Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2388 ถล่มหอกระบี่ฟ้า
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 2388 ถล่มหอกระบี่ฟ้า
หอกระบี่ฟ้า
สำนักกระบี่อันดับหนึ่งในดินแดนโบราณต้าหลัว ฉายาแหล่งบรรจบหมื่นกระบี่
ในกาลเวลาไร้สิ้นสุด หอกระบี่ฟ้าดุจดั่งนายเหนือหัวที่ไม่อาจสั่นคลอน ถูกผู้ฝึกปราณนับไม่ถ้วนในดินแดนโบราณต้าหลัวมองเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์
เขากระบี่ผาเขียว
อาณาเขตหอกระบี่ฟ้า
เขาลูกนี้อบอวลไอวิญญาณ สูงตระหง่านทอดยาว ถูกปกคลุมด้วยประกายเทพแสงศักดิ์สิทธิ์ตลอดปี ได้รับสมญาว่าเป็นแดนมงคลอันดับหนึ่งในดินแดนโบราณต้าหลัว
ในวันนี้ ช่วงกลางเขากระบี่ผาเขียว กลางตำหนักโบราณเก่าแก่ที่ตั้งอยู่ริมหน้าผาแห่งหนึ่ง
คนใหญ่คนโตหอกระบี่ฟ้าทั้งกลุ่มมารวมตัวกันที่นี่
ผู้นำคือชายสวมชุดคลุมดำ รูปร่างสง่างาม ผมเคราสีดอกเลา สายตาคมกริบดุจกระบี่ ยืนเอามือไพล่หลัง มีบารมียิ่งใหญ่ในตัวเอง
ฮว่าอวิ๋นตู้ เจ้าสำนักหอกระบี่ฟ้า
เจ้าตัวก็เป็นระดับจักรพรรดิเช่นกัน
“ยังไม่ได้หรือ” ฮว่าอวิ๋นตู้ขมวดคิ้วถาม
ชายชราอ้วนเตี้ยชุดคลุมเข้มคนหนึ่งส่ายหน้า “เจตจำนงของซูไป๋คนนี้แข็งแกร่งไร้ใดเปรียบ แม้ว่าพวกเราจะใช้วิชาลับ แต่ยากจะโจมตีเจตจำนงของเขาได้ในทันทีทันใด เมื่อเป็นเช่นนี้หากต้องการลบล้างความทรงจำของเขาก็ไม่เหลือวิธีใดๆ อีกแล้ว”
“เฮอะ!”
ฮว่าอวิ๋นตู้สายตาเย็นเยียบ “ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องทำให้เจ้านั่นยอมจำนนโดยสมบูรณ์ มกุฎกึ่งจักรพรรดิอันดับหนึ่งของดินแดนรกร้างโบราณ แถมบนตัวยังมีกระดูกกระบี่ที่หาพบยากในหมื่นยุค หากทำงานรับใช้ข้าได้ ภายหน้าหอกระบี่ฟ้าของข้าอาจมีมหาจักรพรรดิแห่งยุคที่มรรคกระบี่เทียมฟ้าเพิ่มมาอีกคนก็ได้!”
