Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2315 นับจากวันนี้ โลกไม่มีสำนักโบราณจรัสเทพอีกต่อไป
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 2315 นับจากวันนี้ โลกไม่มีสำนักโบราณจรัสเทพอีกต่อไป
เฝ้ารอเหยื่อจนเหยื่อมาแล้ว มีหรือจะปล่อยให้หนีได้อีก
และก็ถึงเวลาเก็บตาข่ายแล้ว!
นี่ก็คือการจัดวางของหลินสวิน กระบวนค่ายกลมรรคสิ้นฟ้าอาสัญคือไพ่ตายที่จะหว่านแหรวบคู่ต่อสู้ในคราวเดียว
หากให้อีกฝ่ายหนีเข้าประตูภูเขาไป ต้องเกิดตัวแปรขึ้นมากมายเป็นแน่
ตูม!
เสี่ยวอู่ที่สั่งสมพลังรออยู่นานแล้วเปิดใช้งานกระบวนค่ายกลมรรคสิ้นฟ้าอาสัญทันที ก็เห็นในพื้นที่ใกล้เคียงลายมรรคปรากฏดั่งกระแสน้ำหลาก เดือดพล่านแผ่กว้าง ครอบคลุมเก้าฟ้าสิบแผ่นดิน สัญลักษณ์เจิดจ้าแน่นขนัดนับไม่ถ้วนประหนึ่งร่างแปลงของมหามรรค พริบวาบไหลหลั่ง
ชั่วพริบตาฟ้าดินแถบนี้พลันเปลี่ยนไปทันควัน
ดุจดั่งกรงขัง พาดตัดมหามรรค ปิดฟ้าบังตะวัน
ระดับจักรพรรดิหลายคนที่เหลือรอดก่อนหน้านี้ รวมถึงสองบรรพจารย์จักรพรรดิอย่างหนิงเจิน เล่อหรงที่เพิ่งคิดหนีล้วนถูกกักขังไว้ภายในนั้น
สิ่งที่ทำให้หลินสวินแปลกใจที่สุดคือ ช่วงคับขันเช่นนี้บรรพจารย์จักรพรรดิอวี่ฉงนั่นถึงกับดุกร้าวหาใดเปรียบอย่างเห็นได้ชัด เร่งกระตุ้นพลังระเบียบต้องห้ามที่ใช้บรรทัดหยกเป็นตัวนำ แหวกทางหนีขึ้นมาสายหนึ่ง หลุดออกจากวงล้อมของกระบวนค่ายกลมรรคสิ้นฟ้าอาสัญ
ทว่าบริเวณประตูภูเขานั่นถูกปิดผนึกไว้นานแล้ว และด้านหลังเขายังมีซีไล่ตามมาติดๆ!
“โอม!”
เสี่ยวอู่ควบคุมกระบวนค่ายกล โคจรอานุภาพทั้งหมดของกระบวนค่ายกลมรรคสิ้นฟ้าอาสัญ ชั่วขณะเดียวในกระบวนค่ายกลพายุอสนีเดือดพล่าน เพลิงลมโหมระอุ เกิดการทำลายล้างน่าสะพรึงที่น่าเหลือเชื่อท่วมท้น
ทันใดนั้นระดับจักรพรรดิหลายคนนั่นก็รับไม่ไหว ถูกสังหารอยู่ในกระบวนค่ายกลทั้งหมด
ส่วนบรรพจารย์จักรพรรดิสองคนที่ถูกกักขังอยู่ในนั้นก็แทบจะโจมตีและต้านทานสุดชีวิต ทว่าพร้อมๆ กับเวลาที่เคลื่อนคล้อย ก็ยังได้รับบาดเจ็บไม่ขาดสาย
เพียงชั่วอึดใจพวกเขาก็บาดเจ็บสะสม เลือดสดย้อมตัว เสียงร้องอนาถ คำรามเดือด โพล่งผรุสวาทก็ดังไปทั่วจากตรงนี้เช่นกัน
หลินสวินและต้าหวงยืนอยู่นอกกระบวนค่ายกล สายตาเย็นเยียบ ล้วนไม่มีความหวั่นไหวทางอารมณ์ใดๆ
ตูม!
