Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2473 งานเลี้ยง
หลินสวินขมวดคิ้ว เขาจะอ่านความนัยในนั้นไม่ออกได้อย่างไร
สามารถพูดได้ว่า ถ้าเขารับคำเชิญชวนของหญิงชุดเขียวจริงๆ จะต้องล่วงเกินเผิงเทียนเสียง ถึงขั้นทำให้บรรพจารย์จักรพรรดิอย่างเผิงเชียนเหอมองเป็นศัตรู
หลินสวินไม่ได้กลัวสิ่งเหล่านี้ แต่เขาไม่อยากเข้าไปยุ่งกับความวุ่นวายเช่นนี้
ดังนั้นเขาจึงปฏิเสธโดยไม่คิด “ไม่จำเป็นต้องขอบคุณหรอก ข้ายังมีเรื่องสำคัญต้องทำ ลาก่อน”
พูดจบเขาก็จากไปโดยตรง
ชัดเจนเด็ดขาด ตรงไปตรงมา ทำเอาหญิงชุดเขียว เผิงเชียนเหอ และเผิงเทียนเสียงต่างอึ้ง
ตอนที่หญิงชุดเขียวกำลังจะรั้ง เงาร่างหลินสวินก็หายไปในประตูเมืองแล้ว นางเลิกคิ้ว ในดวงตาเผยแววผิดคาด
หลายปีมานี้คนที่เจอตน ใครบ้างที่ไม่แย่งกันประจบประแจง แม้แต่พวกเย่อหยิ่งในโลกยอดนิรันดร์ ตอนที่เห็นตนยังมีความเกรงใจให้สามส่วน สุภาพอย่างมาก
แต่เจ้าหมอนี่…
ราวกับหนีเทพโรคระบาดอย่างไรอย่างนั้น!
“เหอะ เจ้าหมอนี่นับว่ารู้ความ รู้ว่าตนมาจากโลกพันจักรวาล รับการตอบแทนยิ่งใหญ่ของพวกเราไม่ไหว”
เผิงเทียนเสียงยิ้ม หลินสวินเลือกจะจากไปทำให้เขาพอใจมาก
เขาหันมองหญิงชุดเขียว รอยยิ้มเบิกบาน “โยวหรัน เจ้าบอกว่าอยากเห็น ‘มัจฉาบัวสามชุ่น’ ในเมืองพยัคฆ์ครองไม่ใช่หรือ ข้าหามาให้เจ้าได้แล้ว และยังเป็นหยินหยางอย่างละตัว ตอนนี้เลี้ยงอยู่ในจวนเจ้าเมือง พวกเราไปดูด้วยกันไหม”
เผิงเชียนเหอเองก็ยิ้มพูดอยู่ข้างๆ “มัจฉาบัวสามชุ่นคู่นี้มหัศจรรย์อย่างที่สุดจริงๆ หยินหนึ่งหยางหนึ่ง กลายเป็นท่วงทำนองที่สมบูรณ์ หายากมากจริงๆ ถึงตอนนั้นหากแม่นางโยวหรันชอบก็เอาไปได้เลย”
หญิงชุดเขียวส่ายหน้า “เพิ่งผ่านการลอบสังหารมา ข้าอยากกลับไปพักแล้ว จริงสิ อยากให้ผู้อาวุโสสืบที่มาของมือสังหารนั่นสักหน่อย”
พูดจบนางก็จากไปเพียงลำพัง ตั้งแต่ต้นจนจบไม่มองเผิงเทียนเสียงอีกแม้แต่แวบเดียว
เผิงเทียนเสียงหมายจะตามไปก็ถูกเผิงเชียนเหอขวางเอาไว้ พร้อมเอ่ยา “ดูไม่ออกหรือว่าตอนนี้คุณหนูโยวหรันอารมณ์ไม่ดี หรือพูดอีกอย่างว่าเจ้าเป็นฝ่ายรุกและกระตือรือร้นเกินไป ทำให้นางต่อต้านและกีดกัน”
