Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2231 ประสบการณ์อันหลู่เกียรติ
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 2231 ประสบการณ์อันหลู่เกียรติ
เสียงหญิงชุดม่วงเพิ่งสิ้นสุด ร่างของนางก็กลายเป็นเถ้าถ่านปลิวลอยภายใต้นิ้วมือของหลินสวิน
และพร้อมกันนั้นจิตรับรู้ของหลินสวินก็แผ่กว้าง ในคฤหาสน์นี้มีผู้แข็งแกร่งเผ่าค้างคาวเขียวกระหายเลือดสิบเก้าคนกระจายตัวอยู่ตามที่ต่างๆ ล้วนตายอนาถเงียบๆ อย่างไร้สุ้มเสียง
จากนั้นหลินสวินก็ทอดสายตามองไปทางอิ๋นฮวน ดีดนิ้วคราหนึ่ง พลังชีวิตอบอุ่นวูบหนึ่งก็ทะลักเข้าสู่ร่างของอิ๋นฮวน
สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าว่าบาดเจ็บทั่วร่างของนางกลับสู่ภาพปกติด้วยความเร็วน่าเหลือเชื่อ สีหน้าที่แต่เดิมซีดขาวโปร่งแสงก็เต็มไปด้วยพลังชีวิตและความมีชีวิตชีวา
ถึงขั้นที่แม้แต่โรคเรื้อรัง แผลมหามรรคภายในร่างนางยังถูกซ่อมแซมกลับมาทั้งหมด
“ไม่!”
ผ่านไปครู่หนึ่งอิ๋นฮวนส่งเสียงกรีดร้องอย่างตื่นกลัวออกมา ดิ้นรนรุนแรงสุดแรงเกิด
“แม่นางอิ๋นฮวน ไม่เป็นไรแล้ว” หลินสวินยื่นมือออกมากดไหล่นางเอาไว้ น้ำเสียงดุจเสียงแห่งมหามรรค ปัดเป่าความร้อนรนและตื่นกลัวภายในใจอิ๋นฮวน
คราวนี้ร่างอรชรที่บิดเกร็งขัดขืนของนางจึงสงบลงมา ราวกับเพิ่งตื่นจากฝัน สายตาที่ว่างเปล่าและเฉยชาค่อยๆ คืนสู่แววตาเหมือนที่ผ่านมา ได้สติอย่างสิ้นเชิง
“หลิน… หลินสวิน? เหตุใดจึงเป็นเจ้า… ข้าไม่ได้ฝันไปกระมัง” มองดูใบหน้าคุ้นเคยของหลินสวิน แววตาของอิ๋นฮวนวูบไหวระลอกหนึ่ง อดสงสัยว่าตนกำลังฝันไปไม่ได้
“ข้าเอง ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้ว”
สิ่งนี้ทำให้ในใจหลินสวินก็ทอดถอนใจเช่นกัน ในฐานะผู้สืบทอดสำนักเร้นฤทธิ์เทพ บุคคลชั้นยอดแห่งยุคที่องค์ชายเจ็ดเผ่าเจินหลงอ๋าวเจิ้นเทียนรักถนอม หลังจากเข้าสู่แดนเจินหลง กลับไม่รู้ว่าผ่านความลำบากน่าอนาจแบบไหน ถึงกับตกอยู่ในสภาพทาสที่ใครๆ ต่างสามารถกรีดเฉือนและเหยียบย่ำอย่างอุกอาจ
ประสบการณ์เช่นนี้อำมหิตเกินไป!
