Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2451 แหล่งดาราแปรอาวุธ
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 2451 แหล่งดาราแปรอาวุธ
ระดับจักรพรรดิขั้นเจ็ดคนหนึ่ง ต่อให้ไม่เอาไหนแค่ไหน ในโลกพันจักรวาลก็ยังเป็นคนที่สามารถทำให้สรรพชีวิตมากมายได้แต่แหงนมอง
แต่ตอนนี้พริบตากลับถูกทะเลสาบสีทองกลืนกิน อันตรธานหายไป
น่าสยดสยองเกินไปแล้ว ทำเอาหลินสวินยังอดเสียววาบไม่ได้
ตูม โครม!
เสียงเดือดปะทุประหนึ่งฟ้าคำรามระลอกหนึ่งดังออกมาจากก้นทะเลสาบ ก้องสะท้อนฟ้าดิน ปั่นป่วนทะเลสาบสีทองทั้งแถบจนซัดโหมรุนแรง เสมือนมีสิ่งน่าตกใจบางอย่างจวนจะปรากฏตัว การเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นใหญ่โตยิ่ง
ระดับจักรพรรดิที่ยังไม่จากไปไหนเหล่านั้นต่างหวาดผวา ถูกกลิ่นอายน่าสะพรึงสายนี้ทำเอาตกใจจนถอยกรูดไม่ขาดสาย
อานุภาพระดับนี้น่ากลัวเกินไป!
หากถูกลูกหลง ผลที่ตามมาไม่อาจจินตนาการได้
จากนั้นภายใต้การจับตามองอย่างหวั่นหวาดของสายตามากมาย ทะเลสาบสีทองผืนนั้นเริ่มควบรวมและหดกลับฉับพลัน
เพียงไม่กี่อึดใจ ทะเลสาบมหึมาที่กินพื้นที่หมื่นจั้งเต็มก่อนหน้านี้ สุดท้ายควบรวมจนกลายเป็นทวนศึกสีทองที่สว่างไสวเรืองรองเล่มหนึ่ง!
ทวนศึกนั่นดุจดั่งมือที่ยื่นออกมาจากสรวงสวรรค์ ประทับด้วยลวดลายเส้นชีพจรที่แน่นขนัดลึกลับหาใดเปรียบ ลอยกลางอากาศ กลิ่นอายเข่นฆ่าที่แผ่ออกมาฉีกทั้งห้วงอากาศใกล้เคียงกลายเป็นรอยแยกนับไม่ถ้วน
สิ่งที่ทำให้ผู้คนหวาดหวั่นเป็นพิเศษคือ ทวนศึกนั่นดุจดั่งละอองแสงสาดพรม วิวัฒน์เป็นคนตัวเล็กๆ สีทองหลายคน รอบๆ รายล้อมด้วยใบไม้ปลิวไสว ร่อนแผ่วๆ เริงระบำ มหัศจรรย์ถึงขีดสุด
“แหล่งดาราแปรอาวุธ กฎเกณฑ์กายสิทธิ์ นี่เป็นแหล่งดาราสมบูรณ์ที่คุณภาพเลิศล้ำ กฎเกณฑ์มหามรรคที่อยู่ภายในไม่ธรรมดายิ่ง!”
มีคนอุทาน ลมหายใจถี่กระชั้น ดวงตาล้วนแดงก่ำแล้ว เหมือนได้เห็นสาวงามแห่งยุคคนหนึ่งกำลังปลดเปลื้องกระโปรง เผยให้เห็นเรือนร่างงามสมบูรณ์แบบที่ทำให้คนนับไม่ถ้วนน้ำลายไหล
แหล่งดารา สมบัติล้ำค่าที่ลึกลับอย่างหนึ่ง กระจายตัวซ่อนอยู่ในแดนลับฝึกหลอม
ยิ่งเป็นแหล่งดาราที่คุณภาพสูงก็ยิ่งหายาก มูลค่าก็ยิ่งน่าตกใจ
และที่สามารถวิวัฒน์เป็นอาวุธ แสงมรรคอัศจรรย์เหมือนอย่างแหล่งดาราตรงหน้านี้ยิ่งหาได้ยากอย่างที่สุด สมกับเป็นของล้ำค่าแห่งยุค!
