Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2158 คู่ต่อสู้ของเจ้าคือข้าน่ะ
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 2158 คู่ต่อสู้ของเจ้าคือข้าน่ะ
งานประลองยอดยุทธ์ สิบปีมีหนึ่งครั้ง
สามราชวงศ์ใหญ่ ต้าเฉียน ต้าฉู่ และต้าเว่ย ต่างส่งผู้แข็งแกร่งที่ผ่านการคัดเลือกเป็นขั้นๆ สิบคนมาชิงชัยกันที่ลานประลองยอดยุทธ์ของเขายอดยุทธ์
ผู้ที่ชิงสิบอันดับแรกไปครอง จะได้ ‘พลังฟ้าประทาน’
ผู้ที่ชิงอับดับแรกไปครอง จะสามารถเข้าไปฝึกปราณในเขายอดยุทธ์
และตอนนี้ พวกหลินสวิน เฉียนอวี้หลิวก็มาถึงแล้ว งานประลองยอดยุทธ์ที่สิบปีมีหนครั้งนี้จะดำเนินขึ้นในอีกสามวัน
ห่างจากลานประลองยอดยุทธ์สิบลี้มีอาคารแถบหนึ่งสร้างไว้ ราวกับป้อมปราการขนาดเล็ก
นี่เป็นสถานที่ตั้งค่ายของราชวงศ์ต้าเฉียน
ก่อนงานประลองยอดยุทธ์เริ่มขึ้น พวกหลินสวินจะรออยู่ในนั้น
ค่ายเช่นนี้ต้าฉู่และต้าเว่ยก็มีเช่นกัน ต่างตั้งอยู่คนละที่
ในบริเวณที่ไกลออกไปอีกคือกองทัพมือฉมังที่สามราชวงศ์ใหญ่ส่งมาประจำการ เป้าหมายก็เพื่อปกปักษ์รักษาความเป็นระเบียบในงานประลองยอดยุทธ์
งานประลองยอดยุทธ์ในแต่ละครั้ง จะดึงดูดความสนใจจากผู้แข็งแกร่งนับไม่ถ้วนในสามราชวงศ์ใหญ่
คราวนี้ก็ไม่แตกต่างเช่นกัน
ในบริเวณใกล้ๆ เขายอดยุทธ์มีผู้แข็งแกร่งจากที่ต่างๆ ของสามราชวงศ์ใหญ่รวมตัวกัน จำนวนมหาศาล
แต่ก่อนงานประลองยอดยุทธ์จะเริ่ม ผู้ชมเหล่านี้ต่างไม่อาจเข้าไปใกล้ได้
“คุณชายซู นี่เป็นรายชื่อคู่ต่อสู้คราวนี้”
ในป้อมปราการของราชวงศ์ต้าเฉียน เฉียนอวี้หลิวส่งม้วนสารหยกไหมม้วนหนึ่งให้หลินสวิน
“ขอบคุณมาก”
หลินสวินรับมามองดูคร่าวๆ ก็เก็บไป
มีคนรีบเอ่ยถามว่า “พี่ซู รู้เขารู้เราถึงรบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง เจ้าคิดว่าในบรรดาผู้แข็งแกร่งสิบอันดับแรกของต้าฉู่ ต้าเว่ย ผู้ใดควรค่าให้ระวัง”
คนผู้นี้เป็นเด็กหนุ่มแต่งกายชุดงามหรู กล้าหาญแข็งแกร่ง สายตาแหลมคม เผยแววทระนงที่มีมาแต่เกิด
เขามีนามว่าหลีชาง เป็นอัจฉริยะที่บรรลุขอบเขตมกุฎคนหนึ่ง โดดเด่นไม่เป็นสองรองใคร สะดุดตาถึงที่สุดในราชวงศ์ต้าเฉียน
นอกจากหลีชาง ในหมู่ผู้แข็งแกร่งสิบคนแรกของราชวงศ์ต้าเฉียนคราวนี้ ยังมีผู้ที่บรรลุขอบเขตมกุฎอีกสามคน ได้แก่ หลินสวิน เฉียนอวี้หลิว กับชายนามว่าโจวเชวี่ยอีกคนหนึ่ง
ตอนนี้คนอื่นต่างศึกษารายชื่อคู่ต่อสู้ ได้ยินดังนี้ต่างมองหลินสวินอย่างอดไม่ได้ แววตาชอบกล
