Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2270 เคราะห์สังหารที่สั่งสมมาแสนนาน
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 2270 เคราะห์สังหารที่สั่งสมมาแสนนาน
นัยน์ตาดำของหลินสวินเยียบเย็น กวาดมองอาหรงปราดหนึ่ง “มิน่าตอนที่อยู่บนเกี้ยวสมบัติ เจ้าเฒ่าอย่างเจ้าถึงเอาแต่ขัดขวางไม่ให้ข้าไปกับลั่วเจีย ที่แท้ก็เพราะมีเจตนาแอบแฝงแต่แรก ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ปล่อยเจ้าไว้ยังมีประโยชน์อะไร”
สวบ!
ปราณกระบี่ไร้รูปดุจดั่งมายาพุ่งโฉบขึ้น ฟันไปทางอาหรง
กระบี่ไร้รูป!
กระบี่นี้สิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือประหนึ่งภาพมายา ล่องลอยไร้รูป ทว่าพลังเข่นฆ่ากลับยิ่งใหญ่หาใดเปรียบ ระดับจักรพรรดิทั่วไป ต่อให้สามารถรู้สึกถึงอันตรายของกระบี่นี้ ก็ไม่มีทางจับเส้นทางของกระบี่นี้ได้สักนิด
อาหรงหน้าเปลี่ยนสียกใหญ่ ส่งเสียงคำรามออกมา โคจรพลังสุดกำลัง บนตัวปรากฏเกราะจักรพรรดิสีชาดที่ดุจดั่งไฟลุกโชนชั้นหนึ่ง
เกราะจักรพรรดิแสงชาด!
ศาสตราจักรพรรดิบริสุทธิ์ของอาหรง พลังต้านทานสะท้านโลก อาศัยเพียงสมบัตินี้ ทำให้อาหรงคลี่คลายอันตรายถึงชีวิตมาหลายครั้งในกาลเวลาที่ผ่านมา
แต่อานุภาพของกระบี่ไร้รูปมีหรือที่ของทั่วไปจะเทียบชั้นได้
ก็เห็นว่า…
ภายใต้หนึ่งกระบี่ไร้รูปที่ฟันลงไป เกราะจักรพรรดิแสงชาดนั่นก็พลันแตกระแหงปานใยแมงมุม จากนั้นแตกระเบิดเสียงดังตูม ละอองแสงที่เหมือนเปลวเพลิงไร้สิ้นสุดลอยล่องออกมา
พรูด!
ขณะเดียวกันร่างของอาหรงถูกฟันเป็นสองท่อนจากตรงกลาง ปราณกระบี่ไร้เทียมทานที่ไพศาลนั่นบดขยี้วิญญาณของเขาเป็นผุยผง
ทั้งหมดใช้เวลาเพียงชั่วอึดใจเท่านั้น ระดับจักรพรรดิขั้นสามอย่างอาหรงก็ถูกกระบี่เดียวสังหาร!
ภาพนองเลือดซัดสะเทือนระดับนั้น ทำเอาอู่ฝ่าเทียน ไป๋ซาจวินตกใจจนหน้าเปลี่ยนสี ดีดตัวขึ้นผึง นั่งไม่ติดอีกต่อไป
ปราณพวกเขาเพิ่งจะอยู่แค่ระดับมกุฎกึ่งจักรพรรดิเท่านั้น มีหรือจะคิดว่าระดับจักรพรรดิที่สามารถเหยียดหยันทั่วหล้าคนหนึ่ง จะถึงกับถูกฆ่าตายคาที่ดุจกระดาษเปื่อยก็ไม่ปาน
นี่น่าสะพรึงเกินไป!
ลั่วเจียยังอดเบิกตากว้างไม่ได้ ริมฝีปากเรื่อแดงอ้าขึ้นน้อยๆ จิตใจไหวสั่น ในช่วงที่ไม่ได้พบหน้ากันนี้ ที่แท้เจ้าหมอนี่ที่อยู่ข้างกายถึงกับเป็นระดับจักรพรรดิตั้งนานแล้ว!