หากได้มันมาครอง ก็เหมือนได้มหาศุภโชคชิ้นโตอย่างไม่ต้องสงสัย!
ตอนนี้สมบัติล้ำค่าจากธรรมชาติเช่นนี้ปรากฏขึ้นบนโลก ทำเอาทั้งที่นั้นพลันฮือฮา เรียกสายตาละโมบมากมาย
หลินสวินก็อดแปลกใจไม่ได้เช่นกัน คิดไม่ถึงว่าครั้งนี้โชคของตนถึงกับไม่เลวทีเดียว แหล่งดาราชิ้นแรกที่ได้เจอก็น่าตกใจเช่นนี้แล้ว
นัยน์ตาดำของเขาดุจสายฟ้าไหวผ่าน กวาดมองทั่วพื้นที่แล้วเอ่ยปากเรียบเฉย “สมบัติแม้จะล่อใจคน แต่ก็ต้องดูว่าจะมีชีวิตไปแย่งชิงหรือไม่”
ประโยคเดียวเหมือนน้ำเย็นอ่างหนึ่งสาดใส่ตัวระดับจักรพรรดิเหล่านั้น ทำเอาพวกเขาสั่นเทิ้มทั่วร่าง ความโลภในใจกลายเป็นความพรั่นพรึง
สวบ!
พร้อมกันนั้นหลินสวินก็ลงมือแล้ว ยื่นมือคว้าทวนศึกสีทองเล่มนั้นผ่านอากาศ
ภาพแปลกประหลาดปรากฏ ทวนศึกสีทองนั่นราวกับมีชีวิต กวาดเบาๆ คราหนึ่ง ละอองแสงสีทองล้นฟ้าแถบหนึ่งพรั่งพรูออกมา กำจัดพลังฝ่ามือของหลินสวินจนหมดสิ้น
“หืม?” หลินสวินหน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย การคว้าจับเช่นนี้ของเขา ต่อให้เป็นบรรพจารย์ขั้นเก้ายังต้องใช้พลังเต็มที่จึงจะสลายได้
แต่ตอนนี้กลับถูกทวนศึกสีทองนั่นกำจัดง่ายๆ!
ภาพนี้ก็ทำให้ระดับจักรพรรดิที่อยู่แถบนั้นนัยน์ตาหดรัด จากนั้นในใจล้วนดีใจแทบคลั่ง พวกเขาย่อมไม่ยินยอมปล่อยให้แหล่งดาราที่ลึกลับอัศจรรย์เช่นนี้ตกไปอยู่ในมือหลินสวินอยู่แล้ว
ชิ้ง!
ทวนศึกสีทองส่งเสียงกังวานใส ราวกับมีสายฟ้าสีทองสายหนึ่งกรีดแหวกฟ้ากว้าง ถึงกับหมายจะหนีไป
เมื่อเห็นเช่นนี้หลินสวินไม่อาจสนใจอย่างอื่น เรียกเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งออกมาทันที กำราบไปยังทวนศึกสีทอง
ปึงๆๆ!
