Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 1984 เจดีย์มรดกของคีรีดวงกมล
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 1984 เจดีย์มรดกของคีรีดวงกมล
ตอนที่ 1984 เจดีย์มรดกของคีรีดวงกมล
ศรเทพตัดผ่านอากาศราวกับแสงอันเจิดจรัสสายหนึ่งฉีกทึ้งห้วงอากาศ เร็วจนเหลือเชื่อ!
พวกหวงฝู่เซ่าหนงต่างหน้าเปลี่ยนสี เจ้าหมอนี่มันบ้าไปแล้วหรือ ถึงกับลงมือตรงๆ หมายจะกระตุ้นอันตรายน่ากลัวนั่น!
หมายจะลงมือขัดขวางก็ไม่ทันการไปนานแล้ว
ก็เห็นว่า…
ในส่วนลึกของบึงที่อยู่ไกลลิบ บนยอดเขาประหลาดรูปร่างคล้ายเทพผี ดุดันร้ายกาจนั่น จู่ๆ ก็มีมือใหญ่อสนีแสบตาหาใดเทียบมือหนึ่งเพิ่มขึ้นมา
ล้วงเข้าไปในห้วงอากาศเบาๆ
ศรนภาครามที่หลินสวินใช้ธนูวิญญาณไร้แก่นสารยิงออกไปไม่มีพลังต้านทานสักนิด ถูกมือใหญ่อสนีนั้นจับไว้
เปรี้ยง!
ครู่ต่อมา สายฟ้าดังสนั่นสั่นสะท้านเก้าชั้นฟ้า บึงแห่งนี้สั่นโคลงอย่างรุนแรง แสงเปล่งประกายหาใดเทียบสายหนึ่งฉีกขาดไอหมอก ส่องสว่างภูผาธาราจักรวาล
ยอดเขานั้นเหมือนตื่นขึ้นจากการหลับใหลชั่วนิรันดร์ มีสายฟ้าอันโชติช่วง ตระการตาและเจิตจรัสถึงที่สุดนับไม่ถ้วนอุบัติขึ้นพร้อมกับกลิ่นอายทำลายล้างอันน่าครั่นคร้ามหาใดเทียบ
สายฟ้าดั่งน้ำพุ ดุจกระแสเชี่ยว ประหนึ่งหินหนืดพวยพ่น! สายฟ้าที่กรีดผ่านอากาศสายแล้วสายเล่ากระเซ็นกระสายอยู่ในนั้น ระหว่างที่ฉายวาบมาๆ หายๆ ก็แทงทะลุให้ห้วงอากาศใกล้เคียงฉีกขาด
ชั่วขณะที่คลุมเครือ มีเงาร่างสูงร่างหนึ่งปรากฏขึ้นจากสายฟ้าอันโชติช่วงแสบตานั้น ราวกับนายเหนือหัวแห่งอสนีที่ถือกำเนิดขึ้นจากการทำลายล้างผู้หนึ่ง!
“นี่…”
พวกหวงฝู่เซ่าหนงต่างตกตะลึง ศีรษะชาหนึก หลบหนีไปไกลโดยไม่ลังเลสักนิด
น่ากลัวเกินไปแล้ว!
เงาร่างสูงนั้นเต็มไปด้วยกลิ่นอายสายฟ้าทำลายล้างอันสูงส่ง พิสดารและน่าหวาดหวั่น ต่อให้มองไกลๆ ยังทำให้ใจพรั่นพรึงนัก!
เพียงแต่ ไม่ทันรอให้พวกหวงฝู่เซ่าหนง หลินสวินก็กระโจนฝ่าเข้ามาแล้ว “ทุกท่าน มากันแล้วทำไมยังหนีเล่า”
เสียงยังไม่ทันเงียบลง
ชั่วพริบตา กระบี่ไท่เสวียนแน่นขนัดก็หวีดคำรามออกไป
ฝนกระบี่สิบทิศ!