เนิ่นนานคราวนี้อิ๋นฮวนจึงกล้าเชื่อว่าเรื่องทั้งหมดนี้เป็นความจริง นางควบคุมอารมณ์ภายในใจไม่ได้อีกต่อไป โผเข้าสู่อ้อมกอดหลินสวิน เริ่มร้องไห้ฟูมฟาย หยาดน้ำตาสุกใสวาววับร่วงเผาะลงมาราวกับไข่มุก
จนกระทั่งนางระบายอารมณ์ภายในใจออกมาผ่านการร้องไห้จนพอแล้ว หลินสวินถึงเอ่ยถาม “ปีนั้นหลังจากพวกเจ้ามาแดนเจินหลง เกิดอะไรขึ้นกันแน่”
อิ๋นฮวนสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง นั่งตัวตรง เช็ดหางตาที่บวมแดงกล่าวว่า “พี่หลิน ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นห่วงแม่นางจิ่งเซวียน แต่เจ้าวางใจเถอะ นางไม่เป็นไร”
จิตใจที่บีบรัดของหลินสวินถึงผ่อนคลายลงไม่น้อย
ครู่ต่อมาอิ๋นฮวนกฌเล่าเรื่องตั้งแต่ต้นจนจบให้ฟัง
เมื่อหลายสิบปีก่อน หลังจากที่นางและอ๋าวเจิ้นเทียนพาจ้าวจิ่งเซวียนมาแดนเจินหลงด้วยกัน ยังไม่ได้เกิดเหตุเหนือคาดอะไรขึ้น
ภายใต้การจัดแจงของเผ่าเจินหลง จ้าวจิ่งเซวียนมีคุณสมบัติเข้าร่วมงานชุมนุมเซียนหมื่นมังกรอย่างราบรื่น
ทว่าในงานชุมนุมเซียนหมื่นมังกรกลับเกิดเหตุพลิกผันครั้งใหญ่อย่างหนึ่งขึ้น ทำให้เรื่องทั้งหมดนี้ล้วนเปลี่ยนแปลงไป…
อิ๋นฮวนเป็นเผ่ามนุษย์ ไม่มีคุณสมบัติเข้าร่วมงานชุมนุมเซียนหมื่นมังกร จนกระทั่งงานชุมนุมเซียนหมื่นมังกรปิดม่าน นางถึงได้รู้ว่าข่าวที่เกี่ยวกับงานชุมนุมเซียนหมื่นมังกรถูกปกปิดอย่างสิ้นเชิง นอกจากคนใหญ่คนโตระดับสูงของเผ่าเจินหลงก็ไม่มีใครล่วงรู้ ว่าในงานใหญ่ครั้งนี้เกิดเหตุพลิกผันอะไรขึ้นกันแน่
ที่ยิ่งทำให้อิ๋นฮวนงงงันก็คือ ไม่ว่าจ้าวจิ่งเซวียนหรืออ๋าวเจิ้นเทียน ถึงกับถูกชาวเผ่าจัดการให้เข้าไปปิดด่านใน ‘บ่อมังกรแรกเริ่ม’ ตรงๆ
ส่วนอิ๋นฮวนก็พบกับการขับไล่ของเผ่าเจินหลง!
กล่าวถึงตรงนี้อิ๋นฮวนเผยสีหน้าหดหู่และเดือดดาลออกมา “ตอนนั้นข้าไม่เข้าใจสักนิดว่าเกิดอะไรขึ้น ก็ถูกองค์ชายสี่เผ่าเจินหลงอ๋าวเสวียนเฟิงจับตัว พาข้าออกจากวังมังกรแล้ว”
“จนกระทั่งสุดท้ายอ๋าวเสวียนเฟิงถึงได้บอกว่า ผู้หญิงเผ่ามนุษย์อย่างข้าไม่คู่ควรกับอ๋าวเจิ้นเทียนน้องเขาสักนิด ให้ข้า… ไสหัวออกไปยิ่งไกลยิ่งดี…”
สีหน้าของอิ๋นฮวนเผยแววอับอายแกมโกรธ กัดฟันกรอด “ซ้ำยังบอกว่าหากข้ายังกล้าโผล่มาอีก จะขยี้ข้าไม่ให้เหลือกระดูกอีกด้วย…”
นัยน์ตาดำของหลินสวินเยียบเย็น เขารู้ดียิ่งว่าอ๋าวเจิ้นเทียนและอิ๋นฮวนรักกันจากใจจริง ความรู้สึกของทั้งคู่มั่นคงหาใดเปรียบ
ตอนที่อยู่ดินแดนรกร้างโบราณ อ๋าวเจิ้นเทียนเคยบอกว่าหลังกลับไปแดนเจินหลงจะแจ้งเรื่องของเขาและอิ๋นฮวนต่อผู้อาวุโสในเผ่า ไม่ว่าจะพบเจอเรื่องยากลำบากอะไรก็จะสู่ขออิ๋นฮวนเป็นภรรยาให้ได้
แต่อิ๋นฮวน… กลับถูกเผ่าเจินหลงขับไล่!