ในหมู่พวกเขา พลังปราณของหลินสวินอยู่เพียงระดับกำลังภายในขั้นแปด มหาวัฏจักรเท่านั้น ต่างกับคนอื่นหนึ่งระดับ
แต่ตลอดทางเฉียนอวี้หลิวกลับชื่นชอบหลินสวินที่สุดอยู่คนเดียว
นี่ทำให้คนรุ่นเยาว์เหล่านี้อิจฉาพอดู ในใจไม่กระจ่างว่าเหตุใดซูชิงหานคนนี้ถึงได้รับการปฏิบัติอีกแบบจากองค์หญิงสามเช่นนี้
ในกลุ่มนี้หลีชางไม่พอใจที่สุด ตลอดทางที่มาเขายอดยุทธ์นี้ เขาเอ่ยเหน็บแนมหลินสวินอยู่เป็นพักๆ ถ้อยคำร้ายลึกเหมือนแพรซ่อนเข็ม
แต่หลินสวินจะไปถือสา ‘เด็กหนุ่มน้อย’ อายุสิบกว่าปีเช่นนี้ได้อย่างไร ตั้งแต่เริ่มจนจบล้วนไม่ใส่ใจ
ก็อย่างตอนนี้ หลีชางเห็นว่าคนอื่นต่างศึกษารายชื่อคู่ต่อสู้อย่างจริงจัง มีเพียงหลินสวินที่กวาดตาผ่านๆ แล้วก็ไม่สนใจอีก นี่ทำให้ไฟโทสะผุดขึ้นในใจเขาทันที
อีกสามวันงานประลองยอดยุทธ์จะเริ่มขึ้น แต่เจ้าหมอนี่กลับหยิ่งผยองปานนี้ เขาที่มีปราณระดับกำลังภายในขั้นแปด ไปเอาความมั่นใจมาจากไหน
หลีชางรู้สึกว่าต้องถือโอกาสนี้ ‘สั่งสอน’ อีกฝ่ายสักรอบ
ไม่ว่าจะเป็นหลีชางหรือคนอื่น ต่างไม่รู้ว่าแม้หลินสวินจะมีพลังปราณระดับกำลังภายในขั้นแปด แต่ก็บรรลุมกุฎมรรคาตั้งแต่แรกแล้ว
ตั้งแต่ต้นจนจบเฉียนอวี้หลิวก็ไม่ได้อธิบาย ว่าหลินสวินถูกนางมองว่าเป็นไพ่ตาย เป็นผู้ที่จะชิงความโดดเด่นให้กับราชวงศ์ต้าเฉียนในงานประลองยอดยุทธ์!
แต่กลับเห็นหลินสวินนิ่งคิด เอ่ยว่า “ในรายชื่อคู่ต่อสู้ นอกจากข้า คนอื่นต่างมีพลังปราณระดับกำลังภายในขั้นเก้า มรรควิถีไม่ได้ต่างกันมาก จากที่ข้าดู ในงานประลองยอดยุทธ์สิ่งที่จะทดสอบคือพลังการต่อสู้ของแต่ละคนมากกว่า วิธีการต่อสู้และเจตจำนงในการต่อสู้ย่อมเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง…”
เดิมทุกคนมีใจอยากดูเรื่องสนุก แต่พอหลินสวินพูดเช่นนี้ออกมา ต่างลอบพยักหน้าอย่างห้ามตัวเองไม่อยู่
เฉียนอวี้หลิวยิ่งชื่นชมอย่างไม่ปิดบัง ดวงตากระจ่างไหวเคลื่อน แววประหลาดก็ปรากฏไม่ว่างเว้น
มีเพียงหลีชางที่รู้สึกรำคาญอย่างบอกไม่ถูก ตัดบททันที “พี่ซู เจ้ารู้ไหมว่าเจ้ามีพลังระดับกำลังภายในขั้นแปด”
เสียงเจือแววถากถาง
เฉียนอวี้หลิวนิ่วหน้า กำลังจะพูดบางอย่างกลับพบว่าหลินสวินยิ้มน้อยๆ ลุกขึ้นยืนแล้วเอ่ยว่า “ข้าไปเดินเล่นสักหน่อย”
เสียงพูดยังไม่ทันจบเขาก็ออกไปแล้ว
หลีชางประหนึ่งแม่ทัพที่ได้รับชัยชนะ กล่าวเยาะว่า “ดูสิ นี่ก็คือสิ่งที่เรียกว่าไม่รู้จักประมาณตน หน้าม้านออกไปแล้ว ไม่กว่าอยู่ตีฝีปากกับข้าด้วยซ้ำ!”
