Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 1956 ไพ่ตายที่แท้จริงของเขา
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 1956 ไพ่ตายที่แท้จริงของเขา
ตอนที่ 1956 ไพ่ตายที่แท้จริงของเขา
ปัง!
โลกภายนอก ยามเห็นภาพที่ถูเชียนเจวี๋ยถูกหลินสวินกำจัด โต๊ะและเหล้าล้ำค่าบนโต๊ะตรงหน้าจักรพรรดิหญิงวิญญาณเพลิงระเบิดแหลกไปพร้อมกัน เปลี่ยนเป็นฝุ่นผงล่องลอย
หว่างคิ้วของนางปรากฏความเย็นเยียบ ราวกับพยายามอดทนต่อเพลิงโทสะในใจ กล่าวว่า “หนอยจินตู๋อี ข้าดูถูกความสามารถของเจ้าเกินไปสินะ”
ระดับจักรพรรดิที่อยู่ใกล้ๆ สบตากัน ต่างไม่ปริเสียง
ว่ากันตามปกติแล้ว การต่อสู้ถกมรรคครั้งนี้ คนที่โดดเด่นอย่างถูเชียนเจวี๋ยแทบไม่มีความเสี่ยงว่าจะถูกคัดออก
เหตุผลประการแรกคือศักยภาพของเขาแข็งแกร่งพอ เหตุผลประการที่สองคือเบื้องหลังเขามีเรือนมรรคจักรวาล แม้อยู่ในแดนลับโลกาสวรรค์ก็มีผู้ช่วยมากมาย
นี่ทำให้ความเป็นไปได้ที่เขาจะถูกโจมตีจนพ่ายแพ้แทบจะมองข้ามไปได้เลย
แต่ใครจะคิดว่าเรื่องไม่คาดฝันยังคงเกิดขึ้น จินตู๋อีที่มาจากแคว้นเมฆา กลับแข็งแกร่งเกินจะรับได้
หนึ่งต่อหนึ่ง ถูเชียนเจวี๋ยไม่ไหว
คนทั้งกลุ่มต่อหนึ่ง พวกถูเชียนเจวี๋ยก็พ่ายแพ้อย่างน่าอนาถเช่นกัน
จุดสำคัญคือจินตู๋อีไม่เกรงกลัวเรือนมรรคจักรวาล ลงมืออย่างไม่ออมมือสักนิด จึงส่งผลให้ถูเชียนเจวี๋ยถูกคัดออก
แต่เห็นได้ชัดมากว่าจักรพรรดิหญิงวิญญาณเพลิงรับเรื่องทั้งหมดนี้ไม่ได้นัก
“ฮ่าๆ ตอนนี้ในที่สุดเจ้าก็ยอมรับว่าดูถูกจินตู๋อีเกินไปหรือ”
ซย่าสิงเลี่ยหัวเราะเสียงดัง “ไม่เลวๆ รู้ผิดแล้วแก้ไขนับว่าเยี่ยมยอด”
ทุกคนล้วนสีหน้าพิกล
จักรพรรดิหญิงวิญญาณเพลิงโกรธจนแทบจะกระอักเลือด กัดฟันจ้องซย่าสิงเลี่ย ขณะหมายจะพูดอะไรก็ถูกจักรพรรดิมารผลาญนภาแห่งเรือนมรรคเหล่ามารเอ่ยโน้มน้าว
“สหายุทธ์โปรดระงับโทสะ เจ้าดู ตอนนี้จินตู๋อีก็ยากจะหนีเคราะห์พ้นแล้ว ครั้งนี้เขาไม่มีกระบวนผนึกลายมรรคให้ใช้แล้ว”
“หึ!”