“ขอรับ”
ชายชราอ้วนเตี้ยชุดคลุมเข้มพยักหน้า จากนั้นกล่าวขึ้น “แต่ตอนนี้เกรงว่าไม่อาจใช้วิชาลับอีกแล้ว…”
“ทำไมล่ะ” ฮว่าอวิ๋นตู้ถาม
ชายชราอ้วนเตี้ยชุดคลุมเข้มรีบกล่าว “หลายวันมานี้ใช้วิชาลับควบคุมเด็กนี่ จิตวิญญาณและสภาวะจิตของเขาทรมานจนแทบพังทลาย ขืนทำต่อ มรรควิถีของเจ้าหนุ่มนี่อาจพังทลาย และหากเป็นเช่นนี้ ต่อให้สุดท้ายกำราบเขาให้ยอมศิโรราบได้ เกรงว่าคงกลายเป็นคนไร้ประโยชน์คนหนึ่ง”
ฮว่าอวิ๋นตู้อึ้งไป โบกมือกล่าว “ช่างเถอะ ข้าให้เวลาเจ้าอีกสิบวัน”
ว่าพลางจู่ๆ เขาก็นึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมา “กองทัพใหญ่ที่มุ่งหน้าไปด่านตะวันมีข่าวส่งกลับมาบ้างหรือไม่”
ทุกคนส่ายหน้า
มีคนกล่าวเสียงต่ำ “เจ้าสำนัก นี่เวลาเพิ่งไม่ถึงสองวัน ถึงแม้ด่านตะวันที่พิปกป้องดินแดนรกร้างโบราณจะย่ำแย่ แต่ดีชั่วก็มีระดับจักรพรรดิดูแลหลายคน หากอยากยึดสำเร็จในคราวเดียว เกรงว่าคงไม่ใช่เรื่องที่จะทำได้ในเวลาสั้นๆ”
เขาชะงักไปครู่หนึ่งก่อนกล่าวต่อ “แต่ว่าครั้งนี้ภายใต้คำสั่งหอกระบี่ฟ้าของเรา ได้รวบรวมพลังชั้นยอดจากขุมอำนาจใหญ่นับพันในดินแดนโบราณต้าหลัว ลำพังแค่ระดับจักรพรรดิที่ส่งออกไปก็มีเก้าคนแล้ว เชื่อว่าการเหยียบด่านตะวันให้ราบในครั้งนี้ก็อยู่ที่ช้าหรือเร็วแล้ว”
ทุกคนสีหน้ากระปรี้กระเปร่า
ตอนนี้ไอวิญญาณฟื้นคืนในดินแดนรกร้างโบราณปรากฏสัญญาณยิ่งใหญ่ หากสามารถครอบครองดินแดนรกร้างโบราณได้ สำหรับขุมอำนาจใดๆ ก็ตามในดินแดนโบราณต้าหลัว ล้วนไม่ต่างกับการได้รับโอกาสเพิ่มความแข็งแกร่งรอบด้านของตนเลยสักนิด!
“ดินแดนรกร้างโบราณนี่… สมกับเป็นอาณาเขตแดนต้นกำเนิดหมื่นมรรค แม้จะเสื่อมโทรมในกาลเวลาไร้สิ้นสุด แต่พอฟื้นตัวได้ พลังที่สาดพุ่งออกมายังคงเหนือชั้นเกินกว่าแปดดินแดนของพวกเรา”
ฮว่าอวิ๋นตู้ทอดถอนใจ “แต่ยังดีครั้งนี้ขุมอำนาจแปดดินแดนเคลื่อนทัพพร้อมกัน ถึงแม้กำแพงเมืองด่านจักรพรรดิของดินแดนรกร้างโบราณจะป้องกันแน่นหนาแค่ไหนก็ต้องถูกเหยียบพินาศอยู่ดี ถึงตอนนั้น…”
เพิ่งกล่าวถึงตรงนี้ จู่ๆ เสียงเรียบเรื่อยสายหนึ่งก็ดังลอยมาจากนอกโถงใหญ่
“ตามความเห็นของข้าคนแซ่หลิน พวกเจ้ารอไม่ถึงตอนนั้นหรอก”
ประโยคเดียวแสนเรียบง่าย กลับทำให้คนใหญ่คนโตหอกระบี่ฟ้าทั้งกลุ่มอย่างพวกฮว่าอวิ๋นตู้หน้าเปลี่ยนสี พุ่งกระโจนออกนอกโถงใหญ่พร้อมกัน
ก็เห็นภายใต้เวิ้งฟ้าไกลๆ ไม่รู้ปรากฏเงาร่างสูงโปร่ง สวมชุดดำ ราบเรียบไร้โลกีย์สายหนึ่งขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่
“เจ้าเป็นใคร” นัยน์ตาฮว่าอวิ๋นตู้ดุจสายฟ้า กวาดมองหลินสวิน สีหน้าเคร่งขรึม
คนอื่นๆ ก็สีหน้าแปลกไป คล้ายคิดไม่ถึงว่าในดินแดนโบราณต้าหลัวแห่งนี้ ยังมีคนกล้าโร่มาท้าทายอำนาจหอกระบี่ฟ้าของพวกเขา
หลินสวินไม่ตอบ ทำเพียงใช้สายตากวาดมองพวกฮว่าอวิ๋นตู้แล้วตวัดมือลวกๆ
วู้ม!
