Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 1992 เขาปู้โจวอันตราย
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 1992 เขาปู้โจวอันตราย
ตอนที่ 1992 เขาปู้โจวอันตราย!
คัมภีร์มรรคที่หลินสวินครอบครองตอนนี้มี ‘คัมภีร์กระบี่ไท่เสวียน’ ‘คัมภีร์กลืนกินไร้สิ้นสุด’ ‘คัมภีร์เก้ากระถางสยบหล้า’ ‘คัมภีร์มหามรรคหวงถิง’ ‘คัมภีร์มหาครรภ์จุติ’
นอกจากนี้ยังมีมรดกอย่าง ‘ไปไร้หวน’ ‘มังกรเคราะห์เก้ากระบวนแปร’ ‘วิชาอริยะยุทธ์’ ‘ยอดนิรันดร์ไร้รั่ว’ เป็นต้น
การฝึกคัมภีร์มรรคและมรดกมากเช่นนี้พร้อมกันด้วยตัวคนเดียว แม้จะเป็นเรื่องที่สามารถทำให้คนทั่วไปอิจฉาตาลุก
แต่ยามฝึกเข้าจริงๆ กลับต้องใช้ประสบการณ์และเวลาอย่างมาก
สิ่งสำคัญที่สุดคืออย่าฝืนทำเกินกำลัง!
ต้องรู้ว่าในคัมภีร์มรรคมากมายนั้น แค่นัยเร้นลับที่บรรจุไว้ก็เรียกได้ว่าไพศาลราวทะเลควันแล้ว ครอบคลุมทุกระดับใหญ่ของการฝึกปราณ ภายในยังรวบรวมวิชามรรคนานัปการรวมถึงการหยั่งรู้และใจความของการฝึกปราณด้วย
หากผู้ฝึกปราณทั่วไปได้คัมภีร์มรรคเล่มหนึ่งในจำนวนนี้ ต้องทุ่มเททั้งชีวิตไปหยั่งรู้และบำเพ็ญเพียรแน่
ต่อให้เป็นอัจฉริยะที่ฝีมือล้ำเลิศ ยามหยั่งรู้คัมภีร์มรรคมากมายพร้อมกันก็ต้องรู้สึกว่าเกินกำลังหาใดเปรียบ
หลินสวินในตอนนี้ก็รู้เรื่องนี้ดี
เขามีมรดกนานัปการและไม่ขาดวิชาต่อสู้เช่นกัน สิ่งที่ขาดเพียงอย่างเดียวอาจเป็นเวลาและกำลังที่ต้องใช้ในการหยั่งรู้
ถ้าทำให้ร่างแยกมหามรรคทั้งห้าเคี่ยวกรำจิตรับรู้และมรรควิถีออกมาได้ นั่นก็เท่ากับว่ามีตัวเขาอีกห้าคนมาหยั่งรู้คัมภีร์มรรคพร้อมกัน
เมื่อเป็นเช่นนี้ก็ไม่จำเป็นต้องห่วงเรื่องนี้อีกแล้ว
ตามการสันนิษฐานของหลินสวิน เมื่อก้าวสู่ระดับกึ่งจักรพรรดิ บางทีอาจทำให้ร่างแยกมหามรรคทั้งห้าเคี่ยวกรำการรับรู้และมรรควิถีออกมาได้จริงๆ
และตอนนี้หลินสวินก็อยู่ห่างจากระดับกึ่งจักรพรรดิแค่ก้าวเดียวแล้ว!
…
หลินสวินหยั่งรู้คัมภีร์มหาอสนีดับสูญพลางมุ่งหน้าไปด้วย ตลอดทางหลบหลีกพื้นที่อันตรายเกินคาดเดามากมายได้อย่างไร้อันตราย
ระหว่างทางหลินสวินยังรวบรวมเจตวัตถุและวัตถุดิบวิญญาณที่ไม่มีในโลกภายนอกได้มากมายเช่นกัน ล้วนมีความอัศจรรย์เฉพาะตัว มูลค่าไม่ธรรมดา
วันนี้หลังจากหลินสวินเดินผ่านทะเลทรายรกร้างผืนหนึ่ง กลิ่นอายทำลายล้างที่ปกคลุมฟ้าดินสายหนึ่งก็ถาโถมเข้าใส่
พลันเห็นว่ามีภูเขาทอดตัวยาวอยู่ไกลๆ พาดอยู่กลางฟ้าดินประหนึ่งไร้ขอบเขต ทรงพลังกว้างใหญ่ไพศาล เก่าแก่ดึกดำบรรพ์
มองจากไกลๆ ยังพาให้คนรู้สึกว่าตัวเล็กจ้อย
ยิ่งใหญ่เกินไปแล้ว ใหญ่จนไม่อาจประเมิน!