ประหนึ่งม่านกระบี่แถบหนึ่งปกคลุมสีด้านแปดทิศ ทั้งยังปกคลุมพวกหวงฝู่เซ่าหนงเอาไว้ข้างใน
“หาที่ตาย!”
“หมอนี่บ้าไปแล้ว!”
“ฆ่า รีบลงมือ!”
ท่ามกลางเสียงตะคอก พวกหวงฝู่เซ่าหนงโจมตีเต็มกำลัง สมบัติกับวิชามรรคมหัศจรรย์หาใดเทียบต่างๆ หวีดคำรามออกมา
ท่ามกลางเสียงครั่นครื้น ฝากระบี่สิบทิศก็ถูกโจมตีสลาย แต่เงาร่างหลินสวินไหววูบฉับพลัน แล้วปรากฏตัวหน้าผู้แข็งแกร่งที่อยู่ใกล้เขาที่สุด นิ้วหนึ่งชี้ออกไป
ฉัวะ!
รังสีเปล่งประกายยิงปะทุออกไปจากปลายนิ้ว
ผู้แข็งแกร่งเรือนมรรคจักรวาลคนนั้นล้มลงไปตามเสียง ดาบหนักเล่มหนึ่งที่ขวางอยู่หน้าเขาแตกระแหงระเบิดกระจุย ส่วนที่หว่างคิ้วของเขาก็ถูกแทงเป็นโพรงเลือดโพรงหนึ่ง
อานุภาพของหนามแสงแหลมสำแดงออกมาอย่างหมดจดในขณะนี้!
แต่ในขณะเดียวกันกลับมีไอกระบี่สายหนึ่งฟันเข้ามาที่หลินสวินจากข้างหลังอย่างกะทันหัน ประหนึ่งแสงมรรคที่กรีดขาดนิรันดร์กาลในชั่วพริบตา
หืม?
หลินสวินหนาววาบที่หลัง สัมผัสได้ถึงอันตราย
แต่เขาไม่หลบไม่หนี เขตแดนมรรคแรกกำเนิดอุบัติขึ้นทั้งตัว แปรสภาพเป็นหุบเหวลึกปั่นป่วนครั่นครื้น พลังกลืนกินอันน่ากลัวหาใดเทียบก็แผ่ขยายออกมาด้วย
ปึงๆๆ!
ไอกระบี่นั้นกับหุบเหวลึกปะทะกัน เกิดเป็นเสียงดังสนั่นจนหูแทบดับ จากนั้นก็ระเบิดออกทุกกระเบียดนิ้ว ถูกเหวลึกบดขยี้กลืนกิน
หลินสวินจึงเห็นว่าคนที่ลงมือก็คือหวงฝู่เซ่าหนง!
สมบัติและวิชามรรคต่างๆ ถล่มสังหารเข้ามาแล้ว ไม่ให้โอกาสหลินสวินได้หายใจหายคอสักนิด ตระการตาดุจหมู่ดาวหางตกกระแทกท้องนภา
ผู้สืบทอดเรือนมรรคจักรวาลเหล่านั้นจิตสังหารขึ้นหน้า โจมตีเต็มกำลัง โดยเฉพาะหวงฝู่เซ่าหนง แสดงความสามารถได้เด่นสะดุดตาที่สุด
ชุดมังกรสีทองสว่างของเขาพัดกระพือ ทั้งร่างกฎเกณฑ์แปรเป็นมังกรสีทองตัวมหึมา โผนทะยานไปรอบทิศ มีอานุภาพดั่งจอมราชันเยือนใต้หล้าอยู่กลายๆ
และด้วยการควบคุมของเขา กระบี่มรรคลายเมฆสีเขียวเล่มหนึ่งก็แล่นปราดดั่งสายฟ้าฟาด ปลดปล่อยไอกระบี่สีเขียวยาวหลายพันจั้งกำราบให้สิ้นซาก
ไอกระบี่แต่ละสายราวกับมีโลกนภาครามอยู่ภายใน ฉายสภาพบรรยากาศอันองอาจ กว้างใหญ่ไพศาลเหลือประมาณออกมา
โครม!
