Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2027 ท่องคัมภีร์สะท้านทั่วทิศ
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 2027 ท่องคัมภีร์สะท้านทั่วทิศ
บรรทัดหยกจู่โจมคราเดียว สังหารหนึ่งจักรพรรดิ!
ความน่ากลัวของพลังที่เสวี่ยหยาสำแดงออกมา ทำให้ทุกคนในที่นั้นต่างหน้าเปลี่ยนสี
จักรพรรดิยอดยุทธ์และจักรพรรดิกระบี่จวินหวนล้วนแข็งแกร่งจนไม่อาจจินตนาการแล้ว ตอนนี้ยังมีจอหงวนมรรคจักรพรรดิที่ไม่ด้อยไปกว่ากันเพิ่มมาอีกคน นี่อยู่เหนือความคาดหมายของทุกคนโดยสิ้นเชิง
มีเพียงเฒ่าชราบางคนที่เคยเข้าร่วมศึกมรรคของเหล่าจักรพรรดิในสมัยบรรพกาลที่รู้ดี ว่าผู้สืบทอดของคีรีดวงกมลอาจมีจำนวนน้อยมาก แต่ทุกคนล้วนมีพลังต่อสู้น่ากลัวที่อยู่เหนือความคาดหมาย!
ไม่อย่างนั้นศึกมรรคของเหล่าจักรพรรดิในปีนั้น ย่อมไม่มีทางเกิดการสูญเสียที่น่าหดหู่เช่นนั้นแน่
“ศิษย์น้อง การแจ้งมรรคในระดับจักรพรรดินั้นไม่ง่าย แต่ก็เป็นตัวแบ่งความสูงต่ำ ที่เรียกว่ามรรคจักรพรรดิเก้าด่าน หนึ่งด่านหนึ่งชั้นฟ้า ระดับชั้นแตกต่าง พลังที่ครอบครองก็ไม่เหมือนกันอย่างสิ้นเชิง”
กลับเห็นเสวี่ยหยากล่าวด้วยเสียงอบอุ่น “เหมือนศิษย์พี่ผู่เจินและศิษย์น้องจวินหวน พวกเขาล้วนก้าวสู่ธรณีประตูของระดับจักรพรรดิชั้นเก้า ย้อนบรรพ์ในระดับจักรพรรดิแล้ว เรียกได้ว่าเป็นบรรพจารย์จักรพรรดิ”
“แต่ก่อนหน้านี้เพื่อหนีการจับกุมของพลังต้องห้าม พวกเขาจึงไม่อาจไม่กดพลังไว้ ทำให้ผู้คนคิดว่าพวกเขาเป็นแค่ผู้ฝึกปราณระดับจักรพรรดิทั่วไป แต่ตอนนี้… ไม่เหมือนกันแล้ว”
คำว่าไม่เหมือนกันถูกกล่าวออกมาอย่างมีนัยลึกล้ำ
นี่เป็นถึงการประชันหมากที่ต่อสู้กันอย่างดุเดือด แต่เสวี่ยหยากลับทำเหมือนมองไม่เห็น อธิบายนัยเร้นลับของระดับจักรพรรดิกับหลินสวิน ทำให้หลินสวินตื่นตะลึงไปพักหนึ่ง
ในส่วนลึกของเวิ้งฟ้า เสียงที่ค่อนข้างหมดความอดทนของจวินหวนพลันดังขึ้น “ศิษย์พี่สิบเก้า ไยต้องพูดไร้สาระมากความนัก รีบมาช่วยข้ากับศิษย์พี่ผู่เจินเร็วเข้า”
“เจ้าหนอนหนังสือ!”
