Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2477 ไม่ฆ่าเขา เท่ากับแล้งน้ำใจ
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 2477 ไม่ฆ่าเขา เท่ากับแล้งน้ำใจ
เผิงเชียนเหอสูดหายใจสะท้าน
คราวนี้จึงพบว่าเขามองจินตู๋อีคนนี้ผิดไปแล้ว เดิมคิดว่าเป็นแค่ชายหนุ่มที่โชคเข้าข้าง ช่วยชีวิตตู๋กูโยวหรันไว้ได้ครั้งหนึ่ง
แต่ตอนนี้ดูท่าว่าจินตู๋อีคนนี้จะเป็นพวกร้ายกาจแห่งยุคคนหนึ่ง!
ตู๋กูโยวหรันกลับมีปฏิกิริยาผิดแปลกอยู่บ้างอย่างเห็นได้ชัด มองดูจู้หลินที่ดวงตาสองข้างระเบิดเป็นรูเลือดแหกปากร้องครวญไม่ขาดสาย ในใจนางสุขล้น หากไม่ติดที่สถานการณ์ไม่เหมาะ นางคงอดตบมือระเบิดหัวเราะไม่ไหว
ลูกตาระเบิด…
ฮ่าๆ น่าสนใจ!
สวบ!
หรงเซียงหลีพุ่งเข้ามา ยื่นมือตบลงไปคราหนึ่งทันใด ลำแสงโชติช่วงพวยพุ่ง พลังชีวิตสีชาดที่เอ่อล้นหาใดเปรียบกลายเป็นกระแสธาร ทะลักเข้าสู่ร่างจู้หลิน
จากนั้นหรงเซียงหลีก็หยิบน้ำเต้าเปลือกเขียวใบหนึ่งออกมา เทของเหลวที่แผ่ประกายแสงศักดิ์สิทธิ์ออกมาจากในนั้น รินเข้าไปในดวงตาของจู้หลิน พร้อมๆ กับที่แสงมรรคระลอกแล้วระลอกเล่าล้อมรอบ กฎเกณฑ์เร้นลับก็ควบรวม ดวงตาของจู้หลินฟื้นคืนสู่สภาพเดิมอีกครั้ง
เพียงแต่หรงเซียงหลีกลับสีหน้าเคร่งขรึม สัมผัสได้ว่าแม้บาดแผลของจู้หลินจะสมานกัน แต่พลังพรสวรรค์กลับถูกทำลายสิ้นซากแล้ว!
ดวงตาของเขาตวัดมองมาทางหลินสวิน น้ำเสียงเย็นเยียบ “คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะเหี้ยมขนาดนี้ แค่ประมือกันเท่านั้นก็ใช้วิธีอำมหิตเช่นนี้ออกมา ทำลายพรสวรรค์เนตรกระบี่ตามรกตของจู้หลินไปแล้ว ความผิดไม่อาจละเว้น!”
“ข้าจะฆ่าเขา!”
จู้หลินคำรามเดือด ในใจล้วนหลั่งเลือด สีหน้าบิดเบี้ยวจนน่ากลัว พรสวรรค์ถูกทำลาย นี่เท่ากับทำร้ายมรรคาของเขาอย่างสาหัส ภายหน้าเมื่อฝึกปราณจะได้รับผลกระทบใหญ่หลวง
กล่าวพลางทั่วร่างเขาปลดปล่อยพลานุภาพน่าสะพรึงออกมา ตบฝ่ามือหนึ่งไปทางหลินสวิน
ฉับพลันนั้นฟ้าดินดำมืดทั้งแถบ มือใหญ่ข้างหนึ่งเปี่ยมด้วยกลิ่นอายร้ายกาจ ตบลงมาจากห้วงอากาศ เงามายาเทพมารนับไม่ถ้วนขู่คำรามพุ่งออกมา อานุภาพล้นทะลักน่าพรั่นพรึง
ก็เหมือนโลกมารมืดมิดทั้งแถบมาเยือน!
“ประทับฝ่ามือมหามาร! เคล็ดวิชาลับสูงสุดของตระกูลจู้ ภายใต้ฝ่ามือเดียว สามารถฉุดลากคู่ต่อสู้เข้าสู่กลางโลกมารมืดมิดอันไร้ขอบเขตได้อย่างง่ายดาย อยู่ไม่ได้ตายก็ไม่สามารถ!” เผิงเทียนเสียงหน้าเปลี่ยนสี
กลับเห็นหลินสวินไม่แม้แต่จะมอง ตบฝ่ามือหนึ่งออกไปเช่นกัน
ตูม!
