Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 1993 วิญญาณกระบี่เย่จื่อ
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 1993 วิญญาณกระบี่เย่จื่อ
ตอนที่ 1993 วิญญาณกระบี่เย่จื่อ
กระบี่นั้นคร่ำครวญและโศกเศร้า
เจตกระบี่นั้นไอสังหารล้นฟ้า!
ฝึกปราณมาถึงตอนนี้ หลินสวินเคยเจอผู้ฝึกกระบี่ที่เจิดจรัสเยี่ยมยอดมานับไม่ถ้วน และยามหยั่งรู้ ‘ไปไร้หวน’ กับ ‘คัมภีร์กระบี่ไท่เสวียน’ ก็เคยสัมผัสถึงความแข็งแกร่งของจักรพรรดิสงครามอู๋ยางและจักรพรรดิกระบี่ไท่เสวียนเช่นกัน
แต่มีเพียงปราณกระบี่ที่เจอครั้งนี้ ที่ทำให้หลินสวินสัมผัสได้ถึงกลิ่นอาย ‘คลั่งระห่ำ’ อย่างลึกซึ้ง
ความคลั่งระห่ำนั้นหยิ่งผยองกำแหง ดุดันถึงขั้นอหังการไม่กลัวผู้ใด!
ใช่ว่าไปไร้หวนและคัมภีร์กระบี่ไท่เสวียนสู้เจตกระบี่นี้ไม่ได้ หากแต่กระบี่ทั้งสามนี้เป็นมรรคกระบี่ที่ต่างกัน
ไปไร้หวนเป็นมรรคกระบี่สังหารที่ดุดันถึงขีดสุดอย่างหนึ่ง เมื่อกระบี่พุ่งออกไปจะไม่เหลือทางให้ถอยเหมือนชื่อของมัน
คัมภีร์กระบี่ไท่เสวียนก็ลึกซึ้งกว้างไกล ยิ่งใหญ่เร้นลับ ครองพลังการเปลี่ยนแปลงแห่งมรรคกระบี่ที่สุดยอด
ส่วนเจตกระบี่สายนี้ก็พาให้คนรู้สึกว่ากระบี่ของข้าไปได้ทุกแห่งหน ต่อให้ฟ้าดินขวางกั้น หยินหยางห่างกัน ความเป็นตายอยู่ข้างหน้า ก็ขอให้ได้ฟาดฟันสักกระบี่!
“เป็นกระบี่เล่มนั้น มันยังเฝ้าคร่ำครวญอยู่ที่นี่…”
เสียงของจี้เสวียนดังขึ้น เจือความรู้สึกผิดคาด “ปีนั้นข้ากับจวินหวนก็เคยเจอกระบี่นี้ที่นี่ เคยได้ยินเสียงครวญของมันมาก่อน แต่กลับคิดไม่ถึงว่าผ่านไปเนิ่นนานแล้ว โลกเปลี่ยนแปลงไปไม่รู้กี่ครั้ง แต่มันกลับยังอยู่”
“กระบี่?”
หลินสวินชะงัก ทอดสายตามองไปรอบๆ แต่ไม่พบอะไรเลย
“นี่คือวิญญาณกระบี่ แม้ว่าพลังชีวิตจะเสียหายอย่างหนัก แต่อานุภาพยังเรียกได้ว่าน่ากลัว ปีนั้นข้ากับจวินหวนลงมือพร้อมกัน ต้องการนำวิญญาณกระบี่นี้ไป แต่สุดท้ายก็ไม่สมปรารถนา”
จี้เสวียนเอ่ย “หากคาดเดาตามนี้ แค่คิดก็รู้แล้วว่ามาดสง่างามของเจ้านายมันจะไร้เทียมทานระดับใด”
วิญญาณกระบี่!
มีเพียงกระบี่จักรพรรดิชั้นเลิศที่หล่อเลี้ยงร่างวิญญาณออกมาได้ ล้ำเลิศเหนือธรรมดา ลี้ลับไร้สิ้นสุด พลังต่อสู้ก็น่าหวาดกลัวไร้ขอบเขต
สมบัติจักรพรรดิทั่วไปไม่อาจรับไอสังหารของวิญญาณกระบี่ได้แต่แรก!