ดังคาด เผ่าเจินหลงไม่คิดจะตกลงเรื่องการแต่งงานครั้งนี้สักนิด
“ต่อมา…”
สายตาของอิ๋นฮวนผุดแววเจ็บปวดขมขื่นออกมา นางในเวลาต่อมาเหมือนคนน่าเวทนาที่ถูกฟ้าดินทอดทิ้ง ใช้ทุกวิถีทางพยายามไปหาอ๋าวเจิ้นเทียนอีกครั้ง
แต่สุดท้ายก็เปลืองแรงเปล่า
เนื่องจากนางเป็นเผ่ามนุษย์ ไม่ว่าไปที่ไหนล้วนพบเจอการกดข่มและย่ำยีจากสิ่งมีชีวิตแต่ละเผ่า หากไม่ใช่เพราะนางมีมรรควิถีระดับมกุฎราชัน เกรงว่าคงประสบเคราะห์ไม่รู้เท่าไหร่นานแล้ว
และก่อนหน้านี้ไม่นาน นางถูกผู้แข็งแกร่งระดับกึ่งจักรพรรดิของ ‘เผ่าจักรพรรดิป้าเซี่ย’ หนึ่งในเก้าเผ่าจักรพรรดิใหญ่หมายหัว ถูกกำราบอย่างอนาถ จากนั้นก็ถูกขายเป็น ‘สินค้า’ ให้แก่เผ่างูนิลดำ ต่อมาก็ถูกเผ่าค้างคาวเขียวกระหายเลือดแย่งชิงมาไว้ในมือ…
กล่าวเสร็จอิ๋นฮวนก็อดน้ำตาหลังรินอีกรอบไม่ได้
วันเวลาหลายปีมานี้ที่เร่ร่อนในแดนเจินหลงเหมือนกับฝันร้ายฉากหนึ่งชัดๆ สร้างแรงโจมตีที่เกือบจะพังทลายให้แก่นาง
หลินสวินได้ฟังเรื่องทั้งหมดนี้ในใจก็อุบัติเพลิงโทสะขึ้นมาอย่างไม่อาจควบคุม มกุฎราชันอริยะคนหนึ่ง หากอยู่ในดินแดนรกร้างโบราณก็เป็นผู้ที่น่าเคารพนับถือและสะดุดตาปานใด ต่อให้อยู่ในทางเดินโบราณฟ้าดารา ก็ยังเรียกได้ว่าเป็นบุคคลทรงอิทธิพลในโลกแห่งหนึ่งได้แล้ว
แต่ในแดนเจินหลงแห่งนี้ อิ๋นฮวนกลับถูกทำร้ายบาดเจ็บหลายครั้ง ถูกบีบคั้นรังแกอย่างอุกอาจ เรื่องทั้งหมดนี้เผ่าเจินหลงจะต้องมีส่วนรับผิดชอบอย่างไม่อาจบ่ายเบี่ยง ขณะเดียวกันนี่ก็เกี่ยวข้องกับสถานะเผ่ามนุษย์ของนางด้วย!
หลินสวินทอดถอนใจในใจ ‘หากรู้เช่นนี้แต่แรก ข้าก็ไม่ควรให้จิ่งเซวียนมาเลย…’
ถึงแม้จ้าวจิ่งเซวียนจะมีสายเลือดเจินหลง มารดาเป็นน้องสาวของหัวหน้าเผ่าเจินหลงคนปัจจุบัน แต่ถึงอย่างไรบนตัวนางก็ยังมีสายเลือดเผ่ามนุษย์อยู่ ตอนนี้นางอยู่ในเผ่าเจินหลงนั่น จะได้รับการปฏิบัติอย่างไรกันเล่า
“แม่นางอิ๋นฮวน เจ้ารู้เส้นทางมุ่งหน้าไปวังมังกรหรือไม่” หลินสวินถาม
อิ๋นฮวนส่ายหน้า “พี่หลิน สถานที่ตั้งวังมังกรแห่งนั้นลึกลับเป็นที่สุด ไม่มีการเชิญจากเผ่าเจินหลง ต่อให้เป็นระดับจักรพรรดิก็ไม่สามารถเข้าไปได้”
หลินสวินพลันผิดหวังอยู่บ้าง เขาสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง ฝืนระงับความกังวลใจที่มีต่อจ้าวจิ่งเซวียนเอาไว้ กล่าวว่า “ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่ควรอยู่นานๆ ข้าพาเจ้าออกไปก่อนแล้วกัน”
อิ๋นฮวนพยักหน้า
หลินสวินลงมือ พาผู้แข็งแกร่งเผ่ามนุษย์ที่ถูกกักขังเหมือนกับอิ๋นฮวนพวกนั้นออกไปทั้งหมด ถึงค่อยจากไปพร้อมกับอิ๋นฮวน
“พี่หลิน เจ้ามาที่แดนเจินหลงได้อย่างไร” ระหว่างทางอิ๋นฮวนอดเอ่ยถามไม่ได้