“เจ้าเป็นใคร ถึงกล้าทำข้าเสียการใหญ่!” อู่ฝ่าเทียนตะโกนลั่น เพียงแต่จิตใจว้าวุ่น แสร้งทำใจดีสู้เสือ
“นายน้อยไม่ต้องตกใจไป มีข้าอยู่ทั้งคน”
พร้อมๆ กับเสียงแก่ชราที่ดังขึ้น ชายชราถือไม้เท้าผมขาวโพลนคนหนึ่งปรากฏตัว ยามกะพริบตามีเพลิงเทพไหลเวียน น่าสยดสยองหาใดเปรียบ
เมื่อมองเห็นชายชราคนนี้ อู่ฝ่าเทียนผ่อนลมหายใจทันที แววตื่นกลัวบนสีหน้าพลันหายเป็นปลิดทิ้ง เปลี่ยนเป็นอึมครึมและเยียบเย็น กัดฟันกล่าวว่า “ว่ามา เจ้าเป็นใครกันแน่ เหตุใดถึงยื่นมือเข้ามาแทรกเรื่องนี้”
หลินสวินคร้านจะมองพวกตัวประกอบอย่างอู่ฝ่าเทียน สายตาของเขามองตรงไปทางชายชราผมขาวโพลนคนนั้น กล่าวว่า “มิน่าถึงได้กล้าวางโตเช่นนี้ ที่แท้เพราะมีสุนัขเฒ่าระดับจักรพรรดิขั้นเจ็ดคนหนึ่งคอยคุ้มกันในเงามืดนี่เอง”
ระดับจักรพรรดิขั้นเจ็ด อยู่ในแดนหงส์เซียนล้วนเรียกได้ว่าเป็นคนใหญ่คนโตที่ค้ำฟ้าคนหนึ่ง สูงส่งได้รับความเคารพจากผู้คน
แต่ยามออกจากปากหลินสวิน กลับกลายเป็นสุนัขเฒ่าตัวหนึ่ง
สิ่งนี้ทำให้สายตาของลั่วเจียยังเปลี่ยนเป็นแปลกพิกล ในใจพลิกตลบ ไม่เจอกันแค่ไม่กี่สิบปี บนตัวหลินสวินมีการเปลี่ยนแปลงน่าตกใจปานใดกันแน่
สีหน้าของชายชราผมขาวก็พลอยมืดทะมึนลงด้วยเช่นกัน กล่าวว่า “ระดับจักรพรรดิขั้นสามอย่างเจ้ายังกล้าสามหาวขนาดนี้ เชื่อหรือไม่ว่าเพียงพลิกมือข้าก็ฆ่าเจ้าตายคาที่ได้”
หลินสวินหลุดขำออกมา สายตาเจือแววเหยียดหยาม “มาสิ เจ้าฆ่าให้ข้าดูหน่อย”
ชายชราผมขาวมีหรือจะทนการท้าทายเช่นนี้ได้ ตบฝ่ามือหนึ่งออกไปทันที
อานุภาพของระดับจักรพรรดิขั้นเจ็ดน่ากลัวปานใด สามารถฆ่าระดับจักรพรรดิขั้นสามที่ไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำคนหนึ่งได้ตามใจชอบ!
นี่ก็คือเหตุผลว่าทำไมชายชราผมขาวถึงกล้าพูดจาเย่อหยิ่งปานนั้น
อันที่จริงหากเปลี่ยนเป็นระดับจักรพรรดิขั้นสามคนอื่นคงต้านการโจมตีระดับนี้ไม่ได้จริงๆ น่าเสียดาย หลินสวินไม่ใช่ระดับจักรพรรดิขั้นสามทั่วไป
ก็เห็นหลินสวินตบหนึ่งฝ่ามือออกไปเช่นกัน เรียบง่ายไม่ใส่ใจยิ่ง
เสียงกระหึ่มสะเทือนโสตจนหูเกือบหนวกระลอกหนึ่งดังขึ้น ภายใต้สายตาหวาดกลัวสะเทือนขวัญที่จับจ้องของอู่ฝ่าเทียนและไป๋ซาจวิน หลินสวินปลอดภัยไร้อันตราย แต่ชายชราผมขาวกลับถูกหนึ่งฝ่ามือตบลงกับพื้น ร่างถูกตบเละ เลือดเนื้อเลอะเปรอะ เส้นเลือดกระดูกแตกระเบิด
ทั่วทั้งโถงใหญ่สะท้านสะเทือนอย่างแรง หากไม่ใช่เพราะหลินสวินใช้อานุภาพแห่งตนประคับประคองสถานการณ์ไว้ ลำพังแค่การโจมตีนี้ก็สามารถกวาดทั้งโถงใหญ่นี้ให้ราบได้แล้ว
อู่ฝ่าเทียนและไป๋ซาจวินตกใจจนสองขาอ่อนแรง ทรุดนั่งลงกับพื้นตรงๆ หัวสมองว่างเปล่า ระดับจักรพรรดิขั้นเจ็ดยังถูกหนึ่งฝ่ามือตบจนบาดเจ็บสาหัส เจ้าหมอนั่น… เป็นคนน่าสะพรึงปานไหนกันแน่
ส่วนลั่วเจียอึ้งค้างอยู่ตรงนั้นอย่างสิ้นเชิง
กระบี่เดียวฆ่าอาหรงตายก็ทำให้นางใจสะท้านไม่หายแล้ว แต่ตอนนี้ ระดับจักรพรรดิขั้นเจ็ดคนหนึ่ง ภายใต้เงื้อมมือหลินสวินก็ยังเห็นได้ชัดว่าไม่เอาไหนขนาดนี้ นี่ทำลายความรู้ความเข้าใจของนางอย่างสิ้นเชิง ถึงขั้นไม่กล้าจินตนาการ!