สุดท้ายพร้อมๆ กับเสียงระเบิดดังลั่นที่สะเทือนจนหูจะหนวก เงาร่างของบรรพจารย์จักรพรรดิหนิงเจิน เล่อหรงล้วนถูกละอองแสงนับไม่ถ้วนท่วมมิด พังทลายและแตกสลายภายในนั้น กลายเป็นเถ้าธุลีปลิวหายไปกับอากาศ
เสี่ยวอู่เหมือนยังไม่หนำใจ กล่าวว่า “เพิ่งเจ้าเฒ่าแค่สองคนเอง เป็นการลงทุนมากได้ผลน้อยไปหน่อยแล้ว”
“เจ้าก็ไม่ลองคิดดูบ้าง ตอนที่วางกระบวนค่ายกลเช่นนี้สิ้นเปลืองเจตวัตถุชั้นเลิศไปกี่มากน้อย!” ต้าหวงกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์
หลินสวินก็ทอดสายตามองออกไปไกลๆ
ไม่นานนักเสียงตะโกนลั่นเกรี้ยวกราดหาใดเปรียบสายหนึ่งก็ดังลอยมา “จักรพรรดิสวรรค์ดำรงจะไม่ปล่อยพวกเจ้าไปแน่ ไม่มีทาง…!”
นี่คือเสียงของบรรพจารย์จักรพรรดิอวี่ฉง กรีดแหวกเวิ้งฟ้า เผยแววไม่ยินยอมและเดือดดาล
แต่ไม่นานก็หยุดชะงักไป
และเงาร่างของซีก็โฉบพุ่งมาจากไกลๆ อรชรคลุมเครือ ละอองแสงตัดสลับ ท่วงท่างามสง่าเหนือโลกเช่นนั้นส่องสว่างภูผาธารา!
หลินสวินราวยกภูเขาออกจากอก เผยรอยยิ้มออกมา
สี่ทิศเงียบสงัด มีแต่ภาพเสื่อมทรุดพังทลายไม่เหลือชิ้นดี กลางห้วงอากาศยังอบอวลกลิ่นคาวเลือดและควันคลุ้งแสบจมูก
การต่อสู้ครั้งนี้สังหารบรรพจารย์จักรพรรดิสี่คน ระดับจักรพรรดิสิบเก้าคนของสำนักโบราณจรัสเทพ!
ส่วนผู้สืบทอดสำนักโบราณจรัสเทพที่ดูแลพื้นที่ในบริเวณใกล้เคียงยิ่งนับจำนวนไม่ถ้วน
ตามที่เขาเข้าใจ หลังผ่านการต่อสู้ครั้งนี้ บวกกับพวกอวี้คุนจื่อที่ตายบนเขาหุบเหวโลหิตเมื่อหลายวันก่อน ระดับจักรพรรดิในสำนักโบราณจรัสเทพก็แทบจะไม่เหลือ ไม่มีภัยคุกคามอีกต่อไป!
เมื่อนึกถึงตรงนี้หลินสวินพลันหัวใจพองโต
ความเคียดแค้นครั้งนี้เกิดขึ้นเพราะมหาจักรพรรดิปาฉี สืบเรื่อยมาหลายปีให้หลัง สุดท้ายวันนี้ก็ถึงคราวยุติลง!
“ภายในประตูภูเขาแห่งนี้ เกรงว่าคงมีการซุ่มโจมตีอื่นอีกมาก”
ขณะพูดต้าหวงก็หัวเราะขึ้นมา “แต่น่าเสียดาย กระต่ายเฒ่าเหล่านั้นล้วนตายกันหมดแล้ว การซุ่มโจมตีพวกนี้สำหรับพวกเราแล้วไม่มีภัยคุมคามอีกต่อไป”
“ไป บุกเข้าไป!”
ต้าหวงเคลื่อนไหวก่อนใคร
“เสี่ยวอู่ เจ้าควบคุมกระบวนค่ายกลอยู่ที่นี่ ไม่ว่าใครคิดหนี ฆ่าสถานเดียว!”