หลินสวินกล่าว “ในใจข้าเฝ้าคิดถึงจิ่งเซวียน”
แววตาของอิ๋นฮวนซับซ้อน ทอดถอนใจกล่าวว่า “น้องจิ่งเซวียนมีคู่บำเพ็ญเช่นเจ้าช่างโชคดีปานใด”
จากนั้นสีหน้าของนางก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย กล่าวว่า “พี่หลิน เผ่าเจินหลงรังเกียจการแต่งงานกับคนนอกเผ่าเป็นที่สุด ครั้งนี้หากเจ้ามีโอกาสไปวังมังกรจริงๆ ก็ต้องเตรียมพร้อมให้ดี”
นางนึกถึงประสบการณ์หลู่เกียรติที่ตนถูกขับไล่ขึ้นมา
นัยน์ตาดำของหลินสวินหรี่ลง กล่าวว่า “ข้าเข้าใจ”
พูดคุยกับอีกพักหนึ่ง เห็นว่าอิ๋นฮวนอ่อนล้า สีหน้าท่าทางซึมเซา จึงเชิญนางเข้าไปสงบจิตในเจดีย์ไร้สิ้นสุด ส่วนตัวเขาก็ย้อนกลับไปยังจุดนัดพบที่นัดหมายอันเจิงไว้ก่อนหน้า
ฟ้าเริ่มมืดแล้ว สีราตรีแผ่ลามเข้ามาดุจดั่งกระแสน้ำเชี่ยว
บนเกาะเทพรุ้งมรกตทุกแห่งหนจุดโคมสว่างโร่ เจิดจ้าส่องแสง สว่างราวกับกลางวัน เงาโคมงดงามประดับประดาทั่วทั้งเกาะจนราวกับภาพฝันมายา
หลินสวินยืนอยู่ตรงนั้นเพียงลำพัง ถือน้ำเต้าสุราดื่มคนเดียว เงาร่างสันโดษไม่เข้ากับบรรยากาศครึกครื้นจอแจในบริเวณนั้นสักนิด
เกาะเทพรุ้งมรกตในตอนกลางคืนถึงขั้นคึกคักยิ่งกว่าตอนกลางวัน สิ่งมีชีวิตมากมายหลากหลายเดินสวนกันบนท้องถนนที่แน่นขนัดดุจใยแมงมุม เสียงร้องเรียกเร่ขายดังก้องหูไม่ว่างเว้น
มาแดนเจินหลงจนถึงตอนนี้ ผ่านไปเกือบครึ่งเดือนแล้ว
แต่ทุกสิ่งที่ได้ยินได้เห็นในช่วงครึ่งเดือนนี้กลับทำให้ในใจหลินสวินรู้สึกรังเกียจและไม่ชอบใจ ในอกก็เหมือนถูกหินกดทับ
เผ่ามนุษย์ต่ำต้อย ตกอับกลายเป็นทาส ปล่อยให้ใครต่อใครเข่นฆ่าและเหยียบย่ำ สิ่งที่ได้ยินตลอดทางนี้เสมือนกำลังพิสูจน์ ว่าสถานการณ์ของเผ่ามนุษย์น่าอนาถปานใด
หากแค่เท่านี้ก็ช่างเถิด
แต่ตอนนี้เมื่อได้รู้ถึงเรื่องการพลิกผันครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นในงานชุมนุมเซียนหมื่นมังกร ได้รู้ประสบการณ์หลู่เกียรติที่อิ๋นฮวนประสบพบเจอ ทำให้หลินสวินยังอดสงสัยไม่ได้ ว่าการไปเผ่าเจินหลงครั้งนี้เป็นไปได้สูงว่าคงจะไม่ราบรื่นแล้ว!
หลินสวินร่ำสุราเงียบๆ นัยน์ตาดำค่อยๆ เปลี่ยนเป็นเด็ดเดี่ยว ไม่ว่าหนทางเบื้องหน้าของเขาจะทุลักทุเลปานใด ครั้งนี้ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องพาจิ่งเซวียนไปให้ได้!
จนกระทั่งกลางดึกใกล้ยามจื่อ ในที่สุดงานประมูลที่เอิกเกริกเป็นประวัติการณ์นั้นในหอคันฉ่องสวรรค์ก็ปิดม่านลง
‘วารีแรกปฐม’ ในฐานะตัวเอกสุดท้ายปรากฏตัว หลังผ่านการช่วงชิงอย่างดุเดือดรอบแล้วรอบเล่า สุดท้ายก็ถูกประมูลออกไปในราคาสูงลิ่วขนาดที่สามารถทำให้ระดับจักรพรรดิคนใดก็ตามอกสั่นขวัญผวา ถูกอันเจิงจากเผ่าจักรพรรดิปี้อั้นคว้าไปครอง!
