Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2469 สะท้านด่านที่หนึ่ง
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 2469 สะท้านด่านที่หนึ่ง
ฟ้าดินสั่นไหว ทั้งที่นั้นปั่นป่วน
แม้จะหลบห่างออกไป แต่ครั้นเห็นว่าเพียงแค่เพลิงระเบียบดับสูญสายเดียวก็สามารถทำให้เจตจำนงอมตะกลายเป็นเถ้าถ่าน ทำให้ทวนศึกสีเลือดที่ราวกับศาสตราชั้นเลิศนั่นลุกไหม้ราวกับกระดาษเปื่อย ทำให้บรรพจารย์มรรคอย่างเหิงเทียนซั่วไร้ซึ่งเรี่ยวแรงดิ้นรน ร่างกายเผาไหม้…
ในใจหลินสวินเองก็อดตะลึงไม่ได้
แข็งแกร่งเกินไปแล้ว!
เพลิงระเบียบดับสูญสายนี้เก็บมาได้จากในเขตผนึกลึกลับในแดนนรกเซินหลัว แปรสภาพมาจากพลังระเบียบที่พังทลายในยุคก่อน
ตามที่นกกระจอกเขียวพูด เพลิงระเบียบที่น่ากลัวขนาดนี้ ถึงขั้นสามารถคุกคามระดับอมตะได้
ตอนนี้ดูท่าจะเป็นดังที่ร่ำลือจริงๆ!
เจตจำนงอมตะนั่นแข็งแกร่งเพียงใด ทันทีที่ปรากฏไอสังหารก็ทะลวงเก้าชั้นฟ้าสิบแผ่นดิน อานุภาพเหนือกว่าระดับบรรพจารย์ แต่กลับสลายไปในชั่วพริบตา!
และเหิงเทียนซั่วก็เป็นบรรพจารย์มรรคที่ความสามารถสมชื่อเสียง!
ทว่าเผชิญหน้ากับการโจมตีของเพลิงระเบียบ กลับดูอ่อนแอปานนั้น ชั่วพริบตาก็กลายเป็นเถ้าธุลี ถูกตายคาที่
ทว่าหลังจากสังหารเหิงเทียนซั่ว พลังของเพลิงระเบียบดับสูญกลุ่มนั้นก็สลายไปด้วย
เมื่อฝุ่นควันจางหาย ทุกอย่างกลับสู่ความสงบ
ก็เห็นว่ากลางฟ้าดินมีรอยแตกนับไม่ถ้วน เต็มไปด้วยร่องรอยปานทำลายล้างทุกแห่งหน
แม้มีกระบวนผนึกมากมายในเมืองป้องกัน แต่ในการต่อสู้ที่น่ากลัวไร้ขอบเขตนี้ ยังคงมีหลายสถานที่ที่ได้รับผลกระทบ พังทลายภายใต้การโจมตี
เหล่าคนที่มองดูการต่อสู้อยู่ต่างอึ้งงัน เงียบกริบไร้เสียง
ก่อนหน้านี้ตอนที่เจตจำนงอมตะนั่นปรากฏ เพราะอานุภาพนั้นน่ากลัวเกินไป ทำให้จิตใจของพวกเขาล้วนสะท้านไหว ไม่สามารถมองเห็นภาพใดๆ ในนั้นได้อีก
แต่เมื่อครรลองสายตากลับมาแจ่มชัด พวกเขากลับพบอย่างตกตะลึงว่า ไม่เพียงแค่เจตจำนงอมตะที่หายไป กระทั่งเจ้าเมืองเหิงเทียนซั่วก็ไม่เห็นร่องรอย!
มีเพียงหลิงเสวียนจื่อยืนอยู่กลางอากาศคนเดียว ผมสีดำแผ่สยาย ราวกับเทพองค์หนึ่ง แสงมรรครอบตัวไหลวน กลิ่นอายกลืนกินภูผาธารา เป็นหนึ่งเหนือฟ้าบนดิน!
