Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2504 ฝ่าบาทคือใคร
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 2504 ฝ่าบาทคือใคร
เมื่อตระหนักถึงจุดนี้ หลินสวินก็เริ่มโจมตีทันที
ตูม!
ร่างกายของเขาส่องประกาย เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งสำแดงอานุภาพป้องกันที่ทนทานไม่อาจทำลาย แผ่คลุมทั้งตัวเขาไว้ในแสงมรรคมหาศาล
และในฝ่ามือเขาก็ยังถือตำราหยกศุภโชค สำแดงอานุภาพโจมตีไร้เทียมทานอย่างรวดเร็ว
ปังๆๆ!
เสียงระเบิดของการต่อสู้ดุเดือดรุนแรงระลอกหนึ่งดังขึ้น มีเสียงกราดเกรี้ยวตื่นกลัวดังขึ้นในที่นั้น ทั้งยังแทรกด้วยด้วยเสียงร้องเจ็บปวด
ก็เห็นวิญญาณร้ายระดับบรรพจารย์หกตนนั้นถูกตำราหยกศุภโชคกระแทกใส่ไม่มากก็น้อย แขนขาดขาหัก บ้างก็ถูกตีเข้าที่กลางอก และถูกกลืนกินจนเป็นรูตรงๆ
สัตว์ร้ายกระดูกขาวนั่นยิ่งน่าสังเวช มันถูกทุบกระดูกสันหลังหัก เกือบจะล้มคว่ำตกลงมาจากห้วงอากาศ
ได้ผลดังคาด!
นัยน์ตาหลินสวินยิ่งทอประกายวาววับ
มรรคนรกที่เขาสำแดง เดิมก็มีความสามารถข่มวิญญาณร้ายเหล่านี้โดยธรรมชาติ เมื่อรวมกับพลังของตำราหยกศุภโชคก็เหมือนครอบครองอาวุธสังหารชิ้นโต มีอานุภาพโจมตีไร้เทียมทาน ทำลายได้ทุกสิ่ง
“เร็วเข้า! ฆ่ามัน ฆ่ามันซะ…!” งูสีเลือดส่งเสียงคำรามเดือดดาล ทั้งตัวมีประกายแสงสีเลือดน่าสะพรึงพวยพุ่ง อานุภาพแข็งกร้าวปั่นป่วนจักรวาล
ปึง!
หลินสวินหยิบตำราหยกศุภโชคขึ้นมาทุบใส่งูเล็กสีเลือดอย่างหนักหน่วง ฝ่ายหลังส่งเสียงโหยหวน แม้ว่าจะหนีไปทันใด แต่ยังคงถูกตำราหยกศุภโชคหลอมส่วนหางไป เจ็บปวดจนลำตัวมันบิดงด ร้องตะโกนไม่ขาดสาย
วิญญาณร้ายระดับบรรพจารย์เหล่านี้ล้วนตระหนักว่าท่าไม่ดี กระตุ้นพลังทั้งหมด ประหนึ่งหมายจะเดิมพันชีวิตเพื่อฆ่าหลินสวินให้ตายในคราเดียว
ทว่า…
พร้อมๆ กับเสียงปะทะรุนแรงดังปึงๆ ระลอกหนึ่ง วิญญาณร้ายระดับบรรพจารย์ถูกกระแทกกระเด็นออกไปตนแล้วตนเล่า ไม่สามารถต้านแรงโจมตีของตำราหยกศุภโชคได้สักนิด
หากเป็นเวลาปกติ ถ้าไม่มีตำราหยกศุภโชค ไม่มีพลังแห่งมรรคนรก อาศัยเพียงพลังต่อสู้ของตน หลินสวินไม่มีทางมีพลังเช่นนี้ได้เด็ดขาด
แต่เวลานี้เห็นได้ชัดว่าแตกต่างออกไป
เพียงครู่เดียวเท่านั้น
ตูม!
สัตว์ร้ายกระดูกขาวถูกตำราหยกศุภโชคทุบโจมตี ทั่วร่างล้วนปกคลุมด้วยละอองแสงโปรยปรายขาวเวิ้งว้าง ถูกหลอมในพริบตา และถูกตำราหยกศุภโชคกลืนกินราวกับเป็นสารบำรุง
ส่วนหลินสวินก็ได้รับมุกบรรจุมรรคเม็ดหนึ่ง
เขาคึกคักฮึกเหิม ยิ่งสู้ยิ่งหาญกล้า คล้ายมีอานุภาพกวาดขวางแปดทิศ หอบม้วนทุกช่องทาง
เมื่อวิญญาณร้ายระดับบรรพจารย์ตนอื่นๆ เห็นเช่นนี้ต่างก็หวาดกลัวไม่กล้าสู้อีกต่อไป จึงเลือกเผ่นหนีในทันที
งูสีเลือดตกใจแกมโกรธ “หากไม่ได้ประทับแห่งยุคสมัยแล้วฝ่าบาทรู้เข้า ก็ไม่มีทางรอดชีวิตให้พวกเจ้าหรอก!”