จักรพรรดิหญิงวิญญาณเพลิงพูดอย่างเย็นชา “หากไม่ใช่เพราะผู้สืบทอดของเรือนมรรคเหล่ามารอย่างพวกเจ้ามาช่วยไม่ทัน จะเกิดเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไร”
นางเองก็รู้ว่าพูดตอนนี้ไม่มีประโยชน์แล้ว แต่ก็ยังเจ็บใจไม่คลาย
ก็เห็นจักรพรรดิมารผลาญนภาสีหน้าไม่อภิรมย์นัก นางถอนหายใจเบาๆ คราหนึ่งก่อนจะพูดว่า “ช่างเถอะ ชมการต่อสู้ต่อไปก็พอ”
ไม่เพียงแค่นาง ตอนนี้สายตาของระดับจักรพรรดิคนอื่นๆ หยุดอยู่ที่หลินสวินในแดนลับโลกาสวรรค์แทบจะทั้งหมด เผยสีหน้าสนใจ
นี่เป็นการประชันที่กำลังต่างกันที่สุดตั้งแต่งานชุมนุมถกมรรคเริ่มขึ้นจนถึงตอนนี้
ฝั่งหนึ่งเป็นพวกพ้องที่จินตู๋อีเป็นผู้นำ แต่นอกจากพลังต่อสู้ของเขาที่โดดเด่น คนอื่นๆ ก็มีแค่จินเทียนเสวียนเยวี่ยที่พอจะมีรากฐานพลังอยู่บ้าง
ส่วนคนที่เหลือสามารถมองข้ามได้อย่างสิ้นเชิง
อีกฝั่งหนึ่งเป็นบุคคลชั้นยอดที่มีจู่เฟยอวี่และเยียนอวี่โหรวเป็นผู้นำ มีถึงยี่สิบกว่าคน บ้างเป็นผู้สืบทอดแกนหลักที่มาจากเรือนมรรคจักรวาล บ้างเป็นผู้สืบทอดแกนหลักที่มาจากเรือนมรรคเหล่ามาร
ขบวนรบยิ่งใหญ่เช่นนี้ ในแดนลับโลกาสวรรค์ปัจจุบันแทบจะสามารถทำทุกอย่างตามอำเภอใจได้แล้ว!
ตอนนี้ระหว่างทั้งสองฝ่ายเกิดการเข่นฆ่าขึ้น จิตตู๋อีที่เหนือความคาดหมายและล้มล้างการรับรู้ของทุกคน จะคลี่คลายสถานการณ์อันยากลำบากตรงหน้าอย่างไร
ทุกคนต่างใคร่รู้
……
“ฆ่า ฆ่าเจ้าสารเลวนี่ซะ!”
ในสนามรบจู่เฟยอวี่ส่งเสียงตะโกนราวกับฟ้าร้อง เดือดดาลอย่างสิ้นเชิง ถูกภาพที่ถูเชียนเจวี๋ยถูกคัดออกกระตุ้นอย่างที่สุด
“ฆ่า!”
เหล่าผู้สืบทอดเรือนมรรคจักรวาลและเรือนมรรคเหล่ามารเองก็ถูกกระตุ้นโทสะเช่นกัน แต่ละคนไอสังหารพุ่งทะลวงฟ้า เริ่มล้อมโจมตี
ตูมโครม…
ฟ้าดินผืนนี้ส่งเสียงกึกก้อง เสียงมรรคน่าตะลึง วิชามรรคน่าสะพรึงมากมายไหลพุ่งออกมาราวกับกระแสน้ำแน่นขนัด สะเทือนทั่วทิศ ซัดชั้นเมฆแหลกละเอียด
สมบัติสารพัดราวกับของไร้ค่า วาบประกายแสงทำลายล้าง ทะยานกลางอากาศ ทำให้ฟ้าดินอับแสงครวญคร่ำ
ภาพเช่นนี้น่ากลัวเกินไปจริงๆ มกุฎราชันอริยะชั้นยอดที่เรียกได้ว่าเป็นบุคคลชั้นยอดของโลกลงมือพร้อมกัน หากอยู่ในโลกภายนอก ความเสียหายที่เกิดขึ้นย่อมเหนือจินตนาการอย่างแน่นอน
ระดับจักรพรรดิที่โลกภายนอกกลั้นหายใจ ลอบกล่าวว่าคนรุ่นเยาว์ช่างวิปริตขึ้นทุกรุ่นจริงๆ!
พวกลู่ตู๋ปู้สะท้านไปทั้งตัว ขนลุกซู่
เพียงมองจากไกลๆ ยังทำให้จิตใจของพวกเขาสั่นสะท้าน รู้สึกถึงการคุกคามที่ทำเอาแทบหายใจไม่ออก แค่คิดก็รู้ว่าจินตู๋อีที่ตกอยู่ในการปิดล้อมหนาแน่นนั้นจะแบกรับความกดดันมากมายเพียงใด
“ฆ่าเลย ฆ่าเลย ฮ่าๆๆ…”
หวังถูคลี่ยิ้ม ดวงหน้าเล็กอ่อนเยาว์ราวกับเด็กน้อยเต็มไปด้วยความเหี้ยมโหดและตื่นเต้น
แม้เป็นจินเทียนเสวียนเยวี่ยหัวใจยังแขวนลอยขึ้นมา อัดอัดกลางอก เตรียมพร้อมออกโจมตีช่วยหลินสวินตลอดเวลา
ไม่ใช่ว่านางไม่มั่นใจในตัวหลินสวิน แต่ศึกที่ถูกล้อมโจมตีเช่นนี้น่าสะพรึงเกินไปจริงๆ!