ชั่วอึดใจทวนศึกสีทองแผ่พลังต่อสู้ล้นฟ้าออกมา ชนกระแทกกับเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งไม่หยุด เกิดเสียงกัมปนาทสะเทือนฟ้าดิน
ความน่ากลัวของพลังระดับนั้น ทำให้ระดับจักรพรรดิไม่น้อยใจผวา แหล่งดาราชิ้นเดียวเท่านั้น เหตุใดถึงมีกลิ่นอายที่น่าสะพรึงได้ขนาดนี้
และนี่ยิ่งตอกย้ำการตัดสินใจที่จะกำราบทวนเล่มนี้ของหลินสวินยิ่งขึ้น เขาใช้พลังเต็มที่ โคจรมรรควิถีแห่งตนทั้งหมด
ไม่นาน
ท่ามกลางเสียงกึกก้อง ทวนศึกสีทองถูกกดข่มแน่นหนา แสงมรรคสีทองที่แผ่ออกมาถูกบดขยี้เป็นชิ้นๆ ส่งเสียงครวญออกมา
“สมควรตาย! หรือว่าแหล่งดารานี้จะตกอยู่ในเงื้อมมือของเจ้าหมอนี่แล้ว”
“นั่นก็ไม่แน่ รอหลังจากเขากำราบสมบัติชิ้นนี้ ถ้าพวกเราลงมือด้วยกัน บางทีอาจมีโอกาสแย่งมาได้”
เมื่อเห็นว่าหลินสวินจวนจะกำราบแหล่งดาราชิ้นนี้ได้อยู่รอมร่อ สายตาทุกคนในที่นั้นก็ลุกโชน ท่าทางกระเหี้ยนกระหือรือ
เพียงแต่มีคนลงมือเร็วยิ่งกว่าพวกเขา
ฟิ้ว!
ประกายแสงสีชาดสายหนึ่งโฉบพรวดออกมาจากอากาศทันใด เล็งเข้าท้ายทอยหลินสวิน ระดับความเร็วไวยิ่งกว่าสายฟ้า แฝงพลังเจาะทะลวงน่าสะพรึง อานุภาพน่ากลัวถึงขีดสุด
หลินสวินราวกับมีตาหลัง ไม่ได้หันกลับด้วยซ้ำ กลับยื่นแขนออกไปคว้ามันไว้ แล้วทำลายคามือเสียงดังปึง ประกายแสงสีชาดกลายเป็นละอองเพลิงเล็กละเอียดพร่างพรมทั่วฟ้า
“หืม? ชักน่าสนใจ ถึงกับสกัดการโจมตีของข้าได้”
สิ่งที่มาพร้อมเสียงคือเงาร่างกำยำล่ำสันอย่างที่สุดสายหนึ่งปรากฏตัว
ชายผู้นี้ทั่วร่างปกคลุมด้วยเพลิงสีชาด ดุจเทพมารอาละวาด นัยน์ตาเยียบเย็นดั่งมีด เจือไอชั่วร้ายน่าหวาดวหั่นล้นฟ้า กวาดม้วนฟ้ากว้าง แข็งกร้าวอย่างที่สุด
ด้านหลังของเขายังมีคนอีกจำนวนหนึ่งติดตามมา ความแข็งแกร่งล้วนไม่อ่อนด้อย
“หั่วอวิ๋นเกอ!”
ในที่นั้นมีเสียงร้องอุทานตกใจระลอกหนึ่ง ด้วยจำฐานะของชายผู้นั้นได้
คนผู้นี้มาจาก ‘เขตแดนดาราเร้นฟ้า’ ที่จัดอยู่ในลำดับที่สองของโลกพันจักรวาล กล่าวกันว่าเป็นมกุฎจักรพรรดิอสูรมารขั้นแปดคนหนึ่งที่มาจากภูเขามรรคเร้นนภา ร่างเดิมของเขาเป็นกิเลนเพลิงตัวหนึ่ง รากฐานพลังและมรรควิถีกร้าวแกร่งและวิปริตถึงที่สุด
“แหล่งดารานี่เป็นของข้าแล้ว หลิงเสวียนจื่อ ถ้าเจ้าไม่อยากตายก็รีบไสหัวไป!”