หลินสวินทิ้งท้ายไว้แล้วไล่ตามต้าหวงไปติดๆ เข้าสู่ประตูภูเขานั่นพร้อมกับซี
โลกลับของสำนักโบราณจรัสเทพไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าถิ่นฐานของขุมอำนาจเก่าแก่ใดๆ สักนิด ทุกแห่งหนล้วนเป็นแดนมงคลถ้ำสวรรค์ที่งดงามวิจิตร บรรยากาศห่อหุ้มด้วยกลิ่นอายแรกกำเนิดที่เข้มข้นราวหมอก นกวิญญาณบินฉวัดเฉวียน สัตว์ป่าเดินขวักไขว่ ดุจดั่งแดนพิสุทธิ์เทพศักดิ์สิทธิ์
หลังผ่านการเสริมเพิ่มเติมในกาลเวลาไร้สิ้นสุด รากฐานพลังและทรัพย์สมบัติที่สั่งสมในโลกลับแห่งนี้ก็ถึงขั้นที่ทำให้คนไม่อาจจินตนาการได้นานแล้ว
อันที่จริงแดนมงคลที่สามารถรองรับการเคี่ยวกรำของบรรพจารย์จักรพรรดิจำนวนมากได้ ในทั่วหล้าฟ้าดาราก็เรียกได้ว่าล้ำค่าและหายากเช่นเดียวกัน
เมื่อพวกหลินสวินพุ่งเข้าไป ผู้สืบทอดสำนักโบราณจรัสเทพที่อาศัยอยู่ในโลกลับล้วนแล้วแต่ตกใจหน้าถอดสี ตกอยู่ในความชุลมุนวุ่นวาย
และสำหรับพวกหลินสวิน ที่แห่งนี้ไม่ได้เป็นภัยคุกคามอะไรนานแล้ว แทบจะบดขยี้แผลงศักดาตลอดทาง
เวลาเพียงหนึ่งถ้วยชา
สำนักโบราณจรัสเทพทั้งบนล่างล้วนถูกกำราบสิ้น!
กระทั่งมาถึงพื้นที่หวงห้ามสูงสุดของสำนักโบราณจรัสเทพ หลังจากมั่นใจว่าไม่มีภัยคุกคามใดๆ แล้ว หลินสวินก็อดใจเต้นไม่ได้
สำนักโบราณจรัสเทพ ขุมอำนาจใหญ่ที่ผงาดง้ำในโลกมืดมาเนิ่นนาน บัดนี้ถูกเขาหลินสวินเหยียบราบแล้ว!
…
ในวันนี้ข่าวที่สำนักโบราณจรัสเทพถูกทำลายแพร่สะพัด ทำให้โลกมืดตกอยู่ในความโกลาหลโดยสมบูรณ์ คนไม่รู้เท่าไหร่สั่นสะท้าน หวาดหวั่นเพราะเรื่องนี้!
“จักรพรรดิเต้ายวน เหตุใดถึงแข็งแกร่งเช่นนี้”
เสียงวิพากษ์วิจารณ์ไม่รู้เท่าไหร่ดังขึ้น
ไม่กี่วันก่อนศึกบนเขาหุบเหวโลหิตทำให้ชื่อของจักรพรรดิเต้ายวนโดดเด่นดั่งดวงตะวัน สาดส่องเหนือโลกมืด ชักนำให้มีการถกกันนับไม่ถ้วน
และช่วงนี้เมื่อสำนักโบราณจรัสเทพล่มสลาย ก็ทำให้อิทธิพลของหลินสวินกดครอบเหนือโลกมืด ดุจดั่งนายเหนือหัว!
“หวนนึกถึงอดีต สำนักโบราณจรัสเทพคือหนึ่งในสามนายเหนือหัวใหญ่ คอยควบคุมโลกมืดมานาน อำนาจอิทธิพลล้วนทำให้ผู้แข็งแกร่งบางส่วนในทั่วหล้าฟ้าดาราขวัญผวา ใครจะไปคิดว่าเพียงชั่วข้ามคืน อานุภาพคับฟ้านั่นกลับกลายเป็นควันเมฆในอดีต!”
เสียงทอดถอนใจที่เจือความสะท้านสะเทือนยิ่งดังไปตามที่ต่างๆ ในโลกมืด
“หลินเต้ายวน… นี่เป็นตำนานที่มีชีวิต เป็นเรื่องเล่าขานแห่งยุคชัดๆ! ชื่อของเขาต้องเลื่องลือหมื่นกาล สะเทือนทั่วหล้าแน่นอน!”
ทุกคนล้วนตระหนักได้ว่านับแต่วันนี้ไป สถานการณ์ในโลกมืดได้ถูกหลินสวินคนเดียวเขียนขึ้นใหม่แล้ว
และตั้งแต่วันนี้ สำนักโบราณจรัสเทพถูกลบชื่อออกจากโลกแล้ว!
…
แดนอำพราง
หลังจากเหล่าคนเก่าแก่ของหอวิหคทองแดงอย่างพวกชิงอิงรู้ข่าวเหล่านี้ก็อดสะท้านสะเทือนไม่ได้ เนิ่นนานก็ยังไม่อาจดึงสติกลับมา
การต่อสู้ในเขาหุบเหวโลหิต สังหารพวกอวี้คุนจื่อ กำจัดบรรพจารย์จักรพรรดิขู่เซิง!
