Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 1978 ล่วงรู้ตัวตน
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 1978 ล่วงรู้ตัวตน
ตอนที่ 1978 ล่วงรู้ตัวตน
สมบัติจักรพรรดิ มีแต่ต้องใช้ในมือระดับจักรพรรดิ ถึงจะปลดปล่อยอานุภาพแท้จริงของมันออกมาได้
แต่แม้จะเป็นเช่นนี้ หากมกุฎราชันอริยะคนหนึ่งเรียกสมบัติจักรพรรดิออกมา อานุภาพที่ปลดปล่อยทั้งหมดก็น่าสะพรึงเหนือจินตนาการเช่นกัน
นี่ดีกว่าศาสตราวุธธรรมดาสามัญ ได้ครองศาสตราเทพเล่มหนึ่งย่อมสามารถผงาดผยองในการต่อสู้ได้
และด้วยความแข็งแกร่งและระดับพลังในปัจจุบันของข่งเจา กระบี่จักรพรรดิที่เรียกออกมา ถึงจะไม่อาจปลดปล่อยอานุภาพทั้งหมดออกมาได้ แต่ก็สามารถสังหารระดับกึ่งจักรพรรดิได้ง่ายๆ
แต่เวลานี้…
หลินสวินกลับใช้เขตแดนมรรคของตน ขวางกระบี่จักรพรรดิน้ำค้างใสไว้ได้ในพริบตา!
นี่จึงจะเป็นจุดที่ทำให้ข่งเจารู้สึกหวาดผวา
และในเวลานี้ หลินสวินใช้ประทับมหามรรคไร้ชีพสกัดต้าน เสียงเคร้งก้องกระหึ่ม กระบี่จักรพรรดิน้ำค้างใสที่ยาวเพียงสามชุ่นเล่มนั้นลอยกระเด็นออกไปตรงๆ
เสียงครวญสะเทือนฟ้า!
“สยบ!”
ข่งเจาสีหน้าเขียวคล้ำ คล้ายไม่เชื่อยิ่งยวด ใช้กระบี่จักรพรรดิน้ำค้างใสฟันสังหารอีกครั้ง
ความวิเศษอัศจรรย์ของกระบี่นี้ ก็อยู่ที่มองข้ามห้วงอากาศที่ขวางกั้น มาเร็วไปเร็ว แปลกพิลึกสุดหยั่ง ไม่อาจตรวจจับร่องรอย ทำให้คนไม่สามารถสัมผัสได้
เพียงแต่หลินสวินไม่สนใจสักนิด กระตุ้นเขตแดนมรรคแรกกำเนิด เรียกประทับมหามรรคไร้ชีพออกมา ใช้พลังซัดพลัง โจมตีอย่างกร้าวแกร่ง
ชั่วขณะเดียวกระบี่จักรพรรดิและประทับมรรคปะทะกัน ระเบิดคลื่นพลังน่าสะพรึงออกมา ทำให้ฟ้าดินมืดมน ห้วงอากาศครวญคร่ำ
ไม่นานกระบี่จักรพรรดิน้ำค้างใสก็ต้านไม่ไหว ถูกประทับมหามรรคไร้ชีพกระแทกจนส่งเสียงดังกึกๆ ร้องโหยหวนไม่หยุด ถอยหนีเรื่อยๆ
ส่วนข่งเจาที่ควบคุมกระบี่จักรพรรดิน้ำค้างใสก็ลำบากจนเกือบกระอักเลือด สีหน้าคลุ้มคลั่ง ไม่เชื่อสายตาตัวเองแม้แต่น้อย
นี่คือสมบัติจักรพรรดิอะไร ถึงกับกร้าวแกร่งและน่าสะพรึงเช่นนี้
ควรรู้ว่าในกระบี่จักรพรรดิน้ำค้างใสบรรจุกฎเกณฑ์มรรคจักรพรรดิ ประทับเจตจำนงและเจตกระบี่ของจักรพรรดิกระบี่ผู้หนึ่งในเรือนมรรคดึกดำบรรพ์ ไม่ใช่สิ่งที่ของทั่วไปจะเทียบชั้นได้
นี่ยังถูกข่งเจามองเป็นไพ่ตายของตนอีกด้วย
แต่ตอนนี้กระบี่นี้ถูกกดข่มโจมตีอย่างสิ้นเชิง นี่หากถูกจักรพรรดิกระบี่ในเรือนมรรคดึกดำบรรพ์ผู้นั้นเห็นเข้า ต้องโกรธจนกระอักเลือดเป็นแน่
“ไปตายซะ!”