ทันทีที่หั่วอวิ๋นเกอมาถึงก็วางท่าทรงพลังหาใดเปรียบ เงาร่างพริบไหว ห่อหุ้มด้วยเปลวเพลิงหมื่นจั้งทะยานฟ้าขึ้นไป
เปลวเพลิงดั่งกระแสน้ำ หั่วอวิ๋นเกอหวดหมัดซัดออกไป ฟ้าถล่มดินแตกร้าว หมื่นเพลิงพุ่งยิง ราวหมายจะหลอมละลายฟ้าดินแถบนั้นให้สิ้นซาก
เห็นชัดว่าเขาฉวยจังหวะสำคัญตอนที่หลินสวินกำลังกำราบทวนศึกสีทองนั่น หมายจะฆ่าคนชิงสมบัติ!
หลินสวินไม่ได้หลบหลีก และไม่เคยหันกลับไปสู้กับเขา
ทั่วร่างเขาเปล่งแสง รอบกายปรากฏหุบเหวใหญ่แห่งหนึ่ง ปลดปล่อยพลังคลุมเครือที่ประหนึ่งกลืนกินสิบทิศออกมา
ตูม โครม!
พลังหมัดที่หั่วอวิ๋นเกอซัดออกมา ยังไม่ทันเฉียดใกล้ก็ถูกหุบเหวใหญ่บดขยี้มอดดับ เกิดเสียงก้องกระหึ่มบาดหู
ดูเหมือนเรียบง่าย
ความจริงแล้วในใจหลินสวินก็อดตกใจอย่างเลี่ยงไม่ได้อยู่เช่นกัน
พลังของหั่วอวิ๋นเกอผู้นี้แข็งแกร่งยิ่ง เปลวเพลิงลุกโหมนั่นบรรจุพลังเผาผลาญไร้สิ้นสุด หากไม่ใช่เพราะเขาโคจรมรรควิถีเต็มกำลัง ก็คงทำไม่อาจรับมืออย่างสบายๆ เช่นนี้แน่
แต่ความคิดนี้ผุดขึ้นมาแวบเดียวเท่านั้น ครู่ต่อมาหลินสวินก็จดจ่ออยู่กับเบื้องหน้า เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งปลดปล่อยอานุภาพไม่หยุด จวนจะกำราบทวนศึกสีทองนั่นได้อย่างสิ้นเชิงแล้ว
“ไสหัวไป!”
หั่วอวิ๋นเกอตวาด ร่างกายดุจกระแสเพลิงท่วมท้น รายล้อมด้วยแสงเพลิงเดือดคลั่ง เพียงอ้าปากก็พ่นทะเลเพลิงแถบหนึ่งออกมา ปิดครอบฟ้าดิน ม้วนห่อหลินสวิน
ชั่วขณะเดียวฟ้าดินทั้งแถบล้วนถูกเปลวเพลิงท่วมมิด ละแวกหมื่นลี้ล้วนย้อมด้วยสีแดง อานุภาพล้นฟ้า กดดันยิ่งยวด
ใครต่างก็มองออก เผชิญหน้ากับการโจมตีระดับนี้ หากหลินสวินไม่ต้านทานต้องได้รับบาดเจ็บสาหัสแน่นอน
และหากลงมือ ก็อาจจะทำลายความพยายามก่อนหน้านี้ไปทั้งหมด พลาดโอกาสกำราบทวนศึกสีทองนั้นไปต่อหน้าต่อตา
จุดสำคัญที่สุดคือ รอบๆ ยังมีผู้แข็งแกร่งมากมายจับจ้องตาเป็นมัน ไกลออกไปยิ่งมีคนมากมายแห่แหนเข้ามา มีแต่ตัวแปรเต็มไปหมด
ดังนั้นถ้าหากพลาดโอกาสตรงหน้านี้ไป คิดอยากเอากลับคืนมาใหม่ก็เป็นไปไม่ได้แล้ว
ก็เป็นยามนี้เองที่แววตาหลินสวินเย็นเยียบ ไอสังหารในใจแผ่พุ่ง
สวบ!
