Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2228 เขตต้องห้ามไร้ชีพ
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 2228 เขตต้องห้ามไร้ชีพ
เผ่าจักรพรรดิปี้อั้นเป็นบริวารของเผ่าเจินหลง และเป็นหนึ่งในเก้าเผ่าจักรพรรดิใหญ่ แต่หากไม่ได้รับเชิญก็ไม่สามารไปวังมังกรได้เหมือนกัน!
มองจากจุดนี้ก็รู้ว่าตำแหน่งของเผ่าเจินหลงในโลกนี้ยิ่งใหญ่น่าเกรงขามปานใด เหมือนกับเทพผู้สูงส่งไม่มีผิด
“อันเสวี่ยอยู่บนเกาะเทพรุ้งมรกตหรือไม่” หลินสวินถาม
อันเจิงพยักหน้า “ช่วงสิบปีมานี้นางควบคุมดูแลเกาะเทพรุ้งมรกตเรื่อยมา บอกว่าอยากรวบรวมวัตถุดิบเทพให้มากพอ และเชิญผู้อาวุโสใหญ่จาก ‘เผ่าเพลิงดำ’ มาหลอมโอสถเทพเตาหนึ่ง เพื่อเตรียมการฝ่าระดับจักรพรรดิ”
หลินสวินร้องอ้อคราหนึ่ง กล่าวว่า “หลังจากไปถึงเกาะเทพรุ้งมรกตเจ้าพาข้าไปพบนาง เรื่องในวันนี้ก้จะแล้วกันไป”
กล่าวเสร็จหลินสวินก็นั่งตัวตรงอยู่หน้าโต๊ะด้านข้าง กล่าวว่า “ก่อนไปถึง ข้าจะรออยู่ที่นี่ตลอด เจ้า… ไม่ถือกระมัง”
ในใจอันเจิงฝืดเฝื่อน มีหรือเขาจะกล้าถือสา ย่อมตอบตกลงโดยไม่ลังเล
ครุ่นคิดครู่หนึ่งอันเจิงก็กล่าวสั่งการไปนอกโถงใหญ่ “ใครก็ได้ ยกเหล้าหมักเทพและอาหารหายากที่ข้าสะสมไว้ส่วนตัวมาที ข้าจะต้อนรับแขกสำคัญท่านนี้อย่างดี”
ไม่นานผลไม้วิญญาณและอาหารตระการตานานาชนิดก็ถูกยกขึ้นมาทีละอย่าง ยังมี ‘สุราลูกค่าง’ ที่หมักโดย ‘เผ่าค่างวิญญาณ’ ปิดผนึกมานานหมื่นปี มีฉายาว่าเป็นเหล้าหมักเทพ ล้ำค่าถึงขีดสุด
นอกจากนี้ยังมี ‘น้ำผึ้งเทพบุปผาม่วง’ ที่หลั่นโดยเผ่าผึ้งปีกม่วง
‘น้ำค้างวิญญาณพันประกาย’ ที่เก็บเกี่ยวโดยเผ่าฝันโบยบิน
‘อมฤตหมื่นมรกต’ ที่เผ่าวิญญาณมรกตหลอมออกมาจากต้นไม้วิญญาณกว่าหมื่นชนิด…
มีมากหลายสิบอย่าง แต่ละอย่างล้วนเป็นสมบัติล้ำค่าหายากที่มีเฉพาะแต่ละเผ่า เวลานี้ถูกอันเจิงนำมาต้อนรับหลินสวิน
สิ่งนี้ทำให้หลินสวินยังอดรู้สึกแปลกใจหน่อยๆ ไม่ได้ “บนเรือลำนี้ข้าทำให้เจ้าเสียหน้ายับเยิน เจ้าไม่แค้นข้าหรือ”
อันเจิงตอบอย่างซื่อตรง “แค้น แต่ไม่มีคุณสมบัติไปแก้แค้น ได้แต่ยอมรับชะตา”
ขณะพูดเขายิ้มขื่นคราหนึ่ง “ผู้อาวุโสวางใจ ข้าต้อนรับอย่างอุ่นหนาฝาคั่งเช่นนี้ก็เพราะหวังจะเอาใจท่านเป็นอย่างดี ไม่อยากให้เกิดเรื่องอะไรอีก”
หลินสวินร้องอืมคราหนึ่ง รินสุราลูกค่างหนึ่งจอก ทันใดนั้นกลิ่นหอมที่เข้มข้นเย้ายวนจิตใจผู้คนก็แผ่ซ่านออกมา น้ำสุราที่ดุจดั่งอำพันไหลเวียนด้วยแสงประกายสายแล้วสายเล่า วิเศษอัศจรรย์หาใดเปรียบ
เขาดื่มรวดเดียวหมด ลิ้มรสเงียบๆ พักหนึ่ง จากนั้นพลันพยักหน้า “สุราชั้นดี!”
