Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2153 บุกเมืองหลวงต้าเฉียนเพียงลำพัง
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 2153 บุกเมืองหลวงต้าเฉียนเพียงลำพัง
ระหว่างที่อึ้งไป เงาร่างน้องสามซูชิงหานก็หายไปจากครรลองสายตาของซูชิงโฉวแล้ว
“ชิงโฉว ยังอึ้งอะไรอยู่ ตามไปสิ!” เสียงกราดเกรี้ยวของซูอวิ๋นไห่ดังแว่วมาจากโถง
ซูชิงโฉวกระวนกระวายใจ รีบร้อนตามไป แต่มองไปรอบๆ ยังมีเงาของน้องสามซูชิงหานอยู่เสียที่ไหน
วันนี้ข่าวคุณชายรองตระกูลซูซูชิงเฟิงที่เข้าร่วมการคัดเลือกงานประลองยอดยุทธ์ พลังปราณถูกทำลายกระจายออกไป ทำให้เมืองเหวมังกรครึกโครม
สามเดือนก่อน ซูชิงโฉว คุณชายใหญ่ตระกูลซูที่ถูกมองว่าเป็นผู้โดดเด่นรุ่นหลังของเมืองเหวมังกร มีบารมีสะดุดตาถึงที่สุดถูกคัดออกอย่างอนาถ
สามเดือนต่อมา คุณชายรองตระกูลซูถูกทำให้พิการในเมืองหลวงต้าเฉียน
กล่าวกันว่าซูชิงหาน คุณชายสามตระกูลซูที่ถึงตอนนี้ยังไม่ได้เดินบนเส้นทางฝึกปราณผู้นั้นยังออกจากบ้านไป บอกว่าจะไปแก้แค้นให้พี่รองซูชิงเฟิง…
นี่เป็นเรื่องน่าขันอย่างไม่ต้องสงสัย
ตระกูลซูกลายเป็นตัวตลกในเมือง ถูกมองว่าเคราะห์ร้ายอย่างต่อเนื่อง ดวงซวยตลอดปี
วันนี้ซูอวิ๋นไห่หัวหน้าตระกูลซูโทสะจู่โจมใจ ล้มหมอนนอนเสื่อ ยิ่งสร้างเงามืดปกคลุมทั้งตระกูลซูเข้าไปอีก
ซูชิงโฉวคุณชายใหญ่ตระกูลซูรับหน้าที่เป็นผู้นำในยามวิกฤต เป็นเสาหลักดูแลควบคุมเรื่องต่างๆ ในตระกูลชั่วคราว
แม้ว่าตระกูลซูจะไม่เกิดความวุ่นวายภายในอะไร แต่ขุมอำนาจต่างๆ ในเมืองเหวมังกรต่างรู้ดีว่า ถ้าผ่านวิกฤตนี้ไปไม่ได้ เป็นไปได้สูงมากที่ตระกูลซูจะล่มสลายลงนับแต่บัดนี้…
เมื่อรับรู้ได้ถึงสถานการณ์เช่นนี้ ตระกูลที่เคยออกตัวขอเชื่อมสัมพันธ์ผ่านการแต่งงานเหล่านั้นต่างพากันมาถึงหน้าประตู เพื่อเอาของหมั้นและสัญญาหมั้นหมายกลับไป
ขุมอำนาจบางส่วนที่มีความสัมพันธ์ค่อนข้างดีกับตระกูลซูก็ทยอยตัดความสัมพันธ์ กลัวแต่โชคร้ายของตระกูลซูจะมาแปดเปื้อน
เติมแต่งให้ยิ่งงามนั้นง่าย ช่วยเหลือยามลำบากนั้น… ยาก!