เสียงแข็งกระด้างลุ่มลึกนั้นของผู่เจินก็ดังตามมา เห็นได้ชัดว่านี่เป็นคำวิจารณ์ที่เขามีต่อเสวี่ยหยา
หลินสวินมุมปากกระตุก เกรงว่าคงมีแค่ศิษย์พี่จวินหวนกับศิษย์พี่ผู่เจินที่กล้าพูดกับศิษย์พี่เสวี่ยหยาเช่นนี้กระมัง…
กลับเห็นเสวี่ยหยากลั้นขำไม่อยู่ เขาส่ายหัวแล้วนั่งลงกลางอากาศอย่างสบายๆ เปิดม้วนตำราที่ถือไว้ในมือออกมา
สีหน้าเขานิ่งสงบ แววตาผ่องแผ้ว ทั่วร่างแผ่ไอพลังยิ่งใหญ่ม้วนกลืนทั่วทิศ
“ขงจื๊อไม่สอนเรื่องเหนือธรรมชาติและจิตวิญญาณ”
เสียงมรรคระลอกหนึ่งดังออกมาจากปากของเสวี่ยหยา
แต่ละคำประหนึ่งประทับนัยเร้นลับแห่งมหามรรค ดังก้องอยู่กลางฟ้าดินเหมือนระฆังใบใหญ่ดังกังวาน กระหึ่มราวกับฟ้าร้อง สั่นสะเทือนใจคน
เมื่อประโยคนี้ดังขึ้น ไอพลังยิ่งใหญ่ที่โชติช่วงแถบหนึ่งพุ่งทะลวงท้องนภา อาบไล้เงาร่างของพวกผู่เจินและจวินหวนไว้ภายใน
เพียงพริบตาเดียวเท่านั้น อานุภาพของทั้งสองพลันพุ่งพรวดราวกับมีเทพช่วย
“ยอดประกาศิตสำนักพรต!”
“เล่าลือว่าเป็นวิชาลับชั้นสูงที่ยกระดับพลังต่อสู้ของผู้ฝึกปราณได้ ถูกจัดเป็นหนึ่งในเก้ามรดกพิทักษ์สำนักแห่งคีรีดวงกมล”
“มีคัมภีร์มรรคที่อัศจรรย์เช่นนี้จริงหรือ”
ในที่นั้นมีเสียงตกตะลึงดังขึ้น
ส่วนลึกของเวิ้งฟ้า พลังต่อสู้ของจวินหวนและผู่เจินยกระดับขึ้นอย่างเห็นได้ชัด มีสัญญาณว่าจะพลิกสถานการณ์อยู่รางๆ
ถึงขั้นว่าจี้เสวียนที่กำลังห้ำหั่นกับจักรพรรดิสงครามเจวี๋ยอิ้นและจักรพรรดิมารผลาญนภา ซย่าสิงเลี่ยที่กำลังสู้กับมหาจักรพรรดิคมยุทธ์ พลังต่อสู้ก็ยกระดับขึ้นไม่น้อยอย่างเห็นได้ชัด!
และนี่ก็เป็นเพราะอักษรมรรคประโยคเดียวที่เสวี่ยหยากล่าวออกมา!
เหตุการณ์ที่น่าเหลือเชื่อเช่นนี้ ทำเอาหลินสวินตื่นตะลึงอย่างต่อเนื่อง
“ผู้มีปัญญาไม่ลังเล ผู้มีเมตตาไม่อมทุกข์ ผู้กล้าไม่หวั่นเกรง”
“ผู้เปี่ยมปณิธานและคุณธรรม ไม่ทำลายคุณธรรมเพื่อแลกชีวิต หากแต่ยอมสละชีวิตเพื่อบรรลุคุณธรรม”
“สามเหล่าทัพล้วนเปลี่ยนผู้นำได้ ผู้กร้าวแกร่งไม่อาจเปลี่ยนเจตจำนง”
“วีรชนกินไม่แสวงอิ่ม อยู่ไม่แสวงสบาย ไวในเรื่องการงานแต่ระวังในคำพูด ย่อมมีผู้ยึดมั่นคุณธรรมชี้แนะ”