ปราณกระบี่ดั่งธารน้ำตกพันจั้งสายหนึ่งพุ่งขวางออกมา ปลดปล่อยแสงวาวโรจน์แสบตา ส่องสว่างฟ้าดินแถบนี้จนภูผาธาราหม่นสี
ฟันฉับลงมาทันใด
ทั่วเขากระบี่ผาเขียวทั้งบนล่างปกคลุมด้วยพลังผนึกพิทักษ์เขาหกสิบสี่ชั้น ผ่านการเคี่ยวกรำต่อเนื่องในกาลเวลาไร้สิ้นสุด พลังผนึกระดับนั้นสามารถต้านทานการโจมตีเต็มกำลังของระดับจักรพรรดิได้
ฉะนั้นเมื่อเห็นภาพเหตุการณ์นี้ พวกฮว่าอวิ๋นตู้อึ้งไปเป็นสิ่งแรก จากนั้นก็เผยสีหน้าขำขันออกมา รู้สึกน่าขันอย่างบอกไม่ถูก
เจ้าหมอนี่บ้าไปแล้วกระมัง
ในฐานะสำนักกระบี่อันดับหนึ่งของดินแดนโบราณต้าหลัว ในกาลเวลาไร้สิ้นสุดที่ผ่านมานี้ ผู้ฝึกปราณคนไหนกล้าบุกเข้ามาเช่นนี้บ้าง
ไม่รู้จักเจียมตัว ไม่รู้ที่ตายโดยสิ้นเชิง!
แต่ทว่า…
เมื่อกระบี่นี้ฟันลงมา ผนึกใหญ่พิทักษ์ภูเขาที่ถูกพวกฮว่าอวิ๋นตู้มองว่าทนทานไม่มีวันแตกหักนั่น กลับถูกฟันกระจายออกเป็นชั้นๆ ราวกระดาษเปื่อย
ตูม โครม!
แผ่นดินไหวภูเขาสั่นสะเทือน ฝุ่นควันคลุ้งกระจาย
ผนึกใหญ่พิทักษ์เขาหกสิบสี่ชั้น เวลานี้ถูกฟันแยกเป็นรอยแตกมหึมาไร้ที่เปรียบจากตรงกลางเข้าอย่างจัง
เขากระบี่ผาเขียวที่ถูกกระบวนผนึกใหญ่โอบป้องกัน ล้วนถูกฟันเป็นรอยแยกสายหนึ่ง ตัวเขาสูงตระหง่านเอียงทรุด ถล่มครืนฉับพลัน
กระบี่เดียวแยกภูเขา!
พวกฮว่าอวิ๋นตู้ที่ยืนอยู่บริเวณกลางไหล่เขาของเขากระบี่ผาเขียวล้วนหลบหลีกตามจิตใต้สำนึก แต่แม้จะหลบกระบี่น่าสะพรึงไร้สิ้นสุดนี้ได้ ทว่าสีหน้าล้วนไม่น่าดูสุดจะเปรียบ สายตาเต็มไปด้วยความตื่นตกใจ
หนึ่งกระบี่ก็ทำลายแนวป้องกันที่แข็งแกร่งทนทานที่สุดของสำนักพวกเขาได้แล้ว เกือบถล่มประตูภูเขาของพวกเขาจนสิ้นซาก!
