Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 1988 เพลิงพิสุทธิ์เสื่อมโทรม
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 1988 เพลิงพิสุทธิ์เสื่อมโทรม
ตอนที่ 1988 เพลิงพิสุทธิ์เสื่อมโทรม
ต้นโพธิ์!
ตอนหลินสวินได้พบอริยสงฆ์ตู้จี้กับนางพญาหงส์ทมิฬ เคยเห็นต้นโพธิ์ที่แท้จริงต้นหนึ่งในภาพที่ประหนึ่งย้อนกลับไปหมื่นกาล
ต้นไม้ใหญ่ต้นนั้นแข็งแกร่งยิ่งใหญ่ดุจมังกรขด กิ่งก้านเทียมฟ้า กลิ่นอายโบราณหนาแน่น ใบราวกับสลักขึ้นจากหยกสีเขียวมรกต ประกายเขียวมากมายแผ่ฟุ้งออกมา ย้อมฟ้าดินด้วยบรรยากาศศักดิ์สิทธิ์
ตอนนั้นอริยสงฆ์ตู้จี้นั่งศึกษามหามรรค อนุมานวิชาลับอยู่ใต้ต้นโพธิ์ด้วยกันกับนางพญาหงส์ทมิฬ
ภายใต้การแปรเปลี่ยนของกาลเวลาอันไร้สิ้นสุด ในที่สุดทั้งสองก็สร้างยอดคัมภีร์อย่างคัมภีร์มหาครรภ์จุติออกมาได้
หลินสวินจำได้ชัดว่าใบหน้าอริยสงฆ์ตู้จี้เคยเจือยิ้มน้อยๆ กล่าวสาบานอย่างน่าเกรงขามว่า
‘หากข้าเป็นมาร ก็จะเป็นมารที่เหนือกว่าพระทั้งปวงในใต้หล้า!’
‘หากข้าเป็นพระ ใต้หล้าต้องไร้มาร!’
วาจาเช่นนี้ช่างอหังการเป็นที่สุด มีความกล้ายิ่งใหญ่ไม่สนขื่อแป มรรคข้าเป็นใหญ่แต่ผู้เดียว
แต่ก็เพราะคัมภีร์มหาครรภ์จุติที่สร้างขึ้นเย้ยฟ้าเกินไป ทำให้ทั้งสองถูกพลังต้องห้ามสังหาร ไม่รู้เป็นตาย เหลือไว้เพียงไม้โพธิ์ที่ผนึกกลิ่นอายด่านเคราะห์ต้องห้ามเอาไว้ท่อนหนึ่ง และถูกหลินสวินได้ไปในที่สุด
ตอนนี้เมื่อได้ยินวาจาของจักรพรรดิอสนีดับสูญ จู่ๆ หลินสวินก็รับรู้ได้ถึงปัญหาข้อหนึ่ง
แล้วต้นโพธิ์ที่ตนได้เห็นในตอนนั้นถูกใครทำลายไป จนสุดท้ายเหลือเพียงท่อนไม้แห้งไหม้ดำท่อนหนึ่ง
พลังต้องห้ามหรือ
แต่ตามคำพูดของศิษย์พี่รั่วซู่ ไม้โพธิ์นี้ถือกำเนิดในแดนปริศนา สามารถต้านทานและผนึกพลังต้องห้ามได้!
ความคิดหนึ่งผุดขึ้นในสมองหลินสวินอย่างไม่มีสาเหตุ ‘หรือจะเป็นจอมจักรพรรดิไร้นามคนนั้น’
แววตาหลินสวินปนเปไปด้วยความรู้สึกต่างๆ
เขาคิดไม่ออก
แต่กลับแน่ใจได้ว่า แม้ต้นโพธิ์ที่เขียวชอุ่มเทียมฟ้า มีประกายสีเขียวมากมายแผ่ฟุ้งนั้นถูกทำลายไปแล้ว แต่ตอนนี้ก็เกิดใหม่อีกครั้งภายใต้การถล่มโจมตีของระเบียบอสนีตรงหน้านี้!
แม้มันจะยังเล็กนัก แต่ไม่ช้าก็เร็วสักวันหนึ่งมันจะต้องเติบใหญ่ขึ้นเป็นต้นไม้ใหญ่เทียมฟ้า พรมประกายสีเขียวมากมายได้อีกครั้งหนึ่งแน่!