ในหัวหลินสวินปรากฏภาพประทับของภูเขาลูกหนึ่งขึ้นมา เหมือนกับภูเขาลูกนั้นที่อยู่ห่างออกไปไม่มีผิด
เขาปู้โจว!
ในที่สุดหลินสวินก็กล้าแน่ใจว่าภูเขาทรงพลังที่พาดอยู่ใต้เวิ้งฟ้าไกลๆ และยิ่งใหญ่ไม่รู้กี่หมื่นลี้นั้น ก็คือเขาปู้โจวที่ให้กำเนิดมหาสมบัติแรกกำเนิดในตำนาน!
หลินสวินเริ่มเคลื่อนไหว พุ่งออกไปไกลโดยไม่ลังเล
ฟ้าดินที่นี่ปกคลุมด้วยกลิ่นอายทำลายล้างที่เสมือนคงอยู่จริง กดอัดใจคนราวกับภัยพิบัติน่ากลัวซึ่งพร้อมมาเยือนตลอดเวลา
ผืนฟ้าล้วนเป็นสีขมุกขมัว ยามเสียงลมพัดผ่านจะหอบม้วนไอชั่วร้ายดั่งควันไฟขึ้นมา คำรามก้องดังกระหึ่มบนพื้นปฐพี ส่งเสียงอึงอล
ยิ่งเข้าไปใกล้เขาปู้โจวนั่น กลิ่นอายที่ราวกับจะทำลายล้างนั้นก็ยิ่งชวนตะลึง บีบกดจนหลินสวินไม่อาจไม่โคจรพลังปราณเพื่อหักล้างสลายได้
นัยน์ตาดำเขาล้ำลึก ในใจระแวดระวังขึ้นมา
เปรี้ยง…
เมื่อเข้าไปใกล้เชิงเขาปู้โจวนั่น กลางอากาศก็ปรากฏอสนีบาตขมุกขมัวหลากรูปแบบ ในความรางเลือนราวกับมีเงาร่างของเทพมารห้ำหั่นกันอยู่ภายใน สู้กันจนฟ้าถล่มดินทลาย เสียงกึกก้องสะเทือนใต้หล้า
แต่เมื่อมองโดยละเอียด ภาพทั้งหมดนั้นก็หายไปราวกับหมอกควันแล้ว
ฟ้าดินเงียบสงัด ภูผาสูงเก่าแก่นั้นตั้งตระหง่านแผ่ไพศาล บนหินภูเขาทุกลูกล้วนมีสัญญาณจะพังทลายเป็นซากปรักหักพังและแตกหัก
ที่นี่ไม่มีต้นหญ้าเจริญเติบโต ไม่มีคลื่นพลังชีวิตแม้เศษเสี้ยว มีเพียงกลิ่นอายของการทำลายล้างหลายสายวนเวียนอยู่ เหมือนมีม่านปริศนาชั้นหนึ่งปกคลุมเขาปู้โจวไว้ภายใน
หลินสวินสูดหายใจลึก โคจรปราณสืบเสาะเข้าไปในเขาปู้โจว
ชิ้ง!
เพียงครู่เดียวในหมอกควันสีเทาด้านหนึ่ง รวงแสงสีเลือดแปลกประหลาดสายหนึ่งพลันพุ่งโจมตีมาทางหลินสวิน
เมื่อดูอย่างละเอียดก็พบว่านั่นเป็นกระบี่สำริดที่แตกหักเล่มหนึ่ง เปื้อนรอยเลือดเกรอะกรัง แผ่กลิ่นอายทำลายล้างที่น่ากลัวถึงขีดสุดออกมา
เคร้ง!
หลินสวินใช้ดาบหักต้านไว้ แต่กลับถูกสะเทือนจนเงาร่างไหวเอน เซถอยหลังไปสองสามก้าว ใจสะท้านอย่างอดไม่อยู่ พลังน่ากลัวยิ่งนัก!