ใครจะยังไม่รู้อีกว่าในการต่อสู้ที่อันตรายและดุเดือดนี้ เป็นมกุฎมหาจักรพรรดิขั้นเจ็ดคนนี้ที่รอดมาถึงตอนท้ายสุด
“เป็น… เป็นไปได้อย่างไร…”
บรรยากาศที่เงียบสงบถูกเสียงร้องแตกตื่นทำลาย ระดับจักรพรรดิเหล่านั้นล้วนหน้าเปลี่ยนสีไปอย่างสิ้นเชิง
เจตจำนงอมตะนั่นเป็นพลังที่น่ากลัวกว่าบรรพจารย์จักรพรรดิ แต่กลับถูกทำลาย เหนือความคาดหมายของพวกเขาโดยสมบูรณ์
“น่ากลัวเกินไปแล้ว ทางเดินโบราณฟ้าดารามีมกุฎมหาจักรพรรดิเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ สังหารบรรพจารย์มรรคเชียวนะ ใครจะกล้าเชื่อ”
หลายคนถึงขั้นรู้สึกประหนึ่งบ้าคลั่ง ตกตะลึงอย่างลึกล้ำ
“ในการปะทะกันซึ่งหน้า เหิงเทียนซั่วถูกกำราบอย่างแข็งกร้าว บาดเจ็บต่อเนื่อง และหลังจากใช้ไพ่ตายอย่างเจตจำนงอมตะ เขาก็ยังคงไม่สามารถเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ได้ นี่ได้พิสูจน์แล้วว่า ในมือของหลิงเสวียนจื่อก็มีไพ่ตายที่น่ากลัวอย่างมากเช่นกัน อีกทั้งยังสามารถกำราบเจตจำนงอมตะได้ด้วย!”
มีคนสายตาวูบไหว น้ำเสียงเผยความหวาดกลัวลึกล้ำ
ตอนนี้ต่อให้เป็นมกุฎมหาจักรพรรดิอย่างพวกเยวี่ยตู๋ชิว เซี่ยงเสี่ยวหยวน ต่างยังยากจะสงบ
ความแข็งแกร่งในพลังต่อสู้ที่หลินสวินสำแดงออกมา ทำลายความรู้ความเข้าใจของพวกเขาโดยสมบูรณ์ เหนือจินตนาการ ถึงขั้นสามารถโจมตีเจตจำนงอมตะ สังหารบรรพจารย์มรรค นี่จะน่ากลัวเพียงใด
และต้องรู้ว่าเขาเป็นเพียงมกุฎมหาจักรพรรดิขั้นเจ็ดเท่านั้น!
“ในดีตที่ผ่านมา ในเมืองตั้งต้นไม่เคยเกิดเรื่องเช่นนี้มาก่อน เจ้าเมืองถูกฆ่า… หากข่านกระจายออกไป ทั้งแดนใหญ่พันศึกคงเกิดความวุ่นวายขึ้นแน่”
สายตามากมายมองไปยังหลินสวินที่อยู่ใต้ฟ้าไกลออกไป สีหน้าแตกต่างกัน จิตใจสั่นสะท้าน
ตอนที่มหาจักรพรรดิหนุ่มคนนี้รอดออกจากเขตที่เก้าราวกับปาฏิหาริย์ ก็ทำให้ผู้คนรู้สึกเหนือความคาดหมายแล้ว
ตอนนี้เขายิ่งบุกโจมตี นำพาฝนเลือดลมคาวมาถึงหน้าจวนเจ้าเมือง
กระทั่งเจ้าเมืองยังถูกฆ่า!
ทุกคนล้วนรู้ดีว่าเรื่องวันนี้จะต้องถูกบันทึกในหน้าประวัติศาสตร์ ถูกกล่าวขานต่อไปรุ่นสู่รุ่น
ถึงอย่างไรเขาก็เป็นมหาจักรพรรดิคนแรกที่ออกจากเขตที่เก้า ยิ่งเป็นคนแรกที่ฆ่าเจ้าเมืองของเมืองตั้งต้นนับตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน!
เพียงแค่สองเรื่องนี้ ก็สามารถทำให้ถูกจดจำสืบต่อไปได้แล้ว!
ทว่าตอนที่ทุกคนกำลังตะลึงนั่นเอง
สวบ!
เงาร่างของหลินสวินพริบไหวหายไป เคลื่อนย้ายออกกไปทันที มาถึงด้านหลังจวนเจ้าเมือง
สายตามองลงมา เผยความเย็นเยียบเสี้ยวหนึ่ง
……
เหวินเซ่าเหิงหน้าเขียวแล้ว สีหน้าตื่นตระหนก
ทันทีที่หนีออกจากจวนเจ้าเมืองเขาก็ร่วงลงไปในกระบวนค่ายกล แม้ใช้วิธีสารพัดก็ไม่สามารถหลุดได้!