วันนี้ซูชิงโฉวที่ดูแลตระกูลซูเป็นการชั่วคราวรู้สึกได้ถึงแรงกดดัน ความกังวล และความทุกข์ตรมอย่างไม่เคยมีมาก่อน
ตระกูลซูไยจึงตกต่ำได้ปานนี้
วันนี้ เป็นเดือนที่สี่ที่หลินสวินมาถึงโลกกำลังภายใน
……
อาณาเขตของราชวงศ์ต้าเฉียนกว้างใหญ่ไพศาล มีเมืองมากมายกระจายตัว
ถ้าเปลี่ยนเป็นหลินสวินที่มีระดับมกุฎกึ่งจักรพรรดิบริบูรณ์ ใช้เวลาครู่เดียวก็ท่องไปท่องมารอบๆ ราชวงศ์ต้าเฉียนได้แล้ว
แต่เขาในตอนนี้ใช้เวลาฝึกปราณไปสี่เดือน เพิ่งมีพลังปราณแค่ระดับกำลังภายในขั้นที่ห้าชำระล้างแกนจิต อย่าว่าแต่เคลื่อนย้ายชั่วพริบตาเลย ทะยานตัวในอากาศยังทำไม่ได้
ดังนั้นในตอนที่รีบเร่งเดินทางก็ทำได้เพียงขี่ม้า
ครึ่งเดือนผ่านไป หลินสวินที่ข้ามเขาฝ่าแม่น้ำก็มาถึงสถานที่ใจกลางของราชวงศ์ต้าเฉียนอย่างลำบากยากเย็น…
เมืองหลวง
เมืองหลวงรุ่งเรืองถึงขีดสุด จนทำให้ไม่ว่าผู้ที่มาจากต่างถิ่นคนไหนก็ตื่นตะลึงถึงขั้นรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ
แต่ในสายตาหลินสวิน…
ก็เป็นเพียงเมืองที่ครึกครื้นมากเมืองหนึ่งเท่านั้น ยังเทียบกับนครต้องห้ามของจักรวรรดิจื่อเย่าไม่ได้
ถึงอย่างไรผู้แข็งแกร่งที่สุดในโลกนี้ก็เป็นเพียงระดับกำลังภายในขั้นเก้า คนเก้าส่วนบนโลกนี้เป็นคนธรรมดาที่ไม่เข้าใจเรื่องการฝึกปราณทั้งนั้น
พูดง่ายๆ ที่นี่ก็คือโลกธรรมดาใบหนึ่ง
วันที่สองที่เข้าสู่เมืองหลวง หลินสวินใช้เงินไปสามสิบสองตำลึงสืบข่าวที่อยากรู้
ผู้ที่ทำลายพลังปราณซูชิงเฟิงในการทดสอบรอบที่สี่ของงานประลองยอดยุทธ์ คือองค์ชายเจ็ดแห่งราชวงศ์ต้าเฉียน เฉียนหยวนป้า
เป็นผู้ที่พลังปราณบรรลุระดับกำลังภายในขั้นแปดมหาวัฏจักรขั้นสมบูรณ์แล้ว
ในราชวงศ์ต้าเฉียน เฉียนหยวนป้ามีชื่ออยู่อันดับห้าของอันดับ ‘สิบยอดอัจฉริยะ’
ในหมู่สมาชิกราชวงศ์ต้าเฉียน พลังต่อสู้ของเฉียนหยวนป้าก็เรียกได้ว่าล้ำเลิศชั้นหนึ่ง แข็งแกร่งกว่าคนรุ่นอาวุโสบางคนด้วยซ้ำ
คิดแล้วก็จริง คนหนุ่มสาวย่อมผงาดได้รวดเร็วยิ่งกว่าคนรุ่นอาวุโสเหล่านั้นเสมอ
และระดับกำลังภายในเป็นระดับของวิถียุทธ์ ทำให้อายุขัยของผู้ฝึกปราณในโลกนี้อย่างมากก็อยู่ได้ร้อยกว่าปี ต่อให้เป็นผู้ที่มีระดับกำลังภายในขั้นเก้ายังไม่อาจมีอายุยืนยาว
หากเปลี่ยนเป็นคนอื่นมารู้ข่าวพวกนี้ เกรงว่ายามเผชิญหน้ากับคนน่ากลัวอย่างเฉียนหยวนป้า คงจุดความคิดแก้แค้นไม่ติดสักนิดเดียว
แต่สำหรับหลินสวินแล้ว ระดับจักรพรรดิที่เขาเคยฆ่ามีไม่รู้เท่าไร จะสนใจ… เจ้าคนที่อยู่ระดับกำลังภายในคนหนึ่งเช่นนี้ได้อย่างไร
วันที่ห้าที่เข้าสู่เมืองหลวง
พลังปราณของหลินสวินทะลวงถึงขั้นหกโลหิตเดือดพล่านแล้ว