ทันใดนั้นเหลยเฟิงเชวียบุกมา สำแดงไพ่ตายเช่นกัน เรียกกระบองทองแดงสีดำด้ามหนึ่งออกมา หวดฟาดไปทางหลินสวินทันที
ตูม!
ยามกระบองทองแดงนี้ฟาดลงมา ประดุจภูเขาใหญ่สิบทิศกดทับลง ห่อหุ้มด้วยพลังเกรียงไกรมรรคจักรพรรดิไร้สิ้นสุด แสงสีดำไหลเวียน อานุภาพน่าตกใจหาใดเปรียบ
กระบองไล่วิญญาณ!
สมบัติจักรพรรดิเก่าแก่ที่ชำรุดชิ้นหนึ่ง ถึงจะเสียหายแต่อานุภาพยังคงน่าสะพรึงยิ่งยวด
เพียงชั่วพริบตา ถึงกับซัดเขตแดนแรกกำเนิดรอบตัวหลินสวินจนถล่มครืน แตกเป็นรอยแยกมหึมา
กระบองทองแดงสีดำพุ่งไปตามรอยแยกกระแทกเข้าใส่หลินสวินอย่างแรง!
กลับเห็นธงสีเหลืองส้มที่เบาหวิวดุจขนนกผืนหนึ่งปรากฏขึ้นกลางฝ่ามือหลินสวิน ผืนธงสะบัดพรึ่บพลิกตลบ แสงมรรคเรืองรองที่คลุมเครือดุจหมอกไหลหลั่งออกมา
แสงมรรคเจิดจรัสเหล่านี้ดูเหมือนมายาลอยล่อง แต่ความรู้สึกที่ให้แก่ผู้คนกลับเหมือนเทพกระบี่แห่งยุคมาเยือนโลก
แสงมรรคแต่ละสายเปรียบเสมือนปราณกระบี่สูงสุดที่สามารถเบิกฟ้าแหวกปฐพีได้!
ฟุ่บ!
เมื่อข้อมือหลินสวินบิดขยับ แสงมรรคแถบหนึ่งก็พุ่งพรวดออกจากธงสีเหลืองส้ม พริบตานั้นประหนึ่งเทพกระบี่ดุกร้าวไร้ทัดเทียมออกโจมตี มีอานุภาพบุกทะลวงเวิ้งฟ้า
กระบองทองแดงสีดำที่ฟันสังหารลงมาถูกขวางไว้ในพริบตา จากนั้นก็สั่นรุนแรง เสียงปึงดังคราหนึ่ง ถูกแสงมรรคแถบนั้นโจมตีจนลอยคว่ำออกไป!
“นี่เป็นไปได้อย่างไร”
เหลยเฟิงเชวียผงะ รู้สึกยากจะเชื่อเช่นกัน
“สมบัติจักรพรรดิสองชิ้น!”
ยามข่งเจามองไปยังธงสีเหลืองส้มในมือหลินสวิน หัวใจยังกระตุกแรงๆ คราหนึ่ง จินตู๋อีนี่มีสมบัติจักรพรรดิสองชิ้นได้อย่างไร ซ้ำแต่ละชิ้นยังวิเศษอัศจรรย์และน่าสะพรึงยิ่ง
“ฆ่า รีบฆ่าเขาพร้อมกันเร็วเข้า!”