ในเวลาต่อมาเสวี่ยหยานั่งขัดสมาธิกลางอากาศ ริมฝีปากเอ่ยท่องคัมภีร์ พลันเห็นไอพลังไพศาลกลางฟ้าดินเกิดปรากฏการณ์ยิ่งใหญ่แผ่กว้างราวธารามหาสมุทร
อักษรมรรคบางส่วนส่องแสงเจิดจ้าดั่งไข่มุกน้ำงาม เริงระบำไปทั่วฟ้า
เมื่อมาถึงหูหลินสวินก็เหมือนกำลังรับฟังมหามรรค ลุ่มหลงลืมตัว
เมื่อมาถึงหูจวินหวน ผู่เจิน ซย่าสิงเลี่ย จี้เสวียน ก็ทำให้พลังต่อสู้ของพวกเขาพุ่งพรวด ยิ่งสู้ยิ่งหาญกล้า ยิ่งสู้ยิ่งแข็งแกร่ง
แต่เมื่อมาถึงหูระดับจักรพรรดิคนอื่นในที่นั้น กลับเหมือนเปลี่ยนเป็นดาบกระบี่ที่มองไม่เห็น ฟาดฟันจิตมรรคและเจตจำนงของพวกเขาอย่างหนักหน่วง ทำให้พวกเขาเลือดลมตีกลับ สภาวะจิตสั่นสะเทือน แต่ละคนล้วนหน้าเปลี่ยนสี
ภาพนั้นช่างเรียกได้ว่าสะท้านฟ้าสะเทือนดิน เทพผีโศกศัลย์!
“รีบขวางเขาไว้!”
เสียงตวาดหนึ่งดังขึ้น
ระดับจักรพรรดิหลายคนพุ่งออกมา ใช้สมบัติจักรพรรดิ สำแดงมรรคจักรพรรดิ เข้าโจมตีเสวี่ยหยา
ตูม!
แสงสมบัติและแสงมรรคที่มืดฟ้ามัวดินไหลหลั่ง บดขยี้ห้วงอากาศ อานุภาพน่าตระหนก
เสวี่ยหยานั่งขัดสมาธิกลางอากาศ ไม่ฟัง ไม่ถาม ไม่ยินดี ไม่โศกเศร้า เงาร่างเขาอาบไล้ด้วยไอพลังยิ่งใหญ่ ริมฝีปากท่องคัมภีร์มหามรรค ราวกับเทพที่ไม่อาจดูหมิ่น
อักษรมรรคที่เพริศแพร้วเจิดจ้าแต่ละบรรทัดส่องประกาย พุ่งออกมาจากร่างของเขา ต้านทานและสลายพลังที่พุ่งโจมตีเข้ามานั้นทีละอัน
ระดับจักรพรรดิหลายคนที่พุ่งเข้ามานั้น กลับเป็นว่าถูกกำราบจนน่าอนาถเหลือทน ไม่ทันไรก็กระอักเลือดอย่างต่อเนื่อง แต่ละคนหน้าเปลี่ยนสีทันใด
น่ากลัวเกินไปแล้ว!
คนผู้หนึ่งนั่งท่องคัมภีร์เพียงลำพังกลางฟ้าดิน สร้างอานุภาพที่คาดไม่ถึงเช่นนี้ ช่างน่าเหลือเชื่อจริงๆ
จอหงวนมรรคจักรพรรดิ ท่องคัมภีร์สะท้านทั่วทิศ!
เวลานี้ผู้คนถึงเพิ่งเข้าใจความนัยที่แท้จริงของคำชมนี้อย่างลึกซึ้ง
ท่องคัมภีร์ประหนึ่งมรรค เสมือนมีวาจาสิทธิ์!
ตูม!
ส่วนลึกของท้องนภา ผู่เจินออกหมัด สังหารระดับบรรพจารย์จักรพรรดิคนหนึ่ง เลือดหลั่งย้อมฟ้าดินแถบนั้นเป็นสีแดงก่ำ
“สะใจจริงๆ!”
สีหน้าทึ่มทื่อของผู่เจินเผยความสะใจวูบหนึ่ง
บรรพจารย์จักรพรรดิอีกคนสิ้นชีพแล้ว!