กลับเห็นหลินสวินปรายตามองชายชราผมขาวจากมุมสูง เอ่ยเรียบๆ ว่า “ไม่ใช่บอกว่าฆ่าข้าได้เพียงพลิกฝ่ามือหรือ เหตุใดตัวเจ้าถึงลงไปนอนแผ่หลาเสียก่อนเล่า”
ชายชราผมขาวเงยหน้าขึ้นอย่างยากลำบาก สายตาเจือแววหวาดหวั่น “ก่อนหน้านี้ข้าน้อยตาไร้แวว หวังว่าผู้อาวุโสจะให้อภัย!”
“สายไปแล้ว”
หลินสวินดีดนิ้วคราหนึ่ง ร่างของชายชราผมขาวดับสิ้นกลายเป็นผงธุลีทันที สลายหายไปในอากาศ
สวบ!
เกือบจะในเวลาเดียวกัน เงาร่างคลุมเครือสายหนึ่งก็ปรากฏขึ้นกลางอากาศ คว้าตัวไป๋ซาจวินที่ตกใจจนเข่าอ่อนเอาไว้ หมายจะเคลื่อนย้ายหนีไปกลางอากาศ
เหตุการณ์ปุบปับนี้ไม่ได้ทำให้หลินสวินแปลกใจ ตรงข้ามเขาเหมือนเดาได้แต่แรกแล้ว เอ่ยปากกล่าวเสียงเรียบว่า “เจ้าคิดว่าก่อนหน้านี้ข้าไม่ได้สังเกตเห็นการมีอยู่ของเจ้าหรือ”
ฮูม…
ปราณกระบี่แน่นขนัดนับไม่ถ้วนปรากฏ โจมตีลงมาประหนึ่งปิดครอบสุริยันจันทรา ตัดเส้นทางหลบหนีของเงาร่างคลุมเครือสายนั้น
เงาร่างคลุมเครือนั่นถอยหลังโดยพลันกลับไปอยู่ที่เดิม กล่าวด้วยเสียงเข้ม “สหาย ทำการใดต้องรู้จักยั้งมือ หากทำเกินไปเผ่าเสือขาวของข้าจะไม่รามือง่ายๆ แน่!”
เงาร่างนี้คือหญิงชุดเทาคนหนึ่ง ใบหน้าดุดัน ทั่วร่างมีไอสังหารสีเงินที่ดุจดั่งแสงเรืองศักดิ์สิทธิ์ไหลเวียน อานุภาพน่าสะพรึงถึงขีดสุด
“ระดับจักรพรรดิขั้นแปด?” นัยน์ตาของหลินสวินฉายแววประหลาดใจ “ในเผ่าเสือขาว จากปราณของเจ้าฐานะน่าจะไม่ต่ำต้อยแล้ว”
หญิงชุดเทาสีหน้าราบเรียบ “ดังนั้นสหาย เจ้าควรรู้ว่าควรเลือกอย่างไรถึงจะชาญฉลาดที่สุด”
หลินสวินยิ้ม “การเลือกของข้าง่ายดายยิ่ง ฆ่าเจ้าเหมือนฆ่าไก่ ไร้ความเกรงใจ และไร้ซึ่งความกลัว”
หญิงชุดเทานัยน์ตาหดรัด
หลินสวินพุ่งโจมตีออกไปทันที กระบี่ไร้รูปพริบไหว สำแดงนัยเร้นลับของกระบี่มรรคนั้นด้วยพลังสุดขีด
หญิงชุดเทาเงาร่างขยับไหว มาถึงบริเวณประตูโถงใหญ่ในทันที นางเอี้ยวศีรษะแค่นหัวเราะ “กระบี่นี้ก็ได้เท่านี้แหละ บัญชีแค้นนี้ข้าจำไว้แล้ว!”