ด้วยพลังปราณของเขาตอนนี้ การฆ่าระดับกึ่งจักรพรรดิล้วนไม่ใช่เรื่องยาก แต่กลับตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบให้กับกระบี่สำริดที่แตกหักเล่มนั้น นี่จะไม่ให้เขาตกใจได้อย่างไร
แต่เมื่อหลินสวินคิดจะสู้อีกครั้ง กระบี่สำริดที่แตกหักเล่มนั้นก็พลันหายไปแล้ว
‘ที่นี่แปลกประหลาดเป็นอย่างยิ่งดังคาด…’
นัยน์ตาดำของหลินสวินวูบไหว หลังจากใคร่ครวญครู่หนึ่งก็มุ่งหน้าไปอีกครั้ง
เขาปู้โจวยิ่งใหญ่เหลือประมาณ สภาพภูเขาสูงตระหง่านโดดเด่น ทอดยาวติดต่อกัน เมื่อเดินอยู่ภายในนั้นพาให้คนไม่รู้ว่าควรเดินไปทางไหน
ทอดสายตามองไปรอบๆ ล้วนเต็มไปด้วยหน้าผาไร้ขอบเขต หินพิสดารหนาวเยือก!
หืม?
ไม่ทันไรนัยน์ตาหลินสวินพลันหดเกร็ง เห็นว่าบนหินมหึมาก้อนหนึ่งที่ห่างไปไม่ไกลมีร่างไร้วิญญาณนอนอยู่ ร่างนั้นสวมชุดคลุมม่วง ใบหน้าสง่างาม เพียงแต่สีหน้ากลับเต็มไปด้วยความหวาดผวา ดูน่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง
ตรงหน้าอกเขาปรากฏรูโหว่ชุ่มเลือดขนาดเท่าปากชาม เลือดแดงสดยังคงหลั่งชโลม แต่หัวใจของเขากลับไม่อยู่แล้ว
หลินสวินจำได้ว่านี่คือปีศาจคนหนึ่งที่มาจากฟ้าดาราอื่น พลังต่อสู้แข็งกร้าวดุดันเป็นอย่างยิ่ง แต่ไม่คิดเลยว่าจะนอนตายอยู่แบบนี้!
‘เป็นเพราะถูกคนอื่นฆ่า หรือถูกของประหลาดในเขาปู้โจวนี้ทำร้ายกันแน่’
ในใจหลินสวินหนาวสั่นเล็กน้อย
ในเขาปู้โจวนี้เงียบสงัด เต็มไปด้วยอันตรายที่ไม่อาจระบุ ต่อให้ใช้จิตรับรู้ตรวจสอบก็ยังถูกกลิ่นอายทำลายล้างที่แปลกประหลาดขัดขวาง
หลินสวินไม่ใส่ใจร่างไร้วิญญาณนั้น เขามุ่งหน้าต่อไป กายใจเครียดเกร็งดั่งสายธนู เตรียมตัวพร้อมสู้ทุกเมื่อ
มุ่งหน้าไปได้ไม่นาน กรงเล็บเลือดชโลมที่ฉีกหักข้างหนึ่งโผล่มาจากด้านหลังหลินสวินโดยไร้สุ้มเสียง เล็บที่แหลมคมราวกับดาบที่เฉียบคมที่สุดบนโลกแผ่แสงโลหิตแปลกประหลาด
พอเห็นว่าหลินสวินไม่ได้ป้องกันตนเอง กรงเล็บนั้นก็ตะปบลงมาอย่างหนักหน่วงทันที
ตูม!
หลินสวินไม่ได้หันกลับไป แต่ด้านหลังของเขากลับมีมายาสัตว์เทพฟู่ซี่ตัวหนึ่งทะยานออกมา ร้อยถักด้วยมรรคและวิชาเสมือนมีชีวิต แผดเสียงคำรามสะเทือนใต้หล้า พุ่งปะทะอย่างหนักหน่วง
เหตุการณ์ประหลาดปรากฏขึ้นแล้ว แรงปะทะของสัตว์เทพฟู่ซี่ถูกกรงเล็บนั้นทะลวงผ่านอย่างง่ายดายเหมือนอากาศ ไม่มีประโยชน์ใดๆ แม้เพียงครึ่งเสี้ยว
ในชั่วขณะเป็นตายดาบหักพุ่งแทรกออกมา!
เคร้ง!