ปึง!
หลินสวินควบคุมตำราหยกศุภโชคพุ่งเข้าใส่ กระแทกงูสีเลือดตัวนี้จนแหลกลาญตรงๆ ศพของมันถูกหลอมไปพร้อมกับละอองแสงสาดกระเซ็น
เหตุการณ์ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเพียงชั่วขณะเท่านั้น
วิญญาณร้ายระดับบรรพจารย์หกตนถูกฆ่าตายอนาถสองตน!
ทั้งหมดนี้ล้วนต้องขอบคุณตำราหยกศุภโชค
ตอนที่หลินสวินจะไปโจมตีวิญญาณร้ายระดับบรรพจารย์ที่หลบหนีต่อ ก็สายเกินไปแล้ว
“น่าเสียดาย”
เขากำลังหยิบมุกบรรจุมรรคที่งูสีเลือดเหลือทิ้งไว้ รู้สึกยังไม่หนำใจอยู่บ้าง
เซี่ยงเสี่ยวหยวนและเยวี่ยตู๋ชิวยังคงหยั่งรู้มหามรรคในตำหนักศุภโชค จะไร้คนคุ้มกันไม่ได้
นี่ก็เป็นเหตุผลที่หลินสวินไม่ได้เลือกไล่ตามไปสังหาร
หลินสวินเก็บกวาดสนามรบ แต่กลับค้นพบอย่างประหลาดใจ ว่าบนตัวชายชราระดับบรรพจารย์ที่ติดตามอยู่ข้างกายชายชุดเงินคนนั้น มีมุกบรรจุมรรคติดตัวมาสามสิบกว่าเม็ด เห็นชัดว่าได้มาจากการสังหารวิญญาณร้ายระดับจักรพรรดิ
นอกจากนี้ยังมีสมบัติและเจตวัตถุนานาชนิด เมื่อรวมทั้งหมดเข้าด้วยกันแล้ว มูลค่าค่อนข้างน่าทึ่งทีเดียว
อย่างไรเสียนี่ก็เป็นสมบัติของบรรพจารย์มรรคคนหนึ่ง จะเทียบกับคนธรรมดาได้ที่ไหน
ชายชราถูกวิญญาณร้ายเหล่านั้นฆ่าตาย ทรัพย์หลังศึกย่อมตกเป็นของหลินสวิน
หลังจากทำเรื่องพวกนี้เสร็จ หลินสวินก็หันหลังเดินเข้าไปในทางเข้าที่เชื่อมสู่โบราณสถานยอดยุทธ์
ก่อนหน้านี้ตอนที่ไล่สังหารพวกชายชุดเงิน ยังมีทรัพย์หลังศึกอีกมากที่ยังไม่ได้เก็บกวาด ระหว่างทางขากลับหลินสวินจึงเก็บสมบัติเก็บของได้อีกสิบกว่าชิ้น
ในสมบัติเก็บของแต่ละชิ้นล้วนมีของดีล้นเหลือ เมื่อรวมกันแล้ว มูลค่าเช่นนั้นไม่อาจประเมินค่าได้
“มิน่าวิญญาณร้ายพวกนี้ถึงชอบต่อสู้นัก แค่จำนวนทรัพย์หลังศึกที่ได้มาก็เป็นตัวล่อที่ไม่อาจต้านทานได้แล้ว…”
กระทั่งมาถึงเบื้องหน้าบันไดหินเก้าสิบเก้าขั้น หลินสวินนับผลเก็บเกี่ยวในครั้งนี้แล้วในใจยังอดตกใจไม่ได้
ไม่พูดถึงเจตวัตถุและศาตราจักรพรรดิเหล่านั้น และไม่พูดถึงสมบัติล้ำค่าและยาลูกกลอนพวกนั้น ลำพังแค่จำนวนผลึกต้นกำเนิดจักรวาลชั้นหนึ่งก็มีมากถึงเก้าสิบล้านแล้ว!
นี่เป็นลาภก้อนโตชัดๆ!