จักรพรรดิอสนีดับสูญจี้เสวียนเอ่ย “แน่นอนว่าที่ข้าได้ยินเป็นแค่ข่าวลือหนึ่ง ต้นโพธิ์ซ่อนความเร้นลับพิศวงเท่าไรกันแน่ อาจทำได้เพียงให้เจ้าไปสัมผัสด้วยตัวเองในภายหน้า”
หลินสวินพยักหน้า ก็ในตอนนี้เอง…
เปลวเพลิงสีเทาพิสดารดวงหนึ่งปรากฏขึ้นกะทันหันท่ามกลางระเบียบอสนีเต็มฟ้า เข้าปกคลุมต้นโพธิ์
“เพลิงพิสุทธิ์เสื่อมโทรม!”
จี้เสวียนหน้าเปลี่ยนสีกะทันหัน ยื่นมือผ่านซี่กรงขังออกไปทันที
ตูม!
ประทับอสนีเรียบๆ สายหนึ่งอุบัติขึ้น บนนั้นสลักด้วยลายมรรคอสนีมหัศจรรย์ เข้าขวางหน้าเปลวเพลิงสีเทาแปลกประหลาดนั้น
“รีบไปเก็บต้นโพธิ์!”
จี้เสวียนตะคอก
หลินสวินขับเคลื่อนความคิด สะบัดแขนเสื้อครั้งหนึ่งเก็บต้นอ่อนโพธิ์นั้นกลับเข้าไปในเจดีย์มหามรรคไร้สิ้นสุด
แทบจะในขณะเดียวกัน เสียงครั่นครืนดังขึ้น เปลวเพลิงสีเทาอหังการหาใดเทียบ ชั่วพริบตาก็เผาประทับอสนีนั้น
หลินสวินตกตะลึงจนเหงื่อกาฬชุ่มไปทั้งตัว นั่นเป็นถึงการโจมตีของจักรพรรดิอสนีดับสูญ แต่กลับเหมือนกระดาษเปื่อยเช่นนี้ ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเพลิงพิสุทธิ์เสื่อมโทรมสักนิด!
แต่ก็ในตอนนี้เอง เพลิงพิสุทธิ์เสื่อมโทรมนั้นหายลับไปอย่างเงียบเชียบไร้เสียง
จี้เสวียนเหมือนยกภูเขาออกจากอก เอ่ยว่า “ยังดีที่ไม่โดนไฟนี่เข้า หาไม่แล้วต้นโพธิ์ต้นนี้จะต้องถูกเผาสิ้นแน่”
ต่อมาจี้เสวียนก็อธิบายให้หลินสวินฟังอีก “เพลิงพิสุทธิ์เสื่อมโทรมนี้ถือกำเนิดขึ้นในระเบียบชั้นสูงของเขตต้องห้ามเซียนโบราณ น่ากลัวเป็นที่สุด ไม่ว่าจะเป็นผู้ฝึกปราณหรือสิ่งมหัศจรรย์อย่างต้นโพธิ์ ทันทีที่แตะไฟนี้เข้า ก็จะถูกเผาผลาญเป็นเถ้าธุลี”
“อย่างก่อนหน้านี้ ย่อมเป็นเพราะการแปรสภาพของต้นโพธิ์น่าตกตะลึงเกินไป ดึงดูดให้เพลิงพิสุทธิ์เสื่อมโทรมสนใจ ถึงขนาดเกือบจะก่อเป็นเภทภัยครั้งใหญ่”
หลินสวินได้รับรู้ความน่ากลัวของเพลิงพิสุทธิ์เสื่อมโทรมในยามนี้ หน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อยอย่างอดไม่ได้ เอ่ยว่า “พูดเช่นนี้ คิดจะช่วยผู้อาวุโสให้หลุดรอดจากที่นี่ ต้นโพธิ์ก็ใช้ไม่ได้แล้วหรือ”
แววประหลาดเผยออกมาจากดวงตาจี้เสวียน คล้ายคิดไม่ถึงว่าในเวลาแบบนี้ หลินสวินจะยังคิดถึงการช่วยให้ตนหลุดพ้นอยู่
“เพียงพอแล้ว”
จี้เสวียนสูดหายใจลึกเฮือกนึ่ง “ก่อนหน้านี้ไม้โพธิ์ดูดซับพลังระเบียบอสนีไปประมาณสามส่วน ไม่แข็งแกร่งเท่าก่อนหน้านี้นานแล้ว ตอนนี้ถ้าข้าทุ่มพลังทั้งหมดดิ้นรน ก็อาจจะหลุดพ้นจากที่นี่ได้”
ดวงตาดำหลินสวินเปล่งประกาย “ผู้อาวุโวยังต้องการให้ข้าช่วยไหม”
จี้เสวียนยิ้มน้อยๆ “ไม่ต้อง”
ขณะที่พูด เขาก็ลุกขึ้นจากกรงขัง ผมยาวสีดอกเลาที่ยุ่งเหยิงกระเซอะกระเซิงปลิวไสว เงาร่างสูงมีพลานุภาพอันน่ากลัวแผ่กระจายออกมา
ชั่วพริบตานี้ เขาก็เหมือนนายเหนือหัวแห่งมรรคอสนีที่เดินออกมาจากความพังพินาศผู้หนึ่ง ทำให้ที่นี่สั่นไหวขึ้นมาทันที
วิ้งๆๆ!