กรงเล็บเลือดชโลมนั้นถูกขวางไว้ แต่ความคมของดาบหักกลับไม่อาจสร้างความเสียหายให้มันได้แม้แต่น้อย กลับเป็นว่ามีประกายไฟสาดออกมาทั่วฟ้า
‘นี่คือกรงเล็บของสัตว์จักรพรรดิที่เปื้อนกลิ่นอายทำลายล้างของเขาปู้โจว มองข้ามพลังวิชามรรคที่ต่ำกว่าระดับจักรพรรดิทั้งมวล ใช้ศาสตราจักรพรรดิถล่มมัน’
ทันใดนั้นเสียงของจักรพรรดิอสนีดับสูญที่ซ่อนตัวอยู่ในยันต์บังฟ้าพลันดังขึ้น กล่าวชี้แนะหลินสวิน
‘ที่แท้เป็นเช่นนี้’ หลินสวินตระหนักได้ทันที
ฟุ่บ!
เมื่อกรงเล็บเลือดชโลมโจมตีไม่โดนก็แผ่แสงโลหิตประหลาดออกมาทันที กลิ่นอายทำลายล้างล้นฟ้า พุ่งสังหารเข้ามาอีกครั้ง น่าสะพรึงอย่างที่สุด
พลังนั้นน่ากลัวกว่าระดับกึ่งจักรพรรดิอยู่บ้าง!
หลินสวินพลิกฝ่ามือ ประทับไร้ชีพที่เก่าแก่และแน่วนิ่งทะยานสู่ฟากฟ้า แผ่แสงสำริดบีบกดลงมาอย่างหนักหน่วง
ท่ามกลางเสียงกัมปนาท กรงเล็บสีเลือดนั่นสั่นสะเทือนรุนแรง แต่สุดท้ายก็ไม่อาจต้านแรงกดดันของประทับไร้ชีพได้ ถูกอัดติดพื้นดังตึง
ก็เห็นว่ากรงเล็บนี้ราวกับสูญเสียความดุร้ายทั้งมวล ไม่มีกลิ่นอายทำลายล้างสีเลือดที่แปลกประหลาดนั่นแล้ว ไม่ขยับแม้แต่น้อย
หากไม่เห็นกับตาตัวเอง หลินสวินคงไม่กล้าเชื่อว่ากรงเล็บนี้เคยระเบิดพลังที่น่ากลัวเช่นนั้นมาก่อน
‘พลังกฎระเบียบที่ปกคลุมเขาปู้โจวน่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง ปีนั้นตอนที่ข้ากับจวินหวนมาที่นี่ด้วยกัน ก็เคยถูกของดุร้ายอย่างกรงเล็บนี่จู่โจม’
จี้เสวียนสื่อจิต ‘หากข้าเดาไม่ผิด เจ้าของกรงเล็บนี้คงเป็นสัตว์ปีศาจที่มีพลังระดับจักรพรรดิตัวหนึ่ง หลังจากบุกเข้ามาในเขาปู้โจวนี้คงโชคร้ายประสบเคราะห์ กรงเล็บของมันจึงเปื้อนพลังกฎระเบียบของเขาปู้โจวและกลายเป็นของดุร้ายเช่นนี้’
หลินสวินอดสูดหายใจเย็นเยียบไม่ได้ สัตว์ปีศาจระดับจักรพรรดิยังประสบเคราะห์ที่นี่ แม้แต่ซากศพก็กลายเป็นของดุร้ายเหมือนกรงเล็บเลือดชโลมก่อนหน้านี้ สิ่งนี้ช่างแปลกประหลาดและน่ากลัวจริงๆ
‘แต่เจ้าไม่จำเป็นต้องกังวล ตั้งแต่นี้ไปข้าจะนำทางให้เจ้าเอง’
เมื่อจี้เสวียนเอ่ยปากออกมา ก็ทำให้หลินสวินสงบใจลงไม่น้อยทันที
‘ไป มุ่งหน้าตามทางนี้ไปยังทิศตะวันตกเฉียงใต้ จำไว้ว่าอย่าเคลื่อนไหวบนอากาศ มิฉะนั้นจะถูกของประหลาดมากมายจู่โจม’
หลินสวินออกเดินทางตามคำชี้แนะของจี้เสวียนอีกครั้ง
ฉึ่บ!
