Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2150 กำแพงเมืองหมื่นมรรค
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 2150 กำแพงเมืองหมื่นมรรค
ทุกคนต่างตระหนักได้ว่าหลังจากเข้าสู่แดนปรินิพพานแห่งนี้ เส้นทางสู่นิพพานนี้ก็เริ่มขึ้นแล้ว ไม่อาจเลือกถอยหลังได้อีก!
หลินสวินสื่อจิตให้พวกเสวียนจิ่วอิ้น ‘หลังเข้าสู่วัฏจักร ข้าจะไปตามหาพวกเจ้าอย่างเต็มที่’
ในขณะเดียวกันผู้แข็งแกร่งที่มาจากขุมอำนาจต่างๆ ในที่นั้น ต่างก็กำลังสนทนาปรึกษามาตรการรับมือ
แต่ไม่ว่าจะปรึกษาอย่างไร จิตใจล้วนไม่สงบ
สาเหตุก็อยู่ที่ ใครก็ไม่รู้ว่า ‘โลกกำลังภายใน’ ที่อยู่ในวัฏจักรนั้นเป็นสถานที่เช่นไรกันแน่ และหลังจากพวกเขาแต่ละคนเข้าไปในนั้น จะปรากฏตัวด้วยฐานะเช่นไร
ชั่วขณะเดียวบรรยากาศอึมครึมและหนักอึ้ง
“เริ่มวัฏจักร”
ขณะที่เงาร่างที่แปลงจากระเบียบนั้นพูด จู่ๆ กลางฟ้าดินก็มีพลังม้วนตลบที่น่ากลัวหาใดเทียบผุดขึ้นมา เงาร่างทุกร่างที่อยู่ตรงนั้นต่างถูกปกคลุมอยู่ในนั้นโดยสมบูรณ์
ครู่ต่อมา พวกเขาก็ถูกห่อหุ้ม พานำเข้าไปในส่วนลึกของตำหนักลึกลับอันโอฬารหาใดเทียบนั้น
วู้ม!
ไม่ทันรอให้สายตาหลินสวินมองเห็นชัด พลังวัฏจักรกาลเวลาอันมหัศจรรย์ผุดขึ้นมา ทำให้ทั้งตัวเขาไหลไปตามกระแสเวลาเหมือนจอกแหนแถบหนึ่ง
กาลเวลาตระการตาหลากสี บิดเบี้ยวไหววูบแปลงเป็นฟองคลื่น ปั่นป่วนไม่หยุดหย่อน
จิตสำนึกของหลินสวินเริ่มคลุมเครืออย่างช้าๆ…
ท่ามกลางความคลุมเครือ เขาเพียงรู้สึกว่าทรวงอกร้อนผ่าว ในชีพจรปราณวิญญาณต้นกำเนิดที่นิ่งเงียบไม่ไหวติง คล้ายมีพลังลึกลับถูกเรียกให้ตื่น
แต่เมื่อเขาต้องการสัมผัสโดยละเอียด จิตสำนึกก็ตกลงสู่ความมืดมิดโดยสมบูรณ์
……
แดนปรินิพพาน ใต้ฟ้าดาราแห่งหนึ่ง บนทุ่งร้างไพศาล เงาร่างของบุคคลระดับจักรพรรดิร่างแล้วร่างเล่าปรากฏตัวอยู่ในนั้น
แต่ละคนสีหน้าฉงน ต่างเตรียมตัวพร้อมสู้ กลิ่นอายเย้ยฟ้าแผ่กระจายไปทั้งตัว
พวกเขามาจากโลกต่างๆ ในฟ้าดารา ส่วนมากพลังปราณอยู่สูงกว่าระดับจักรพรรดิขั้นหนึ่ง ต่ำกว่าระดับจักรพรรดิขั้นหก!
“ที่นี่ที่ไหน”
หลายคนปล่อยจิตรับรู้ออกมาสังเกตรอบๆ
“ข้ารู้สึกได้ว่าฟ้าดินแห่งนี้ปกคลุมด้วยพลังระเบียบต้นกำเนิดของทางเดินโบราณฟ้าดารา ต่างกับพลังระเบียบต้องห้ามโดยสิ้นเชิง!”