ทันใดนั้นร่างแยกทั้งห้าอย่างไม้เขียว เพลิงแดง ทองขาว วารีดำ ดินเหลืองต่างพุ่งออกมา แต่ละร่างสำแดงพลังสูงสุด ปลดปล่อยอภินิหารพรสวรรค์ออกมาตั้งแต่จังหวะแรก
มรรคแห่งเป็นตายรุ่งโรจน์โรยร่วง เนตรผลาญเผา หนามแสงคม ประทับแห่งสรรพชีวิต…
ล้วนโจมตีไปทางหั่วอวิ๋นเกอในชั่วขณะเดียว!
ภายใต้สภาพไม่ทันตั้งตัว หั่วอวิ๋นเกอก็ตกใจจนนัยน์ตาเบิกกว้าง ใบหน้าล้วนเขียวคล้ำ สัมผัสถึงภัยคุกคามที่ถึงชีวิต ใช้ไพ่ตายออกมาโดยไม่ลังเลสักนิด
วู้ม!
กระดูกสัตว์ขาวหิมะที่เปลวเพลิงลุกโหมชิ้นหนึ่งปรากฏออกมา พลันกลายเป็นกิเลนเพลิงที่ใหญ่โตเท่าภูเขาตัวหนึ่ง ปลดปล่อยกลิ่นอายแผดเผารุนแรงที่น่าสะพรึงไร้สิ้นสุด
ฟ้าดินแถบนี้ตกสู่ความอลหม่านอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน วิชามรรคล้างผลาญ แสงประกายโชติช่วงแผ่กว้างสี่ทิศทันควัน สุริยันจันทราอับแสง ฟ้าดินมืดสลัว น่ากลัวหาใดเปรียบ
ระดับจักรพรรดิที่อยู่ใกล้เคียงต่างหวาดหวั่น ถอยหลังต่อเนื่องไม่หยุด
การต่อสู้ระดับนี้ทำให้พวกเขาล้วนรู้สึกขวัญผวาและหายใจไม่ออก
พรูด!
ก็เห็นในสนามรบเงาร่างของหั่วอวิ๋นเกอกระเด็นคว่ำออกมา กระแทกห้วงอากาศพังทลาย ยังไม่ทันทรงตัวยืนได้ก็กระอักเลือดออกมาคำโต
เขาผมเผ้ายุ่งเหยิง ผิวหนังปริแตก เลือดสดไหลหลั่ง เห็นชัดว่าได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการต่อสู้ครั้งนี้
“นี่…”
คนมากมายปากอ้าตาค้าง
หั่วอวิ๋นเกอเป็นมกุฎมหาจักรพรรดิขั้นแปด ทายาทกิเลนเพลิงเลือดบริสุทธิ์ รากฐานพลังและพรสวรรค์เย้ยฟ้าขนาดไหน แต่ในการปะทะซึ่งหน้ากลับพ่ายแพ้ยับเยิน!
ก่อนหน้านี้ใครจะกล้าจินตนาการ
ขนาดหั่วอวิ๋นเกอเองสีหน้ายังวูบไหวไปพักหนึ่ง ในใจสั่นสะท้าน คิดไม่ถึงสักนิดว่าการประมือกับหลิงเสวียนจื่อที่มีพลังระดับมกุฎจักรพรรดิขั้นหก กลับทำให้ตนได้รับบาดเจ็บ
นี่ทำให้เขาถึงขั้นไม่สามารถยอมรับอยู่บ้าง
ตูม โครม!