ข่งเจาตะโกนลั่น เขาตระหนักถึงความไม่เข้าทีบ้างแล้ว
ตูมครืน!
การต่อสู้ยิ่งดุเดือดมากขึ้นเรื่อยๆ
ไม่ว่าจะเป็นข่งเจาหรือพวกเหลยเฟิงเชวียล้วนไม่กล้าเก็บงำ เรียกไพ่ตายออกมา บ้างเป็นสมบัติจักรพรรดิ บ้างเป็นวิชาลับพลิกฟ้าที่ประหนึ่งสิ่งต้องห้าม
แต่ไม่ว่าจะเป็นวิชาลับระดับใด ล้วนถูกเขตแดนมรรคแรกกำเนิดของหลินสวินทุบทลายสิ้น กลายเป็นละอองแสงโชติช่วงดับสลายตามๆ กัน
ต่อให้เป็นสมบัติจักรพรรดิเหมือนกระบี่จักรพรรดิน้ำค้างใส กระบองไล่วิญญาณ ก็ถูกหลินสวินใช้ประทับมหามรรคไร้ชีพและธงมหามรรคไร้ระเบียบข่มกำราบ
มองจากไกลๆ แม้เขาที่ตัวคนเดียวจะถูกล้อม แต่กลับเหมือนไม่มีสิ่งใดรุกรานได้!
นี่ทำให้พวกข่งเจาล้วนตกใจระคนเดือดดาล ตระหนักถึงความน่ากลัวและร้ายกาจของคู่ต่อสู้ครั้งนี้ได้อย่างสิ้นเชิง
“ช่วยข้าด้วย!”
ไม่ทันไรเสียงร้องตกใจหวาดกลัวสายหนึ่งก็ดังขึ้น
ชายชุดดำคนหนึ่งหลบไม่ทัน ถูกหมัดของหลินสวินซัดเข้าใส่ ฝนเลือดแผ่กระจายราวน้ำตก ร่างและจิตล้วนแตกดับ
นี่เป็นคนที่สามแล้วที่ตายในน้ำมือหลินสวินนับตั้งแต่เริ่มการต่อสู้!
หากรวมกับสองคนที่ถูกหลินสวินใช้ธนูวิญญาณไร้แก่นสารและหนามแสงคมสังหารก่อนหน้านี้ ก็มีผู้สืบทอดแกนหลักเรือนมรรคดึกดำบรรพ์ถูกฆ่าห้าคนแล้ว!
และควรรู้ว่า ผู้แข็งแกร่งที่เข้าสู่เขตต้องห้ามเซียนโบราณครั้งนี้มีเพียงแค่หนึ่งร้อยแปดคนเท่านั้น และผู้สืบทอดเรือนมรรคดึกดำบรรพ์ก็เป็นแค่ส่วนเล็กๆ เท่านั้น
ไม่ทันไรก็ถูกสังหารไปห้าคน ความสูญเสียเรียกได้ว่าร้ายแรงแล้ว
ต่อให้เป็นบุคคลยิ่งใหญ่ในเรือนมรรคดึกดำบรรพ์ เหมือนอย่างผู้สืบทอดแกนหลักที่เหยียบย่างระดับมกุฎราชันอริยะ ติดอันดับกระดานราชันอริยะปวงสวรรค์เหล่านี้ ก็ยังมีจำนวนจำกัด ทุกครั้งที่ตายไปหนึ่งคนล้วนเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ที่ไม่อาจชดเชยกลับคืนมาได้
“สมควรตาย!”