เหตุการณ์นี้ทำให้ทั้งที่นั้นตกตะลึงทันที ทุกคนต่างไม่กล้าเชื่อ มือเท้าเย็นเฉียบ
กี่ปีแล้วที่บนโลกนี้ไม่เคยเกิดเรื่องโกลาหลนองเลือดเช่นนี้ขึ้น การตายของบรรพจารย์จักรพรรดิคนหนึ่ง มีอิทธิพลยิ่งใหญ่ที่สามารถชักนำมาซึ่งแรงสะเทือนทั่วหล้า!
แต่เบื้องหน้าเขาเมฆานี้ เมื่อผู้สืบทอดคีรีดวงกมลสามคนอย่างจวินหวน ผู่เจิน เสวี่ยหยาปรากฏตัว ก็ทยอยมีบรรพจารย์จักรพรรดิสองคนสิ้นชีพ!
พรูด!
จักรพรรดิสงครามเจวี๋ยอิ้นที่กำลังห้ำหั่นกับจักรพรรดิอสนีดับสูญ ถูกประทับอสนีบาดตาสายหนึ่งฟาดผ่า ร่างระเบิดกระจุยทันที
พลังจิตของเขาพุ่งออกไป เพิ่งหมายจะหลบหนีก็ถูกไอพลังยิ่งใหญ่ที่พุ่งทะลวงฟ้าดินนั้นปกคลุม
“ไม่… ช่วยข้าด้วยๆ!!”
พลังจิตของจักรพรรดิสงครามเจวี๋ยอิ้นร้องโหยหวน
ระดับจักรพรรดิแล้วอย่างไร
ยามเผชิญหน้ากับความตาย ก็ลบล้างความหวาดกลัวและไม่ยินยอมในใจไม่ได้
เพียงพริบตาพลังจิตของจักรพรรดิสงครามเจวี๋ยอิ้นก็ถูกผลาญเป็นเถ้าถ่าน!
ภาพการตายนี้ทำให้ทุกคนในที่นั้นสั่นสะท้านอีกครั้ง
พูดอย่างไม่เกินจริง ตั้งแต่เสวี่ยหยาปรากฏตัว สถานการณ์ประชันหมากปรกสวรรค์นี้ก็ถูกเขาคนเดียวพลิกกลับอย่างแข็งกร้าว
เพราะมีเขาจึงทำให้พลังต่อสู้ของจวินหวนและผู่เจินเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
และด้วยมีเขาจึงทำให้เหล่าจักรพรรดิถูกโจมตีภายใต้ ‘เสียงมรรคท่องคัมภีร์’ ของเขา!
“พอแล้ว!”
เสียงเยียบเย็นหนึ่งพลันดังขึ้น จากนั้นเงาร่างสูงใหญ่ประหนึ่งเทพก็ปรากฏตัวกลางอากาศ สะบัดมือตบออกไป
ประทับฝ่ามือหนึ่งรวมตัวกัน นิ้วทั้งห้าดุจขุนเขา ฝ่ามือดั่งโลกหล้า ภายในแฝงลักษณ์แห่งทั่วหล้าฟ้าดารา ภายนอกสะท้อนความอัศจรรย์แห่งกฎเกณฑ์มหามรรค
เพียงฝ่ามือเดียว แต่กลับเหมือนโลกแห่งหนึ่งพุ่งสังหารเข้ามา
ตูม!
ไอพลังยิ่งใหญ่ที่ปกคลุมฟ้าดินถึงกับถูกฝ่ามือนี้ซัดพินาศไปกว่าครึ่ง ทั้งประทับฝ่ามือยังเปี่ยมอานุภาพไม่เสื่อมถอย ปกคลุมมาทางเสวี่ยหยา
“ขงจื๊อกล่าวว่า ไม้ผุสลักไม่ได้ฉันใด กำแพงโคลนก็ไม่อาจฉาบให้เรียบฉันนั้น”
เสวี่ยหยาส่งเสียงก้องกังวาน
ทันใดนั้นประทับฝ่ามือที่มีอานุภาพไร้จำกัดนี้ก็พังทลายต่อหน้าเขาไปทุกกระเบียด
พอมองไปในที่นั้นอีกครั้ง เงาร่างสูงใหญ่ดั่งเทพนั่นกลับเป็นชายที่หน้าตาแปลกประหลาดคนหนึ่ง ดวงตาทั้งคู่ล้ำลึกดั่งแดนนรก พาดกระบี่โบราณเล่มหนึ่งไว้บนแผ่นหลัง
บรรพจารย์กระบี่อวิ๋นกวงแห่งเรือนมรรคยุทธจักร!