นี่เดิมก็เรียกว่าเป็นผลงานการต่อสู้ที่หายากในโลกแล้ว ทว่าตอนนี้แม้แต่สำนักโบราณจรัสเทพยังถูกเหยียบราบและลบล้าง นี่อยู่เหนือความเข้าใจของพวกชิงอิงโดยสิ้นเชิง
เนิ่นนานชิงอิงถึงค่อยๆ สงบลง จากนั้นออกคำสั่ง “ถึงตอนนี้แล้ว ก็ถึงตาหอวิหคทองแดงของพวกเราเคลื่อนไหวบ้าง ทุกท่านโปรดมุ่งหน้าไปตามที่ต่างๆ รวบรวมขุมอำนาจของหอวิหคทองแดง ทวงคืนอาณาเขตของพวกเรากลับมา!”
สำนักโบราณจรัสเทพล่มสลาย ขุมอำนาจและพื้นที่ใต้ปกครองยังคงอยู่ แต่ก็ต้องกระจัดกระจายไร้หัวดั่งแพะรอโดนเชือด ถูกฉกปล้นช่วงชิง!
หากไม่อาศัยจังหวะนี้ลงมือ แล้วจะรอถึงเมื่อไหร่
ในวันนี้ ขุมอำนาจของหอวิหคทองแดงที่หลบซ่อนตามที่ต่างๆ ในโลกมืดต่างออกเคลื่อนไหว ดุจดั่งภูเขาไฟที่อัดอั้นมานานเริ่มระเบิดปะทุ!
…
ผลกระทบจากการที่สำนักโบราณจรัสเทพล่มสลายไม่ใช่จะง่ายดายเพียงเท่านั้น
ไม่นานนักคนทั่วหล้าก็พบว่า ขุมอำนาจและอิทธิพลที่อยู่ใต้อาณัติแดนกษิติครรภ์ซึ่งกระจายอยู่ในโลกมืดเหล่านั้นล้วนถูกโยกย้าย และค่อยๆ หายไป
ขณะเดียวกันประตูภูเขาแดนกษิติครรภ์ก็ปิดสนิท ตัดขาดจากโลกภายนอก!
เหตุการณ์นี้ดึงดูดสายตาคนทั่วหล้า เรียกคลื่นลมปั่นป่วน
“นี่หมายความว่าแดนกษิติครรภ์ตระหนักได้ว่าสถานการณ์ร้ายแรงแล้วเหมือนกัน เพื่อปกป้องตนเองจึงตัดสินใจเป็นเต่าหดหัวเช่นนี้ใช่หรือไม่”
คนมากมายคาดเดาออกมาเช่นนี้
“นี่มันแน่อยู่แล้ว หลังจากสำนักโบราณจรัสเทพล่มสลาย คนที่จักรพรรดิเต้ายวนจะจัดการต่อไปต้องเป็นแดนกษิติครรภ์อย่างไม่ต้องสงสัย!”
“และควรรู้ว่าบนเขาหุบเหวโลหิต ระดับจักรพรรดิสิบเก้าคนในกลุ่มของบรรพจารย์จักรพรรดิขู่เซิงล้วนตายกันหมด ก่อนหน้านี้ไม่นานบรรพจารย์จักรพรรดิสามคนอย่างต้าซวี คูหมิง และตู้เฉินก็ถูกสังหารเหมือนกัน!”
“ลองคิดดู แดนกษิติครรภ์ในตอนนี้สูญเสียบรรพจารย์จักรพรรดิสี่คนและระดับจักรพรรดิไปแล้วหลายคน บวกกับแรงสั่นสะเทือนที่เกิดจากการล่มสลายของสำนักโบราณจรัสเทพอีก มีหรือจะยังกล้าต่อต้านจักรพรรดิเต้ายวนอีก”
“เต่าหดหัว เป็นวิธีที่ชาญฉลาดที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย”
…เสียงวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับแดนกษิติครรภ์ก็เหมือนลมพายุ หอบม้วนโลกมืด
มีคนดูแคลน คิดว่าในอดีตแดนกษิติครรภ์แข็งแกร่งปานใด ทั่วสำนักทั้งบนล่างไม่กลัวความเป็นความตาย แต่ตอนนี้กลับหดหัวทั้งที่ยังไม่ได้เริ่มสู้ด้วยซ้ำ!
มีคนทอดถอนใจ คิดว่าพร้อมๆ กับที่เกิดการล่มสลายของสำนักโบราณจรัสเทพ และการหลบซ่อนของแดนกษิติครรภ์ หลังจากวันนี้ไปโลกมืดแห่งนี้เกรงว่าจักรพรรดิเต้ายวนจะเป็นใหญ่แล้ว!