สุราลูกค่างนี้ไม่ใช่สิ่งที่สุราทั่วไปจะเทียบชั้นได้ ไม่เพียงมีรสสัมผัสหวานสดชื่น ในนั้นยังบรรจุไอวิญญาณเข้มข้นอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวไว้ด้วย รสชาติเลิศล้ำหาใดเปรียบ
อันเจิงลอบกล่าวในใจ ‘นี่ย่อมเป็นสุราชั้นดีอยู่แล้ว จอกเล็กๆ จอกเดียวยังมีมูลค่าล่มเมือง เวลาปกติข้ายังทำใจเอาออกมาดื่มไม่ได้ด้วยซ้ำ…’
หลินสวินลิ้มรสน้ำผึ้งเทพบุปผาม่วงอีก ดื่มด่ำกับน้ำผึ้งนุ่มหอมที่กำลังละลายอยู่ในช่องปาก ก่อนจะพยักหน้าโดยไม่รู้ตัว
อร่อย!
ของชิ้นนี้ซย่าจื้อกับซีจะต้องชอบอย่างแน่นอน
จากนั้นหลินสวินก็ลิ้มรสสุราอาหารโอชะอย่างอื่นอีก ล้วนแล้วแต่มีรสชาติเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ไม่มีอย่างไหนไม่เรียกว่าเลิศรสสุดวิเศษ ทำเอาหลินสวินลอบร้องชมไม่หยุด
“มา ข้าคารวะผู้อาวุโสหนึ่งจอก” อันเจิงรินสุราลูกค่างให้ตัวเองจอกหนึ่ง ชูจอกขึ้นแล้วเอ่ยปากอย่างเคารพ
หลินสวินมองเขาปราดหนึ่ง ชูจอกขึ้นแล้วดื่มรวดเดียวหมด
อันเจิงลอบถอนหายใจโล่งอกทันที และดื่มสุราในจอกจนหมดเช่นกัน เขากล้าฟันธงอย่างสิ้นเชิงแล้ว ว่าหลินสวินไม่ได้มีแผนจะก่อเรื่องใหญ่โตใดอีก
แค่นี้ก็พอแล้ว
อันเจิงกล่าวว่า “ผู้อาวุโส ไปเกาะเทพรุ้งมรกตครั้งนี้ต้องผ่านโลกอาคมห้วงอากาศสิบเก้าแห่ง คาดการณ์ว่าพวกเราจะไปถึงในอีกเจ็ดวัน ระหว่างนี้หากท่านต้องการอะไรโปรดบอกได้เลย ขอเพียงเป็นสิ่งที่ผู้น้อยสามารถทำได้ก็จะไม่ยืดยาดเป็นอันขาด”
หลินสวินพยักหน้า
โลกอาคมห้วงอากาศที่ว่า อันที่จริงวคือพื้นที่ซ้อนทับที่กระจายตัวอยู่บนทะเลตะวันออก ดุจดั่งอุโมงค์อากาศขนาดน้อยใหญ่
ทะเลตะวันออกไพศาลหาใดเปรียบ ไม่รู้กว้างใหญ่เท่าใด ทุกแห่งหนล้วนมีโลกอาคมห้วงอากาศกระจายตัวอยู่ หากพรวดพราดเข้าไป เป็นไปได้สูงว่าอาจจะหลงทางอยู่บนทะเลตะวันออกอันกว้างใหญ่แห่งนี้!
ต่อให้เป็นระดับจักรพรรดิก็ไม่กล้าเข้าไปมั่วๆ โลกอาคมห้วงอากาศนั่นก็เหมือนค่ายกลเคลื่อนย้ายแห่งแล้วแห่งเล่า หากไม่รู้เส้นทาง ขอเพียงเข้าไปในนั้นเป็นไปได้สูงว่าอาจถูกเคลื่อนย้ายไปยังแดนปริศนา ไม่สามารถกลับมาได้ตลอดกาล
เรื่องเช่นนี้ก่อนหน้านี้ก็ไม่ใช่ไม่เคยเกิดขึ้น
หลายวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว คลื่นลมเงียบสงบตลอดทาง การตายของผู้แข็งแกร่งเผ่าค้างคาวเขียวกระหายเลือดถูกเผ่าจักรพรรดิปี้อั้นปิดไว้มิดนานแล้ว ไม่มีใครกล้าเอ่ยถึงเรื่องนี้อีก
แต่ใครต่างก็รู้ดี ครั้งนี้เผ่าจักรพรรดิปี้อั้นเจอพวกร้ายกาจเข้าให้แล้ว!