คุกที่กำราบเขาไว้เกิดคลื่นอัศจรรย์เป็นระลอก พลังระเบียบมรรคอสนีหลากสีสันกดข่มลงมาราวกับภูเขาถล่มทะเลหวีดร้อง
แต่กลับเห็นจี้เสวียนก้าวย่าง ยื่นมือออกมาคว้ากรงขังไว้แล้วฉีกลงทันที!
กรงขังที่แปลงจากระเบียบมรรคอสนีนั้นดันถูกฉีกออกเป็นรอยแยกยักษ์รอยหนึ่งอย่างจัง สายอสนีคล้ายน้ำตกนับไม่ถ้วนสาดกระเซ็น ฟันลงบนร่างจี้เสวียนอย่างรุนแรง ทำให้ผิวหนังแตกออก ร่างกายยังยับเยินหาใดเทียบ กำลังจะกระจายหายไป
แต่เขากลับเหมือนไม่รู้สึกอะไร ก้าวออกไปหนึ่งก้าว เหยียบลงบนรอยแยกที่ถูกฉีกออกนั้นทื่อๆ แล้วพุ่งออกมาจากกรงขัง!
ท่วงท่าองอาจเหนือโลก โอหังเอาแต่ใจตนเช่นนั้นก็เหมือนเทพองค์หนึ่งทำลายพันธนาการ พุ่งออกมาเกิดใหม่!
โครม!
ในบริเวณใกล้เคียง ระเบียบมรรคอสนีปะทุโดยสมบูรณ์ กระโจนไปหาจี้เสวียนคล้ายบ้าคลั่ง ความโชติช่วงของอานุภาพที่ปลดปล่อยออกมาทำให้หลินสวินมือเท้าเย็นเหมือนตกลงไปในโพรงน้ำแข็ง
นี่มันน่ากลัวเกินไปแล้ว!
อย่าว่าแต่ช่วย ขนาดคุณสมบัติที่จะเข้าไปแทรกแซงเขายังมีไม่พอ!
เพียงชั่วพริบตาเท่านั้น เงาร่างของจี้เสวียนก็ถูกพายุอสนีกลบมิด ร่างกายหายลับไปทุกกระเบียด
ก็ในระหว่างที่หลินสวินตื่นเต้นเป็นที่สุดนี้เอง เสียงหัวเราะร่าเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นจากกลางพายุอสนีอันเปล่งประกายโชติช่วง…
“หนีล่ะ!”
สวบ!