แล้วก็เป็นวันนี้เช่นกันที่การคัดเลือกรอบที่ห้าในงานประลองยอดยุทธ์เปิดฉากขึ้น อัจฉริยะรุ่นเยาว์ที่คัดเลือกมาจากที่ต่างๆ ของราชวงศ์ต้าเฉียนทั้งสิ้นสามร้อยคนมารวมตัวกันที่เมืองหลวง
เช้าตรู่
ภายในเมืองหลวงมีสังเวียนมหึมาสังเวียนหนึ่งตั้งขึ้น หนุ่มสาวรุ่นเยาว์ที่มาจากที่ต่างๆ สามร้อยคนรออยู่ไม่ไกลจากสังเวียน
การคัดเลือกรอบที่ห้าจะคัดสามสิบคนออกมาจากพวกเขาสามร้อยคน
การแข่งขันโหดร้ายนัก ทำให้สีหน้าสีหน้าของหนุ่มสาวรุ่นเยาว์แต่ละคนต่างเผยความรู้สึกหนักอึ้ง กังวล และตั้งตาคอย
ในที่นั้นมีเพียงเฉียนหยวนป้าคนเดียวที่นั่งอยู่บนบัลลังก์หลังหนึ่งอย่างเกียจคร้าน
เขาแต่งกายด้วยชุดมังกรสีเหลืองสว่าง ศีรษะประดับเกี้ยวขนนก ร่างกายแข็งแกร่งทรงพลัง ประกายเป็นริ้วๆ แผ่ออกมายามดวงตาไหวเคลื่อน
“น่าเบื่อ น่าเบื่อจริงๆ…”
เฉียนหยวนป้าถอนใจเบาๆ ท่าทางดูแคลนเหล่าผู้กล้า
ผู้เข้าแข่งขันที่อยู่ใกล้ๆ ต่างไม่กล้าพูดจา ถึงกับไม่กล้ามองเฉียนหยวนป้า
ในการคัดเลือกก่อนหน้านี้ ทุกคนที่เป็นคู่ต่อสู้ขององค์ชายเจ็ดผู้นี้ต่างถูกทำลายพลังปราณโดยไม่มีข้อยกเว้น!
ถึงกับมีคนโชคร้ายหลายคนถูกฆ่าตายในการต่อสู้ทันที!
นี่ทำให้เฉียนหยวนป้ากลายเป็นพวกร้ายกาจที่น่าเกรงกลัวที่สุดในงานประลองยอดยุทธ์ครั้งนี้ นิสัยใจคอโหดเหี้ยม มือเปื้อนเลือดไปหมด
“ได้เวลาแล้ว การคัดเลือกรอบที่ห้าเริ่มขึ้น ณ บัดนี้!”
เสียงต่ำลึกเสียงหนึ่งดังขึ้นในเมืองหลวงใต้แสงอรุณนี้ ทำให้ผู้เข้าแข่งขันต่างใจเต้นระส่ำ
“น่าจะเริ่มได้ตั้งนานแล้ว”
เฉียนหยวนป้ายืดตัวบิดขี้เกียจ ลุกขึ้นจากบัลลังก์ กวาดมองผู้เข้าแข่งขันคนอื่นด้วยแววตานึกสนุกเหมือนกำลังเลือกเหยื่อล่า
หลายคนรู้สึกอึดอัดไปทั้งตัส และมีคนโกรธเคืองอยู่ในใจ รู้สึกว่าศักดิ์ศรีถูกดูหมิ่น แต่กลับไม่มีใครกล้าไปงัดข้อ
“บัดนี้ เริ่มจับฉลาก”
ชายวัยกลางคนชุดงามหรูคนหนึ่งเดินมาประกาศเสียงเข้ม
“ข้าจับก่อน”
เฉียนหยวนป้าออกตัวทันที เดินตรงไปข้างหน้า ต้องการจับฉลากเป็นคนแรก
แต่ก็ในตอนนี้เองที่ประตูใหญ่เมืองหลวงก็มีเสียงเรียบเฉยหนึ่งลอยมา “ไม่ต้องจับฉลากแล้ว คู่ต่อสู้ของเจ้าก็คือข้า”
ประตูใหญ่เมืองหลวงมีทหารยามดูแล แต่ตอนนี้กลับเกิดความระส่ำระสายขึ้นระลอกหนึ่ง ทหารเหล่านั้นกระเด็นระเนระนาดออกไป
จากนั้นเงาร่างสูงเด่นร่างหนึ่งเดินมา
ทุกคนนัยน์ตาหดรัด ประหลาดใจอย่างอดไม่ได้ ที่นี่คือเมืองหลวง เป็นใจกลางของราชวงศ์ต้าเฉียน ใครกินดีหมีหัวใจเสือกล้ามาก่อเรื่องกัน
“ทหาร ไปจัดการเจ้าสารเลวที่บุกรุกเข้ามา!” ชายวัยกลางคนชุดงามหรูสีหน้าเคร่งเครียด ตะคอกดังลั่น
ทันใดนั้นก็มีทหารเมืองหลวงอาวุธพร้อมสรรพกลุ่มหนึ่งพุ่งออกมาเหมือนกระแสน้ำ
“ช้าก่อน!”