การจู่โจมเต็มฟ้าเข้าประชันกับหลินสวิน แล้วก็เห็นว่าหุบเหวมีหลินสวินเป็นศูนย์กลาง บดบังฟ้ากลืนกินสิบทิศ วิชามรรคที่สังหารมาทั้งปวงระเบิดกระจุยพังพินาศเหมือนดอกไม้ไฟ
สมบัติบางชิ้นเหมือนแมลงวันที่ติดอยู่ในใยแมงมุม ดิ้นรนไม่หยุดหย่อน ไม่อาจเข้าประชิดหลินสวินได้
มีเพียงไอกระบี่นภาครามของหวงฝู่เซ่าหนงที่ดูดุดันและน่ากลัวจนเหลือเชื่อเสียอย่างนั้น คมกระบี่กับหุบเหวแลกคมกันอย่างดุเดือด เกิดเป็นเสียงอึกทึกครึกโคมสะท้านฟ้าสะเทือนดิน
“ขึ้น!”
อีกด้านหนึ่ง ผู้สืบทอดเรือนมรรคจักรวาลสี่คนร่วมกันลงมือในทันใด เรียกตาข่ายใหญ่ทอแสงสีเงินเจิดจ้าออกมาผืนหนึ่ง เส้นเชือกที่ทอกันเป็นร่างแหก็เหมือนกับระเบียบมหามรรคสอดประสานกันทั้งแนวตั้งแนวนอน กลิ่นอายน่ากลัวของมรรคจักรพรรดิหลั่งไหลออกมา
เมื่อตาข่ายใหญ่สีเงินนี้ตกลงมาจากฟ้า ก็ทำให้ผู้คนรู้สึกเหมือนตาข่ายสวรรค์ห่างแต่ไม่รั่ว!
สมบัติจักรพรรดิ!
มิหนำซ้ำยังเป็นสมบัติที่น่าครั่นคร้ามเป็นที่สุดชิ้นหนึ่ง ชั่วพริบตานี้ในใจหลินสวินรู้สึกได้ถึงอันตรายระลอกหนึ่ง ราวกับกรงขังฟ้าดินหลังหนึ่งร่วงลงมาจะกำราบพันธนาการเขาไว้ภายในโดยสมบูรณ์
“เฉือน!”
แทบจะในขณะเดียวกัน เตาหลอมสีม่วงขนาดเท่ากำปั้นเตาหนึ่งก็ปรากฏขึ้นบนหัวหวงฝู่เซ่าหนง กระบี่บินสีม่วงเจ็ดสิบสองเล่มเคลื่อนออกมาจากข้างในนั้น ส่งเสียงดังชิ้งๆ เสียงลำนำกระบี่สั่นสะท้านไปทั้งเก้าชั้นฟ้า
เตาหลอมสีม่วงนั้นก็เป็นสมบัติจักรพรรดิอันมหัศจรรย์หาใดเทียบ ภายในมีกระบี่บินเจ็ดสิบสองเล่ม ยามแต่ละเล่มเคลื่อนออกมาต่างฉายปรากฏการณ์ประหลาดชวนพรั่นพรึงออกมา ส่งเสียงสังหารน่าอกสั่นขวัญแขวน
เห็นได้ชัดว่าหวงฝู่เซ่าหนงได้วางแผนเพื่อต่อกรกับหลินสวินไว้นานแล้ว ทั้งยังเตรียมตัวอย่างละเอียดรอบคอบเพื่อสิ่งนี้!