ฝ่ามือนี้เรียบง่ายไม่หวือหวา ทว่าเมื่อซัดออกมากลับเสมือนราชันสวรรค์มาเยือน ระเบิดพลังพิฆาตอันน่าพรั่นพรึงไร้ขอบเขตออกมา
ตูม โครม…
พริบตาศาลาที่เจือกลิ่นอายเก่าแก่โบราณนี้ก็ระเบิดเป็นเสี่ยง พลังผนึกชั้นแล้วชั้นเล่าที่ครอบคลุมจวนเจ้าเมืองก็พลอยโคจรตามไปด้วย กำลังต้านทานและสลายกระแสพลังอันน่าสะพรึงนี้
ทุกคนที่อยู่ใกล้เคียงยิ่งถอยหลีกไปไกลๆ ตั้งแต่ต้น
และท่ามกลางเสียงกระแทก ก็เห็นเงาร่างจู้หลินสั่นสะเทือนกลางอากาศ พลังป้องกันทั่วร่างล้วนถูกซัดกระเจิง มรรควิถีแห่งตนล้วนเกิดความรู้สึกว่าโคจรไม่ได้ เขาผ่านประสบการณ์ต่อสู้มาทั้งชีวิต ทว่าแต่ไรมาไม่เคยพบเจอกลิ่นอายกดข่มที่กร้าวแกร่งเช่นนี้มาก่อน
“นี่เป็นไปไม่ได้! พวกที่มาจากโลกพันจักรวาลอย่างเขาจะมีพลังที่กร้าวแกร่งเช่นนี้ได้อย่างไร”
จู้หลินหน้าเปลี่ยนสียกใหญ่ คำรามออกมาเสียงดัง สองมือแปรเปลี่ยนเป็นเงาฝ่ามือนับไม่ถ้วน ประทับฝ่ามือมหามารนั่นกลายเป็นพันหมื่นสาย ซัดออกไปไม่ยั้งมือ เสมือนเจ้าแห่งความมืดมาเยือน ทำลายฟ้าดับปฐพี ทั่วทั้งจวนเจ้าเมืองสั่นไหวรุนแรง พลังผนึกนับไม่ถ้วนม้วนตลบ
ทว่าหนึ่งฝ่ามือของหลินสวินค้ำยันไว้ ภายใต้การแผ่ครอบของแสงมรรคแน่นขนัด พลังเป็นสายๆ หมักบ่มอยู่ในนั้น ก่อนจะระเบิดปะทุพุ่งยิงออกมา
ฝ่ามือนี้เสมือนภูเขาเทพดึกดำบรรพ์ของโลกสวรรค์ร่วงกระแทกโลกมนุษย์ สะท้อนอานุภาพน่าสะพรึงที่ฟ้าถล่มดินทลาย สุริยันจันทราพังยับ หมื่นมรรคพินาศ!
การโจมตีทั้งหมดของจู้หลินก็ถูกบดขยี้ลงทั้งหมดอย่างง่ายดาย
ทุกคนล้วนเห็นว่าทั้งตัวจู้หลินถูกซัดจนลอยคว้างไปกลางเวิ้งฟ้า ริมฝีปากกระอักเลือดสดๆ รุนแรง
สวบ!
หลินสวินในยามนี้ลุกยืนขึ้นแล้ว เงาร่างพริบไหวกลางอากาศมาอยู่เบื้องหน้าจู้หลิน แล้วคว้าลำคอของเขาไว้
จู้หลินดิ้นรนสุดชีวิต แต่กลับขยับตัวไม่ได้ อึดอัดจนใบหน้าเป็นสีเลือดหมู
ทั้งที่นั้นเงียบกริบ
จู้หลินมกุฎมหาจักรพรรดิจากเผ่าจักรพรรดิอมตะตระกูลจู้ ยักษ์ใหญ่ที่สะดุดตาหาใดเปรียบคนหนึ่ง แต่พริบตาเดียวกลับถูกคนกำราบบีบคอแน่นเหมือนหมาตายตัวหนึ่ง!