ครู่ต่อมา หลินสวินเพียงรู้สึกว่าถูกพลังอันอ่อนโยนเหนี่ยวนำให้หายลับไปจากที่เดิม
……
เมื่อคลองสายตากลับมามองเห็นอีกครั้ง หลินสวินถึงพบว่าตนยังอยู่ในส่วนลึกของบึงนั้น ไกลออกไปยังเห็นระเบียบอสนีซัดสาดคล้ายพายุคลั่ง ถาโถมสั่นสะเทือนฟ้าดิน
ทว่า มีแต่จี้เสวียนที่หายไปแล้ว
แต่ครู่ต่อมา เสียงของจี้เสวียนก็ดังขึ้น
“สหายน้อย ขอบคุณมาก”
หลินสวินพยักหน้า แล้วจึงสังเกตได้ว่าบนเสื้อด้านหน้ามีหยกประดับสีดำชิ้นหนึ่งแขวนอยู่ บนหยกประดับมีแสงคลุมเครือไหลหลั่ง ดูลึกลับหาใดเทียบ
เสียงจี้เสวียนแว่วออกมาจากในหยกประดับสีนี้พอดี
“ข้าในตอนนี้เหลือเพียงพลังจิตวิญญาณดั้งเดิม ต้องซ่อนอยู่ใน ‘ยันต์บังฟ้า’ นี้เท่านั้นถึงจะหลบการกำราบของ ‘ระเบียบอสนี’ พวกนั้น”
จี้เสวียนรีบเอ่ย “ดังนั้นทำได้แค่รบกวนสหายน้อยให้พาข้าออกไปตอนออกจากเขตต้องห้ามเซียนโบราณด้วย”
หลินสวินพูดอย่างไม่ลังเล “ข้าย่อมไม่อาจปฏิเสธ”
จี้เสวียนกล่าว “แม้ว่าข้าจะช่วนสหายน้อยสังหารศัตรูไม่ได้ แต่ชี้แนะความลับที่เกี่ยวข้องกับเขาปู้โจวบางอย่างให้สหายน้อยได้ อาจจะช่วยสหายน้อยหลบพ้นอันตรายบางอย่าง หามหาสมบัติแรกกำเนิดชิ้นนั้นได้รวดเร็วยิ่งขึ้น”
หลินสวินตาเปล่งประกาย
จี้เสวียนก็เคยไปสำรวจเขาปู้โจวเหมือนศิษย์พี่จวินหวน ตัวเป็นบุคคลระดับจักรพรรดิ เขาต้องเข้าใจเขาปู้โจวชนิดคนอื่นไม่อาจเทียบได้แน่
ถ้ามีเขาชี้แนะ คุณประโยชน์ย่อมไม่อาจบรรยายได้
“ขอบพระคุณผู้อาวุโส!”
หลินสวินขอบคุณอย่างจริงจัง
จี้เสวียนพเอ่ย “ไม่ต้องมากพิธีขนาดนี้อีกแล้ว เจ้าเป็นศิษย์น้องของจวินหวน จะว่าไปพวกเราก็ถือว่าอยู่ในรุ่นเดียวกัน ข้าอายุมากกว่าเจ้า ภายหน้าเจ้าเรียกข้าว่าพี่ใหญ่จี้เสวียนก็พอ”
หลินสวินสีหน้าออกพิกล เป็นถึงจักรพรรดิอสนีดับสูญ แต่กลับจะสนทนากับตนเป็นรุ่นเดียวกัน ให้ตนเรียกเขาว่าพี่ใหญ่…
“ทำไม ให้เจ้าเรียกว่าพี่ใหญ่ยังไม่ได้หรือ” จี้เสวียนพูด
หลินสวินรีบร้อนเอ่ย “พี่ใหญ่จี้เสวียน!”
จี้เสวียนยิ้มพึงพอใจในทันใด “ในการเคลื่อนไหวต่อๆ ไปก็ได้แต่พึ่งตัวเองแล้ว ถ้าพบกับกับภัยพิบัติร้ายแรง พี่ใหญ่อย่างข้าก็จะทุ่มสุดชีวิต และจะต้องรักษาความปลอดภัยให้กับเจ้า”
เสียงพูดถึงตรงนี้แล้วก็ตกอยู่ในความเงียบเชียบ
หลินสวินอยากจะพูดแต่ก็หยุดไว้ ในที่สุดก็ไม่อยากไปรบกวนจี้เสวียนอีก
เขารู้ดีว่าเพื่อหลุดจากความยากลำบากเมื่อกี้ เดิมทีจี้เสวียนก็เหลือพลังเพียงไม่มาก เกรงว่าจะใช้ไปจนเกือบหมดแล้ว
‘ขอเพีงมีชีวิตรอด ภายหน้าก็จะฟื้นตัวได้โดยสมบูรณ์อยู่ดี…’
ในใจหลินสวินตั้งตารออย่างอดไม่ได้ เมื่อภายหน้าจักรพรรดิอสนีดับสูญปรากฏตัวในโลกอีกครั้งหนึ่งจะมีความสง่างามโดดเด่นเช่นไรกัย
ณ ที่ไกลลิบ พลังระเบียบอสนีมืดฟ้ามัวดินกำลังหายไปช้าๆ ตกอยู่ในความเงียบสงัด
‘ที่แท้ก็ผ่านไปสี่วันแล้ว…’
หลินสวินตกอยู่ในภวังค์ความคิด
ในสี่วันมานี้ เขาได้รู้จักจักรพรรดิอสนีดับสูญจี้เสวียน ได้รับมรดกคัมภีร์มหาอสนีดับสูญ แม้แต่ไม้โพธิ์ยังได้นิพพานเกิดใหม่ กลายเป็นต้นอ่อนไม้โพธิ์ที่แท้จริงต้นหนึ่ง ผลเก็บเกี่ยวไม่อาจพูดว่าไม่ยิ่งใหญ่ได้
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในการหยั่งรู้มรรคหลายวันติดต่อกัน ทำให้พลังปราณของเขาพัฒนาขึ้นมาก ห่างจากระดับมกุฎราชันอริยะขั้นสมบูรณ์เพียงนิดเดียวเท่านั้น!