เผิงเทียนเสียงสีหน้าอึมครึมไม่สามารถสงบได้ เอ่ยว่า “อาสาม ท่านน่าจะรู้ดีที่สุดว่า นี่เป็นโอกาสดียิ่ง หากรอโยวหรันไปจากเมือง ก็ไม่รู้มีคนเท่าไรรอเกี้ยวนางนะ! เวลามีค่า ข้าจะไม่รีบทำเวลาได้อย่างไร”
เผิงเชียนเหอยิ้ม “พวกเราเหล่าผู้ฝึกปราณไม่กลัวการเข่นฆ่าและความเป็นความตาย ไม่กลัวภัยอันตราย มีเพียงคำว่าความรักที่ละเอียดอ่อนยากจะคาดเดาที่สุด ต่อให้มีพลังมหาศาล บางทีอาจสู้อานุภาพของคำว่าความรักไม่ได้”
เขาหยุดไปครู่หนึ่งแล้วเอ่ยว่า “คุณหนูโยวหรันเป็นผู้หญิงที่ฉลาด ชาติกำเนิดอันสูงส่งของนางเป็นที่รู้จักในโลกยอดนิรันดร์ อยากจะได้ใจนางมาครอง… เกรงว่าจะไม่สามารถทำได้ในชั่วเวลาอันสั้น”
เผิงเทียนเสียงอดถอนหายใจยาวไม่ได้ พูดเสียงอัดอั้น “อาสาม เช่นนั้นท่านคิดว่าข้าควรทำอย่างไร”
เผิงเชียนเหอหัวเราะเสียงดัง “ทั้งชีวิตของข้าไม่เคยเจอเรื่องแบบนี้มาก่อน ผู้หญิงคนใดที่เข้าตาข้า ใครบ้างที่ไม่ยอมมาซบอกโดยดี”
เห็นเผิงเทียนเสียงสีหน้าไม่น่าดู เผิงเชียนเหอก็หยุดหัวเราะทันที เอ่ยว่า “แม้ข้าไม่รู้ว่าจะไปเอาชนะใจคุณหนูโยวหรันอย่างไร แต่กลับรู้ว่าสิ่งที่นางใส่ใจที่สุดตอนนี้คือที่มาของมือสังหารนั่น เทียบกับการที่เจ้าตัวติดกับคุณหนูโยวหรันทุกวัน สู้ช่วยนางสืบที่มาของมือสังหารสักหน่อยจะดีกว่า บางที… อาจจะได้รับผลลัพธ์มหัศจรรย์ที่คิดไม่ถึง”
เผิงเทียนเสียงตาเป็นประกาย พยักหน้าพูด “อาสามพูดมีเหตุผล!”
“จำไว้ว่าอย่าไปหาเรื่องผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตคุณหนูโยวหรัน นี่มีแต่จะทำให้นางเกิดภาพจำที่ไม่ดีกับเจ้า”
เผิงเชียนเหอคิดๆ แล้วเอ่ยอีกว่า “บางทีเจ้าสามารถลดตัวลงสักหน่อย ไปทำความรู้จักกับคนผู้นี้ด้วยความจริงใจ ดูว่าเขามีความต้องการอะไร ให้ในสิ่งที่ชอบ สิ่งที่ต้องการ ต่อให้เจ้าดูถูกคนผู้นี้แค่ไหน แต่ถ้าคุณหนูโยวหรันรู้เรื่องนี้ก็จะต้องมองเจ้าเปลี่ยนไปอย่างแน่นอน”
เผิงเทียนเสียงขมวดคิ้ว พลันสูดหายใจลึกคราหนึ่งแล้วพูดว่า “อาสามพูดถูก เพื่อโยวหรันข้าทำได้ทุกอย่าง”
เผิงเชียนเหอพูดแก้ให้ “ไม่ใช่ทำได้ทุกอย่าง แต่เข้าใจสิ่งที่นางคิด ทุกข์ในสิ่งที่นางทุกข์ ให้โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน เช่นนี้นางจะยังเกิดความรู้สึกต่อต้านและกีดกันเจ้าอีกได้อย่างไร”
เผิงเทียนเสียงเข้าใจกระจ่าง คึกคักขึ้นมาทันที อดชื่นชมไม่ได้ เขาโค้งคำนับต่ำ สมดังคำว่าขิงแก่ย่อมเผ็ดกว่า คำคนโบราณไม่เคยหลอกใครจริงๆ