ใครจะกล้าเชื่อ
และความน่ากลัวของพลังต่อสู้ที่หลินสวินสำแดงออกมาก็ทำให้ผู้คนใจเต้นเนื้อกระตุก ร้ายกาจเกินไป และกร้าวแกร่งเกินไป ไม่ทันไรก็กำราบมกุฎมหาจักรพรรดิคนหนึ่งได้ นี่เหนือความคาดหมายของทุกคนอย่างสิ้นเชิง
“เจ้าสวะ! ถ้ากล้าเจ้าก็ฆ่าข้าเลย หาไม่ข้ารับรองว่าเจ้าจะตายอย่างไร้ที่ฝังศพแน่!” จู้หลินตะโกน โมโหเดือดดาลราวบ้าคลั่ง
ถูกกำราบเช่นนี้ทำให้สภาวะจิตและสภาพอารมณ์ของเขาล้วนสูญเสียการควบคุม
นัยน์ตาดำของหลินสวินวาบไอสังหารเสี้ยวหนึ่ง “เดิมข้าไม่คิดจะฆ่าเจ้า แต่ตอนนี้ดูท่าคงไว้ชีวิตเจ้าไม่ได้”
“หยุดนะ!”
เผิงเชียนเหอและหรงเซียงหลีมือเกือบจะพร้อมกันในทันที
ในใจเผิงเชียนเหอเองก็จนปัญญายิ่ง เขาเป็นคนตระกูลเผิง อยากให้จู้หลินถูกฆ่าใจจะขาด แต่เขารู้ดียิ่งกว่าว่าถ้าปล่อยให้จู้หลินถูกฆ่าในถิ่นของตน ตนและตระกูลเผิงจะต้องถูกไล่บี้จากขุมอำนาจเบื้องหลังจู้หลินอย่างแน่นอน!
หรือกล่าวอีกอย่างคือ จู้หลินจะตายก็ได้ แต่ห้ามตายในอาณาเขตของตระกูลเผิงเด็ดขาด!
ตูม!
ทันทีที่เผิงเชียนเหอลงมือก็ใช้อานุภาพแห่งบรรพจารย์มรรค ปิดฟ้าบังตะวัน หาใช่เพื่อจะกำราบหลินสวิน หากแต่เพื่อปกป้องชีวิตของจู้หลินให้ทันท่วงที
ส่วนหรงเซียงหลีก็เรียกกระสวยบินที่แดงเพลิงดุจคบไฟออกมา คมกริบยิ่งยวด เป็นศาสตราจักรพรรดิที่น่ากลัวหาใดเปรียบชิ้นหนึ่ง
มันพุ่งเสียบเข้าที่ท้ายทอยหลินสวินตรงๆ!
ใครต่างก็รู้ดี หากหลินสวินฆ่าจู้หลินตาย จะต้องพบเจอการโจมตีถึงชีวิตในเวลาเดียวกันอย่างแน่นอน
และในช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวยิ่งยวดเช่นนี้
กายมรรคไม้เขียวและกายมรรคเพลิงแดงพุ่งออกมาฉับพลัน
เคร้ง!!
ท่ามกลางเสียงปะทะดังเลื่อนลั่น กระสวยบินแดงเพลิงประหนึ่งลุกโชนนั่นถูกสกัดไว้ พร้อมกันนั้นร่างของกายมรรคเพลิงแดงก็เปล่งแสง ต้านทานอานุภาพน่ากลัวที่มาจากเผิงเชียนเหอ
ตูม โครม…
ในที่นั้นเกิดกระแสล้างผลาญที่ดุเดือดประหนึ่งฟ้าถล่มดินทลาย
ทุกคนล้วนอึ้งค้าง
ต่างคิดไม่ถึงว่าหลินสวินถึงกับสลายอานุภาพที่น่ากลัวระดับนี้ได้ นี่น่าเหลือเชื่อยิ่งอย่างเห็นได้ชัด
โดยเฉพาะอานุภาพกดข่มจากบรรพจารย์จักรพรรดิอย่างเผิงเชียนเหอ ถึงกับยังถูกต้านไว้ได้ ยิ่งทำให้คนตกใจจนเบิกตากว้าง ไม่กล้าเชื่อ
ปึง!
ส่วนร่างเดิมของหลินสวินก็ระเบิดพลังเต็มที่แล้ว จู้หลินที่ถูกเขาบีบคอแน่น ร่างกายพลันแตกระเบิดออกทันที เหลือเพียงพลังจิตสายหนึ่งต้านพลังของหลินสวินเอาไว้
ประทับกักเทพ!
เช่นเดียวกับฟางเสวียนเจินและเหวินเซ่าเหิง ทันทีที่เผชิญหน้ากับความตาย จู้หลินก็ใช้ประทับกักเทพแล้ว
หลินสวินไม่แปลกใจกับเรื่องนี้ด้วยคุ้นชินมานานแล้ว จึงคุมขังพลังจิตของเขาตรงๆ แล้วเก็บเข้าไปในเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งอย่างไม่หลงเหลือร่องรอย
เมื่อพลังของเพลิงหงส์ระเบียบโคจร พลังจิตของจู้หลินก็แตกระเบิดออกตรงๆ ดับมอดหมดสิ้น ร่างร่วงหล่นมรรคสลายอย่างสิ้นเชิง!