เฉียนหยวนป้าโบกมือหยุดทุกอย่างนี้ จากนั้นก็มองไปยังเงาร่างสูงที่เดินมาไกลๆ นั้น เอ่ยด้วยสีหน้าน่าสะพรึง “เจ้าเป็นใคร เหตุใดเมื่อก่อนถึงไม่เคยเห็นเจ้า”
“ซูชิงหาน เมืองเหวมังกร”
เงาร่างสูงตระหง่านนั้นก็คือหลินสวิน “ซูชิงเฟิงเป็นพี่รองของข้า”
พอพูดคำนี้ออกไป ทั้งที่นั้นก็ไม่สงบไปครู่หนึ่ง พวกเขาเหล่าผู้เข้าแข่งขันย่อมรู้ว่าซูชิงเฟิงเป็นใคร ทั้งยังรู้ดีว่าซูชิงเฟิงถูกเฉียนหยวนป้าทำลายพลังปราณไปในงานประลองยอดยุทธ์รอบที่แล้ว
“ซูชิงเฟิงหรือ”
เฉียนหยวนป้าหยุดคิด แล้วจึงเอ่ยสีหน้าเข้าใจทันทีว่า “ที่แท้ก็คนพิการนั่น พูดแบบนี้เจ้ามาแก้แค้นให้เจ้าพิการคนนั้นหรือ”
ในเสียงเผยความสนุก ดูแคลน ทั้งยังประหลาดใจเล็กน้อย คล้ายคิดไม่ถึงว่าใต้หล้านี้ยังจะมีคนที่ไม่กลัวเขาอยู่จริงๆ
“องค์ชายเจ็ด คนผู้นี้ก่อกวนสร้างความวุ่นวาย รบกวนการทดสอบ รีบจัดการให้เสร็จสิ้นจะดีกว่าพ่ะย่ะค่ะ” ชายวัยกลางคนชุดงามหรูเอ่ย
“ไม่ต้อง”
เฉียนหยวนป้าโบกมือ เผยรอยยิ้มน่ากลัว “ในเมื่อเจ้าเด็กนี่กล้ามาแก้แค้น เช่นนั้นข้าก็จะให้โอกาสมันได้กลายเป็นคนพิการสักครั้ง!”
ขณะที่พูดเขากระโจนออกไปอย่างรวดเร็ว แกว่งหมัดโจมตี
ตูม!
ยามลมหมัดแข็งกร้าวพัดโหม ถึงกับมีท่วงทำนองศักดิ์สิทธิ์ของเจตจำนงมรรคอยู่รางๆ และทำให้อานุภาพของหมัดนี้ของเขาก็เพิ่มสูงขึ้นมาก
ผู้เข้าแข่งขันที่เห็นภาพนี้ต่างตกตะลึงในใจไปครู่หนึ่ง
นี่ก็คือเฉียนหยวนป้า หนึ่งในสิบยอดอัจฉริยะราชวงศ์ต้าเฉียน เพิ่งอายุสิบเจ็ดปีก็ครอบครองแก่นอัศจรรย์เจตจำนงมรรคในวิถียุทธ์แล้ว
หลินสวินหยุดเท้า เห็นหมัดนี้โจมตีมา สีหน้ากลับไม่ทุกข์ไม่สุข เงาร่างไม่หลบไม่หนี
แววดูถูกและผิดหวังฉายวาบในดวงตาเฉียนหยวนป้า นี่ตกใจจนโง่งมไปแล้วหรือ อ่อนแอเกินไปแล้ว ถ้ารู้ว่าเป็นเช่นนี้ก่อนก็คงไม่ลงมือเอง…
ก็ในตอนนี้เอง เขาพลันเจ็บข้อมือ เหมือนถูกตัวหนีบเหล็กยึดจับไว้แน่น จากนั้นก็พบว่าตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ที่มือข้างหนึ่งของหลินสวินจับข้อมือเขาไว้
และในสายตาทุกคน หมัดนี้ของเฉียนหยวนป้าอยู่ห่างจากร่างหลินสวินหนึ่งฉื่อพอดี ก็ไม่อาจเข้าไปใกล้ได้อีก!