ผู้แข็งแกร่งไม่น้อยยิ่งคาดเดา ว่าเผ่าจักรพรรดิปี้อั้นคงไม่กล้ำกลืนความอัดอั้นทั้งอย่างนี้เด็ดขาด ตอนที่ไปถึงเกาะเทพรุ้งมรกตบางทีอาจทำการแก้แค้นก็ได้!
เพียงแต่หลินสวินกลับคล้ายไม่รู้สึกรู้สากับเรื่องนี้สักนิด
อันเจิงก็ไม่ได้เผยความไม่พอใจหรือท่าทีเป็นอริใดๆ ออกมาแม้แต่เสี้ยว
ในวันนี้หลินสวินมานอกโถงใหญ่ พิงรั้วระเบียงทอดสายตามองไปไกลๆ ก็เห็นทะเลมรกตไร้สิ้นสุด ระลอกคลื่นซัดกระเพื่อม ทะเลผสานท้องฟ้า วิจิตรตระการตา
เรือสมบัติบังคับอยู่เหนือผิวทะเล เกลียวคลื่นกระเพื่อมไหว แต่ที่น่าแปลกคือบนผิวทะเลอันกว้างใหญ่เงียบสงบแห่งนี้กลับไม่เห็นสิ่งมีชีวิตในทะเลชนิดใดเลย
ในน้ำทะเลยิ่งไม่มีคลื่นพลังชีวิตใดๆ
หลินสวินใช้จิตรับรู้สำรวจ ก็เห็นใต้น้ำทะเลยิ่งลึกยิ่งมืดมิดและเย็นเยียบ อย่าว่าแต่สิ่งมีชีวิตจำพวกกุ้งหอยปูปลาเลย แม้แต่พืชทะเลอย่างสาหร่าย ปะการังก็มองไม่เห็นเช่นกัน
จนกระทั่งจิตรับรู้สำรวจลึกลงไปเก้าพันจั้งใต้น้ำทะเล กระแสยะเยือกหนาวเหน็บแปลกกระหลาดคละคลุ้งเงียบๆ ทำเอาในใจหลินสวินเกิดความรู้สึกอันตรายถึงขีดสุดขึ้นมาทันที
เขาเก็บจิตรับรู้โดยไม่ลังเล และจังหวะที่เขากำลังเก็บจิตรับรู้ ก็คล้าย ‘มองเห็น’ ดวงตาคู่หนึ่งเปิดขึ้นมาอย่างเงียบเชียบในสวนลึกของก้นทะเลที่เสมือนไร้สิ้นสุดแห่งนั้น
‘ดังคาด ใต้ทะเลตะวันออกเป็นเขตต้องห้ามไร้ชีพ เต็มไปด้วยความน่าสะพรึงยิ่งใหญ่…’
นัยน์ตาดำของหลินสวินหรี่ลง ตอนที่จะโดยสารเรือเขาก็เคยทำความเข้าใจมาแล้ว ทะเลตะวันออกอันเวิ้งว้างไร้ขอบเขตนี้ ยังมีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า…
‘ทะเลปีศาจ’!
เก้าพันจั้งใต้ทะเลปีศาจเป็นเขตต้องห้ามไร้ชีพ ไร้ซึ่งพลังชีวิต ดุจดั่งสถานที่แห่งความตายดับสูญ
ตั้งแต่อดีตจนปัจจุบัน ไม่ว่าสิ่งมีชีวิตใดก็ตามดำน้ำลึกลงไปในเก้าพันจั้งใต้ทะเล ไม่ว่าปราณแข็งแกร่งหรืออ่อนแอ ล้วนต้องประสบกับหายนะแห่งการมอดดับ ไม่สามารถรอดชีวิตออกมาได้อีก
เคยมีเฒ่าดึกดำบรรพ์ระดับจักรพรรดิที่ปราณเทียมฟ้าใช้สารพัดวิธีสำรวจ แต่สุดท้ายก็ไม่มีสักคนที่สามารถล่วงรู้ ว่าเก้าพันจั้งใต้น้ำทะเลแห่งนี้ซุกซ่อนสิ่งประหลาดอะไรเอาไว้กันแน่
ถึงขั้นที่ในประวัติศาสตร์เคยมีระดับจักรพรรดิไม่น้อยล้วนทิ้งชีวิตอยู่ในเขตต้องห้ามไร้ชีพ
ก่อนหน้านี้หลินสวินยังเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แต่จากการสำรวจเมื่อครู่ทำให้จิตใจของเขาก็อดชาวาบไม่ได้ ตระหนักถึงความน่ากลัวของเขตต้องห้ามไร้ชีพ
ตูม!