ตอนที่จัดการเรื่องนี้เสร็จ อันเจิงก็ทิ้งตัวทรุดนั่งบนเก้าอี้ประหนึ่งปลดเปลื้องพันธนาการ ภายในใจฮึกเหิมและตื่นเต้นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขาได้ลิ้มรสถึงสิ่งที่เรียกว่า ‘ใจป้ำ’!
ศาสตราจักรพรรดิเหล่านั้นถูกเขาโยนออกไปชิ้นแล้วชิ้นเล่าเหมือนไม่เสียดายเงิน สร้างความสะท้านสะเทือนในที่นั้นไม่รู้เท่าไหร่
ยิ่งไม่รู้ว่ามีคนมากมายเท่าไหร่อิจฉา ริษยา บ้าคลั่งเพราะเหตุนี้!
รสชาติเช่นนั้นไม่ต้องพูดเลยว่าอิ่มเอมใจขนาดไหน ทำเอาอันเจิงในเวลานี้ยังรู้สึกติดใจไม่สิ้นอยู่บ้าง
อันที่จริงในคืนนี้เขาอันเจิงก็โด่งดังอย่างสิ้นเชิงแล้ว กึ่งจักรพรรดิคนหนึ่ง กลับโยนศาสตราจักรพรรดิหลายชิ้นสิบ สมบัติและเจตวัตถุกองพะเนินปานภูเขาออกมา และคว้าวารีแรกปฐมไปครองได้ในที่สุด ทำให้ระดับจักรพรรดิเหล่านั้นยังอิจฉาและจนคำพูด
ส่วนผู้แข็งแกร่งที่ถือกำเนิดมาจากเผ่าจักรพรรดิปี้อั้นเช่นเดียวกันอันเจิงเหล่านั้น ต่างก็ปากอ้าตาค้างเช่นกัน ล้วนไม่กล้าเชื่อว่าอันเจิงถึงกับเปลี่ยนเป็น… ร่ำรวยใจใหญ่เช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่!
และมีพวกที่ในใจคิดไม่ซื่อส่วนหนึ่ง เดิมตั้งใจว่าหลังงานประมูลสิ้นสุดก็จะลงมือกับเจ้าคนที่คว้าวารีแรกปฐมไป
ไหนเลยจะคาดคิด ตอนที่ได้รู้ว่าผู้ชนะคนสุดท้ายเป็นทายาทเลือดบริสุทธ์ของเผ่าจักรพรรดิปี้อั้น แต่ละคนต่างพากันโกรธจนหน้าเขียว ไม่อาจไม่ล้มเลิกความคิดดักปล้น
ที่นี่คือเกาะเทพรุ้งมรกต เป็นอาณาเขตของเผ่าจักรพรรดิปี้อั้น!
หากเป็นหลินสวินที่ใช้ฐานะผู้แข็งแกร่งเผ่าวิญญาณเมฆามาเข้าร่วม บางทีต่อให้สุดท้ายสามารถประมูลวารีแรกปฐมไปได้ แต่จะต้องเรียกความวุ่นวายและระลอกคลื่นมากมายขึ้นเป็นแน่
นี่ก็คือสาเหตุว่าทำไมเขาให้อันเจิงไปช่วย
ถึงแม้หลินสวินจะยืนอยู่ท่ามกลางทะเลคน แต่จิตรับรู้กลับแผ่ครอบอยู่แถวๆ หอคันฉ่องสวรรค์แห่งนั้น เก็บภาพเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ไว้ในสายตานานแล้ว ในใจก็อดถอนหายใจโล่งอกไม่ได้
ครั้งนี้คว้าวารีแรกปฐมมาได้ ถือเป็นเรื่องน่ายินดีที่เหนือคาดอย่างหนึ่งจริงๆ
ถึงอย่างไรสมบัติระดับนี้ก็เป็นหนึ่งในเจตวัตถุสำคัญ ที่สามารถควบรวม ‘ต้นอ่อนต้นบ่อเกิดแรกกำเนิด’ ได้!
หืม?
แต่ไม่ทันไรหัวคิ้วของหลินสวินก็ขมวดมุ่น
ในจิตรับรู้ของเขา ตอนที่อันเจิงเพิ่งเดินออกจากหอคันฉ่องสวรรค์ ก็ถูกเฒ่าชราเผ่าจักรพรรดิปี้อั้นสองคนที่รออยู่ตรงนั้นพาตัวไปแล้ว!
……………………………