“หลีชาง อย่าให้มันมากไปนะ!” เฉียนอวี้หลิวดวงตาดุจสายฟ้า เหลือบมองหลีชางคราหนึ่ง ความเย็นชาในสายตานั้นทำเอาหลีชางชะงัก
ไม่ทันรอให้เขาเอ่ยปาก เฉียนอวี้หลิวก็ลุกขึ้นรีบร้อนออกไป เห็นได้ชัดว่าไปตามหลินสวินแล้ว
เห็นดังนี้หลีชางก็สีหน้าอึมครึมลง ในใจโกรธเคืองอย่าบอกไม่ถูก จนตอนนี้เขายังไม่เข้าใจ ว่าเหตุใดเฉียนอวี้หลิวต้องสนใจเจ้าคนระดับกำลังภายในขั้นแปดนี่ด้วย!
……
ลมราตรีพัดโบก
ท่ามกลางสีรัตติกาล เขายอดยุทธ์ที่อยู่ไกลออกไปยิ่งดูลึกลับ
หลินสวินสองมือไพล่หลัง มองดูเงียบๆ ในใจเกิดความฉงนว่าโลกกำลังภายในในวัฏจักรแห่งนี้ เป็นโลกมายาแห่งหนึ่งหรือเป็นโลกที่มีอยู่จริงกันแน่
“พี่ซู”
เฉียนอวี้หลิวเดินมา ใบหน้าเรียวเล็กงดงามเหนือธรรมดาเจือแววขอโทษ “เมื่อครู่…”
หลินสวินยิ้มโบกมือ “ไม่ต้องทำแบบนี้ ข้าไม่ได้ใจแคบขนาดนั้น”
เฉียนอวี้หลิวยิ้มกระจ่าง “ก็จริง น้ำใจพี่ซูยิ่งใหญ่เท่าภูผาธารา”
“สิ่งนี้ให้เจ้า รอหลังงานประลองยอดยุทธ์สิ้นสุดค่อยเปิดออก” หลินสวินยื่นม้วนตำราที่ปิดผนึกม้วนหนึ่งให้เฉียนอวี้หลิว
เฉียนอวี้หลิวเอ่ยล้อ “ไม่มีสาเหตุจะให้ของข้าทำไม หรือพี่ซูคิดอะไรกับข้า”
หลินสวินบื้อใบ้ไป ส่ายหัวเอ่ยว่า “รีบรับไปเถอะ”
เฉียนอวี้หลิวกัดริมฝีปากอิ่มเอิบ ครุ่นคิดครู่หนึ่งก็รับม้วนตำราแล้วเอ่ยว่า “พี่ซู เจ้าว่าถ้าข้าสั่งการกองทัพอันร้ายกาจแห่งต้าเฉียนให้ร่วมกันเคลื่อนไหว วางกำลังล้อมแน่นหนา จะสามารถรั้งให้เจ้าอยู่โลกกำลังภายในต่อได้ไหม”
หลินสวินอึ้งไป
เฉียนอวี้หลิวหัวเราะกล่าว “ไม่ต้องตอบ คำตอบข้าเดาได้นานแล้ว”
กลางฟ้าราตรี เด็กสาวมีรอยยิ้มดั่งบุปผา งดงามมีชีวิตชีวา ในดวงตาเจือแววผิดหวังอย่างยากจับสังเกต
หลังจากรับม้วนตำราของหลินสวินมา นางก็สังหรณ์ได้แล้วว่าเจ้าคนที่ไม่ได้มาจากโลกกำลังภายในตรงหน้านี้ เป็นไปได้สูงยิ่งที่จะจากไปหลังงานประลองยอดยุทธ์
……
สามวันต่อมา งานประลองยอดยุทธ์เปิดฉากขึ้น
หน้าลานประลองยอดยุทธ์ดุจดอกบัวยักษ์นั้นมีผู้คนคลาคล่ำ มีผู้แข็งแกร่งจากที่ต่างๆ ของสามราชวงศ์ใหญ่มารวมตัวกันนานแล้ว
กองทัพใหญ่สามแผ่นดินอันได้แก่ต้าเฉียน ต้าฉู่และต้าเว่ยตรึงกำลังทั่วทิศ จัดขบวนทัพอันเป็นระเบียบเรียบร้อย เกิดเป็นแรงกดดันใหญ่ยิ่งอย่างหนึ่ง