ข่งเจาไม่อาจเยือกเย็นได้อย่างสิ้นเชิง เดือดจนคลั่ง สายตาลุกโชนด้วยไอสังหารชวนสยอง เขาบุกสังหารเต็มกำลัง ไม่ได้ออมมือแต่อย่างใด
แต่กลับไร้ประโยชน์อย่างสิ้นเชิง
เพราะการตายของลู่ตู๋ปู้และซูมู่หาน ทำให้ในใจหลินสวินสั่งสมความโกรธและความแค้นไม่รู้จบ ตั้งแต่เริ่มต่อสู้เขาก็ไม่ได้ออมมือแต่อย่างใด
สมบัติจักรพรรดิหรือ
เขามี
ไพ่ตายหรือ
เขาก็มีเหมือนกัน
และเมื่อเทียบพลังต่อสู้ ก่อนสำแดงเขตแดนมรรคได้ถึงขั้นสมบูรณ์สูงสุด เขาก็สามารถใช้พลังแห่งตนกำราบบุคคลแห่งยุคสิบอันดับแรกในกระดานราชันอริยะปวงสวรรค์ อย่างพวกจู่เฟยอวี่ ถูเชียนเจวี๋ย เยียนอวี่โหรวได้แล้ว
และตอนนี้หลินสวินควบรวมเขตแดนมรรคแรกกำเนิดออกมาได้แล้ว สำแดงมรรควิถีแห่งตนถึงขั้นสมบูรณ์สูงสุดได้นานแล้ว มีหรือจะกลัวการต่อสู้
“ฆ่า!”
ตัวเขาราวแรกกำเนิด เข่นฆ่ากลางฟ้าดิน สีหน้าเรียบเฉยไม่มีความหวั่นไหวใดๆ มีเพียงไอสังหารคลุ้งฟ้าทะลักอยู่ในสายตา
ในการต่อสู้ดุเดือด หาใช่ข่งเจากดดันขึ้นเท่าตัวคนเดียว คนอื่นๆ ล้วนก็ถูกกำราบจนเริ่มเป็นฝ่ายตั้งรับ แต่ละคนสะบักสะบอมไม่มีข้อยกเว้น
ไม่ทันไรหลินสวินก็ระเบิดพลัง เขตแดนมรรคแรกกำเนิดรอบตัวพลันกลายเป็นหุบเหวใหญ่ กลืนกินการโจมตีทั่วฟ้า
และสิ่งที่ถูกกลืนกินลงไปพร้อมกัน ยังมีผู้สืบทอดเรือนมรรคดึกดำบรรพ์อีกสองคน!
“ไม่…!”
“ศิษย์พี่ข่ง ช่วยข้าด้วย ช่วยข้าด้วย…”
เสียงตะโกนสะพรึงกลัวขวัญเสียเพิ่งดังขึ้น ก็หยุดกึกทันควัน
ตูม ครืน!
พร้อมกับเหวใหญ่โคจร เกิดพลังทำลายล้างน่าสะพรึงขึ้นมา บดขยี้เงาร่างสองคนนั้นเป็นชิ้นๆ เลือดเนื้อปะปน อันตรธานหายไปในส่วนลึกของหุบเหวใหญ่
เมื่อเห็นภาพนี้กับตา พวกข่งเจาวิญญาณแทบกระเด็นหลุดออกมา ขนพองสยองเกล้า ภาพเหตุการณ์เมื่อครู่น่าสะพรึงเกินไป ทำเอาคนขวัญผวา
“หนี!”