มีหรือพวกเขาจะไม่แจ้งใจว่าอีกฝ่ายหาใช่บ้าดีเดือด หากแต่มีพลังและรากฐานชั้นยอด
บนเขากระบี่ผาเขียว เสียงร้องลั่นอึงอลขึ้นสี่ทิศ ผู้สืบทอดหอกระบี่ฟ้านับไม่ถ้วนที่อาศัยอยู่ในนั้นล้วนเผ่นหนีเตลิด สภาพชุลมุนวุ่นวาย
หลังฟันกระบี่นี้ออกไป หลินสวินเอ่ยปากราบเรียบ
“จากวันนี้ไปหอกระบี่ฟ้าจะลบชื่อออกจากโลก ข้าคนแซ่หลินให้เวลาพวกเจ้าไตร่ตรองสิบลมหายใจ จะยอมแพ้ซะดีๆ หรือว่าจะ… ตาย”
เสียงราบเรียบนั้นดั่งลมพายุหอบม้วนสิบแผ่นดิน ทำให้คนไม่รู้เท่าไหร่หน้าเปลี่ยนสี
“รนหาที่ตาย!”
ชายวัยกลางคนร่างบึกบึนคนหนึ่งพุ่งตัวออกมาเต็มกำลัง เป็นระดับมหาจักรพรรดิคนหนึ่ง ยื่นมือออกมาคว้า กระแสปราณกระบี่ราวเปลวเพลิงหินหนืดแถบหนึ่งพุ่งโจมตีใส่หลินสวินทันที
หลินสวินโบกแขนเสื้อคราหนึ่ง
แสงมรรคถาโถม ม้วนปราณกระบี่ขาวเวิ้งว้างนับไม่ถ้วนขึ้นมา กลบเต็มท้องฟ้าถมทั่วจักรวาล!
ตูม!
ท่ามกลางเสียงชนกระแทกสนั่นหวั่นไหว ชายวัยกลางคนร่างบึกบึนส่งเสียงคำรามอย่างไม่ยินยอม ทั้งตัวถูกปราณกระบี่กวาดสังหาร กลายเป็นเถ้าธุลีสาดโปรย
“ไม่ประมาณตน” ริมฝีปากหลินสวินพ่นไม่กี่คำนี้ออกมา
ทั่วลานเงียบกริบ
พวกฮว่าอวิ๋นตู้มือเท้าเย็นเฉียบ ตกใจแกมโมโหปนเปกัน
ทุบกะโหลกจนแตกพวกเขาก็จินตนาการไม่ออก ว่าในดินแดนโบราณต้าหลัวแห่งนี้มีคนน่าสะพรึงยิ่งเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่
โบกแขนเสื้อสังหารจักรพรรดิ!
นี่ทำให้พวกเขาตกใจยิ่งยวด
“เจ้าเป็นใครกันแน่ หอกระบี่ฟ้าของข้าเคยหาเรื่องเจ้าเมื่อไหร่ เหตุใดต้องทำลายสำนักข้า ฆ่าคนสำนักข้าด้วย” ฮว่าอวิ๋นตู้กล่าวเสียงกร้าว
“แม้แต่ข้ายังไม่รู้จัก ยังกล้าจับตัวศิษย์ของข้า หอกระบี่ฟ้าของพวกเจ้า… ช่างใจกล้าจริงๆ…”
หลินสวินเผยสีหน้าเหยียดแคลน “ตอนนี้ผ่านไปห้าลมหายใจแล้ว”
พวกฮว่าอวิ๋นตู้หน้าเปลี่ยนสีอีกครั้ง
และทั่วเขากระบี่ผาเขียวทั้งบนล่าง ผู้สืบทอดหอกระบี่ฟ้าเหล่านั้นตกใจจนสติเปิดเปิงนานแล้ว ยามนี้ล้วนยุ่งแต่กับการเผ่นหนีอุตลุด พุ่งออกไปนอกภูเขา
“หยุด! หยุดให้ข้าทั้งหมดเดี๋ยวนี้!” มีคนใหญ่คนโตคำรามเสียงกร้าว
แต่นี่ย่อมเสียแรงเปล่า หอใหญ่ใกล้ถล่ม ใครจะกล้าไม่หนีตายกันบ้าง
“ลงมือพร้อมกัน ฆ่าเขาซะ!”