พวกหลินสวิน เฉียนอวี้หลิวมาถึงแล้ว
ผู้แข็งแกร่งสิบอันดับแรกจากต้าฉู่และต้าเว่ยที่เข้าร่วมการประลองเช่นเดียวกันต่างก็ยืนอยู่คนละบริเวณ
เสียงสนทนาครึกโครมดังขึ้นทั่ว คึกคักหาใดเทียบ
นี่เป็นงานใหญ่ของโลกกำลังภายในที่จะเกิดขึ้นสิบปีครั้ง ดึงดูดความสนใจทั้งใต้หล้า ในใจผู้แข็งแกร่งของโลกนี้ ความหมายของงานใหญ่ครั้งนี้ย่อมไม่อาจเทียบกับเรื่องทั่วๆ ไปได้
เพียงแต่สำหรับหลินสวินที่เห็นเหตุการณ์ใหญ่มาจนชินตาแล้ว เหตุการณ์เท่านี้ไม่อาจทำให้เขาหวั่นไหวแต่อย่างใด
ไม่ต้องพูดถึงการประชันหมากครั้งใหญ่ ทั้งยังไม่ต้องพูดถึงงานชุมนุมถกมรรคที่หกเรือนมรรคใหญ่จัดขึ้น เพียงแค่การทดสอบระดับอาณาจักร ระดับมณฑล ระดับอำเภอที่เกิดขึ้นในจักรวรรดิจื่อเย่า ยังยิ่งใหญ่กว่าภาพตรงหน้าเสียอีก
‘คราวนี้คงไม่ต้องกังวลว่าจะมีผู้เข้าวัฏจักรปรากฏตัวมาก่อเรื่องแล้ว…’ หลินสวินประเมินสถานการณ์โดยรอบแล้วชี้ขาด
พอใคร่ครวญดูโดยละเอียด ผู้เข้าวัฏจักรที่มาจากทั่วหล้าฟ้าดาราเพิ่งเข้ามาในโลกกำลังภายไม่ถึงสิบเดือน มีเพียงหลินสวินคนเดียวที่ตื่นรู้ทันที
มิหนำซ้ำเขาไม่เหมือนกับผู้เข้าวัฏจักรคนอื่น การรับรู้มหามรรคและมรดกก่อนเข้าวัฏจักรยังเก็บไว้ได้โดยสมบูรณ์ ทำให้บรรลุมกุฎมรรคาในเวลาแทบจะสั้นที่สุด
ส่วนผู้เข้าวัฏจักรคนอื่น ที่ตื่นรู้ภายในสิบเดือนก็เป็นแค่คนกลุ่มเล็กกระจัดกระจาย อีกอย่างพวกเขาต้องฝึกปราณ ต้องไปเสาะหาคัมภีร์ฝึกปราณใหม่หมด!
นี่ก็หมายความว่า ในสิบเดือนนี้ผู้เข้าวัฏจักรเหล่านี้ไม่อาจมีระดับพลังปราณสูงนักในมรรคา
และงานประลองยอดยุทธ์ตรงหน้า จัดขึ้นโดยสามราชวงศ์ใหญ่ ผู้ที่ควบคุมดูแลที่แห่งนี้ยังเป็นขุมอำนาจกองทัพนับหมื่นพันด้วย
ภายใต้อำนาจของกระบวนรบเช่นนี้ แม้หลินสวินจะมั่นใจหาใดเทียบ แต่ก็ไม่กล้าก่อเรื่องง่ายๆ
ถึงอย่างไรตอนนี้เขาก็เป็นเพียงผู้มีปราณระดับกำลังภายในเท่านั้น ต่อให้มีพลังต่อสู้ไร้ศัตรู แต่พลังกายระดับกำลังภายในก็มีจำกัด!
ถ้าถูกกองทัพนับหมื่นล้อมโจมตีจริงๆ ก็เหลือเพียงเลือกหนีได้อย่างเดียว
ดังนั้นหลินสวินจึงกล้าฟันธงว่าในงานประลองยอดยุทธ์ครั้งนี้ ต่อให้มีผู้เข้าวัฏจักรปรากฏตัวขึ้นมากมาย เจ้าพวกนี้ขอเพียงไม่โง่ก็ย่อมไม่กล้าก่อเรื่อง!
