันเก้าชั้นฟ้า!
ในเวลาเดียวกันผู้สืบทอดเรือนมรรคดึกดำบรรพ์คนอื่นๆ ก็โจมตีอย่างเหี้ยมหาญ บ้างเร่งเร้าวิชามรรคมหัศจรรย์ บางเรียกสมบัติเรืองรอง อานุภาพแต่ละคนน่าสะพรึงไม่แพ้กัน
ภาพนั้นสามารถทำให้มกุฎราชันอริยะทุกคนใจสั่น!
เพียงแต่หลินสวินสีหน้านิ่งสงบ ราวกับไม่รู้สึก
เสื้อผ้าของเขาโบกสะบัดจนเกิดเสียง พุ่งเข้าไปรับ ดาบหักเล่มหนึ่งส่งเสียงครวญใส ราวกับรับรู้ได้ถึงไอสังหารในใจเจ้านาย ดุร้ายอย่างที่สุด
รอบตัวเขามีปราณกระบี่ไท่เสวียนนับไม่ถ้วนถาโถมออกมา กลายเป็นม่านกระบี่ ฝนกระบี่ พายุกระบี่ ภูผาธารากระบี่…
ชั่วขณะนี้สารกาย พลังชีวิตและจิตวิญญาณรอบตัวเขาพวยพุ่งเดือดพล่านราวกับเตาหลอมใหญ่ ภายใต้การกระตุ้นของเพลิงโทสะ พลังทั้งหมดล้วนถูกโคจรเต็มกำลัง
ชั่วขณะนี้ เขาไม่คิดจะออมมืออีก!
“ฆ่า!”
ผมสีดำยาวพลิ้วไหว เงาร่างหลินสวินพร่างพราวดุจคมประกายไร้เทียมทาน พริบวาบกลางฟ้าดิน กลิ่นอายผงาดกร้าวราวกับเทพมาร
ตูมโครม…
การต่อสู้ปะทุขึ้น ฟ้าดินแถบนี้สั่นไหว ประกายศักดิ์สิทธิ์ตัดสลับกับแสงสมบัติอย่างรุนแรงดุดัน แตกซ่านแผ่กระจาย ทำเอาห้วงอากาศปั่นป่วน ต้นไม้ใบหญ้าภูเขาก้อนหินแหลกละเอียด
พรูด!
เพียงสามชั่วดีดนิ้ว ก็มีคนหนึ่งถูกดาบหักแทงทะลุอก ทั้งร่างถูกฟันจนกระเด็นออกไปอย่างแรง ส่งเสียงโหยหวนน่าอนาถออกมา
ไม่รอเงาร่างของเขาร่วงลงพื้น ก็ถูกพาออกจากแดนลับโลกาสวรรค์กลางอากาศ
“ฆ่า รีบฆ่า!”
ชั่วขณะนี้ซินหรูเจี่ยเองก็หน้าเปลี่ยนสี พอประมือกันจริงๆ พวกเขาถึงตระหนักได้ว่าพลังต่อสู้ของอีกฝ่ายน่ากลัวเพียงใด
เดิมทีควรเป็นการปิดล้อมโจมตี แต่อีกฝ่ายกลับประหนึ่งเหล็กแหลม ทะลวงการปิดล้อมของพวกเขาอย่างง่ายดาย!
เพียงสิบชั่วดีดนิ้ว
ในสนามรบมีเสียงคำรามไม่จำยอมดังขึ้นอีกครั้ง คนผู้หนึ่งถูกภูเขากระบี่ที่วิวัฒน์จากปราณกระบี่ไท่เสวียนกำราบ ร่างกายแตกกระจายหลั่งเลือด ถูกคัดออกออกไป
หลินสวินในตอนนี้กร้าวแกร่งดุจไร้เทียมทาน อาจหาญโดดเด่น!
คู่ต่อสู้ของเขาคือมกุฎราชันอริยะกลุ่มหนึ่ง เป็นศิษย์แกนหลักของเรือนมรรคดึกดำบรรพ์หนึ่งในหกเรือนมรรคใหญ่ ทุกคนล้วนมีรากฐานมหามรรคที่แข็งแกร่งอย่างมาก แม้อยู่ในโลกภายนอกยังเรียกได้ว่าเป็นพวกชั้นยอดในระดับเดียวกัน
แต่ตอนนี้ภายใต้การโจมตีของหลินสวิน พวกเขากลับดูไม่เอาไหน!
ไม่ว่าเป็นใคร เพียงถูกหลินสวินจับจ้อง จุดจบมีเพียงอย่างเดียว… คัดออก!
สามสิบชั่วดีดนิ้ว
“น่าชังนัก…”
“เจ้าปีศาจ!”