แผนสังหารเช่นนี้ ต่อให้เป็นบุคคลระดับกึ่งจักรพรรดิยังเกรงว่าจะต้องหวาดหวั่นและสิ้นหวัง
ความจริงแล้วขณะนี้หลินสวินตกอยู่ในสถานการณ์เสี่ยงอันตรายถึงที่สุดจริงๆ มีตาข่าวใหญ่สีเงินอันลึกลับและน่ากลัวปกคลุมอยู่เหนือหัว สี่ด้านแปดทิศมีการโจมตีของกระบี่บินสีม่วงสายแล้วสายเล่า นำพารังสีคับฟ้ามาสู่
มองไปรอบๆ เหมือนจะหลบก็ไม่ได้ หนีก็ไม่พ้นเสียแล้ว!
แต่ก็ในตอนนี้เอง ก็เห็นว่า…
ประทับสำริดชิ้นหนึ่งพุ่งขึ้น ปะทุแสงเทพนับไม่ถ้วน กลิ่นอายทำลายล้างทะลวงเมฆา กดข่มสิบทิศให้พังทลาย
ประทับมหามรรคไร้ชีพ!
เสียงกระแทกดังโครมระลอกหนึ่งดังขึ้น ตาข่ายใหญ่สีเงินโดนขวาง ถูกประทับมหามรรคไร้ชีพกระแทกจนกลิ้งตลบรุนแรง ผู้สืบทอดเรือนมรรคจักรวาลที่ควบคุมตาข่ายสีเงินสี่คนต่างหน้าเปลี่ยนสี เลือดลมแปรปรวน แทบจะเสียการควบคุมของตาข่ายใหญ่สีเงินนั้นไป
และในขณะเดียวกัน ธงมหามรรคไร้ระเบียบสีเหลืองลูกท้อก็เคลื่อนผ่านอากาศ ธงโบกไหวหมุนพลิก ไอกระบี่นับไม่ถ้วนปะทุออกมา แต่ละสายต่างเหมือนเทพกระบี่ไร้เทียมทานเยือนโลก เข้าสังหารกับกระบี่บินเหล่านั้นไม่ว่างเว้น
ชิ้งๆๆ!
กระบี่บินสีม่วงเจ็ดสิบสองเล่มนั้นถูกซัดจนไหวโคลงไม่หยุด สั่นระรัวหึ่งๆ ไม่อาจเข้าใกล้สักนิด
ชั่วพริบตา แผนสังหารครั้งหนึ่งก็ถูกทลาย!
“ประทับมหามรรคไร้ชีพ ธงมหามรรคไร้ระเบียบ!”
ไกลออกไป จวนอวี๋เหิงก็อยู่ในกลุ่มคนที่ล้อมโจมตีหลินสวิน พอได้เห็นศาตราจักรพรรดิคุนหลุนที่ช่วยหลินสวินสำแดงอานุภาพอัศจรรย์สองชิ้น ในใจก็สั่นสะท้านยิ่งนัก ความขมขื่นผุดขึ้นใสอย่างอดไม่ได้
ตอนแรก สมบัติจักรพรรดิที่มีอานุภาพอัศจรรย์สูงส่งสองชิ้นนี้เดิมเป็นของเขาจวนอวี๋เหิง แต่พลาดไปเก้าเดียว ก็ทำให้เขาไม่เพียงพลาดสมบัติสองชิ้นนี้ไป หนำซ้ำยังชดใช้เรื่องนี้ด้วยจานมหามรรคไร้ตัวตนอีกด้วย!
นี่ก็เป็นหนึ่งในเก้าศาตราจักรพรรดิคุนหลุนเช่นกัน!
‘จังหวะหรือ ชะตาหรือ’
จวนอวี๋เหิงทอดถอนใจในใจเป็นอย่างยิ่ง สีหน้าของหวงฝู่เซ่าหนงก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย เดิมเขานึกว่าอาศัยสมบัติจักรพรรดาสองชิ้นวางแผนสังหาร กอปรกับการปิดล้อมของพวกเขาเหล่านี้ จะกำราบสังหารหลินสวินได้อย่างง่ายดาย
ใครจะคิดได้ว่าอีกฝ่ายเพียงอาศัยสมบัติจักรพรรดิสองชิ้น ก็พลิกสถานการณ์ บิดกลับฟ้าดินได้!