“ซูชิงหาน ได้ยินหรือยัง เหล่าผู้แข็งแกร่งสงสัยในตัวเจ้านัก”
จู่ๆ เสียงหลีชางก็ดังขึ้น เผยแววมีความสุขกับควาหายนะของคนอื่น
หลินสวินไม่สนใจ เมินเด็กหนุ่มที่จิตใจแปรปรวนคนนี้ตรงๆ
อันที่จริงฐานะของเขาทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์มากมายจริงๆ
ช่วยไม่ได้ เขาเป็นผู้มีปราณระดับกำลังภายในขั้นแปดเพียงคนเดียวที่เข้าร่วมงานประลองยอดยุทธ์ คนอื่นเป็นระดับกำลังภายในขั้นเก้าทั้งนั้น เรื่องนี้ไม่อยากให้ใครจับตามองคงยาก
กระทั่งผู้แข็งแกร่งสิบอันดับแรกของต้าฉู่ ต้าเว่ยเหล่านั้นยังเผยสีหน้าสัพยอก เหมือนคิดว่าหลินสวินเป็นเป้าหมายที่รังแกได้คนหนึ่ง
หลินสวินก็ไม่สนใจเรื่องนี้เช่นกัน
สรุปแล้วในใจเขา เรื่องทั้งหมดนี้ก็เป็นเพียงเหตุการณ์เล็กๆ เท่านั้น
มีแต่เฉียนอวี้หลิวที่รู้ตื้นลึกหนาบางของหลินสวิน เพราะนางเคย ‘แลกเปลี่ยนเรียนรู้’ กับเขามาก่อน ตอนนั้นนางยังถูกกำราบจนหอบหายใจ ร่างกายอ่อนยวบ เหงื่อไหลโซม แก้มทั้งสองข้างแดงปลั่ง…
“หึ! ข้าล่ะอยากเห็นว่าเจ้าจะเด็ดหัวได้สักกี่หัว!”
หลีชางสีหน้าไม่น่าดู ถูกหลินสวินเมิน ทำให้เขาที่เลือดร้อนตามประสาเด็กหนุ่มรู้สึกเสียหน้าอยู่บ้าง
กึง…
เสียงระฆังดังขึ้นคราหนึ่ง ข่มบรรยากาศอึกทึกครึกโครมในที่นั้นลงไป ฟ้าดินเงียบสงัด
งานประลองยอดยุทธ์เปิดฉากขึ้น ณ บัดนี้
เริ่มจากการจับฉลาก กำหนดคู่ต่อสู้จากสามราชวงศ์ใหญ่ต้าเฉียน ต้าฉู่ และต้าเว่ย
คนที่จับฉลากคนแรกคือชายหนุ่มนามจ้าวซือจากราชวงศ์ต้าฉู่ เงาร่างสูง อาจหาญโดดเด่น มีพลังระดับกำลังภายในขั้นเก้าบริบูรณ์
หลังจับฉลากจ้าวซือชะงักไปก่อน จากนั้นก็เผยสีหน้าดีใจใหญ่ แววตาจ้องขวับไปที่หลินสวิน หัวเราะร่าลุกขึ้น
“สหาย คราวนี้ขอโทษจริงๆ คู่ต่อสู้ของเจ้า… คือข้าน่ะ!”
เขาลำพองใจ เปี่ยมด้วยความเชื่อมั่นในตัวเอง สีหน้ายินดีปรีดาสุดจะบรรยาย
หลายคนยังอิจฉาอย่างอดไม่ได้ว่าจ้าวซือโชคดี ดันจับฉลากได้เจ้าคนที่มีระดับกำลังภายในขั้นแปดนั่น นี่มันชนะใสๆ โดยสิ้นเชิงเลยนะ!
“ข้าขอเตือนเจ้าว่ายามที่ควรยอมแพ้ก็ยอมแพ้ อย่าแพ้จนน่าเกลียดเกิดไป จะขายหน้าต้าเฉียนของเรา!”
ขณะที่หลินสวินเตรียมตัวออกไปต่อสู้ จู่ๆ หลีชางก็เอ่ยเสียงข่มแผ่วต่ำ สีหน้าเจือแววเย็นชา
——