แน่นอนว่าเป็นไปไม่ได้ที่หลินสวินจะนั่งรอความตาย
ชั่วขณะที่อีกฝ่ายลงมือ เขาก็เคลื่อนไหวเช่นกัน
เงาร่างของเขาพริบราวกับแสงกลุ่มหนึ่ง พุ่งดาหน้าเข้าไป
ชิ้ง!
ดาบหักทะยานออกมา ส่งเสียงครวญใสฮึกเหิม ราวกับเสียงที่กระหายเลือดสดๆ ฟันออกเป็นเส้นโค้งน่าทึ่งอย่างที่สุดกลางอากาศ
ตูม!
และในร่างหลินสวิน สารกาย พลังชีวิตและจิตวิญญาณโคจรเดือดพล่านดุจเตาหลอม พลังทั้งหมดล้วนถูกเขาปลดปล่อยออกมาถึงขีดสุด
เขาในชั่วขณะนี้ราวกับมังกรออกจากเหว!
สายฟ้าสีม่วงแน่นขนัดแถบหนึ่งปกคลุมลงมา ภายในมีกฎเกณฑ์มหามรรคที่น่าตะลึงพริบวาบอยู่ ถึงกับเปลี่ยนเป็นกิเลนม่วงที่มีชีวิตชีวาฝูงหนึ่ง อานุภาพดุร้ายท่วมฟ้า
ใต้เท้าหลินสวินปรากฏชือน้ำแข็งตัวหนึ่ง แหงนหน้าส่ายหาง เสียงตูมดังขึ้นคราหนึ่ง โจมตีกิเลนม่วงฝูงนั้นจนพินาศ กลายเป็นละอองแสงล่องลอย
เคร้ง!
ดาบหักกับทวนสีทองปะทะกัน สะเก็ดไฟกระเด็นไปทั่ว ทวนทองส่งเสียงครวญ ถูกฟันกระเด็นลอยอย่างรุนแรง
และรอบตัวหลินสวินปรากฏปราณกระบี่ไท่เสวียนนับไม่ถ้วน แผ่กระจายออกกะทันหัน
ฝนกระบี่สิบทิศ!
การโจมตีอันมหัศจรรย์ที่สุดซึ่งมาจากคัมภีร์กระบี่ไท่เสวียนนี้ เหมาะกับการสู้กับคนหลายคนอย่างที่สุด
ตูมโครม…
การปะทะเข่นฆ่าดุเดือดราวกับภูเขาไฟนับไม่ถ้วนระเบิดพร้อมกัน ชั่วขณะหนึ่งพื้นที่บริเวณนี้ราวกับยุบทลาย ฟ้าดินมืดมน สุริยันจันทราไร้แสง
ยิ่งมีเสียงร้องเข่นฆ่าสะเทือนฟ้าดังก้อง ราวกับเสียงคำรามของเทพมารดึกดำบรรพ์ สามารถทำให้ทุกคนบนโลกขนลุก ทำเอาสรรพชีวิตสิ้นหวัง!
เพียงครู่เดียวเท่านั้น การโจมตีของหลินสวินก็ถูกกำราบ ตกอยู่ท่ามกลางการปิดล้อม
เขาคนเดียวแต่คู่ต่อสู้มียี่สิบกว่าคน ในนั้นจู่เฟยอวี่กับเยียนอวี่โหรวยังเป็นบุคคลชั้นยอดที่อยู่ในสิบอันดับแรกของกระดานราชันอริยะปวงสวรรค์
แม้หลินสวินออกโจมตีด้วยพลังสูงสุด ยังรู้สึกถึงความกดดันอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
ตั้งแต่เขาก้าวสู้ระดับมกุฎราชันอริยะขั้นปลาย นี่เป็นครั้งแรกที่รู้สึกถึงการคุกคามอันหนักหน่วง
ควรรู้ว่าตอนอยู่ในสำนักยุทธ์เสวียนจี เขาสามารถสู้กับกึ่งจักรพรรดิหกคนด้วยมือเปล่าด้วยซ้ำ!