มีคนมองไกลยิ่งกว่านั้น มั่นใจว่ายามจักรพรรดิสวรรค์ดำรงกลับจากแหล่งสถานคุนหลุน ความสำเร็จที่จักรพรรดิเต้ายวนได้รับในวันนี้ต้องถูกลมพายุพัดหาย และเจ้าตัวก็ต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัยแน่นอน
…
โลกภายนอกต่างวิพากษ์วิจารณ์กันถ้วนทั่ว
หลินสวินนับจำนวนทรัพย์สมบัติที่สำนักโบราณจรัสเทพสั่งสมมาเนิ่นนานเสร็จสิ้นแล้ว
โดยสรุป ยามเมื่อเผชิญหน้ากับทรัพย์สมบัติที่ขุมอำนาจเก่าแก่แห่งหนึ่งสะสมไว้เช่นนี้ หลินสวินยังหวั่นไหวอยู่บ้าง
เยอะเกินไปแล้ว!
เจตวัตถุ ลูกกลอนโอสถ ตำราโบราณ สมบัติล้ำค่านับไม่ถ้วนกองสุมอยู่ด้วยกัน ล้วนสามารถกองรวมกันเป็นภูเขาสมบัติสูงตระหง่านลูกหนึ่งได้เลย!
ลำพังแค่ผลึกมรรคก็ใช้หน่วยหมื่นล้านมานับได้แล้ว สมบัติอื่นๆ อีกมากมายยิ่งนับไม่หวาดไม่ไหว ประเมินมูลค่าไม่ได้
“สำนักโบราณจรัสเทพนี่… ช่างร่ำรวยอู้ฟู่จริงๆ…” ต้าหวงยังรำพันไม่ขาด มันนอนในกองสมบัติแปลกประหลาดล้ำค่านับไม่ถ้วน ดวงตาสุนัขเคลิ้มล่องลอย
แต่ครู่ต่อมามันก็ดีดตัวผึง ถูไม้ถูมือกล่าวว่า “ไปแดนกษิติครรภ์ สมบัติที่ลาหัวโล้นพวกนั้นสะสมต้องเยอะกว่าสำนักโบราณจรัสเทพไม่ใช่น้อยๆ แน่!”
เห็นได้ชัดว่ามันตื่นเต้นมาก แรงใจเต็มเปี่ยม
หลินสวินกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ “หลังรู้ข่าวว่าสำนักโบราณจรัสเทพถูกทำลาย แดนกษิติครรภ์มีหรือจะไม่ระวังตัว แม้จะต้องบุกไปแต่ก็ไม่ต้องรีบร้อนในตอนนี้หรอก”
เขากำลังสำรวจและอ่านตำราโบราณที่ตกทอดในสำนักโบราณจรัสเทพ ตำราโบราณเหล่านี้จารึกไว้ในม้วนหยก กองพะเนินดั่งเขาลูกย่อมๆ มีมากละลานตา ครอบคลุมหลายด้าน
ตามความเห็นหลินสวิน มรดกตำรามรรคที่ขุมอำนาจเก่าแก่แห่งหนึ่งสั่งสมไว้นานปีในกาลเวลาไร้สิ้นสุดเช่นนี้ ล้ำค่ายิ่งกว่าสมบัติอื่นๆ เหล่านั้นเสียอีก
“หลินสวิน เจ้าดูของสิ่งนี้” จู่ๆ ซีที่อยู่ไม่ไกลก็เอ่ยปาก ในมือของนางประคองหินสีเทาขุ่นก้อนหนึ่ง ไม่สะดุดตาเป็นที่สุด
แต่สิ่งที่ถูกซีต้องตา ย่อมไม่ใช่ของธรรมดาอย่างแน่นอน
หลินสวินเดินไปหมายจะถือไว้ในมือ กลับเห็นซีสะบัดมือโยนให้หลินสวิน ราวกับกลัวว่าจะถูกหลินสวินแตะโดนมือของตนอีกอย่างไรอย่างนั้น
หลินสวินอึ้งไป ก่อนจะประคองหินก้อนนี้ขึ้นมาสำรวจโดยละเอียด
ก้อนหินสีดำสนิท น้ำหนักชวนตกใจยิ่ง ดุจดั่งถือภูเขาใหญ่ลูกหนึ่ง คนทั่วไปไม่สามารถรับน้ำหนักของมันได้สักนิด
พื้นผิวของมันลื่นวาวดั่งกระจก เสมือนถูกของมีคมหาใดเปรียบขัดเกลามานับครั้งไม่ถ้วนในกาลเวลาไร้สิ้นสุด มีความเว้าแหว่งเล็กน้อย
ด้านหลังของมันสลักอักษรโบราณเอาไว้สี่คำ
ลับจิตดั่งคม
——