นี่เป็นกระบวนค่ายกลที่ใครวางไว้กัน
ตูม!
พลังกระบวนค่ายกลที่พลุ่งพล่านแผ่ เหมือนมหาสมุทรซัดสาด มาจากทั่วทุกสารทิศ กำราบเหวินเซ่าเหิงอย่างต่อเนื่อง
ตรงหน้าเหวินเซ่าเหิงปรากฏหยกประดับขาวกระจ่างหมดจด พลังประหลาดมากมายที่แผ่ออกมา สลายการกำราบอย่างต่อเนื่อง
ทว่าก็ได้เพียงเท่านี้ คิดอยากหลุดออกไปไม่อาจทำได้
“เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร”
เหวินเซ่าเหิงพลันเกิดความรู้สึกเสียใจภายหลังอยู่บ้าง เสียใจที่ฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่เจ้าเฒ่าอย่างเหิงเทียนซั่ว
เสียงหัวเราะเยาะเสียงหนึ่งดังขึ้นกะทันหัน “เหวินเซ่าเหิง เหิงเทียนซั่วนั่นตายแล้ว ครั้งนี้จวนเจ้าเมืองก็ช่วยเจ้าไม่ได้แล้ว”
เหวินเซ่าเหิงราวกับถูกฟ้าผ่า สีหน้าเปลี่ยนไปทันที “หลิงเสวียนจื่อ เจ้าเป็นคนวางกระบวนค่ายกลนี่หรือ”
“ไม่ผิด”
หลินสวินว่าพลางเงาร่างพริบไหวเข้าไปในกระบวนค่ายกล
ตอนที่กลับถึงเมืองตั้งต้นจากค่ายกลเคลื่อนย้ายโบราณ หลินสวินก็แอบส่งเสี่ยวอู่ไปยังจวนเจ้าเมือง และให้วางกระบวนค่ายกลมรรคสิ้นฟ้าอาสัญไว้แล้ว
เพื่อป้องกันไม่ให้เหวินเซ่าเหิงหนีไปในช่วงสุดท้าย
ก็เพราะเช่นนี้ ยามต่อสู้กับเจ็ดนักโทษหลินสวินถึงจงใจยื้อเวลา เช่นนี้จึงจะสามารถทำให้เสี่ยวอู่วางกระบวนค่ายกลได้โดยที่ไม่มีใครรู้
ไม่เช่นนั้นหากเขาบุกมาจวนเจ้าเมืองตั้งแต่แรกค่อยวางกระบวนค่ายกล นั่นก็จะสายเกินไป
“เจ้าฆ่าเหิงเทียนซั่ว ไม่กลัวล่วงเกินตระกูลเหิงหรือ ไม่กลัวถูกประกาศจับจากด่านนภาอมตะในแดนใหญ่พันศึกหรือ”
เหวินเซ่าเหิงตะโกนเสียงขรึม แต่กลับเต็มไปด้วยความฝืนทำเป็นแข็งแกร่ง
เขากลัวแล้วจริงๆ
ตอนที่อยู่แดนสิ้นจิตวิญญาณ เขาเกือบถูกหลินสวินฆ่าตาย โชคดีที่รอดชีวิตมาได้
จากนั้นที่หอท้องฟ้าในเมือง หากไม่ใช่เพราะท่านย่าเสวี่ยสละชีวิตเข้าช่วย เขาก็ไม่มีโอกาสหนีรอดออกมาเช่นกัน
และครั้งนี้ เขาแทบไม่มีโอกาสหนีแล้ว
นี่ทำให้เขารู้สึกพังทลาย ในฐานะหนึ่งในห้ายอดจักรพรรดิตระกูลเหวิน เขาฝึกปราณมาถึงตอนนี้ ยังไม่เคยผ่านความพ่ายแพ้เช่นนี้มาก่อน
“คนก็ฆ่าไปแล้ว เจ้าคิดว่าข้าจะกลัวหรือ”
หลินสวินเดินไปข้างหน้า สายตาเย็นเยียบ