หลินสวินรู้สึกถึงพลังชีวิตอันไพศาลดั่งทะเลทั้งกายนั้นเงียบๆ สูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง ดวงตาดำมองไปนอกบึกที่อยู่ไกลลิบ
‘คงได้เวลาออกไปจากที่นี่แล้ว แต่ไม่รู้ว่าถ้าพวกหวงฝู่เซ่าหนงรู้ว่าตนยังมีชีวิตอยู่ จะรู้สึกนึกคิดอย่างไรดี…”
หลินสวินก้าวย่างออกไปยังที่ไกล
……
“ศิษย์พี่ สี่วันแล้ว ยังต้องรออีกหรือ”
ที่นอกบึง พวกหวงฝู่เซ่าหนงซ่อนตัวอยู่ในป่าโบราณแห่งหนึ่ง สีหน้าแต่ละคนออกจะไม่ทนอยู่รางๆ แล้ว
“มาดูเร็ว พลังระเบียบอสนีนั่นเริ่มหายไปแล้ว!”
ทันใดนั้น จวนซวีเหิงก็เผยสีหน้ายินดี
ทุกคนช้อนตามองไปก็เห็นว่าพลังอสนีน่าหวาดหวั่นที่ปกคลุมกลางฟ้าดินในส่วนลึกของบึงกำลังกระจายออกช้าๆ เหมือนกระแสน้ำตาย
“เตรียมตัวให้ดี เดี๋ยวพวกเราจะลงมือแล้ว จำไว้ อย่าชะล่าใจเด็ดขาด! ถ้าเจออะไรไม่ชอบมาพากล ต้องลงมือเต็มกำลัง จะออมมือใดๆ ไม่ได้เด็ดขาด”
หวงฝู่เซ่าหนงแววตาใสกระจ่าง เสียงกังวานทรงพลัง
ทุกคนพากันพยักหน้า
“ไป!”
พอพลังระเบียบอสนีในส่วนลึกของบึงนั้นหายลับไป พวกหวงฝู่เซ่าหนงที่รอคอยมาหลายวันแล้วก็เคลื่อนไหวโดยไม่ลังเลสักนิด
ใจแต่ละคนต่างเร่าร้อนดั่งไฟ
ถ้าหลินสวินนั่นตายแล้ว จะต้องเหลือสมบัติจักรพรรดิที่อัศจรรย์ไม่อาจหยั่งถึงหลายชิ้นนั้นกับยอดศุภโชคบรรลุจักรพรรดิไว้แน่
ต่อให้เขาโชคดีรักษาชีวิตไว้ได้ ก็เกรงว่าจะคิดไม่ถึงอยู่ดีว่าพวกเขาเหล่านี้ยังจะฝ่ากลับมากระมัง
ปึง…
พวกหวงฝู่เซ่าหนงเพิ่งเข้ามาในบึงนั้น ฉับพลันทันใด เสียงสายธนูสั่นสะเทือนราวกับพายุอสนีเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นกรีดทะลวงฟ้ากว้าง ดังขึ้นท่ามกลางฟ้าดินทันที
แย่แล้ว!
ชั่วพริบตานี้ พวกเขาพากันหน้าเปลี่ยนสี แทบจะเลือกหลบหนีทันที
——