หลินสวินสายตาเวทนา “เจ้ายังไปได้อีกหรือ”
หญิงชุดเทาอึ้งไป คล้ายตระหนักถึงอะไรบางอย่าง เมื่อก้มหน้ามองดู ร่างกายครึ่งท่อนบนกับครึ่งท่อนล่างของนางแยกออกจากกันอย่างสมบูรณ์เงียบๆ ดุจดั่งถูกตัดขาดกลางร่าง
ที่ตามมาติดๆ คือเลือดสดประหนึ่งน้ำตกหลั่งไหลออกมา ภาพอันนองเลือดแปลกพิสดารนั้นกระตุ้นให้หญิงชุดเทาหน้าเปลี่ยนสียกใหญ่ เพิ่งตั้งท่าจะส่งเสียงกรีดร้อง ก็รู้สึกเพียงว่าเบื้องหน้ามืดมน วิญญาณแตกระเบิดแหลกสลายในทันที
ไป๋ซาจวินที่เดิมทีถูกหญิงชุดเทาหิ้วอยู่ในมือทรุดนั่งกลางบ่อเลือดเสียงดังตึง ทั่วหน้าล้วนเต็มไปด้วยเลือดสดร้อนระอุ ทั่วร่างสั่นเทิ้มเพราะความตื่นกลัว สติสัมปชัญญะที่หลงเหลืออยู่ในใจก็แตกสลายอย่างสิ้นเชิง
ระดับจักรพรรดิขั้นแปด หากอยู่ในเผ่าเสือขาวก็เป็นบุคคลระดับเฒ่าดึกดำบรรพ์ที่สูงส่งมีอำนาจบารมีคนหนึ่ง แต่ตอนนี้ภายใต้สถานการณ์ไม่ทันตั้งตัว ก็ถูกคนฆ่าแล้ว!
สิ่งนี้ทำให้ไป๋ซาจวินแทบบ้าคลั่ง
ไกลออกไปอู่ฝ่าเทียนที่เห็นภาพนี้อยู่ในสายตาก็ตกใจจนวิญญาณไม่อยู่กับร่าง สติหลุดลอย
ชิ้ง!
กระบี่ไร้รูปถูกหลินสวินเก็บกลับมา เขามองลั่วเจียที่อยู่ในสภาพอึ้งงันปราดหนึ่ง อดกล่าวอย่างขบขันไม่ได้ “น่ากลัวขนาดนั้นเลยหรือ”
ลั่วเจียร้องเอ่อคราหนึ่งราวกับเพิ่งตื่นจากฝัน กล่าวอึ้งๆ ว่า “เจ้าคิดว่าอย่างไรล่ะ”
หลินสวินลูบจมูกป้อยๆ ยิ้มเจื่อนๆ แล้วกล่าวว่า “ที่นี่อยู่นานไม่ได้ พวกเราออกไปจากที่นี่ก่อนดีกว่า”
ระหว่างที่กล่าวเขาก็เริ่มเคลื่อนไหว ซัดอู่ฝ่าเทียน ไป๋ซาจวิน รวมถึงลั่วซิงที่ซ่อนตัวอยู่ในโถงข้างสลบเหมือด แล้วยัดเข้าไปในเจดีย์ไร้สิ้นสุดทั้งหมด หลังจากเก็บกวาดโถงใหญ่อีกรอบหนึ่งถึงพาลั่วเจียออกไปอย่างเงียบๆ
…
หนึ่งชั่วยามต่อมา
ในโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง
“เป็นการเคลื่อนไหวที่วางแผนมานานแล้วจริงๆ ด้วย” หลินสวินคล้ายขบคิด
ก่อนหน้านี้เขาได้ค้นวิญญาณอู่ฝ่าเทียนและไป๋ซาจวินแล้ว ได้รู้ความจริงที่เรียกได้ว่าชวนตกใจมาส่วนหนึ่ง
ก่อนหน้านี้ไม่นาน สองเผ่าใหญ่อย่างเสือขาว เต่าดำต่างส่งคนของตนออกมา มุ่งหน้ามายังแดนหงส์เซียน ภายนอกคือมาเยี่ยมเยียนเผ่าหงส์เซียน หารือธุระเรื่องการร่วมมือระหว่างเผ่า
ความจริงคือคิดจะใช้การเยี่ยมเยียนครั้งนี้มาทำลายเผ่าหงส์เซียน!
สาเหตุง่ายดายยิ่ง สองเผ่าใหญ่อย่างเสือขาวเต่าดำทำงานตามคำสั่ง ส่วนคนที่ออกคำสั่งลงมา ก็คือตระกูลลั่วอีกฟากฝั่ง!