“ไปเถอะ อย่าเข้าใกล้หน้าผาชันแถบนี้เลย อ้อมไปดีกว่า”
จี้เสวียนกล่าวชี้แนะ
หลินสวินพยักหน้า กำลังจะออกเดินทาง
แต่เวลานี้เอง…
เจตกระบี่ที่น่ากลัวสายหนึ่งพลันปรากฏขึ้นกลางอากาศ กลายเป็นเงาร่างที่เหมือนว่างเปล่า ปรากฏตัวอยู่ข้างหน้าหลินสวิน
เงาร่างนี้สูงแค่สามชุ่น ดูเล็กจ้อยเป็นอย่างยิ่ง แต่ในสายตาหลินสวินกลับราวได้เห็นดวงตะวันที่ส่องประกายทั่วฟ้า โชติช่วงชัชวาล เปลวเพลิงโหมกระหน่ำ เจิดจ้าจนจิตวิญญาณของเขามีความรู้สึกว่าถูกฉีกกระชาก
“ฮึ! ปีนั้นข้าปล่อยเจ้าไป ตอนนี้ยังกล้าบุ่มบ่ามเข้ามาอีกรึ”
จี้เสวียนที่ซ่อนตัวอยู่ในยันต์บังฟ้าตวาดทันใด ราวกับสัมผัสได้ว่าอันตรายอย่างยิ่ง
“พาข้าไปด้วย…”
คลื่นเจตจำนงสายหนึ่งดังมาจากร่างสูงสามชุ่นนั่น น้ำเสียงแหบพร่าและเจือความตื่นเต้นยากปกปิด
ขณะเดียวกันลักษณ์ประหลาดในครรลองสายตาของหลินสวินหายไป ผลกระทบที่จิตวิญญาณได้รับก็หายไปด้วย แต่เมื่อได้ยินคำพูดนี้หลินสวินกลับตะลึงงัน
ไม่จำเป็นต้องสงสัย เงาร่างสามชุ่นที่เหมือนภาพมายานี้ก็คือ ‘วิญญาณกระบี่’ ที่จี้เสวียนพูดถึง
แต่หลินสวินกลับคิดไม่ถึงว่าทำไม… มันจึงขอให้เขาพามันไปด้วย
จี้เสวียนก็เงียบไป กล่าวอย่างรู้สึกผิดคาด “เจ้ารอมาเนิ่นนานแล้ว ทำไม… ถึงยอมแพ้ตอนนี้เล่า”
“เขาเหมือนกับข้า…”
ร่างมายาของวิญญาณกระบี่เลือนรางเป็นอย่างยิ่ง แต่สายตาของเขากลับจ้องมองหลินสวินไม่วางตา กล่าวด้วยเสียงแหบพร่า “มาจากสถานที่เดียวกัน”
จี้เสวียนกล่าว “ที่ใดหรือ”
เสียงของวิญญาณกระบี่ต่ำลึกและคลุมเครือ “สถานที่ที่ไม่ได้อยู่ที่นี่ นั่นคือบ้านเกิดของเจ้านายข้า ที่นั่น… ถูกพวกเจ้าเรียกว่า… ฟากฝั่งฟ้าดารา…”
ตูม!
ในสมองหลินสวินราวกับถูกฟ้าผ่า ฟากฝั่งฟ้าดารา!