ไกลออกไปร่างแยกทั้งห้าบุกโจมตีเข้ามา กลิ่นอายแต่ละร่างล้วนไม่ด้อยกว่าร่างต้นของหลินสวิน ก็เหมือนหลินสวินห้าคนบุกโจมตีเต็มกำลังพร้อมกัน
ลำพังแค่กลิ่นอายที่ปิดครอบฟ้าดินระดับนั้นก็ทำให้ในใจหั่วอวิ๋นเกอหนาวสะท้านแล้ว เลือกถอยหนีทันที ไม่กล้าฝืนปะทะ
ก่อนหน้านี้เขาใช้ไพ่ตายชิ้นหนึ่งไปแล้ว ซ้ำหลังจากได้สัมผัสความน่ากลัวของหลินสวิน ก็ตระหนักได้แล้วว่าขืนสู้ต่อไปมีแต่จะเสียเปรียบมากกว่าได้เปรียบ
เมื่อเห็นว่าหั่วอวิ๋นเกอถอยหนี คนไม่น้อยต่างอึ้งงัน
เขาก่อนหน้านี้อหังการแข็งกร้าวขนาดไหน เผยท่าทีสง่างามยิ่งยวดของมกุฎมหาจักรพรรดิขั้นแปด แต่ตอนนี้…
กลับเป็นฝ่ายถอยหลบเอง!
นี่ไม่ใช่หมายความว่า ขนาดหั่วอวิ๋นเกอยังสัมผัสถึงอันตราย ตระหนักได้ว่าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลิงเสวียนจื่อนั่นหรอกหรือ
ก็เป็นเวลานี้เอง
ตูม!
ร่างต้นของหลินสวินเร่งกระตุ้นเตากระบี่ไร้ก้นบึ้ง ในที่สุดก็ศิโรราบทวนศึกสีทองเล่มนั้นได้อย่างสิ้นเชิง สยบเข้าไปในเตากระบี่
เขาหมุนตัวทันที สายตาลุ่มลึกเยียบเย็นราวอสนี จ้องหั่วอวิ๋นเกอที่อยู่ไกลๆ ไม่วางตา ไอสังหารแผ่ทั่วฟ้าดินดั่งกระแสน้ำหลาก
หั่วอวิ๋นเกอสีหน้าเขียวคล้ำ ไม่ได้ถอยหนี แต่ในดวงตามีแววครั่นคร้ามปรากฏขึ้นมารางๆ แล้ว
สวบๆๆ…
ทันใดนั้นท้องฟ้าไกลออกไปแว่วเสียงแหวกอากาศดังมา ประหนึ่งเสียงกระตุ้นที่ทำเอาหัวใจทุกคนในที่นี่ล้วนบีบรัด
นี่หมายความว่า กำลังมีพวกกร้าวแกร่งจำนวนมากแห่กันมา
หลินสวินรู้ชัดเช่นกันว่าไม่อาจชักช้าได้อีก ล่าช้าไปจะเกิดเรื่องยุ่งยากเอาได้
“ทางที่ดีเจ้าภาวนาให้ครั้งหน้าไม่ถูกข้าพบเข้าเป็นดีที่สุด” หลินสวินทิ้งประโยคนี้ไว้แล้วเก็บร่างแยกทั้งห้า ก่อนเคลื่อนย้ายผ่านห้วงอากาศจากไป
จนกระทั่งเห็นเงาร่างเขาหายลับไป ก็ไม่มีใครกล้าไล่ตาม
“สารเลว! ครั้งหน้าข้าจะฆ่าเจ้าแน่! แน่นอน…!”
คำพูดของหลินสวินทำให้หั่วอวิ๋นเกอถูกท้าทายและเสียเกียรติอย่างที่สุด ส่งเสียงตะโกนลั่นขึ้นมา กลิ่นอายเหี้ยมเกรียม สีหน้าเกรี้ยวกราดจนน่ากลัว
ในที่นั้นเงียบกริบ ภายในใจเหล่าผู้แข็งแกร่งผุดอารมณ์ผิดแปลกไป ยิ่งเกรี้ยวกราดขุ่นเคือง ก็หมายความว่ายิ่งไร้แรงและไร้ปัญญาไม่ใช่หรือ
แน่นอนว่าไม่มีใครกล้าเอ่ยออกมา
คนระดับหั่วอวิ๋นเกอ ไม่ใช่คนที่พวกเขาเหล่านี้กล้าล่วงเกิน
——