สัตว์ประหลาดเฒ่าบางส่วนคำราม ดวงตาแดงก่ำ พุ่งออกไปพร้อมกันราวสู้สุดแรงเกิด แต่ละคนล้วนสำแดงฝีมือก้นกรุออกมา
“ดิ้นรนก่อนตาย” นิ้วมือหลินสวินคว้าไปลางอากาศ ปราณกระบี่เจิดจ้าควบรวมออกมาสายหนึ่ง พุ่งขวางออกไป
ตูม!
เสียงระเบิดลั่นเหมือนฟ้าถล่มดินทลายดังกึกก้อง
ก็เห็นพวกสัตว์ประหลาดเฒ่าเหล่านั้นล้วนถูกสังหารตายเกลี้ยงพริบตา ร่างกายและจิตวิญญาณอันตรธานหายไปราวฟองอากาศ
เมื่อเห็นภาพนี้ หอกระบี่ฟ้าทั้งบนล่างล้วนขวัญกระเจิง พังทลายอย่างสมบูรณ์ ผู้สืบทอดเหล่านั้นเผ่นหนีอย่างบ้าคลั่ง
พวกฮว่าอวิ๋นตู้อึ้งค้าง สายตาทอประกายสิ้นท่า
ในกาลเวลาไร้สิ้นสุดที่ผ่านมานี้ หอกระบี่ฟ้าดุจดั่งนายเหนือหัวที่ไม่อาจสั่นคลอน ตั้งตระหง่านบนดินแดนโบราณต้าหลัว อานุภาพเกริกก้องใต้หล้า
ในใจสรรพชีวิตทั้งปวง พวกเขาก็เหมือนเทพศักดิ์สิทธิ์เหนือสุด สามารถคงอยู่ตราบชั่วหมื่นยุค
แต่ในวันนี้…
เพียงคนผู้เดียว หนึ่งกระบี่ผ่าภูเขา โบกแขนเสื้อสังหารจักรพรรดิ สั่นคลอนรากฐานทั่วทั้งหอกระบี่ฟ้า!
นี่น่าสะพรึงเกินไป!
ทำให้พวกฮว่าอวิ๋นตู้คาดไม่ถึงสักนิด กระทั่งจวบจนตอนนี้ก็ยังไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นเทพศักดิ์สิทธิ์จากที่ใดกันแน่…
ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเร็วเกินไปแล้ว!
“พวกข้า… ยอมแพ้…” ฮว่าอวิ๋นตู้ขมเฝื่อนในปาก สายตาอับแสง “หวังเพียงสหายยุทธ์เมตตา อย่าทำร้ายผู้บริสุทธิ์…”
คนอื่นๆ ต่างเศร้าสลดจากใจ
ตั้งแต่ต้นจนจบใช้เวลาเพียงครู่เดียวเท่านั้น แต่สภาพพวกเขากลับเหมือนตกจากฟ้าหมื่นจั้งร่วงมายังโลกปุถุชน ความห่างชั้นเช่นนั้น ความหวาดกลัวระดับนั้น ทำให้พวกเขาถึงขั้นมีความรู้สึกพังทลาย
“สิบลมหายใจผ่านไปแล้ว เพิ่งมายอมแพ้เอาป่านนี้… สายไปแล้ว”
และเมื่อหลินสวินเอ่ยประโยคนี้ออกมา ก็เหมือนฟางเส้นสุดท้ายที่ทับอูฐตาย บรรดาคนระดับสูงหอกระบี่ฟ้าอย่างพวกฮว่าอวิ๋นตู้ล้วนเผยสีหน้าบ้าคลั่งออกมา
“สู้มัน!”