นี่ไม่ใช่หมายความว่ามันเคยข้ามผ่านฟ้าดารามาที่นี่เหมือนท่านแม่ ท่านลุง รวมถึงท่านลู่หรอกรึ
นึกถึงตรงนี้ใจของหลินสวินก็สั่นระรัวขึ้นมา
ที่นี่คือเขตต้องห้ามเซียนโบราณ ถูกมองเป็นเขตแดนอันตรายของเขตต้องห้ามใหญ่แห่งหงเหมิง เต็มไปด้วยปริศนาและความลึกลับ
ใครเล่าจะคิดว่าวิญญาณกระบี่ที่เฝ้ารออยู่ที่นี่มาไม่รู้เท่าไร ถึงกับมาจากโลกของฟากฝั่งฟ้าดารานั่น
จี้เสวียนกล่าว “เจ้าจำคนผิดแล้วกระมัง ยิ่งไปกว่านั้นเท่าที่ข้ารู้ ฟากฝั่งฟ้าดาราเป็นสถานที่ซึ่งเหมือนตำนาน ตั้งแต่ยุคดึกดำบรรพ์มาถึงตอนนี้มีผู้แข็งแกร่งไม่รู้เท่าไรมุ่งหน้าไปเสาะหา แต่สุดท้ายหากไม่ไปไร้หวนคืนก็คอตกกลับมา”
เขาคือจักรพรรดิอสนีดับสูญ มีชีวิตอยู่มาไม่รู้กี่หมื่นปี แน่นอนว่าต้องรู้ดีว่า ‘ฟากฝั่งฟ้าดารา’ เป็นดินแดนที่ดูเลือนรางระดับใด เหมือนสิ่งที่ไม่มีอยู่จริงในตำนาน
วิญญาณกระบี่ส่ายหัว “ข้าไม่มีทางจำผิด กลิ่นอายบนตัวเขาเหมือนเจ้านายของข้าไม่มีผิด ไม่มีทางพลาดแน่”
หลินสวินสูดหายใจลึกกล่าว “ขอถามว่า… เจ้านายของเจ้าเป็นใครหรือ”
หลังเงียบไปครู่ใหญ่ เสียงของวิญญาณกระบี่เผยความโศกเศร้าอย่างบอกไม่ถูก “ข้า… จำไม่ได้แล้ว…”
หลินสวินอึ้งไป จำไม่ได้!?
เป็นไปได้อย่างไร
“ปีนั้นตั้งแต่ร่างของข้าถูกกำจัด พลังต้นกำเนิดถูกทำลาย การรับรู้ของข้าก็ขาดหายไปมาก ข้าเฝ้ารอมาตลอด รอนายท่านมาหาข้า… แม้ว่า… ข้าจะลืมไปแล้วว่าเขาเป็นใคร…”
เสียงของวิญญาณกระบี่ต่ำลึกลงเรื่อยๆ เจือความโศกเศร้าอย่างบอกไม่ถูก
เวลานี้จี้เสวียนถอนใจยาวเหมือนเข้าใจความรู้สึก ในกาลเวลาไร้สิ้นสุดที่ติดอยู่ในเขตต้องห้ามเซียนโบราณนี้ เขารู้สึกงงงวยไม่ได้สติ มีหรือจะไม่เข้าใจ
หากครั้งนี้หลินสวินไม่ปรากฏตัว บังเอิญช่วยเขาเรียกพลังจิตกลับมา เขาก็คงติดอยู่ที่นี่ไปชั่วกาล!
“พาข้าไปด้วย… ได้ไหม…”
วิญญาณกระบี่มองไปยังหลินสวินอีกครั้ง
เขาเหมือนเด็กหลงทางที่กลับบ้านไม่ได้ ท่าทางมุ่งหวังปรารถนา
“ข้า…”
หลินสวินอยากจะพูดแต่ก็หยุดปากไว้ ฟากฝั่งฟ้าดารา สถานที่ซึ่งเลือนรางเหมือนภาพมายานั้น แม้แต่เขาก็ไม่กล้าแน่ใจว่าชีวิตนี้จะมีหวังได้ไปหรือไม่
“เท่าที่ข้ารู้ หนทางมุ่งสู่ฟากฝั่งฟ้าดาราถูกตัดขาดแล้ว”
ทันใดนั้นจี้เสวียนพลันเอ่ยเสียงขรึม “ถ้าเจ้าฝากความหวังไว้ที่เจ้าหนุ่มคนหนึ่งจะต้องผิดหวังแน่!”
“ไม่ จะต้องกลับไปได้แน่”
วิญญาณกระบี่กลับไม่สะทกสะท้าน กล่าวอย่างเด็ดเดี่ยว “ในเมื่อข้ามาที่นี่พร้อมกับนายท่านได้ ก็ต้องกลับไปได้”
“ได้ ข้ารับปากเจ้า”
หลินสวินสูดหายใจลึกก่อนตัดสินใจ
จี้เสวียนรู้สึกผิดคาดอยู่บ้าง แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ขวางหลินสวิน เขาถามแค่ประโยคเดียว “บนโลกนี้มีฟากฝั่งฟ้าดาราจริงหรือ”
“มี”
วิญญาณกระบี่พูดโดยไม่ต้องคิด เพราะเขาก็มาจากที่นั่น!