ในที่นั้นพลุ่งพล่านกันทันที จำฐานะของผู้ที่ลงมือได้ว่าเป็นหนึ่งใน ‘ห้าบรรพจารย์’ ที่ควบคุมดูแลเรือนมรรคยุทธจักร มีกิตติศัพท์เกรียงไกรมาตั้งแต่สมัยดึกดำบรรพ์
ศัตรูผู้แข็งแกร่งที่ตายในเงื้อมมือเขายิ่่งมีนับไม่ถ้วน!
เวลานี้สีหน้าเสวี่ยหยาก็เปลี่ยนเป็นจริงจัง ดูคร่ำเคร่งอยู่บ้าง เห็นได้ชัดว่าเขาก็รู้ถึงความร้ายกาจของบรรพจารย์กระบี่อวิ๋นกวงนี่
“จอหงวน เจ้าถึงกับด่าข้าเป็นไม้ผุกับกำแพงโคลนรึ ช่างกล้านัก!”
ชายผู้นั้นยิ้มหยัน ยกมือขึ้นชี้ เสียงชิ้งดังขึ้น กระบี่โบราณด้านหลังทะยานสู่ฟากฟ้า ฟันไปทางเสวี่ยหยา
กระบี่โบราณเล่มนี้ยาวไม่เกินสองฉื่อ ขาวดุจหิมะตลอดเล่ม ตัวกระบี่ไร้คม แต่กลับเผยลายมรรคที่เร้นลับแน่นขนัด
เมื่อกระบี่นี้ฟันออกมา ฟ้าดินนี้ก็ถูกแบ่งเป็นสองเสมือนผืนผ้าใบ
เจตกระบี่ที่น่าหวาดกลัวทำให้จิตวิญญาณของเหล่าจักรพรรดิในที่นั้นรู้สึกประหนึ่งถูกฉีกกระชาก ดวงตาแสบแปลบ
กระบี่นี้ แข็งแกร่งเกินไปแล้ว!
ตรงหน้าเสวี่ยหยาปรากฏบรรทัดหยกสีเขียวเล่มหนึ่ง ปะทะเข้ากับปราณกระบี่สายนี้
ตูม!
ฟ้าสะท้านดินสะเทือน สุริยันจันทราหม่นแสง
ร่างของเสวี่ยหยาซวนเซไปพักหนึ่ง แต่ยังคงท่านั่งขัดสมาธิไว้ตลอด ทว่าสีหน้ากลับจริงจังยิ่งกว่าเดิมแล้ว
“หากเจ้าจดจ่อกับการสู้กับข้า บางทีอาจยืนหยัดได้ช่วงหนึ่ง น่าเสียดาย เจ้ายังต้องช่วยจักรพรรดิยอดยุทธ์และจักรพรรดิกระบี่จวินหวน ภายใต้การแบ่งสมาธิ เจ้าต้องพ่ายแพ้อย่างไม่ต้องสงสัย”
ยามที่บรรพจารย์กระบี่อวิ๋นกวงกล่าว กระบี่โบราณส่องประกายแล้วฟันลงมาอีกครั้ง
ฟุ่บ!
เจตกระบี่เดือดพล่าน พุ่งทะลวงห้วงอากาศ
เขตแคว้นที่เขาเมฆาตั้งอยู่นี้กว้างใหญ่ไพศาลระดับใด แต่เมื่อกระบี่นี้ฟันออกมา ทั่วแคว้นพลันสั่นสะเทือน ภูเขาไม่รู้เท่าไหร่พังทลายกะทันหัน
บ้านเรือนนับไม่ถ้วนถล่มโครมคราม ทั้งมีเสียงร้องแตกตื่นและตะโกนลั่นดังขึ้นนับไม่ถ้วน…
อานุภาพหนึ่งกระบี่ สะท้านทั่วแคว้น!