บริเวณไม่ไกลนักมีระลอกคลื่นพลังดังขึ้น
อันเจิงที่มี่ปราณระดับกึ่งจักรพรรดิกำลังเคี่ยวกรำวิชาลับ ก็เห็นร่างกายของเขามีไอเลือดสูงเสียดฟ้าพวยพุ่ง เบื้องหน้าควบรวมประทับมรรคหนึ่งออกมา ประทับมรรคเต็มไปด้วยวิชามหามรรคอันแกร่งกร้าวพร่างพราว วิวัฒน์เป็นเงามายาปี้อั้นตัวหนึ่ง
ระหว่างที่อันเจิงโคจรปราณ ประทับมรรคปี้อั้นนั้นก็พ่นอานุภาพอันน่าเหลือเชื่อสารพัดออกมา น่าตกใจหาใดเปรียบ
หลินสวินจำได้ทันทีว่าสิ่งที่อันเจิงสำแดงออกมา เหมือนกับ ‘ประทับปี้อั้น’ หนึ่งในมังกรเคราะห์เก้ากระบวนแปรที่ตนครอบครองไม่มีผิดเพี้ยน!
สิ่งนี้ทำให้หลินสวินยิ่งแน่ใจมากขึ้นว่ามรดกมังกรเคราะห์เก้ากระบวนแปรที่ท่านลู่ครอบครองนี้ จะต้องมีที่มาเหนือจินตนาการของตนอย่างแน่นอน
ชือน้ำแข็ง ฟู่ซี่ ปี้อั้น ซวนหนี ผูเหลา ฉิวหนิว หยาจื้อ ป้าเซี่ย เฉาเฟิง!
มรรคแห่งเก้าการเปลี่ยนแปลงของมังกรเคราะห์เก้ากระบวนแปร ตรงกับเก้าเผ่าจักรพรรดิใหญ่ในแดนเจินหลงพอดิบพอดี นี่มีหรือจะเป็นเรื่องบังเอิญ
แต่เมื่อสังเกตอันเจิงที่กำลังเคี่ยวกรำเคล็ดวิชาอย่างถี่ถ้วนครู่หนึ่ง จู่ๆ หลินสวินกลับมีความรู้สึกไม่ถูกต้องอยู่หน่อยๆ
อานุภาพประทับปี้อั้นของอันเจิงน่าสะพรึงยิ่งจริงๆ และเปี่ยมด้วยมรดกแท้จริงของประทับปี้อั้น ฤทธิ์เดชเปี่ยมล้น รังสรรค์เหนือธรรมดา
แต่กลับขาดท่วงทำนองศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่ง หรือกล่าวได้ว่าขาดจิตวิญญาณ!
ความรู้สึกนั้นก็เหมือนปี้อั้นตัวหนึ่ง ถึงจะมีอานุภาพล้นฟ้า แต่บนตัวกลับถูกพันธนาการด้วยโซ่ตรวน!
ตอนเริ่มหลินสวินยังนึกว่าการฝึกประทับปี้อั้นของอันเจิง ขาดการเคี่ยวกรำในแง่ความหมายที่แท้จริงบางส่วนไป
แต่เมื่อไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนเป็นเวลานาน ในที่สุดหลินสวินก็กล้าฟันธงว่าประทับปี้อั้นที่อันเจิงสำแดงออกมา เห็นได้ชัดว่าเหมือนถูกกรีดผ่าจิตวิญญาณ มีอานุภาพสยบสังหารภูผาธารา แต่กลับขาดจิตวิญญาณที่เป็นแกนหลักที่สุดไปอย่างหนึ่ง!