จี้เสวียนเงียบไปโดยสิ้นเชิง
สำหรับเขาคำตอบนี้คือเรื่องที่คาดไม่ถึง ไขข้อสงสัยที่ซ่อนอยู่ในใจเขามาตลอด
สำหรับคนระดับเขา หรือกล่าวได้ว่าสำหรับระดับจักรพรรดิทั่วหล้า ฟากฝั่งฟ้าดารา…
มีนัยพิเศษที่ต่างออกไป!
ทำไมใต้หล้านี้ถึงมีชื่อที่ผู้คนเรียกขานว่า ‘ทางเดินโบราณฟ้าดารา’
เหตุผลนั้นง่ายมาก ด้วยช่วงต้นยุคดึกดำบรรพ์เมื่อนานมาแล้ว เคยมีคำพูดที่บอกต่อกันมาว่า
ใต้หล้านี้เหมือนหนทางสู่มหามรรค และจุดสิ้นสุดของหนทางนี้ก็อยู่ที่ฟากฝั่งฟ้าดารานั่น!
กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ มีเพียงก้าวออกจากทางเดินโบราณฟ้าดารานี้ไป จึงจะถึงอีกฟากฝั่งของฟ้าดารา!
นี่ก็คือที่มาของชื่อ ‘ทางเดินโบราณฟ้าดารา’
ทว่า…
ในกาลเวลาไร้สิ้นสุดที่ผ่านมา ผู้คนไม่รู้เท่าไรออกเสาะหาในทางเดินโบราณฟ้าดารานี้ วางแผนจะไปยังฟากฝั่งฟ้าดารา แต่สุดท้ายก็พบว่าเส้นทางนี้… ถูกตัดขาดแล้ว!
กระทั่งเรื่องที่เกี่ยวข้องกับฟากฝั่งฟ้าดาราค่อยๆ กลายเป็นตำนาน เปลี่ยนเป็นเลือนรางและเหมือนภาพมายา
แต่ตอนนี้วิญญาณกระบี่กลับบอกว่าฟากฝั่งฟ้าดาราเป็นสิ่งที่มีอยู่จริง แค่คิดก็รู้แล้วว่าสำหรับจักรพรรดิอสนีดับสูญ นี่เป็นข่าวที่สะเทือนใต้หล้าระดับใด
ต่างจากจักรพรรดิอสนีดับสูญ ก่อนหน้านี้หลินสวินก็รู้แล้วว่าฟากฝั่งฟ้าดารายังคงอยู่ ด้วยมารดาของเขาลั่วชิงสวิน ท่านลุงจักรพรรดิสงครามดับดารา รวมถึงท่านลู่ลู่ป๋อหยาล้วนมาจากที่นั่น
ทั้งตอนอยู่ที่จักรวรรดิจื่อเย่า หลินสวินยังเคยกลับไปที่หมู่บ้านเฟยอวิ๋น เจอภาพประทับที่ท่านลู่เหลือทิ้งไว้ ทำให้หลินสวินไม่เพียงแต่มั่นใจว่าท่านลู่ยังมีชีวิตอยู่ เขายังเจอผู้หญิงคนหนึ่งที่ตามล่าท่านลู่ด้วย!
ผู้หญิงคนนั้นร่างสูงโปร่ง ช่วงเอวพันสายคาดทองเส้นหนึ่ง มีผมม่วงราวน้ำตกทั้งศีรษะ พาดทวนสีเงินบนแผ่นหลัง อานุภาพที่แผ่ออกมาราวกับทวยเทพเหยียดหยันสรรพชีวิต!
นางเคยพูดว่า ‘ตราบใดที่ลั่วชิงสวินยังมีชีวิตอยู่ ช้าเร็วก็ต้องถูกจับตัวกลับไปอยู่ดี ยังมีพี่ชายของนาง แม้จะเหยียบย่างระดับจักรพรรดิก็เปล่าประโยชน์’
‘คนทรยศก็คือคนทรยศวันยังค่ำ สักวันย่อมต้องชดใช้ความผิดที่ตนก่อ!’