……
ทันทีที่เข้าเมืองพยัคฆ์ครองก็เห็นสิ่งก่อสร้างต่างๆ ละลานตาเต็มไปหมด ล้วนเป็นสิ่งก่อสร้างเก่าแก่เรียงราย มีหอสุรา หอน้ำชา ร้านวัตถุดิบโอสถ ร้านลูกกลอน ร้านศาสตราวุธ… แต่ละที่ล้วนเป็นร้านที่กว้างใหญ่โออ่า งดงามหรูหรา ผู้คนขวักไขว่ การสัญจรคับคั่ง
เมื่อเทียบกับเมืองตั้งต้นแล้วยังรุ่งเรืองกว่ามาก
ชั่วขณะหนึ่งหลินสวินอดประหลาดใจไม่ได้ เมื่อเทียบกันสถานที่อันตรายยากจะคาดเดาที่ผ่านมาเมื่อสามเดือนก่อนหน้านี้ ความรุ่งเรืองและวุ่นวายในเมืองสามารถทำให้คนผ่อนคลายลงอย่างไม่ต้องสงสัย ไม่จำเป็นต้องเคร่งเครียดอยู่ตลอดเวลา
“ตะพาบมังกรสดใหม่ ฆ่าสดๆ! ตะพาบมังกรตัวนี้ได้มาจากทะเลสาบเทพวารีมายา ตัวอันตรายระดับจักรพรรดิที่แท้จริง!”
หน้าประตูหอสุราที่กว้างใหญ่โออ่าแห่งหนึ่ง ตะพาบมังกรสีทองที่ขนาดใหญ่เท่าภูเขาลูกย่อมๆ ตัวหนึ่งถูกมัดอยู่ในนั้น ถูกผ่าท้องออกทั้งเป็นนานแล้ว กำลังถูกถลกหนัง เก็บเลือดแล่เนื้อ
“เนื้ออสูรมารอริยะหนึ่งจาน เพียงหนึ่งพันผลึกต้นกำเนิดจักรวาลชั้นหนึ่งเท่านั้น! เป็นสัตว์อสูรมารระดับราชันอริยะทั้งหมด มีมากถึงร้อยแปดชนิด ควักเครื่องในของพวกเขาออกมาทั้งเป็น ผ่านการย่างของเพลิงเทพที่แตกต่างกัน เสริมด้วยของมีค่าจากมหาสมุทรทั่วทุกสารทิศ รสชาติเรียกได้ว่าสุดยอด!”
เสียงตะโกน เสียงร้องเร่ขายดังขึ้นไม่ขาดสาย ของที่ขายที่นี่ ในโลกภายนอกยากจะได้เห็นนัก ทำให้หลินสวินได้เปิดหูเปิดตา
เขาเดินเล่นมาตลอดทาง ระหว่างทางได้เดินเข้าหอสมบัติล้ำค่าและร้านค้าหลายร้าน จนกระทั่งผ่านไปสองสามชั่วยาม ร้านค้าที่พอจะมีขนาดใหญ่หน่อยในเมืองล้วนถูกเขาไปเยือนมาแล้วรอบหนึ่ง
ตลอดระยะเวลาสามเดือนตั้งแต่ออกจากเมืองตั้งต้นจนกระทั่งมาถึงเมืองพยัคฆ์ครอง ระหว่างทางเขาผ่านสนามรบอันตรายมามากมาย และรวบรวมสมบัติมาได้มากเช่นกัน
พวกของที่ใช้ไม่ได้เหล่านั้นถูกเขาขายทิ้งทั้งหมด ของที่สั่งสมมาสามเดือนถือว่าขายได้ราคาไม่เลว รวมทั้งหมดหกล้านกว่าผลึกต้นกำเนิดจักรวาลชั้นหนึ่ง
แต่สุดท้าย เพื่อซื้อมุกยมโลกแปดเม็ดที่ร้านค้าในเมืองขาย รายได้นี้ก็ถูกใช้ไปเกือบห้าล้านผลึกในคราเดียว…
ความเร็วในการใช้เงินนี้ ทำเอาหลินสวินเองยังปวดใจระลอกหนึ่ง