“เจ้า…!” หรงเซียงหลีโมโหเดือด สีหน้าเขียวคล้ำน่ากลัว นัยน์ตาจวนจะพ่นไฟออกมา
เขาคิดไม่ถึงสักนิดว่าหลินสวินจะเหี้ยมเกรียมขนาดนี้ ไม่สนอำนาจบารมีสักนิด ดุดันไร้กลัวเกรง บอกจะฆ่าก็ฆ่าทันที
“บังอาจ!”
เผิงเชียนเหอผมเคราล้วนตั้งชัน สีหน้าก็มืดทะมึนจนน่ากลัว
จู้หลินตายแล้ว หากเรื่องนี้กระจายออกไป บรรพจารย์จักรพรรดิอย่างเขาก็จะพลอยติดร่างแหไปด้วย พบเจอกับหายนะที่ไม่ได้ก่อ
และเวลานี้มกุฎมหาจักรพรรดิที่เข้าร่วมงานเลี้ยงซึ่งอยู่ไกลออกไปทั้งกลุ่มล้วนอึ้งงันตาค้าง ถูกเขย่าขวัญอย่างสิ้นเชิง
จู้หลิน!
นั่นเป็นถึงคนจากเผ่าจักรพรรดิอมตะคนหนึ่ง ต่อให้ไม่เอ่ยถึงมรรควิถีของเขาว่าสูงแค่ไหน ลำพังแค่ฐานะของเขา ก็สามารถเขย่าขวัญมหาจักรพรรดิคนใดก็ตามจากโลกพันจักรวาลให้ไม่กล้าล่วงเกินเขาได้แล้ว
แต่ตอนนี้จินตู๋อีนี่ไม่เพียงทำลายพรสวรรค์ของจู้หลิน ยิ่งลงมือสังหารจนเขาตายอนาถตรงๆ ขนาดเผิงเชียนเหอกับหรงเซียงหลีก็ยังไม่สามารถสกัดไว้ได้!
นี่น่าสะพรึงเกินไปแล้ว!
ส่วนเผิงเทียนเสียงล้วนมึนตื้อไปแล้ว คางแทบร่วงลงพื้น
ต่อให้เขาไม่ถูกโฉลกและมองจู้หลินเป็นศัตรูแค่ไหน ก็ไม่อาจไม่ยอมรับว่าหากว่ากันถึงฐานะ จู้หลินเหนือกว่าเขาหนึ่งช่วง
แต่ตอนนี้กลับตายเช่นนี้แล้ว!
ภาพนองเลือดนั่นกระตุ้นจนเขาหนังหัวชาหนึบ
“เขาขอให้ข้าฆ่าเขาเอง หากข้าไม่ฆ่า ไม่ใช่ว่าดูจะแล้งน้ำใจยิ่งหรอกหรือ” หลินสวินเอ่ยปากเรียบๆ สีหน้าเยือกเย็น
“จินตู๋อี นี่เจ้ากำลังรนหาที่ตาย!”
หรงเซียงหลีสีหน้าอึมครึมน่ากลัว “เจ้าไม่รู้สักนิด ว่าทำเช่นนี้ภายหน้าจะต้องรับผลที่ตามมาที่ร้ายแรงขนาดไหน! ยังมีตระกูลเผิงของพวกเจ้า ก็ต้องรับผิดชอบต่อเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน!”
สีหน้าเผิงเชียนเหอล้วนดำมืด ร้อนรนขุ่นเคือง กล่าวอย่างเดือดดาลว่า “จินตู๋อี ผู้ร้ายอย่างเจ้าสมควรรับโทษตายหมื่นครั้ง ข้าจะกำราบเจ้าแล้วส่งเจ้าไปไถ่โทษกับตระกูลจู้เดี๋ยวนี้!”
“พอแล้ว”
ก็เป็นเวลานี้ที่ตู๋กูโยวหรันเอ่ยปาก นัยน์ตาสุกใสแวววาวดุจหินหยกเย็นเยียบ หน้ารูปไข่ที่ขาวเนียนงดงามเจือแววน่าเกรงขามกดข่มจิตใจผู้คน “เรื่องนี้เดิมก็เป็นจู้หลินที่เป็นฝ่ายผิดก่อน ในเมื่อเขาตายแล้วก็มีแต่ต้องโทษตัวเอง ไม่ว่าผลที่ตามมาจะเป็นอย่างไร ก็ให้ตระกูลจู้ของเขามาหาข้าก็พอ!”