หลินสวินได้รู้ในตอนนั้นเองว่าพวกท่านแม่ลั่วชิงสวิน ท่านลุงจักรพรรดิสงครามดับดาราและท่านลู่ถูกมองเป็นคนบาป หนีตายมาจากฟากฝั่งฟ้าดารา
เรื่องในอดีตที่ผ่านมาพวกนี้หลินสวินก็รู้แค่คร่าวๆ แต่เขากลับจำได้ดีว่าหลายสิบปีก่อน ผู้หญิงผมม่วงคนนั้นเคยปรากฏตัวที่หมู่บ้านเฟยอวิ๋น และตามล่าท่านลู่ตลอดทาง!
เท่านี้ก็สันนิษฐานได้แล้วว่า ในเมื่อผู้หญิงผมม่วงมาจากฟากฝั่งฟ้าดาราได้ มีหรือจะไม่มีวิธีกลับไปยังฟากฝั่งฟ้าดารา
นี่ก็พิสูจน์ได้ว่าหนทางมุ่งสู่ฟากฝั่งฟ้าดาราไม่ได้ถูกตัดขาด!
แต่เหมือนว่ามีเพียงคนที่มาจากฟากฝั่งฟ้าดารา ที่ก้าวผ่านไปบนเส้นทางนี้ได้…
นี่ทำให้หลินสวินเกิดความคิดที่บ้าบิ่นขึ้นมาอย่างอดไม่อยู่
หากเส้นทางนี้ไม่ได้ถูกตัดขาด แต่ถูกพลังบางอย่างจงใจผนึก ใช้สิ่งนี้มาขวางผู้ฝึกปราณบนทางเดินโบราณฟ้าดาราที่อยากมุ่งหน้าไปหรือไม่
หรือพูดได้ว่าทางเดินโบราณฟ้าดาราถูกปิดอยู่ก่อนแล้ว มีเพียงคนที่ถือกุญแจที่เปิดมันเพื่อเข้าออกได้?
ไม่นานหลินสวินก็ส่ายหัว เรื่องที่คลุมเครือเช่นนี้ห่างไกลจากตัวเขามาก การคาดเดาในตอนนี้ก็เป็นแค่เรื่องเพ้อพกเท่านั้น
ทางเดินโบราณฟ้าดารากว้างใหญ่ไพศาลเพียงใด ทั้งมีพลังของใครที่น่ากลัวถึงขั้นปิดประตูใหญ่ที่มุ่งสู่ฟากฝั่งฟ้าดาราได้?
ความคิดของหลินสวินไหลเร็ว
หัวใจของจี้เสวียนก็พองโตขึ้นเช่นกัน
หลังจากวิญญาณกระบี่นั้นได้รับการยอมรับจากหลินสวินก็เปลี่ยนเป็นนิ่งสงบขึ้นมา ราวหวนถึงความหลังอะไรบางอย่าง แต่กลับนึกอะไรไม่ออก จนพาให้สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความงุนงง
“ไปเถอะ”
เนิ่นนานกว่าจี้เสวียนจะเอ่ยวาจาทำลายความเงียบ ทำให้หลินสวินได้สติ
“ข้าไม่กล้ารับรองว่าชีวิตนี้จะมีโอกาสมุ่งหน้าไปยังฟากฝั่งฟ้าดาราหรือไม่ แต่ขอแค่ข้ายังมีชีวิตอยู่ จะต้องไปเยือนอย่างแน่นอน”
หลินสวินสูดหายใจลึก มองวิญญาณกระบี่นั่นแล้วกล่าวอย่างจริงจัง
วิญญาณกระบี่ยิ้ม
นี่คือรอยยิ้มแรกหลังจากที่เขาปรากฏตัว แม้ว่าท่าทางของเขาจะเหมือนภาพมายาและเลือนรางยิ่ง แต่รอยยิ้มนั้นกลับเจิดจ้าและสมจริงหาใดเปรียบ
“ข้าฝืนต่อไปได้ไม่นานแล้ว จำเป็นต้องปิดด่านฝึกตนเงียบๆ หากเจ้าต้องการให้ช่วย แค่เรียกหา ‘เย่จื่อ’ ก็พอ”
วิญญาณกระบี่พูดพลางแปลงเป็นกระบี่บินที่เล็กบางเหมือนปลายเข็ม แทรกตัวเข้าไปอยู่ระหว่างเส้นผมของหลินสวิน เหมือนภาพมายาที่จับต้องไม่ได้ เงียบหายไปทั้งอย่างนั้น
………………….