เสวี่ยหยาสูดหายใจลึก กำลังจะลุกขึ้นต่อสู้ก็ได้ยินเสียงนุ่มนวลอ่อนโยนหนึ่งดังขึ้น
“ศิษย์น้องเจ้าจดจ่อกับการท่องคัมภีร์ก็พอ”
เมื่อเสียงดังขึ้น ด้ายไหมที่เหมือนแสงเคลื่อนสายหนึ่งพุ่งออกไปพันรอบอากาศ
กระบี่ที่สะเทือนแคว้นของบรรพจารย์กระบี่อวิ๋นกวงถึงกับถูกด้ายไหมพันผูก ไม่รอให้สลัดพันธนาการก็ถูกเส้นด้ายนี้เฉือนตัด แตกออกจากกันกลางอากาศ
“นี่…”
“ทำไมถึงต้านทานได้”
ในที่นั้นพลันปั่นป่วน เหล่าจักรพรรดิล้วนหนาวเยือกไปทั้งใจ
กระบี่ที่ทรงอานุภาพไม่อาจทัดเทียมนั้นถูกสลายเช่นนี้หรือ
มุมปากเสวี่ยหยาคลี่ยิ้ม
เขาสลัดความคิดฟุ้งซ่าน ไม่คิดถึงเรื่องอื่นอีก กายใจว่างเปล่า เริ่มท่องคัมภีร์
บรรพจารย์กระบี่อวิ๋นกวงที่อยู่ห่างออกไปก็นัยน์ตาหดรัด กระบี่โบราณลอยล่อง แต่กลับไม่ลงมืออีก
ก็เห็นเงาร่างที่นุ่มนวลอรชร สุภาพอ่อนโยนดั่งดอกกล้วยไม้ปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าเสวี่ยหยาและหลินสวินอย่างเงียบเชียบ มวยผมยาวดำขลับเอาไว้ เผยให้เห็นดวงหน้างามที่เนียนสะอาดนิ่งสงบ
ตั้งแต่ต้นจนจบ นางพาให้คนรู้สึกถึงความนุ่มนวลบริสุทธิ์ดั่งวารี บุคลิกก็สุภาพอ่อนโยน แต่เมื่อนางปรากฏตัวกลับมีเสียงอุทานดังขึ้น
“เป็นนาง!”
พวกมหาจักรพรรดิศิลาเมฆล้วนจำได้ ก่อนที่การเคลื่อนไหวในเขตต้องห้ามเซียนโบราณจะเปิดฉาก ผู้หญิงคนนี้เคยปรากฏตัวในฐานะคนของเรือนมรรคคืนกำเนิด ตบหน้าจักรพรรดิหญิงวิญญาณเพลิง ทำให้ฝ่ายหลังไม่มีแรงดิ้นรนต่อต้านแม้แต่น้อย
“นางมาได้อย่างไร นี่เป็นไปไม่ได้!”
ในที่ลับกลับมีเสียงยากจะเชื่อดังขึ้น คล้ายคิดไม่ถึงว่าคนผู้หนึ่งที่เดิมทีไม่ควรปรากฏตัวที่นี่ ทำไมถึงปรากฏตัวได้
บรรพจารย์กระบี่อวิ๋นกวงเผยสีหน้าไม่คาดฝัน แววตาไหววูบ ตื่นตระหนกไม่หยุด
หญิงสาวที่สุภาพอ่อนโยนคนนี้ แน่นอนว่าเป็นรั่วซู่ผู้สืบทอดคนที่สามแห่งคีรีดวงกมล!
เมื่อเห็นศิษย์พี่รั่วซู่ปรากฏตัว ในใจหลินสวินก็เปลี่ยนเป็นนิ่งสงบขึ้นมา ถึงขั้นเฝ้ารออยู่บ้างว่ายามลงมือจริง ศิษย์พี่สามจะมีมาดสง่างามระดับใด
………………………..