จากจุดนี้สามารถดูออกว่า ผู้สืบทอดแกนหลักแห่งหกเรือนมรรคใหญ่อย่างพวกจู่เฟยอวี่ เยียนอวี่โหรว แต่ละคนพลังต่อสู้น่ากลัวเพียงใด
พูดอย่างไม่เกินจริง อย่างจู่เฟยอวี่และเยียนอวี่โหรว ล้วนมีรากฐานพลังน่ากลัวที่สามารถข้ามระดับประลองกับกึ่งจักรพรรดิได้!
ทว่ายิ่งรู้สึกกดดันและถูกคุมคาม นัยน์ตาดำของหลินสวินยิ่งสว่างและลึกล้ำ ราวกับหุบเหวที่หลับใหลค่อยๆ ฟื้นขึ้น…
ในใจมีจิตต่อสู้เดือดพล่านถูกจุดประกาย!
“ฆ่า ทุกคนทุ่มเต็มกำลัง สังหารเจ้าปีศาจนี่ซะ”
ผมยาวของจู่เฟยอวี่แผ่สยาย กระบี่ยาวฟันฟ้า ปราณกระบี่พาดขวางตวัดกวาด มีอานุภาพทะลวงสุริยันจันทรา ผ่าฟ้าฟันดิน
“พี่จิน ด้วยพลังของเจ้าคนเดียวกลับสามารถสู้กับคนกลุ่มใหญ่อย่างพวกเราได้ การต่อสู้ครั้งนี้ถึงจะแพ้ก็ไม่ส่งผลต่อชื่อเสียงของเจ้า”
เยียนอวี่โหรวถอนหายใจเบาๆ
นางควบคุมหยดน้ำสีฟ้าครามที่โปร่งแสงวับวาวมากมาย ทุกหยดล้วนเปลี่ยนเป็นคมกระบี่บาง ปลดปล่อยพลังเข่นฆ่าอันดุร้ายอย่างที่สุดออกมา
สายฝนดั่งคมดาบ สามารถสังหารเทพผี!
“ชื่อเสียงหรือ เมื่อถูกคัดออกก็ถูกกำหนดให้ไร้วาสนาต่อเขตต้องห้ามเซียนโบราณ ถึงตอนนั้นชื่อเสียงจอมปลอมพวกนั้นจะมีประโยชน์อะไร”
มีคนหัวเราะเยาะ
“จินตู๋อี เจ้าหยุดเพียงเท่านี้เถอะ ดิ้นรนต่อไปก็ไม่มีประโยชน์!”
มีคนตะโกน
เสียงที่เย้ยหยันถากถางอื่นๆ อีกมากมายก็ดังขึ้นไม่ขาดสาย
ตอนนี้พวกเขาล้อมหลินสวินไว้อย่างหนาแน่นแล้ว และนึกว่าต้องได้รับชัยชนะอย่างแน่นอน ในใจจึงสะใจอย่างที่สุด
อันดับหนึ่งศึกถกมรรคแคว้นเมฆาเท่านั้น กลับทำให้พวกเขาต้องตามล่าไปหลายวันกว่าจะจับได้ ก่อนหน้านี้พวกเขาทุกคนต่างไฟสุมอก
แต่ตอนนี้ในที่สุดก็มีโอกาสระบายแล้ว!
“แม่นางเสวียนเยวี่ย พี่จินยันไม่ไหวแล้ว พวกเรารีบลงมือเถอะ!”
ลู่ตู๋ปู้ เซี่ยอวี่ฮวา ซูมู่หานต่างกระวนกระวายอย่างที่สุด ในใจร้อนรนราวกับเพลิง
ครั้งนี้เพื่อช่วยพวกเขาหลินสวินจึงตกอยู่ในสภาพนี้ ทำให้พวกเขาไม่สนว่าจะถูกคัดออกหรือไม่อีกต่อไปแล้ว เพียงอยากต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับหลินสวิน
แม้จะแพ้ก็ไม่เสียใจ!
ริมฝีปากสีดอกอิง (ซากุระ) ของจินเทียนเสวียนเยวี่ยเม้มแน่น ในใจเริ่มหวั่นไหว นางสูดหายใจลึกคราหนึ่ง ตอนที่กำลังจะพูดอะไรสักอย่างนั่นเอง…
ตูม!