มีสัตว์ประหลาดเฒ่าตาลุกวาว
“ลองตรวจสอบดูแล้ว รอบๆ ทุ่งร้างแห่งนี้ล้วนถูกพลังระเบียบผนึกไว้ ด้วยพลังของพวกเรายังไม่อาจทำลายได้”
มีคนสีหน้าเคร่งเครียด
“นี่ไม่ได้หมายความว่าฟ้าดินแห่งนี้ขังพวกเราไว้ที่นี่เหมือนกรงขังกรงหนึ่งหรือ”
มีคนสีหน้าไม่น่าดู
บรรยากาศเปลี่ยนเป็นกดดันขึ้นมาเช่นกัน
ฉับพลันในฟ้าดาราเหนือศีรษะ กำแพงเมืองยาวเหยียดทอดผ่านกลางอากาศลอยตัวปรากฏออกมา ประหนึ่งโซ่เหล็กสายหนึ่งที่ขวางกั้นฟ้าดาราเอาไว้
กำแพงเมืองนั้นตระหง่านหาใดเทียบ มีป้อมปราการสร้างอยู่เป็นระยะ ตัวกำแพงเปรอะเปื้อนรอยเลือดกระดำกระด่าง แผ่กลิ่นอายเก่าแก่เนิ่นนานออกมา
ดวงดาราแต่ละดวงต่างดูเล็กจ้อยขึ้นมาเมื่ออยู่ต่อหน้ากำแพงเมืองเหยียดยาวนั้น ราวกับหิ่งห้อยเริงระบำฝูงหนึ่ง
ไม่ใช่เพราะดวงดาวเล็กไป แต่เพราะกำแพงเมืองนั้นใหญ่เกินไปแล้ว!
“นี่คงไม่ใช่กำแพงเมืองด่านจักรพรรดิในดินแดนรกร้างโบราณใช่ไหม” มีเฒ่าดึกดำบรรพ์ส่งเสียงอุทาน
ตามคำร่ำลือ ดินแดนรกร้างโบราณที่เป็นต้นกำเนิดหมื่นมรรคมีกำแพงที่พาดข้ามระหว่างโลกหลายใบอยู่ ตั้งแต่โบราณก็มีชื่อเรียกว่า ‘ปราการฟ้าด่านแรกดินแดนรกร้างโบราณ สถานที่หยุดเท้าของจอมจักรพรรดิ’
ในข่าวลือ ศึกมรรคสิบทิศดึกดำบรรพ์ก็ปะทุอยู่นอกกำแพงเมืองด่านจักรพรรดิ!
“เป็นไปไม่ได้ ที่นี่เป็นถึงแดนปรินิพพาน เป็นสถานที่ที่แปลงมาจากพลังระเบียบต้นกำเนิดของโลกฟ้าดารา จะมีกำแพงเมืองด่านจักรพรรดิของดินแดนรกร้างโบราณปรากฏตัวที่นี่ได้อย่างไร”
มีคนปฏิเสธทันที
ไม่ว่าจะเป็นระดับจักรพรรดิคนไหน ขณะนี้ยามมองดูกำแพงเมืองสูงใหญ่ตั้งตระหง่าน ยืดยาวไร้ที่สิ้นสุดบนฟ้าดารา ต่างก็จิตใจปั่นป่วนไปครู่หนึ่ง
บนกำแพงเมืองนั้นมีคราบเลือดเป็นด่างดวง เก่าแก่เนิ่นนาน บนกำแพงยังเต็มไปด้วยร่องรอยการต่อสู้ มีรอยฝ่ามือใหญ่ยักษ์ราวภูผา มีรอยกระบี่ยืดยาวหลายหมื่นจั้ง มีรอยกระแทกของระฆังใหญ่ มีรอยไหม้ของเพลิงเทพเผาผลาญ…
น่าตกตะลึงเมื่อได้เห็น!
“นิพพานเริ่มขึ้น ณ บัดนี้” เสียงหนึ่งดังขึ้น ก็พบว่าพลังระเบียบควบรวมเป็นเงาร่างดั่งมายาร่างหนึ่งใต้กำแพงเมืองฟ้าดารานั้น
เหล่าจักรพรรดิที่อยู่ในที่นั้นต่างใจสะท้าน สายตามองไปตามๆ กัน
ในที่สุดก็มาแล้ว!