แต่หวงฝู่เซ่าหนงไม่ได้ลนลาน สูดหายใจลึกเฮือกหนึ่งแล้วสะบัดแขนเสื้อ
ขวับ!
ขณะเดียวกับที่ใช้กระบี่บินเตาหลอมสีม่วงเจ็ดสิบสองเล่มนั้น เชือกสีทองเส้นหนึ่งก็เคลื่อนออกมาอย่างรวดเร็ว ไหววูบไปในอากาศ
ภาพน่าตกตะลึงปรากฏขึ้นแล้ว ประทับมหามรรคไร้ชีพที่กำลังปะทะเข้ากับตาข่ายใหญ่สีเงินนั้นอย่างดุเดือดดันถูกเชือกสีทองนั้นมัดเป็นวงๆ ไว้!
สำเร็จแล้ว!
ดวงตาของหวงฝู่เซ่าหนงฉายวาบเป็นประกาย
เชือกนี้ถึงเป็นไพ่ตายที่แท้จริงของเขา มีนามว่า ‘เชือกทองคล้องสมบัติ’ เป็นสมบัติจักรพรรดิลึกลับที่เป็นมรดกตกทอดอันเก่าแก่ยิ่งชิ้นหนึ่ง สมบัตินี้ไม่ได้มีอำนาจทำร้ายสังหารแต่อย่างใด ทว่ากลับสามารถผูกมัดและกักขังสมบัติทั้งปวงในโลกได้!
ตอนที่มาเขตต้องห้ามเซียนโบราณ ก็เคยมีสัตว์ประหลาดเฒ่าเรือนมรรคจักรวาลคาดเดาได้ว่าเหล่าบุคคลแห่งยุกชั้นยอดอย่างพวกหมีอู๋หยา หลิงหงจวงจะต้องครอบครองไพ่ตายต่างๆ ไว้ และไม่ขาดสมบัติจักรพรรดิเช่นกัน
ในสถานการณ์แบบนี้ คิดจะประชันกับคนพวกนี้ก็ต้องลงแรงกับไพ้ตาย
จากนั้น ยอดสมบัติพิทักษ์สำนักของเรือนมรรคจักรวาลอย่างเชือกทองคล้องสมบัติ ก็ถูกเอามาให้หวงฝู่เซ่าหนงยืมใช้ เป้าหมายก็เพื่อให้หวงฝู่เซ่าหนงสามารถยับยั้งสมบัติร้ายกาจในมือคู่ต่อสู้ได้ด้วยสิ่งนี้ในการประชันเขตต้องห้ามเซียนโบราณ
และตอนนี้ ก็เป็นครั้งแรกที่หวงฝู่เซ่าหนงใช้สมบัตินี้ การโจมตีเดียวก็ได้ผลอย่างมหัศจรรย์!
พอเห็นประทับมหามรรคไร้ชีพนั้นถูกมัดไว้ แล้วกำลังจะถูกหวงฝู่เซ่าหนงดึงไป หลินสวินก็ประหลาดใจอย่างอดไม่ได้ รับรู้ได้ว่า ‘เชือกทองคล้องสมบัติ’ นี้คงเป็นสมบัติที่เอาไว้ใช้ยับยั้งสมบัติโดยเฉพาะเหมือนกับ ‘เหรียญทองแดงสมบัติร่วงหล่น’ ที่เจ้าคางคกมี
‘ด้วยพลังของข้าตอนนี้ยังไม่อาจหลอมสมบัติอย่างประทับมหามรรคไร้ชีพได้อย่างแท้จริง หาไม่แล้ว จะถูกมัดไว้เช่นนี้ได้อย่างไร…’
หลินสวินทอดถอนใจในใจ แต่มือกลับไม่ได้ชักช้า พอเสียงวิ้งดังขึ้น เจดีย์มหามรรคไร้สิ้นสุดที่เหมือนหล่อขึ้นจากกระจกและทองเทพก็ปรากฏขึ้น ตัวเจดีย์หมุนวน ปลดปล่อยแสงมรรคทองนิลกาฬสายแล้วสายเล่าออกมา
ปัง!