“ฆ่า!”
พวกเขาคำราม พุ่งกระโจนเต็มกำลัง ดวงตาแดงก่ำเหมือนเข้าตาจน ถูกกระตุ้นจนสติคลุ้มคลั่ง
แต่นี่ก็เหมือนแมลงเม่าบินเข้ากองไฟ
หลินสวินเหยียบย่างกลางอากาศ อาภรณ์พลิ้วไหว เมื่อเขาก้าวไปเบื้องหน้า ฟ้าพลิกดินคว่ำ ภูผาธาราทรุดครืน นัยเร้นลับมหามรรคทั้งปวงแปลงเป็นปราณกระบี่คมไร้ทัดเทียมทะยานออกไป
พรูดๆๆ!
คนใหญ่คนโตหอกระบี่ฟ้าล้มทรุดลงคนแล้วคนเล่า หยาดเลือดย้อมห้วงอากาศแดงฉาน กลิ่นอายความตายลุกลามต่อเนื่อง ทำให้ฟ้าดินจมสู่ภาพฉากดุจนรก
จนกระทั่งตอนที่หลินสวินมาถึงเขากระบี่ผาเขียวที่พังลถ่ม คนใหญ่คนโตหอกระบี่ฟ้าทั้งกลุ่มรวมถึงฮว่าอวิ๋นตู้ล้วนตายอนาถคาที่กันหมดแล้ว!
การเข่นฆ่าที่อานุภาพดุจผ่าลำไผ่เช่นนั้น ประดุจไร้ศัตรูชัดๆ!
ในพื้นที่ใกล้เคียง ผู้สืบทอดหอกระบี่ฟ้ามากมายยังคงวิ่งหนีจ้าละหวั่น แต่ละคนกลัวจนแตกตื่นทำอะไรไม่ถูก หวาดผวายิ่งยวด
หลินสวินไม่สนใจพวกกระจิบกระจอกเหล่านี้
เขาตรงไปที่ภูเขาด้านหลัง
และได้พบกับซูไป๋ในคุกใต้ดินที่มืดมิดและหนาวเย็น
ซูไป๋อาบเลือดทั้งตัว ผมเผ้ารุงรัง นั่งเซื่องซึมอยู่ตรงนั้นราวท่อนไม้ ตามผิวหนังมีรอยกระบี่นับไม่ถ้วน เลือดสดดูเหมือนแห้งกรังหมดแล้ว
ในคุกมืดมิดไร้แสงตะวันนี้ ไม่รู้เขาผ่านการทรมานและความทุกข์สาหัสมามากแค่ไหน ถ้าไม่ใช่ว่ายังมีคลื่นพลังชีวิตแผ่ออกมาเป็นสายๆ ก็ไม่ต่างอะไรกับคนตายชัดๆ
หลินสวินเดินไปข้างหน้า
เหตุผลที่ปีนั้นเขารับซูไป๋เป็นศิษย์ฝากนาม หนึ่งเพราะเด็กคนนี้นิสัยแน่วแน่ สองเพราะเด็กคนนี้มีกระดูกกระบี่แต่กำเนิด และมีพรสวรรค์คล้ายคลึงกับอวิ๋นชิ่งไป๋
ส่วนถามว่าเอ็นดูแค่ไหน กลับยังไม่ถึงขั้นนั้น
แต่ในเวลานี้เมื่อเห็นเขาถูกทรมานจนมีสภาพนี้ กลับทําให้หลินสวินอดขมวดคิ้วในใจไม่ได้
……………………..