เหวินเซ่าเหิงสั่นไปทั้งตัว เอ่ยว่า “หลิงเสวียนจื่อ ขอเพียงแค่ครั้งนี้เจ้าปล่อยข้าไป ข้าสัญญาว่าต่อไปจะไม่เป็นศัตรูกับเจ้าอีก และยังจะชดเชยให้เจ้าอย่างสาสมเป็นอย่างไร”
หลินสวินส่ายหน้า “ที่ข้าไม่ได้ลงมือในทันที เพียงแค่อยากถามว่า เพื่อหญิงที่นามว่าลั่วหลิงแห่งตระกูลลั่วคนนั้น เจ้าก็จะทำทุกวิถีทางเพื่อจับตัวข้าไปเป็นของขวัญให้กับลั่วหลิงหรือ”
เหวินเซ่าเหิงรีบพูดว่า “ไม่ใช่แน่นอน ข้าเพียงแค่ได้ยินมาว่า ลั่วหลิงเกลียดคนที่ชื่อหลินสวินเข้ากระดูก…”
“ข้าก็คือหลินสวิน” หลินสวินตัดบท
เหวินเซ่าเหิงตัวแข็งทื่อทันที เบิกตาโพลง “เจ้า เจ้า… เป็นเจ้าจริงๆ ด้วย! ข้าเดาออกแต่แรกแล้ว ในแสนปีมานี้ทางเดินโบราณฟ้าดารามีเพียงหลินสวินคนเดียวที่บรรลุมกุฎจักรพรรดิ จะมีหลิงเสวียนจื่อโผล่มาอีกคนได้อย่างไร!”
เขาเข้าใจอย่างสิ้นเชิงแล้ว ในใจเกิดความรู้สึกเดือดดาลที่พูดไม่ออกขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ “เจ้าพวกหมีอู๋หยา เยียนอวี่โหรวที่สมควรตาย ถึงกับกล้ารวมหัวกันหลอกข้า!”
ตูม!
หลินสวินเดินไปข้างหน้า ฝ่ามือกดลงไป แสงมรรคน่ากลัวไร้ขอบเขตพุ่งออกไปกำราบเหวินเซ่าเหิงโดยตรงจนร่างระเบิดออก ฝนเลือดสาดกระเซ็น
สิ่งที่ทำให้หลินสวินคิดไม่ถึงคือ พลังจิตของเจ้าหมอนี่กลับหนีออกไปได้
เหวินเซ่าเหิงตะโกนเสียงแหลม “หลินสวิน เจ้าไม่รู้หรือว่าคนที่ล่วงเกินคนตระกูลเหวินของข้า ไม่เคยมีใครมีจุดจบที่ดี!”
ครู่ต่อมาพลังจิตของเขาเกิดระลอกคลื่นผนึกแปลกประหลาด จากนั้นก็เงียบงันไม่มีเสียงอีก
เมื่อมองอย่างละเอียด รอบๆ พลังจิตนี้ห้อมล้อมด้วยคลื่นผนึกมากมาย
“ประทับกักเทพ…”
หลินสวินเผยสีหน้าเหมือนคาดไว้แล้ว ตอนที่สังหารฟางเสวียนเจิน อีกฝ่ายก็เคยใช้ประทับกักเทพปิดผนึกวิญญาณ
นอกจากระดับอมตะลงมือ ก็ไม่มีใครสามารถทลายผนึกนี้ได้ แข็งแกร่งอย่างที่สุด
อิงตามที่นกกระจอกเขียวพูด สิ่งนี่เป็นเรื่องธรรมดามากในโลกยอดนิรันดร์ ตอนที่ผู้แข็งแกร่งเผ่าจักรพรรดิอมตะออกไปเคี่ยวกรำข้างนอก ล้วนเตรียมวิธีรักษาชีพไว้มากมาย ประทับกักเทพก็คือหนึ่งในนั้น
น่าเสียดาย สำหรับหลินสวินแล้วกระบวนผนึกแบบนี้เหมือนว่างเปล่า
ครืน!
ครู่ต่อมาเขากำราบพลังจิตของเหวินเซ่าเหิงไว้ในเตากระบี่ไร้ก้นบึ้ง และเมื่อเพลิงหงส์ระเบียบโคจร พลังจิตของเหวินเซ่าเหิงรวมถึงประทับกักเทพก็ถูกบดขยี้แหลกสลาย!