ทันใดนั้นข่งเจาทุบยันต์เก่าแก่สีเทาที่แปลกประหลาดชิ้นหนึ่ง เสียงตูมดังขึ้น แสงมรรคคลุมเครือคลุ้งฟ้าไหลเวียน ล้อมพวกเขาทั้งขบวนเอาไว้ภายในนั้น
ครู่ถัดมาเงาร่างพวกเขาต่างอันตรธานหายไปจากที่เดิม
“จะหนีรอดหรือ…”
นัยน์ตาดำหลินสวินลุ่มลึก จิตรับรู้สัมผัสคร่าวๆ ครู่ต่อมาเขาเคลื่อนย้ายผ่านห้วงอากาศไปยังทิศทางหนึ่ง
ฟ้าดินแห่งนี้หวนคืนสู่ความเงียบสงบดังเดิม เพียงแต่ทุกแห่งหนล้วนปรากฏภาพทำลายล้างที่พินาศพัง ยิ่งมีเลือดนองพื้นดิน ชวนสยองติดตา
ครู่ต่อมาเงาร่างคนกลุ่มหนึ่งก็ปรากฏตัวในพื้นที่แถบนี้
ผู้นำก็คือจิ่งเทียนหนาน ปีศาจแห่งยุคจากเขตแดนดาราลักษณ์แก้ว เขาสวมชุดม่วง บุคลิกห้าวหาญองอาจ ผึ่งผายกำยำ มีมาดนายเหนือหัวมาเยือนทั่วหล้า
“จินตู๋อีนี่พลังต่อสู้น่าสะพรึงนัก!”
“บนตัวเขายังพกสมบัติจักรพรรดิที่แข็งแกร่งสุดหยั่งมาด้วย ไม่ใช่ผู้ที่คนธรรมดาจะกล้าล่วงเกิน”
“ความเสียหายครั้งนี้ของเรือนมรรคดึกดำบรรพ์ไม่น้อยทีเดียว ยังดี พวกเรามาจากโลกอื่นในฟ้าดารา ไร้แค้นไร้พยาบาทกับจินตู๋อีคนนี้ ไม่ได้ผูกแค้นกับเขา”
“ไม่ผูกแค้น? เกรงว่าคงเป็นไปไม่ได้ ยามช่วงชิงมหาสมบัติแรกกำเนิด มีหรือจะไม่ต้องสู้กันอย่างเป็นตายไปข้าง”
ทุกคนถกกันไม่หยุด การต่อสู้ก่อนหน้านี้เรียกความสนใจของพวกเขา ยามเมื่อมาถึงพื้นที่แถบนี้ ก็ได้เห็นภาพที่หลินสวินคนเดียวกำราบพวกข่งเจา ต่างล้วนรู้สึกสะท้านสะเทือนกับเรื่องนี้
มีเพียงจิ่งเทียนหนานคนเดียวที่ยังคงนิ่งเงียบ
ครู่ใหญ่เขาโบกมือคราหนึ่ง “ไป ไปเขาปู้โจว”
ในใจเขารู้ดี สามเรือนมรรคใหญ่อย่างจักรวาล ยุทธจักร ดึกดำบรรพ์ตัดสินใจร่วมกันไปนานแล้ว ว่าจะใช้พลังทั้งหมดจัดการกับหลินสวิน
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เขาไม่อาจมองว่าหลินสวินมีความหวังด้วยซ้ำ
แน่นอน ความแข็งแกร่งในพลังต่อสู้ที่หลินสวินสำแดงออกมาทำให้เขารู้สึกถึงแรงกดดันและภัยคุกคามยิ่งยวดเช่นกัน แต่เขายังคงไม่อาจคาดหวังกับอีกฝ่ายได้อยู่ดี
เนื่องจากเรือนมรรคจักรวาลยังมีหวงฝู่เซ่าหนงอีกคน ส่วนเรือนมรรคยุทธจักรก็ยังมีหมีอู๋หยา!
…
ส่วนลึกของป่าโบราณสีเลือด
เงาร่างของพวกข่งเจาทั้งขบวนปรากฏตัวขึ้น หลังจากสัมผัสได้ว่ารอบบริเวณไร้อันตราย แต่ละคนก็ถอนใจออกมาเฮือกยาวเหมือนยกภูเขาออกจากอก
แต่ทันใดนั้นสีหน้าพวกเขาล้วนเปลี่ยนเป็นมืดทะมึนไม่น่าดู
ครั้งนี้พวกเขาแพ้อย่างอนาถมากเกินไป!