ยิ่งกว่านั้น ผลเก็บเกี่ยวครั้งนี้ยังมีมุกบรรจุมรรคจำนวนมาก มากเกินพอสำหรับใช้ผ่านการทดสอบ และไม่ต้องลำบากหลินสวินไปรวบรวมอีก
สิ่งนี้ช่วยเขาประหยัดเวลาได้มากอย่างไม่ต้องสงสัย
‘ฝ่าบาท…’ หลินสวินนั่งขัดสมาธิบนพื้น นึกถึงเสียงคำรามก่อนสิ้นใจของงูสีเลือดตัวนั้น
‘ฝ่าบาท’ ที่ว่านี่คือใครกัน
คงไม่ใช่ ‘เจ้าเฒ่าตี้สือ’ ที่ถูกผนึกไว้ในบ่อผนึกมารหรอกกระมัง
หลินสวินนึกถึงภาพมายาในอดีตที่เคยเห็นก่อนหน้านี้
เขายังคงจำได้ว่านั่นเป็นบ่อน้ำโบราณแปลกประหลาด คละคลุ้งไอแรกกำเนิด กระบี่ยอดยุทธ์เสียบเฉียงๆ อยู่ด้านข้าง กำราบบ่อน้ำแห่งนี้
และในส่วนลึกของบ่อน้ำโบราณ ก็มีตัวตนน่าสะพรึงซึ่งถูกผนึกมาล้านปีในยุคก่อน
เหวยหมิงจื่อเรียกเขาว่าตี้สือ ถึงขั้นที่ปีนั้นเหวยหมิงจื่อยังวางแผนพยายามรับตี้สือมาเป็นบริวาร
แต่กลับถูกตี้สือคนนี้เยาะเย้ย หยันว่าเหวยหมิงจื่อไม่เจียมตัวเอง แค่คิดก็รู้ว่าตี้สือนี่น่าจะเป็นพวกน่าสะพรึงอย่างไม่อาจคาดเดาได้แน่นอน
และงูสีแดงเป็นวิญญาณร้ายที่มีอานุภาพของระดับบรรพจารย์
ผู้ที่สามารถทำให้มันมองเป็น ‘ฝ่าบาท’ ได้ เกรงว่าคงมีแต่ตี้สือที่ถูกผนึกไว้ในส่วนลึกของบ่อน้ำโบราณเท่านั้นแล้ว
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ นัยน์ตาสีดำของหลินสวินก็หรี่ลง
สัตว์ประหลาดเฒ่าที่ถูกผนึกไว้ตั้งแต่ยุคก่อน และยังรอดพ้นจากการล่มสลายของยุคสมัย เมื่อหลุดพ้นพันธนาการจะน่ากลัวขนาดไหนกัน
‘อัตรายปั่นป่วนที่สามารถลุกลามไปถึงเมืองยอดยุทธ์ที่ตู๋กูโยวหรันพูดถึง จะเกี่ยวข้องกับตี้สือนี่หรือไม่’
หลินสวินนึกถึงเงาร่างน่าสะพรึงประดุจเทพมารสูงหมื่นจั้งเต็ม ซึ่งปรากฏตัวในจักรวาลนอกเวิ้งฟ้าที่เคยเห็นตอนเข้าเมืองยอดยุทธ์ใหม่ๆ
เพียงแค่พลังแห่งเจตจำนงเสี้ยวหนึ่งก็เหนือกว่าระดับบรรพจารย์ไปแล้ว เสียงคำรามสะเทือนฟ้าดารา อานุภาพที่ปลดปล่อยออกมา ทำให้พลังผนึกที่ปกคลุมเหนือท้องฟ้าเมืองยอดยุทธ์ถูกเปิดใช้งาน กว่าจะสลายและกำจัดพลังทำลายล้างระดับนั้นได้
ตอนนั้นหลินสวินก็สังเกตเห็นว่าเงาร่างประดุจเทพมารดิ้นรนขัดขืนอย่างเห็นได้ชัด เหมือนพยายามหลุดจากพลังผนึกบางอย่าง
ตอนนี้คิดดูแล้ว พลังเจตจำนงที่สะท้อนในจักรวาลนั่น เป็นไปได้สูงว่าอาจมาจากตัวตี้สื้อที่ถูกผนึกไว้ในส่วนลึกของบ่อน้ำโบราณ!