ด้วยสายตาของพวกเขาย่อมดูออก ว่าเงาร่างมายานั้นเป็นสิ่งที่แปลงมาจากพลังระเบียบฟ้าดินแห่งนี้ ไม่ได้เป็นร่างวิญญาณที่แท้จริง
“ตั้งแต่นี้ไป ทุกคนจะต้องเข้าไปใน ‘กำแพงเมืองหมื่นมรรค’ รักษาป้อมปราการป้อมหนึ่ง”
“ถึงเวลานั้นพวกเจ้าจะเผชิญหน้ากับการจู่โจมของสัตว์ประหลาดจากส่วนลึกฟ้าดารา การรุกรานจากมารฟ้านอกดินแดน สิ่งที่พวกเจ้าต้องทำก็คือปกป้องป้อมปราการและกำแพงเมืองหมื่นมรรคเอาไว้”
“ระยะเวลาคือสิบปี”
“ในกำแพงเมืองหมื่นมรรค พวกเจ้าต่างมีโอกาสนิพพานทะลวงการแปรสภาพ ขณะเดียวกันทันทีที่สิ้นชีพ ก็หมายความว่าตายไปโดยสมบูรณ์…”
เสียงเงาร่างที่แปลงจากพลังระเบียบนั้นดังขึ้น ทำให้ระดับจักรพรรดิเหล่านั้นต่างอึ้งไป
ต่อให้พวกเขารู้ตั้งแต่ก่อนมาแล้ว ว่าในแดนปรินิพพานแห่งนี้เต็มไปด้วยอันตรายยิ่งใหญ่ เป็นไปได้สูงยิ่งที่จะถูกสัตว์ประหลาดฟ้าดารา หรือมารฟ้าต่างดินแดนหมายหัว
แต่ยังคิดไม่ถึงว่านี่เพิ่งมาถึง การทดสอบที่อันตรายหาใดเทียบเช่นนี้ก็มาเยือนแล้ว!
ทันใดนั้นสีหน้าของพวกเขาก็ปนเปไปด้วยความรู้สึกต่างๆ หลายคนโมโหจนแทบผรุสวาท นี่หรือเส้นทางสู่นิพพาน
แต่รสชาติเช่นนี้ ช่างเหมือนกับถูกเกณฑ์ทหารไปตายที่สมรภูมิแนวหน้า!
“ข้าอาละวาดไปทั้งฟ้าดารา เคยถูกปฏิบัติเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไร ข้าไม่เดินบนเส้นทางนิพพานนี้แล้ว!”
มีคนร้องลั่น ท่าทางฮึกเหิมเคลื่อนตัวไปไกล
ครืน!
โซ่เทพระเบียบสายหนึ่งลงมาจากฟ้า ผูกมัดรัดสัตว์ประหลาดเฒ่าที่มีพลังปราณระดับจักรพรรดิขั้นหกผู้นี้ในชั่วพริบตา
เสียงเงาร่างระเบียบดังขึ้น ไม่มีคลื่นอารมณ์แม้สักนิด “ตั้งแต่ชั่วขณะที่พวกเจ้าเข้ามาในฟ้าดินแห่งนี้ เส้นทางสู่นิพพานก็ได้เริ่มขึ้นแล้ว ไม่อาจเลือกถอยได้อีก”
คราวนี้เหล่าจักรพรรดิที่อยู่ที่นั่นต่างเข้าใจถ่องแท้ ไม่ว่าพวกเขาจะยินยอมหรือไม่ ต่างไม่อาจหนีการทดสอบครั้งนี้ได้แล้ว!
……
โลกกำลังภายใน
เมืองเหวมังกร ราชวงศ์ต้าเฉียน
ตระกูลซู
ยามเช้าตรู่ คุณชายสามตระกูลซู ซูชิงหานเปิดประตูเดินออกจากห้อง ยืนอยู่ในลานบ้านของตัวเอง เหม่อลอยมองดูเวิ้งฟ้า
ลานบ้านวิเวกวังเวง ต้นไม้ใบหญ้าเขียวชอุ่ม
มุมหนึ่งของลานปลูก ‘ไผ่เขียวจงหนาน’ ที่คุณชายสามตระกูลซูต้องใจไว้ ป่าไผ่เขียวขจีไหวเอนไปมา ส่งเสียงซู่ซ่าท่ามกลางสายลมยามเช้าตรู่
ไม่มีใครรู้ว่าภายในร่างของคุณชายสามตระกูลซูที่ตื่นขึ้นยามเช้าตรู่วันนี้ มีดวงวิญญาณใหม่อีกดวงหนึ่งอุบัติขึ้นนานแล้ว
‘นี่… ก็คือโลกกำลังภายในหรือ…’
ครู่ใหญ่หลินสวินพ่นลมหายใจออกยาวๆ แววตาค่อยๆ เปลี่ยนเป็นแจ่มกระจ่างขึ้นช้าๆ
จิตรับรู้ของเขาตื่นขึ้นในทันทีที่เข้าสู่วัฏจักรมายังโลกกำลังภายในแห่งนี้!