ไม่ทันไรเสี้ยวปีกเปื้อนเลือดหนึ่งพลันปรากฏ ประหลาดและดุดันราวกับกระบี่มาร ตัดทำลายแหวกอากาศ พุ่งสังหารมาทางหลินสวิน
นี่คือของดุร้ายที่เหมือนกับกรงเล็บนั่น
หลินสวินเรียกประทับไร้ชีพออกมากำราบมันอย่างง่ายดาย
จี้เสวียนกล่าวชี้แนะ ‘นี่คือปีกของนกปีศาจระดับจักรพรรดิ แม้จะไม่สมบูรณ์ แต่ก็เป็นหนึ่งในยอดวัตถุดิบที่ใช้หลอมศาสตราจักรพรรดิ ในโลกภายนอกนับว่าเห็นได้น้อยครั้งนัก เจ้าเก็บไว้เถิด ภายหน้าไม่ช้าก็เร็วต้องได้ใช้แน่’
หลินสวินอึ้งไป รีบเก็บเสี้ยวปีกนี้ไว้ เขาคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าการบุกเข้ามาในเขาปู้โจวจะทำให้ได้รับสมบัติที่ล้ำค่าเช่นนี้
บางทีนี่อาจเป็นสิ่งที่ไท่ซูหงพูดถึง ขอแค่เป็นพื้นที่อันตราย ย่อมต้องมีวาสนาใหญ่!
ระหว่างทางหลังจากนั้นทยอยมีของดุร้ายหลากรูปแบบปรากฏตัว บ้างเป็นแขนที่แหว่งวิ่น ศีรษะที่ใบหน้าเลือนราง กระดูกสัตว์ที่แตกหัก…
แม้ว่าหลินสวินจะใช้ประทับไร้ชีพซัดสิ่งดุร้ายพวกนี้จนพินาศทั้งหมด แต่ในใจกลับไม่อาจนิ่งสงบได้เนิ่นนาน
ด้วยจากคำพูดของจี้เสวียน ร่างเดิมของสิ่งดุร้ายพวกนี้ล้วนเป็นตัวตนชั้นยอดที่มีพลังปราณระดับจักรพรรดิมาก่อน!
และมีเพียงซากศพที่ระดับจักรพรรดิเหลือทิ้งไว้ที่เปื้อนกฎระเบียบของเขาปู้โจว กลายเป็นสิ่งดุร้ายแปลกประหลาดต่างๆ เหล่านั้น
หลินสวินไม่กล้าจินตนาการเลยว่า ในช่วงเวลาที่เขาปู้โจวยืนหยัดมาถึงวันนี้ มีระดับจักรพรรดิฝังร่างอยู่ในนี้เท่าไหร่กันแน่!
‘ปีนั้นจวินหวนเคยพูดติดตลกว่าเขาลูกนี้ก็คือสุสานของเหล่าจักรพรรดิ ซ่อนความอันตรายน่ากลัวที่สามารถฝังร่างระดับจักรพรรดิทุกคนบนโลกได้’
จี้เสวียนทอดถอนใจ
การได้มาเขาปู้โจวอีกครั้ง ทำให้เขานึกถึงเหตุการณ์ที่มาสำรวจที่นี่เป็นเพื่อนจวินหวนในปีนั้นขึ้นมา
สุสานของเหล่าจักรพรรดิ?
คำบรรยายนี้ช่างน่ากลัวจริงๆ!
หลินสวินตระหนักได้ยิ่งกว่าเดิมว่าครั้งนี้มีจี้เสวียนชี้แนะเป็นเรื่องที่โชคดีเพียงใด หากว่าตนทะเล่อทะล่าเข้าไป ไม่แน่ว่าอาจจะเจออันตรายนับไม่ถ้วน
หนึ่งเค่อผ่านไป
หน้าผาชันลายพร่างพร้อยแห่งหนึ่ง หลินสวินพลันได้ยินเสียงกระบี่ครวญต่ำลึก แผ่กลิ่นอายเศร้าโศกและเสียใจ
แต่หลินสวินได้ยินแล้วกลับแข็งทื่อไปทั้งตัว ขนพองสยองเกล้า ในหัวปรากฏเจตกระบี่ร้ายกาจสายหนึ่ง ฟาดฟันลงมาจากเก้าชั้นฟ้า
ไอสังหารไร้ใดเปรียบนั้น ทำให้จิตวิญญาณของหลินสวินเหมือนจะแหลกสลาย
เขาถอยหนีโดยไม่ลังเล ละทิ้งการสัมผัสของจิตรับรู้ทันที
ผลกระทบที่พลังเจตกระบี่น่าหวาดกลัวนั้นสร้างขึ้นจึงหายไป
ส่วนหลินสวินก็ตกใจจนเหงื่อแตกไปทั้งตัว
…………………………