ช่วยไม่ได้ สมบัติอย่างมุกยมโลกราคาสูงเกินไปจริงๆ อีกทั้งร้านค้าเล็กใหญ่ทั้งเมืองพยัคฆ์ครองรวมกันยังมีแค่แปดเม็ดเท่านั้น
“นกกระจอกเขียว การทดสอบของเมืองพยัคฆ์ครองคืออะไร” ในโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง หลินสวินจองห้องพักส่วนตัวห้องหนึ่ง
“การทดสอบของเมืองนี้ง่ายมาก รวบรวม ‘หินผสานทองรอยเขียว’ หนึ่งหมื่นชั่งให้จวนเจ้าเมืองก็พอแล้ว นี่คือเจตวัตถุที่หลอมสมบัติจักรพรรดิขั้นวิญญาณชั้นสูงอย่างหนึ่ง สามารถรวบรวมได้ในซากสถานแห่งหนึ่งที่ห่างจากเมืองนี้ไม่กี่หมื่นลี้”
นกกระจอกเขียวพูดโดยไม่คิด “แต่หินแร่นี้กระจัดกระจายเกินไป อยากรวบรวมให้ได้หนึ่งหมื่นชั่งคงต้องใช้เวลาไม่น้อย”
หลินสวินขานรับว่าอ้อคำหนึ่ง “สามารถซื้อได้ในท้องตลาดหรือไม่”
นกกระจอกเขียวเอ่ย “เหรงว่าจะยากมาก ทุกคนล้วนรู้ว่านี่คือเจตวัตถุที่จำเป็นในการผ่านการทดสอบ แม้มีคนเอามาขาย มูลค่าก็จะต้องเหลือเชื่ออย่างที่สุด”
หลินสวินคิดๆ แล้วกล่าวว่า “ซื้อก่อนเถอะ หากไม่พอค่อยไปหาก็ยังไม่สาย”
“จริงสิ เจ้ารู้ฐานะของหญิงชุดเขียวคนนั้นหรือไม่” หลินสวินถาม
จู่ๆ นกกระจอกเขียวก็หัวเราะหยัน “ในโลกยอดนิรันดร์ ใครจะไม่รู้จักตู๋กูโยวหรัน”
ในเสียงเจือแววประหลาดที่บอกไม่ถูก
ตู๋กูโยวหรัน?
หลินสวินคล้ายขบคิด ชื่อนี้นับว่าไม่ธรรมดามาก
“นางเป็นใครหรือ” หลินสวินถาม
“เจ้าเป็นถึงผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตนางเอาไว้ เหตุใดไม่ไปถามนางด้วยตัวเองเล่า” เห็นได้ชัดว่านกกระจอกเขียวดูผิดปกติเล็กน้อย เหมือนไม่อยากพูดถึงเรื่องเกี่ยวกับตู๋กูโยวหรัน
“ผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตอะไร ตอนนั้นแม้ข้าไม่ลงมือ ผู้หญิงคนนี้ก็มีวิธีแก้ไขสถานการณ์”
ดวงตาดำของหลินสวินลุ่มลึก การลอบสังหารตอนนั้นแม้เกิดขึ้นกะทันหันและรวดเร็วหาใดเปรียบ แต่เขากลับสังเกตเห็นได้อย่างฉับไว ว่าผู้หญิงคนนี้แม้ตกอยู่ในสถานการณ์ที่อันตรายที่สุด สีหน้าดูเหมือนลนลาน แต่ความจริงไร้ซึ่งความหวาดกลัวและตื่นตระหนก
เห็นได้ชัดว่ามีไพ่ตายที่สามารถคลี่คลายอันตรายได้
แต่ที่เขาลงมือก็เพื่อป้องกันตัวเท่านั้น ถึงอย่างไรหากอานุภาพของกระบี่นั้นปะทุออกมา เขาที่อยู่ใกล้ตู๋กูโยวหรันก็จะต้องโดนลูกหลงไปด้วย