ประโยคเดียว เย็นเยียบและเยือกเย็น ทรงพลังก้องกังวาน
ทุกคนล้วนเผยแววไม่อยากเชื่อ
จู้หลินตายแล้ว จะต้องทำให้ตระกูลจู้เดือดดาลแน่ ใครต่างก็รู้ดีว่าผลที่ตามมานี้ไม่อาจแบกรับ หาไม่เผิงเชียนเหอคงไม่ร้อนรนขุ่นเคืองขนาดนั้นเด็ดขาด
แต่ตอนนี้ตู๋กูโยวหรันถึงกับคิดจะแบกรับเรื่องทั้งหมดนี้ไว้เอง!
มีเพียงในใจเผิงเชียนเหอที่ดีใจแทบคลั่ง ราวกับยกภูเขาออกจากอก ทั่วร่างล้วนผ่อนคลายลงมา มีตู๋กูโยวหรันมารับผิดชอบ ตระกูลเผิงของเขาก็ไม่ต้องห่วงว่าจะพลอยเดือดร้อนไปด้วยแล้ว
“โยวหรัน หลายปีมานี้จู้หลินทุ่มเทเพื่อเจ้ามากมาย แต่ตอนนี้เพื่อคนนอกคนหนึ่ง แม้แต่การตายของจู้หลินเจ้ากลับ… ไม่สนใจไยดีเลยหรือ”
นัยน์ตาหรงเซียงหลีเจือแววโมโหไร้สิ้นสุด เขาไม่เข้าใจสักนิด หญิงสาวที่ชาญฉลาดอย่างตู๋กูโยวหรัน เหตุใดถึงตัดสินใจโง่ๆ เช่นนี้
“ข้าบอกแล้ว เขาต้องโทษตัวเองเท่านั้น พี่จินเป็นถึงผู้มีพระคุณช่วยชีวิตของข้า ต่อให้ครอบครัวข้ารู้การตัดสินใจของข้า ก็ไม่มีทางถือโทษโกรธข้าเด็ดขาด”
ตู๋กูโยวหรันแววตาเย็นเยียบ ปรายตามองหรงเซียงหลีปราดหนึ่ง “แล้วก็เจ้า เมื่อก่อนข้าเห็นแก่หน้าตระกูลที่อยู่เบื้องหลังเจ้าจึงไม่อยากทำให้เจ้าเสียหน้าเกินไป แต่ตอนนี้เจ้าถึงกับกล้าชี้มือชี้เท้าเรื่องของข้า เจ้ามีคุณสมบัติพอแล้วหรือ”
ประโยคเดียวทำเอาหรงเซียงหลีปั้นหน้าไม่ติด สีหน้าวูบไหวไม่นิ่ง โกรธจนดวงตาแดงก่ำ หรือกล่าวได้ว่าเพราะถูกคำพูดเหล่านี้ของตู๋กูโยวหรันทำลายความภาคภูมิใจในตัวเองอย่างที่สุด จึงล้วนอึดอัดไปทั้งตัวแล้ว
ทุกคนล้วนใจสะท้าน ไม่กล้าเชื่อว่าตู๋กูโยวหรันจะปกป้องจินตู๋อีนั่นขนาดนี้ นี่เห็นชัดว่าไม่คิดจะไว้หน้าใดๆ ให้หรงเซียงหลีอีกแล้ว!
ภายในใจเผิงเทียนเสียงกลับยิ้มเบิกบาน
จู้หลินตายแล้ว สะใจนัก!
หรงเซียงหลีก็ถูกด่าว่าและโจมตี สะใจยิ่ง!
สิ่งเดียวที่ไม่สะใจ บางทีอาจเป็นเพราะคนที่ตู๋กูโยวหรันปกป้องกลับไม่ใช่ตน…
เมื่อคิดเช่นนี้ จู่ๆ เผิงเทียนเสียงก็ชักเริ่มดีใจไม่ออกแล้ว
กลับเห็นหรงเซียงหลีสูดหายใจลึกหลายเฮือก สีหน้าค่อยๆ สงบลงมา กล่าวว่า
“โยวหรัน หากการกระทำเมื่อครู่ของข้าทำให้เจ้าโกรธเคือง ข้าขอโทษก็ได้ แต่เรื่องในวันนี้ข้าพูดได้แค่ว่า จินตู๋อีนี่ยากจะหนีความผิดพ้นอย่างแน่นอน!”
——