นี่ทำให้ตัวเขาเองยังประหลาดใจ เพราะตามที่ศิษย์พี่รองวิเคราะห์ ถ้าพบกับวัฏจักร ก้าวที่ยากเข็ญที่สุดก็คือ ‘ตื่นรู้’
ถึงกับเป็นไปได้สูงยิ่งที่จะไม่อาจตื่นรู้ หลงทางอยู่ท่ามกลางอันตรายในโลกวัฏจักรแห่งนี้ตลอดกาล!
แต่เห็นได้ชัดว่าก้าวที่ยากเข็ญที่สุดนี้กลับขวางหลินสวินไว้ไม่ได้สักนิด
‘เป็นเพราะข้าผ่านวัฏจักรมานานแล้ว หยั่งรู้แก่นอัศจรรย์ ‘มหามรรคคือความจริง’ ในมายาจริงเท็จได้นานแล้วหรือเปล่า’
หลินสวินคิดไปคิดมา คิดได้แค่ว่าทั้งหมดนี้เกี่ยวข้องกับวัฏจักรที่ตนเคยผ่านในห้องโถงมรรคาสวรรค์ครั้งนั้น
เพราะเคยผ่านถึงตื่นรู้ได้เร็วปานนี้
“คุณชายสาม วันนี้ท่านตื่นเช้าจริง” เด็กสาวอ่อนวัยเกล้ามวยสองข้าง ใบหน้าน่ารักมีชีวิตชีวา ดวงตาเปล่งประกายคนหนึ่งเดินยกอ่างทองแดง ผ้าขนหนู อุปกรณ์สำหรับใช้ล้างหน้าล้างตาเข้ามาในลานบ้าน
“วางไว้ตรงนั้นเถอะ ข้าทำเอง” หลินสวินเอ่ย
เด็กสาวทรามวัยผู้นี้เป็นสาวใช้ข้างกายของซูชิงหาน มีนามว่าชิงจู๋ เติบโตมาด้วยกันกับซูชิงหานตั้งแต่เล็ก เป็นนายบ่าวกันในนาม ความจริงแล้วไม่ต่างอะไรกับพี่สาวและน้องชายแท้ๆ
ตอนนี้ขณะที่หลินสวินครอบครองร่างของซูชิงหาน ก็รับช่วงความทรงจำของเขามาด้วย เมื่อพบกับชิงจู๋จึงไม่ได้ไม่เป็นธรรมชาติแต่อย่างใด
“ได้เจ้าค่ะ เช่นนั้นข้าไปเตรียมอาหารเช้าก่อน” ชิงจู๋ยิ้มระรื่นหันหลังจากไป
หลินสวินล้างหน้าล้างตาไปพลาง เริ่มจัดระเบียบความทรงจำของซูชิงหานไปพลาง
ณ ใต้หล้าที่มีนามว่าโลกกำลังภายในแห่งนี้ ถูกสามราชวงศ์ใหญ่ควบคุม ได้แก่ต้าเฉียน ต้าฉู่ และต้าเว่ย
ในอาณาบริเวณของทุกราชวงศ์ล้วนมีตระกูลฝึกยุทธ์ต่างๆ กระจายตัวอยู่ ตระกูลเหล่านี้มีการแบ่งแยกใหญ่เล็กตามความแข็งแกร่งของขุมอำนาจที่แตกต่างกัน
ตระกูลซูก็คือหนึ่งในตระกูลของเมืองเหวมังกรแห่งราชวงศ์ต้าเฉียน ขุมอำนาจอย่างมากก็ถือเป็นเพียงตระกูลระดับรอง
ตระกูลในเมืองเหวมังกรอย่างตระกูลซูมีอยู่เจ็ดแปดตระกูล
ส่วนตระกูลที่เบียดตัวขึ้นเป็นตระกูลชั้นหนึ่งในเมืองเหวมังกร มีเพียงสองตระกูล…
หลินสวินไม่ได้สนใจการจัดอันดับขุมอำนาจเหล่านี้อยู่แล้ว เพียงกวาดมองผ่านๆ
ที่ทำให้หลินสวินสนใจก็คือ ซูชิงหานมีฐานะเป็นบุตรชายคนที่สามของหัวหน้าตระกูลซู อายุสิบสี่ปีแล้ว แต่ดันไม่เคยเหยียบย่างบนเส้นทางฝึกปราณฝึกยุทธ์!