“เจ้าเข้าใจก็ดีแล้ว” นกกระจอกเขียวกล่าว “อย่าว่าแต่มือสังหารนั่น ต่อให้เป็นเผิงเชียนเหอที่เจ้าเจอเมื่อครู่นี้ลงมือ ก็ใช่ว่าจะสามารถทำอันตรายผู้หญิงคนนี้ได้ สรุปแล้วฐานะของนางพิเศษมาก เจ้าจำไว้เพียงว่าอย่าเข้าใกล้นางมากเกินไปก็พอ ไม่เช่นนั้นคงมีคนอย่างเผิงเทียนเสียงอีกไม่รู้เท่าไหร่มาหาเรื่องเจ้า”
“นางมีที่มาอย่างไรกันแน่” หลินสวินขมวดคิ้ว ยิ่งนกกระจอกเขียวพูดเช่นนี้กลับยิ่งทำให้เขาใคร่รู้
นกกระจอกเขียวอดพูดไม่ได้ “เจ้าไปสืบดูสักหน่อยก็จะรู้เอง ข้าบอกเจ้าได้เพียงว่า ระหว่างตระกูลเบื้องหลังผู้หญิงคนนี้กับตระกูลของคุณหนูข้า เป็นความสัมพันธ์ที่แก่งแย่งและต่อต้านกันมาโดยตลอด คราวนี้เจ้าเข้าใจหรือยัง”
หลินสวินขานรับว่าอ้อ ก่อนจะพูดว่า “ไม่เข้าใจ”
นกกระจอกเขียวพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “ไม่เข้าใจก็ดีที่สุด ข้าจะได้ไม่ต้องเปลืองน้ำลายอีก”
ตอนที่กำลังคุยกันนั้น จู่ๆ กระดิ่งที่แขวนอยู่ในห้องพวงหนึ่งดังขึ้น ส่งเสียงกรุ๊งกริ๊งที่ไพเราะเสนาะหู
นี่คือกระดิ่งทองแดงที่ควบรวมจากพลังผนึก เป็นการบ่งบอกว่ามีคนนอกมาเยือน
หลินสวินอึ้งงัน ลุกขึ้นเปิดกระบวนผนึก ก็ได้ยินเสียงที่กระตือรือร้นเบิกบานดังขึ้นนอกห้อง
“ข้าน้อยเผิงเทียนเสียงมาเยือนโดยพลการ สหายยุทธ์อยู่หรือไม่”
หลินสวินสายตาวูบไหว เจ้าหมอนี่มาได้อย่างไร หรือยังคิดจะข่มขู่ตนไม่ให้ไปเข้าใกล้ตู๋กูโยวหรันนั่นอีก
ขณะที่ใคร่ครวญหลินสวินก็เปิดประตูห้องแล้ว และเห็นเผิงเทียนเสียงที่สูงใหญ่หล่อเหลาในชุดสีม่วง
เจ้าหมอนี่เผยสีหน้าละอายใจ ไม่รอหลินสวินเปิดปากก็ประสานหมัดคารวะพร้อมพูดว่า “ก่อนหน้านี้ตอนอยู่หน้าประตูเมือง ข้าน้อยพูดจาไม่ให้เกียรติ สหายยุทธ์โปรดอย่าถือสา”
หลินสวินประหลาดใจทันที เอ่ยว่า “เจ้า… คงไม่ได้มาเพื่อขอโทษกระมัง”
เผิงเทียนเสียงสีหน้าดูจริงจังและจริงใจ “เหตุผลแรกเพื่อขอโทษ เหตุผลที่สองเพื่อเชิญสหายยุทธ์ไปร่วมงานเลี้ยง”
“งานเลี้ยงหรือ” หลินสวินงุนงง
เผิงเทียนเสียงยิ้มอย่างแฝงนัย “ใช่ งานเลี้ยงของบุคคลขอบเขตมกุฎรุ่นเราโดยเฉพาะ คนทั่วไปไม่มีสิทธิ์เข้าร่วม”
“ข้าน้อยสามารถบอกกับสหายยุทธ์ได้ก่อนเลยว่า ถึงตอนนั้นจะมีความลับที่ตะลึงโลกถูกเปิดเผยในงานเลี้ยง!”
………………….