จู่ๆ ในสนามรบก็เกิดคลื่นพลังน่ากลัวไร้ขอบเขต ทำให้ฟ้าดินแถบนี้สั่นสะเทือน รู้สึกเหมือนแผ่นดินไหวภูเขาสั่นคลอน
ก็เห็นบนตัวหลินสวินที่ถูกปิดล้อม จู่ๆ ก็ปรากฏเขตแดนมรรคที่ดุจแดนแรกกำเนิด ลึกล้ำคลุมเครือไม่อาจบรรยาย!
และตอนนี้เอง อานุภาพรอบตัวหลินสวินก็เปลี่ยนไป
เขาก่อนหน้านี้คมปลาบน่าตะลึง ดุร้ายอหังการ
แต่เขาในตอนนี้กลับเหมือนนายเหนือหัวที่มาจากหุบเหวใหญ่ดึกดำบรรพ์ มีไอเผด็จการที่สามารถกลืนกินฟ้าดิน ช่วงชิงศุภโชคและสรรพสิ่ง!
“นี่…”
“แย่แล้ว กลิ่นอายของเขาน่ากลัวขึ้นอีกแล้ว!”
“นี่เป็นไปได้อย่างไร”
ในใจพวกจู่เฟยอวี่ เยียนอวี่โหรวต่างหนาวสะท้าน รู้สึกลนลานอย่างบอกไม่ถูก ตอนนี้กลิ่นอายที่ปลดปล่อยจากตัวหลินสวิน ถึงกับให้ความรู้สึกน่ากลัวประหนึ่งจะช่วงชิงสติและจิตวิญญาณของพวกเขาไป
โลกภายนอกเหล่าผู้ยิ่งใหญ่ระดับจักรพรรดิเองก็นัยน์ตาหดรัด นี่มันเขตแดนมรรคระดับใด
น่าเสียดาย อย่างไรพวกเขาก็เฝ้าดูอยู่ภายนอก ไม่สามารถมองทะลุนัยเร้นลับและความมหัศจรรย์ภายในได้ และไม่มีใครสามารถแยกแยะได้
ตูมโครม…
ในสนามรบ เขตแดนมรรคพลิกตลบ คลุมเครือราวกับแดนแรกกำเนิด ลึกล้ำไม่อาจคาดเดา ยิ่งใหญ่ไม่อาจประเมิน ประหนึ่งสามารถกลืนกินจักรวาลได้!
เสียงอุทานตกใจนับไม่ถ้วนดังขึ้น เพราะการจู่โจมที่พุ่งไปทางหลินสวินในตอนนี้ ไม่ว่าจะเป็นวิชามรรคหรือสมบัติที่แข็งแกร่ง ล้วนถูกพลังกลืนกินอันน่าหวาดกลัวบดขยี้จนพินาศ
สมบัติของผู้แข็งแกร่งบางส่วนยิ่งเกือบเสียการควบคุม!
ภาพนี้ทำให้ในใจพวกจู่เฟยอวี่สั่นไหวไม่หยุด นี่จึงจะเป็นไพ่ตายที่แท้จริงของเจ้าปีศาจจินตู๋อีนี่หรือ
กลับเห็นดวงตาเย็นเยียบของหลินสวินลึกล้ำ พูดเรียบๆ “ตอนนี้ถึงตาข้าโจมตีแล้ว”
กลับเห็นดวงตาลึกล้ำเย็นเยียบของหลินสวิน กล่าวอย่างราบเรียบ “ตอนนี้ ตาข้าแล้ว”
ยามเสียงดังขึ้น ด้านหลังเขา เขตแดนมรรคที่ราวกับแดนแรกกำเนิดนั่นพลันเปลี่ยนเป็นหุบเหวใหญ่ที่ลึกล้ำเงียบสงบ
ยามสิ้นเสียง หุบเหวใหญ่นี้เคลื่อนขวาง กดข่มจักรวาล ซัดทลายฟ้าดิน ปลดปล่อยหลังกลืนกินไร้ขอบเขตออกมา
ฟ้าดินราวกับผืนผ้า ที่ถูกมือใหญ่ฉีกทึ้งแหลกละเอียดอย่างรุนแรง!
ฉัวะ!
ทันใดนั้นทวงวงเดือนแหลมคมที่สว่างยิ่งกว่าหิมะเล่มหนึ่งพุ่งสังหารไปทางหลินสวิน แต่กลับถูกบดขยี้แตกละเอียด ระเบิดกะทันหัน เปลี่ยนเป็นละอองแสงและถูกกลืนกินจนไม่เหลือแม้แต่หยดเดียว
สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปอีกครั้ง
ส่วนหลินสวินกลับเหมือนมองไม่เห็น
………………………….