ไม่นานนักหลินสวินก็เข้าใจ
ในโลกกำลังภายใน ระดับกำลังภายในคือระดับแห่งวิถียุทธ์ไปแล้ว!
ผู้คนบนโลกนี้ เก้าส่วนเป็นคนธรรมดาทั้งนั้น และที่สามารถเหยียบย่างบนเส้นทางฝึกยุทธ์ก็มีน้อยนิดจนนับนิ้วได้
อย่างตระกูลซูเป็นขุมอำนาจชั้นรองในตระกูลวิถียุทธ์ คนในตระกูลมีหลายร้อยคน แต่ที่เข้าสู่การฝึกปราณจริงๆ กลับมีเพียงหลักสิบคน
น่าเสียดายที่เพราะร่างกายอ่อนแอแต่เล็ก เลือดลมไม่สมบูรณ์ แม้ซูชิงหานจะลองอยู่หลายครั้ง แต่กลับไม่เคยเหยียบย่างเข้าไปในธรณีประตูแห่งการฝึกปราณได้สำเร็จมาโดยตลอด
หลินสวินสังเกตเห็นว่าตระกูลซูไม่ได้ขาดวิชาฝึกปราณ ในความทรงจำของซูชิงหาน ก็มีวิชากำหนดลมหายใจสำหรับนั่งสมาธิฝึกปราณอยู่เจ็ดแปดวิชา
ที่ทำให้หลินสวินประหลาดใจที่สุดก็คือ
วิชาฝึกปราณเหล่านี้ไม่ได้ไม่ละเอียดสักนิด อยู่ในทางเดินโบราณฟ้าดารายังเรียกได้ว่าเป็นวิชาฝึกปราณขั้นพื้นฐานคุณภาพดี
นี่ก็หมายความว่า สาเหตุที่ซูชิงหานฝึกปราณไม่ได้ ไม่ได้มาจากตัววิชาฝึกปราณ
มิหนำซ้ำซูชิงหานยังกินโอสถวิญญาณไม่น้อยตั้งแต่เด็ก แน่นอนว่าสำหรับหลินสวินแล้ว โอสถวิญญาณเหล่านั้นก็เป็นเพียงโอสถวิญญาณสร้างรากฐานที่สามัญที่สุด
แต่สำหรับคนที่ฝึกปราณไม่ได้คนหนึ่ง โอสถวิญญาณเหล่านี้เรียกได้ว่าล้ำค่าแล้ว
หลายปีมานี้เพียงแค่โอสถวิญญาณที่ใช้กับซูชิงหาน ก็ยึดส่วนแบ่งในการซื้อโอสถวิญญาณแต่ละปีของตระกูลซูไปสามส่วน!
จากจุดนี้เห็นได้ว่าไม่ใช่เพราะขาดโอสถวิญญาณ ซูชิงหานจึงไม่อาจฝึกปราณได้
สรุปแล้ว แม้ซูชิงหานจะเป็นคุณชายสามตระกูลซู แต่ก็เหมือนคนธรรมดา ไม่ได้รับความสำคัญ
เรื่องใหญ่ในตระกูล ไม่มีส่วนที่เขาสามารถยุ่งเกี่ยวด้วยได้สักนิด
ที่โชคดีก็คือ อาจเป็นเพราะซูชิงหานไม่อาจฝึกปราณได้ บิดามารดารวมถึงพี่ชายทั้งสองต่างรักและดูแลเขายิ่งนัก ส่งผลให้เขาก็มีชีวิตสงบสุข ได้กินอิ่มนอนหลับ
ซูชิงหานก็แอบเจ็บปวดใจเป็นครั้งคราว นั่นเป็นเพราะเขารู้สึกว่าตนฝึกปราณไม่ได้ ไม่มีทางช่วยเหลือบิดามารดาและพี่ชายได้ รู้สึกเศร้าใจนัก
คนหนุ่มรุ่นเยาว์ สุดท้ายก็ไม่ยินยอมเป็นคนธรรมดา
——