เพียงแต่เหตุใดตระกูลลั่วต้องเลือกเวลานี้มาจัดการเผ่าหงส์เซียน แม้แต่อู่ฝ่าเทียนกับไป๋ซาจวินก็ยังไม่รู้แน่ชัด
พวกเขาเพียงแค่ทำงานตามคำสั่ง พูดถึงที่สุดแล้วก็เป็นเพียงแค่หมากของตระกูลลั่วอีกฟากฝั่งเท่านั้น
แต่จากความทรงจำในจิตวิญญาณของพวกเขา กลับทำให้หลินสวินได้รับเบาะแสที่คุ้มค่าถึงขีดสุดอย่างหนึ่ง…
อีกราวๆ สามเดือน ตระกูลลั่วอีกฟากฝั่งจะส่งใต้เท้าคนหนึ่งมา!
ตอนนี้การเคลื่อนไหวของสองเผ่าอย่างเสือขาวและเต่าดำ ล้วนเป็นการเตรียมการล่วงหน้าเพื่อคนใหญ่คนโตจากตระกูลลั่วอีกฟากฝั่งผู้นี้เท่านั้น
แต่หลินสวินก็ยังแปลกใจอยู่บ้างว่าที่แท้เป็นเพราะเหตุกันแน่ ถึงทำให้ตระกูลลั่วอีกฟากฝั่งส่งคนใหญ่คนโตมุ่งหน้ามาจัดการกับเผ่าหงส์เซียน
และหลังจากได้รู้ข่าวเหล่านี้ ใบหน้างดงามของลั่วเจียเปลี่ยนเป็นซีดขาว กล่าวว่า “มิน่าพวกเขาถึงกล้าเคลื่อนไหวอย่างไร้กลัวเกรงเช่นนี้ ที่แท้เบื้องหลังยังมีการบงการของตระกูลลั่วอีกฟากฝั่ง!”
หลินสวินกล่าวเสียงขรึม “เจ้ารู้หรือไม่ว่าเหตุใดตระกูลลั่วถึงอยากเล่นงานเผ่าของเจ้า”
ลั่วเจียขมวดคิ้วครุ่นคิดเนิ่นนาน ก่อนส่ายหน้ากล่าวว่า “ข้าไม่รู้แน่ชัด แต่ข้ารู้ว่าก่อนหน้านี้เมื่อนานมาแล้ว เผ่าหงส์เซียนของข้าก็ตัดขาดความสัมพันธ์กับตระกูลลั่วอีกฟากฝั่งแล้ว ว่ากันว่าเรื่องนี้ทำให้ตระกูลลั่วอีกฟากฝั่งในตอนนั้นเดือดดาลหาใดเปรียบ แต่ท้ายที่สุดก็ปล่อยเลยตามเลย นี่ก็ผ่านไปนานมากแล้ว ตระกูลลั่วอีกฟากฝั่งคงไม่เฝ้าคิดถึงเรื่องแตกร้าวในตอนนั้นหรอกกระมัง”
หลินสวินกลับรู้ชัด สี่เผ่าวิญญาณฟ้าประทานในปีนั้น บรรพชนเจินหลงเลือกช่วยชีวิตลั่วชิงสวินมารดาของตนอย่างไม่เสียดาย จนทำให้พบเจอการกำราบจากตระกูลลั่วอีกฟากฝั่ง
เผ่าหงส์เซียนแม้จะไม่เคยยื่นมือให้ความช่วยเหลือแต่ก็เพราะเรื่องที่ลั่วชิงสวินถูกไล่ล่า จึงตัดความสัมพันธ์กับตระกูลลั่วอีกฟากฝั่งอย่างเด็ดขาด
มีเพียงสองเผ่าใหญ่อย่างเสือขาวและเต่าดำ ที่นับแต่อดีตจนบัดนี้ก็ยังอยู่ใต้อาณัติของตระกูลลั่วอีกฟากฝั่งเรื่อยมา เรียกได้ว่าจงรักภักดี
ตอนนี้จู่ๆ เผ่าหงส์เซียนก็พบเจอเคราะห์สังหารจากตระกูลลั่วอีกฟากฝั่ง หนำซ้ำสองเผ่าอย่างเสือขาวเต่าดำก็ร่วมกันเป็นทัพหน้า ไม่แน่ว่าอาจเกี่ยวข้องกับเรื่อง ‘แตกหัก’ ที่เผ่าหงส์เซียนสร้างขึ้นในปีนั้น
“ไม่ได้ เรื่องนี้ข้าต้องบอกเผ่าโดยด่วน!” ลั่วเจียนั่งไม่ติดอีกต่อไป หยัดตัวลุกขึ้นอย่างกระวนกระวายใจ
“ช้าก่อน” หลินสวินร้องเรียกนางไว้
…………………………