จากนั้นหลินสวินจึงเก็บสมบัติที่เหวินเซ่าเหิงทิ้งไว้ แล้วสั่งให้เสี่ยวอู่เก็บกระบวนค่ายกลมรรคสิ้นฟ้าอาสัญ
ก็เป็นยามนี้ที่ความชิงชังที่สั่งสมในใจหลินสวินได้ระบายออกไปไม่น้อย
สายตาของเขากวาดมองรอบๆ สัมผัสได้อย่างฉับไวว่ามีกลิ่นอายของระดับจักรพรรดิไม่รู้เท่าไหร่กระจายอยู่ในพื้นที่ต่างๆ กำลังจ้องทุกอิริยาบถของตน
ถึงแม้ว่ากลิ่นอายเหล่านี้ไม่ได้เผยเจตนาร้าย แต่ก็ทำให้หลินสวินขมวดคิ้ว ตัดสินใจออกมาในทันที
‘จัดการเรื่องของหมีอู๋หยากับเยียนอวี่โหรวก่อนค่อยแล้วออกจากเมืองนี้ทันที…’
สวบ!
เงาร่างของเขาพริบไหว เคลื่อนย้ายผ่านห้วงอากาศหายไปอย่างไร้ร่องรอย
วันนั้นเอง
เมืองตั้งต้นต่างฮือฮาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
เพราะการตายของเหิงเทียนซั่วและเหวินเซ่าเหิงทำให้เกิดเสียงฮือฮาไม่รู้เท่าไหร่ และเสียงวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับพลังต่อสู้ของหลินสวินยิ่งกลายเป็นประเด็นร้อนที่สุดในเมือง
“ก่อเหตุนองเลือดขนาดนี้ บนหนทางต่อจากนี้ของหลิงเสวียนจื่อคงถูกด่านนภาอมตะแต่ละด่านประกาศจับ!”
“ขุมอำนาจต่างๆ ที่เฝ้าอยู่ในด่านนภาอมตะไม่มีทางละเว้นเขา เพราะเขาฝ่าฝืนกฎที่ขุมอำนาจทั้งหมดในโลกยอดนิรันดร์ตั้งไว้ร่วมกัน!”
หลายคนคาดเดาเช่นนี้
เรื่องใหญ่ขนาดนี้ไม่ใช่แค่ล่วงเกินตระกูลเหิงหรือล่วงเกินตระกูลเหวินเท่านั้น แต่เกี่ยวข้องถึงกฎระเบียบของทั้งแดนใหญ่พันศึก!
และกฎนี้ ขุมอำนาจใหญ่ทั้งหมดในโลกยอดนิรันดร์ตั้งขึ้นร่วมกันตั้งแต่เมื่อนานมาแล้ว
ไม่เช่นนั้นเหตุใดในด่านนภาอมตะเล็กใหญ่ทั้งสี่สิบเก้าแห่ง ขุมอำนาจของโลกยอดนิรันดร์จึงผลัดกันปกครองและควบคุมดูแลมาโดยตลอด
ก็เพื่อรักษากฎระเบียบที่พวกเขาตั้งไว้!
แต่ตอนนี้หลินสวินฆ่าเจ้าเมืองอย่างเหิงเทียนซั่ว เท่ากับเหยียบย่ำกฎของด่านนภาอมตะอย่างสิ้นเชิง กลายเป็นคนร้าย ขุมอำนาจต่างๆ ที่ดูแลด่านนภาอมตะแต่ละด่านไม่มีทางยอมปล่อยเขาไปได้!
“บ้านเมืองไม่อาจไร้คนปกครอง การที่เหิงเทียนซั่วตาย ต้องสร้างความตะลึงให้ตระกูลเหิงแน่ ไม่แน่ว่าอีกเดี๋ยวจะมีพวกน่าสะพรึงของตระกูลเหิงมาจัดการความวุ่นวายครั้งนี้ ส่วนหลิงเสวียนจื่อ… เกรงว่าคงถูกประกาศจับในทันที…”
มีคนถอนหายใจ
ผลกระทบของเรื่องนี้ร้ายแรงเกินไป ไม่สามารถสงบลงในระยะเวลาอันสั้นแน่
ส่วนสถานการณ์ของหลิงเสวียนจื่อ ก็ต้องพบเจอผลกระทบที่ไม่สามารถคาดเดาได้เพราะเรื่องวันนี้!
——