นี่ไม่ใช่ปัญหาที่การฝึก แต่เป็นมรดกที่อันเจิงได้รับมามีปัญหาแต่เดิมอยู่แล้ว
สิ่งนี้ทำให้หลินสวินยังไม่กล้าเชื่ออยู่บ้าง อันเจิงเป็นถึงทายาทเลือดบริสุทธิ์ของเผ่าจักรพรรดิปี้อั้น ประทับปี้อั้นนี้ย่อมต้องเป็นมรดกสูงสุดซึ่งเป็นความลับถ่ายทอดต่อคนนอกของเผ่าเขา แต่เหตุใดถึงได้เกิด ‘จุดบกพร่อง’ ที่ใหญ่เช่นนี้ได้
“ผู้อาวุโส การฝึกปราณของข้ารบกวนท่านหรือ”
ห่างออกไปอันเจิงเก็บมือมองมาทางหลินสวิน เมื่อครู่เขาถูกสายตาของหลินสวินจับจ้องจนวางตัวไม่ถูกไปชั่วขณะ
หลินสวินส่ายหน้ากล่าวว่า “ข้าแค่รู้สึกว่าวิชามรรคที่เจ้าเคี่ยวกรำ เหมือนจะมีปัญหาเล็กน้อย”
อันเจิงอึ้งไป เห็นได้ชัดว่าไม่เข้าใจคำพูดของหลินสวิน ประสานมือกล่าวว่า “ปราณผู้น้อยตื้นเขิน ทำขายหน้าให้ผู้อาวุโสเห็นแล้ว”
“นี่ไม่ใช่ปัญหาของปราณ แต่เป็นปัญหาของมรดก”
เห็นแก่ที่หลายวันนี้อันเจิงปรนนิบัติค่อนข้างครบครัน หลินสวินจึงชี้แนะประโยค “หากเจ้าฝึกเช่นนี้ต่อไป เกรงว่าเส้นทางแห่งมหามรรคมีแต่ต้องหยุดอยู่ที่ระดับกึ่งจักรพรรดิแล้ว”
กล่าวจบเขาก็หันตัวเดินเข้าไปในโถงใหญ่
ครั้งนี้เขาสังหารผู้แข็งแกร่งเผ่าค้างคาวเขียวกระหายเลือดบนเรือ ยิ่งทำให้ผู้แข็งแกร่งเผ่าจักรพรรดิปี้อั้นอย่างพวกอันเจิงเสียหน้ายับเยิน รอเมื่อไปถึงเกาะเทพรุ้งมรกต ไม่แน่ว่าอาจพบเจอการแก้แค้นของเผ่าจักรพรรดิปี้อั้นก็เป็นได้
เป็นเพราะเหตุนี้เขาถึงได้เก็บงำเอาไว้ ไม่ได้คลายข้อสงสัยให้แก่อีกฝ่ายในตอนนี้
ถึงอย่างไรจะเป็นสหายหรือศัตรูก็ยังบอกได้ไม่ชัด
อันเจิงมองดูหลินสวินเข้าไปในโถงใหญ่ สีหน้าวูบไหวไม่นิ่งไปพักหนึ่ง เจ้าหมอนั่นถึงกับบอกว่ามรดกบนตัวเขามีปัญหา นี่เท่ากับกำลังปฏิเสธมหามรรคที่เขาแสวงหามาทั้งชีวิตชัดๆ!
ควรรู้ว่าประทับปี้อั้นก็คือมรดกสูงสุดของเผ่าจักรพรรดิปี้อั้น หากเกิดปัญหา ไม่ใช่หมายความว่ามรดกที่พวกเขาฝึกฝนกันทั้งเผ่าล้วนเป็นปัญหาหมดหรอกหรือ
นี่เห็นได้ชัดว่าเป็นไปไม่ได้!
หากมรดกมีจุดบกพร่อง พวกเขาเผ่าจักรพรรดิปี้อั้นจะดำรงสืบมาตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน ซ้ำยังอยู่ในเก้าเผ่าจักรพรรดิใหญ่เรื่อยมาได้อย่างไร
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าในเผ่าจักรพรรดิปี้อั้นของพวกเขาไม่ขาดสัตว์ประหลาดเฒ่าระดับจักรพรรดิ! หากมรดกมีจุดบกพร่อง สัตว์ประหลาดเฒ่าเหล่านั้นจะแจ้งมรรคกลายเป็นจักรพรรดิได้อย่างไร
ครุ่นคิดอยู่เนิ่นนาน อันเจิงสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง ลอบกล่าวในใจว่าผู้แข็งแกร่งเผ่าวิญญาณเมฆาอย่างเจ้า ต่อให้ปราณเทียมฟ้า จะมาล่วงรู้นัยเร้นลับมรดกของเผ่าปี้อั้นของข้าได้อย่างไรกัน
ดังคาด เขาไม่เชื่อคำพูดของหลินสวินสักนิด
ในโถงใหญ่หลินสวินร่ำสุราเพียงลำพัง ไม่ได้พูดมากอีกแม้แต่คำเดียว หลังไปถึงเกาะเทพรุ้งมรกต หากอันเจิงไม่ทำให้ตนผิดหวัง เช่นนั้นหลินสวินก็ไม่เกี่ยงว่าจะช่วยชี้แนะให้สักหน่อย