ก็เห็นว่าเชือกทองคล้องสมบัติสีทองเจิดจ้านั้นกลับถูกแสงมรรคทองนิลกาฬตีพ่าย กำราบอย่างจังเหมือนงูตาย
ไม่ให้เวลาหวงฝู่เซ่าหนงได้ตอบโต้สักนิด เชือกทองคล้องสมบัติเส้นนั้นก็ถูกแสงมรรคทองนิลกาฬมัดไว้แล้วตลบเข้าไปในเจดีย์มหามรรคไร้สิ้นสุดนั้น
หวงฝู่เซ่าหนงดูเฉลียวฉลาดและสุขุมหาใดเทียบมาตลอด แต่เมื่อเห็นภาพนี้เข้า ตาก็แทบหลุดออกจากเบ้า เกือบกระทืบเท้าด้วยความโมโห
นี่เป็นไปได้อย่างไร
เดิมทีเชือกทองคล้องสมบัติก็สามารถยับยั้งสมบัติจักรพรรดิระดับเดียวกันในโลกส่วนมากได้อยู่แล้ว เรียกได้ว่ามหัศจรรย์หาใดเทียบ ถูกมองว่าเป็นยอดสมบัติพิทักษ์สำนักของเรือนมรรคจักรวาล เป็นของล้ำค่าที่ช่วยเรือนมรรคจักรวาลสยบศัตรูตัวฉกาจไม่รู้เท่าไรมาตั้งแต่ยุคดึกดำบรรพ์จนกระทั่งตอนนี้
แต่ตอนนี้ สมบัตินี้กลับถูกกำราบเสียแล้ว!
“เพราะเจดีย์นั่น…เพราะเจดีย์มรดกของคีรีดวงกมลชิ้นนั้น! แต่ว่าสมบัตินี้หายไปตั้งแต่ศึกมรรคเหล่าจักรพรรดิในยุคบรรพกาลแล้ว ทำไม…ทำไมถึงตกอยู่ในมือเจ้าได้”
เสียงอุทานของจวนอวี๋เหิงดังขึ้นไกลออกไป สีหน้าตื่นตะลึง จำเจดีย์มหามรรคไร้สิ้นสุดได้
“อะไรนะ!”
ด้วยการทักเตือนนี้ พวกหวงฝู่เซ่าหนงก็หน้าเปลี่ยนสี ทันใดนั้นก็นึกถึงข่าวลือน่ากลัวที่เกี่ยวข้องกับเจดีย์นี้บางอย่าง ใจสั่นระรัวไปครู่หนึ่ง
“ที่แท้ หมอนี่ก็เป็นปีศาจที่เหลือรอดของคีรีดวงกมล!”
มีคนร้องกราดเกรี้ยว
ความจริงข้อนี้ทำให้ทุกคนตั้งตัวไม่ทัน เดิมทีตอนพวกเขาได้รู้ว่าจินตู๋อีก็คือหลินสวินที่เคยก่อเรื่องใหญ่โตที่แหล่งสถานคุนหลุนคนนั้น ก็รู้สึกเหลือเชื่อ
ถึงอย่างไร ก่อนหน้านี้ใครก็มองเขาเป็นผู้สืบทอดเรือนมรรคหวนกำเนิดทั้งนั้น
แต่ตอนนี้ เมื่อได้รู้ว่าหลินสวินที่เคยก่อเรื่องใหญ่โตที่แหล่งสถานคุนหลุนคนนี้ ที่แท้กลับเป็น ความสั่นสะท้านและไม่คาดฝันเช่นนั้นก็ไม่ต้องพูดกันแล้ว
——