พร้อมกับเสียงคำรามสะเทือนฟ้า ผู้แข็งแกร่งสามคนของเรือนมรรคดึกดำบรรพ์ ถูกหลินสวินใช้หนึ่งกระบวนวัฏจักรฟ้ากวาดโดน ร่างกายดุจว่าวสายป่านขาด ปลิวออกไปอย่างแรง
ปากจมูกพวกเขาหลั่งเลือด ภาพตรงหน้าพร่ามัว ไม่รอให้ทรงตัวได้หลินสวินก็พุ่งมาอีกครั้ง โจมตีพวกเขาจนพ่ายแพ้อย่างง่ายดาย ถูกคัดออกแล้ว
ทวงท่าไร้ศัตรูนั่น ทำเอาพวกซินหรูเจี่ยตาถลน ตกใจระคนเดือดดาลถึงขีดสุด ไม่สามารถจินตนาการได้ว่าพลังต่อสู้ของอันดับหนึ่งศึกถกมรรคแคว้นเมฆา เหตุใดจึงพลิกฟ้าและน่ากลัวเช่นนี้ ทำลายการรับรู้ทั่วไปของพวกเขาโดยสิ้นเชิง
“ฆ่า!”
นัยน์ตาดำของหลินสวินเย็นเยียบ แม้ไม่เคยใช้เขตแดนมรรค ทว่าด้วยพลังในตอนนี้ของเขา ทุกการเคลื่อนไหวล้วนประทับนัยเร้นลับของเขตแดนมรรค เต็มไปด้วยอานุภาพกร้าวแกร่ง
ภายใต้การเข่นฆ่าเช่นนี้ รูปแบบขบวนของพวกซินหรูเจี่ยถูกทำลายโดยสมบูรณ์ อย่าว่าแต่ร่วมมือกันกำราบหลินสวิน ยังต้องคอยหลบอยู่ตลอดเวลา เลี่ยงการโจมตีของหลินสวิน
ห่างออกไปจินเทียนเสวียนเยวี่ยที่เห็นทุกภาพนี้ ในใจเต็มไปด้วยความดีใจและซาบซึ้งที่บอกไม่ถูก มุมปากขาวซีดปรากฏรอยยิ้ม
นางรู้ คุณชายกำลังระบายความโกรธให้นาง!
และมีคนพยายามโจมตีนาง แต่ล้วนถูกหลินสวินสกัดไว้ระหว่างทาง ลงมือด้วยบดขยี้สิ้นซาก โจมตีจนแหลกสลาย
แม้เป็นซินหรูเจี่ยซึ่งอยู่ในอันดับสิบเจ็ดบนกระดานราชันอริยะปวงสวรรค์สู้สุดชีวิต ยังไม่สามารถสกัดการโจมตีของหลินสวินได้ กลับถูกหลินสวินกำราบครั้งแล้วครั้งเล่า กระอักเลือดต่อเนื่อง
ในสนามรบ เสียงร้องตกใจ เสียงคำราม เสียงก่นด่าปะปนกับเสียงต่อสู้สะท้านฟ้าสะเทือนดิน ดังก้องไม่ขาดสาย
ในพื้นที่แถบนี้ฝนเลือดไหลหลั่ง เต็มไปด้วยกลิ่นอายน่าอนาถ สยดสยอง
ส่วนหลินสวินประหนึ่งเทพมารที่กำราบกวาดล้าง ทุกที่ที่ก้าวไปล้วนแหลกเหลว ไม่มีใครสู้ได้!
ตูมโครม!
ในละอองแสงที่ระเบิดกระจาย มีอีกคนถูกหมัดของหลินสวินกระแทกใส่ร่าง แม้แต่เกราะป้องกันบนร่างยังระเบิดแหลก และคนผู้นี้ก็ถูกคัดออกไปตามคาด
จนถึงตอนนี้มีผู้สืบทอดเรือนมรรคดึกดำบรรพ์ถูกกำราบไปเก้าคนแล้ว ข้างกายซินหรูเจี่ยเหลือเพียงไม่ถึงหกคน
เสียหายมากกว่าครึ่งแล้ว!
และในใจพวกซินหรูเจี่ย มีเงามืดแห่งความกลัวปกคลุมขึ้นมาชั้นหนึ่งนานแล้ว อกสั่นขวัญหนี ตกใจกับพลังต่อสู้เย้ยฟ้าที่หลินสวินสำแดงออกมา
“หนี!”
“รีบไป เจ้าหมอนี่ไม่ใช่คนที่พวกเราจะสู้ได้”
“รีบไปขอความช่วยเหลือจากศิษย์พี่ข่งเจา!”
พวกซินหรูเจี่ยเลือกหนีตรงๆ ไม่สามารถสู้ต่อได้แล้ว อีกฝ่ายประหนึ่งเคียว ส่วนพวกเขาเป็นเหมือนฟางข้าว!
ยังจะสู้อย่างไรได้
เพียงแต่น่าเสียดาย พวกเขาไม่รู้เลยว่า หลินสวินที่สภาพวะจิตอยู่ภายใต้การกระตุ้นของเพลิงโทสะ ไม่คิดจะปล่อยพวงกเขาไปแม้แต่คนเดียวตั้งแต่แรก!
——