ชั่วขณะเดียวทุกคนนัยน์ตาหดรัด
“ความสามารถเท่านี้เองหรือ” หลินสวินเอ่ยเสียงเรียบ ท่าทางผ่อนคลาย เงาร่างไม่ไหวติง
เมื่อมองดูเฉียนหยวนป้าอีกครั้ง ใบหน้าแดงก่ำ ไม่ว่าเขาจะออกแรงอย่างไรล้วนไม่อาจสลัดพลังฝ่ามือของหลินสวินได้
“ไสหัวไป!”
กล้ามเนื้อบนร่างเขาขยายตัว อานุภาพดุร้ายหาใดเทียบอบอวลออกมา ทันใดนั้นก็ใช้มือซ้ายออกหมัดใส่หลินสวิน
พลังหมัดราวกับอสนีบาตร ฉับไวอหังการ
แต่มาถึงครึ่งทางก็ถูกมือข้างหนึ่งของหลินสวินจับข้อมือไว้ ไม่อาจเข้ามาใกล้
ชั่วขณะหนึ่งเฉียนหยวนป้าหน้าเปลี่ยนสีโดยสมบูรณ์
ปึง!
หลินสวินสะบัดมือทั้งสอง พร้อมกันนั้นก็ถีบเท้าข้างหนึ่งออกไป ร่างแข็งแกร่งกำยำของเฉียนหยวนป้ากระเด็นออกไปอย่างรุนแรง ร่วงลงพื้นห่างออกไปสิบกว่าจั้ง ล้มคะมำสภาพยับเยิน
ในที่นั้นมีเสียงสูดหายใจสะท้านระลอกหนึ่ง รู้สึกอย่างกับฝันไป เฉียนหยวนป้าเป็นถึงหนึ่งในสิบยอดอัจฉริยะของราชวงศ์ต้าเฉียน
แต่ตอนนี้กลับดูอ่อนแอถึงที่สุด!
“ไม่ยอมหรือ เช่นนั้นก็เข้ามา”
หลินสวินกระดกนิ้ว มองดูเฉียนหยวนป้าที่อยู่ไกลออกไปด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“ข้าจะฆ่าเจ้า!”
เฉียนหยวนป้าเกรี้ยวกราดโดยสมบูรณ์แล้ว หรือพูดได้ว่าเขาไม่เชื่อสักนิดว่าตนจะแพ้เร็วขนาดนี้
ตูม!
ร่างของเขาเหมือนพยัคฆ์ร้ายออกจากเขา สำแดงวิชาต่อสู้ดุดัน มือทั้งสองต่างมีประกายสีทองเรื่อเรือง อานุภาพกล้าแข็งดุดัน
ปึง!
เท้าข้างหนึ่งของหลินสวินถีบออกไป เฉียนหยวนป้ามาไวแต่ไปไวยิ่งกว่า ถูกถีบจนพลิกตลบกลางอากาศสองสามรอบค่อยร่วงลงพื้นอย่างหนัก หน้าบวมเป่ง ปากกระอักเลือด
ทั้งที่นั้นเงียบสงัดไร้เสียง
ในใจทุกคนต่างถูกความรู้สึกตื่นตะลึงเข้าแทนที่ ซูชิงหานคนนี้เพิ่งอายุสิบกว่าปีเท่านั้น เหตุใดจึงมีพลังต่อสู้เย้ยฟ้าปานนี้
พวกเขาไม่รู้ว่าภายในร่างซูชิงหานคือ ‘สัตว์ประหลาดเฒ่า’ ที่สำหรับพวกเขาแล้วไม่อาจจินตนาการได้สักนิดคนหนึ่ง เป็นดวงวิญญาณที่มีพลังปราณระดับมกุฎกึ่งจักรพรรดิขั้นบริบูรณ์!
ความจริงถ้าเอาอายุของหลินสวินมาคำนวณ เมื่อเผชิญหน้าหนุ่มสาวอายุเฉลี่ยสิบกว่าปีเหล่านี้แล้ว ก็เป็นสัตว์ประหลาดเฒ่าคนหนึ่งจริงๆ…
——