“จินตู๋อีสมควรตายนี่ ถึงกับฆ่าศิษย์พี่ศิษย์น้องเจ็ดคนของพวกเรา สมควรบดกระดูกให้ละเอียดชัดๆ!”
มีคนโกรธแค้นจนดวงตาแดงก่ำ
“แต่พวกเราไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาสักนิด พลังต่อสู้ของเขาน่ากลัวเกินไป น่ากลัวจนทำให้คนรู้สึกสิ้นหวัง…”
มีคนพูดเสียงสั่น นึกถึงภาพนองเลือดฉากแล้วฉากเล่าก่อนหน้านี้ ยังคงพรั่นใจไม่หาย
“เขาไม่ใช่จินตู๋อี!”
ข่งเจาเอ่ยเน้นทีละคำ นัยน์ตาเจือแววแค้นเหมือนเสียสติ “เขาคือหลินสวิน เจ้าโจรชั่วที่เคยสร้างเรื่องจนฟ้าดินสะเทือนในแหล่งสถานคุนหลุนคนนั้น พวกเรา… ถูกหลอกกันหมด!”
ทุกคนผงะ หวนคิดเรื่องในปีนั้น หลังจากแหล่งสถานคุนหลุนปิดม่านลง ชื่อหลินสวินนี้ก็แทบจะดังสะเทือนทั่วทางเดินโบราณฟ้าดาราในชั่วข้ามคืน ขุมอำนาจใหญ่ไม่รู้เท่าไหร่ถูกทำให้ตกใจ ผู้แข็งแกร่งไม่รู้เท่าไหร่สั่นสะเทือนเพราะเรื่องนี้
เขาถูกมองเป็นนักโทษหมายเลขหนึ่งในฟ้าดารา
แม้แต่ระดับจักรพรรดิบางส่วนยังมองเขาเป็นเหยื่อ เพราะในมือของเขาครอบครองศุภโชคชั้นยอดที่มีความลับของการบรรลุจักรพรรดิกลายเป็นบรรพจารย์ชิ้นหนึ่ง
เพียงแต่หลายปีมานี้ หลินสวินนี่เหมือนหายตัวไปจากโลก ใครก็ไม่ได้ยินข่าวคราวใดๆ เกี่ยวกับเขาอีก
ใครจะคาดคิด เขากลับใช้ฐานะจินตู๋อีมาปรากฏตัวในโลก!
หากความจริงข้อนี้แพร่ออกไป กลัวแต่ทั่วหล้าทั้งบนล่างล้วนต้องสะเทือน เรียกคลื่นโกลาหลครั้งใหญ่ขึ้นมา!
“ขะ… เขาไม่ใช่ผู้สืบทอดเรือนมรรคคืนกำเนิดหรือ”
มีคนอดเอ่ยขึ้นมาไม่ได้
ข่งเจาหัวเราะเสียงเย็น “ผู้สืบทอดเรือนมรรคคืนกำเนิดแล้วอย่างไร ยามที่ฐานะของเขาเปิดเผย ก็ชัดเจนแล้วว่าทั่วหล้าทั้งบนล่างนี้จะไม่ยอมให้เขามีชีวิตต่อไปได้อีก!”
กล่าวถึงตรงนี้เขาพลันตระหนักถึงอะไรขึ้นมา พูดงึมงำว่า “ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ ข้าเข้าใจแล้ว มิน่าเรือนมรรคดึกดำบรรพ์ของพวกเราถึงได้ตัดสินใจจัดการเจ้าสารเลวนี่ด้วยกันกับเรือนมรรคจักรวาลและยุทธจักร พวกสัตว์ประหลาดเฒ่าในสำนักเหล่านั้น เกรงว่าคงมองฐานะของจินตู๋อีนี่ออกแต่แรกแล้ว…”
——