นอกจากนี้หลินสวินยังนึกถึงข่าวลือบางส่วนที่เขาได้ยินในเมืองยอดยุทธ์
ในกาลเวลาที่ผ่านมา เคยมีผู้แข็งแกร่งที่เข้าสู่โบราณสถานมหามรรคมากมายเคยได้ยินเสียงกระบี่ครวญที่ดุเดือดหาใดเปรียบ แค่เจตกระบี่เสี้ยวเดียวก็กลายเป็นภาพชวนสยองอย่างทะเลเลือดภูเขาศพกำราบหมู่เทพ น่ากลัวยิ่งยวด
นี่ทำให้หลินสวินสงสัยยิ่งว่าเสียงครวญกระบี่และเจตกระบี่นี้ ต้องมาจากกระบี่ยอดยุทธ์ที่ปักเฉียงๆ อยู่ข้างบ่อน้ำโบราณ!
เมื่อคิดถึงตรงนี้หลินสวินก็ยิ่งรู้สึกตงิดยิ่งขึ้น
จากคำบอกกล่าวของตู๋กูโยวหรัน ไม่ใช่หมายความว่าตี้สือซึ่งถูกผนึกมาตั้งแต่ยุคก่อน มีแนวโน้มจะทำลายผนึกและหลุดออกมาสู่โลกภายนอกได้หรอกหรือ
หากเป็นเช่นนั้น ผลที่ตามมาต้องร้ายแรงอย่างคาดไม่ถึงแน่นอน!
‘มิน่าตู๋กูโยวหรันถึงเตือนให้ข้ารีบจากไปโดยด่วน เกรงว่านางคงรู้ความลับบางอย่างอยู่ก่อนแล้ว…’
ยามนี้หลินสวินยิ่งตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะออกจากโบราณสถานมหามรรคโดยเร็วที่สุด รอก็แต่เซี่ยงเสี่ยวหยวนและเยวี่ยตู๋ชิวเท่านั้นแล้ว
…
ส่วนลึกของเขตผนึกแห่งหนึ่ง
เงียบงันไร้สรรพเสียง หมอกควันลอยเอื่อย บ่อน้ำโบราณแห่งหนึ่งมีพยับหมอกคลุมเครืออบอวล
ด้านข้าง กระบี่เล่มหนึ่งปักเฉียงลงไปในพื้น ตัวกระบี่เปื้อนคราบเลือด
“ฝ่าบาท ประทับแห่งยุคสมัยปรากฏขึ้นแล้ว แต่…”
เงาร่างกลุ่มหนึ่งปรากฏกาย เป็นวิญญาณร้ายระดับบรรพจารย์สี่ตนที่ถูกหลินสวินไล่สังหารจนต้องหนีอุตลุดก่อนหน้านี้
หลังจากมาถึงที่นี่ พวกเขาแต่ละคนก็หมอบลงกับพื้น ถ่อมตนดุจไพร่ทาส และเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ทั้งหมดโดยไม่กล้าปิดบังแต่อย่างใด
เนิ่นนานที่ปากบ่อน้ำโบราณก็มีพยับหมอกหนาทึบพวยพุ่ง ตามมาด้วยเสียงเยียบเย็นเต็มไปด้วยอานุภาพยิ่งใหญ่สายหนึ่ง
“เจี๋ยหยาตายแล้วหรือ”
เจี๋ยหยา ก็คือชื่อของงูเล็กสีเลือดตัวนั้น
“ขอรับ” เงาร่างผอมแห้งในชุดสีเลือดเอ่ยเสียงเบา สั่นเทิ้มไปทั้งตัว ราวกับว่าหวาดกลัวยากจะสงบเกินไป
ใครจะคิดว่าเสียงในบ่อน้ำโบราณกลับไม่ได้กล่าวโทษ หากแต่ทอดถอนใจเฮือกยาวแทน
“ไม่โทษมันหรอก เป็นข้าไม่ได้บอกมัน ว่าพลังของตำราหยกศุภโชคเป็นภัยคุกคามถึงชีวิตต่อพวกเราซึ่งถูกผนึกอยู่ที่นี่ในยุคก่อน…”
“คนที่ได้ครองตำราหยกศุภโชคเป็นใคร แล้วตอนนี้อยู่ที่ไหน” เสียงในบ่อน้ำโบราณเอ่ยถาม
ตุบ!
เงาร่างชุดโลหิตยกมือขึ้นและโยนชายชุดเงินลงบนพื้น นี่คือเจ้าคนที่เคยเข้าไปในโบราณสถานยอดยุทธ์ และพยายามจะปล้นหลินสวินก่อนหน้านี้
เป็นเพราะบรรพจารย์จักพรรดิข้างกายเขาสู้ไม่คิดชีวิตในระหว่างต่อสู้หน้าภูเขามหึมานั่น เขาจึงพอรอดชีวิตออกมาได้
แต่เห็นชัดว่าเขาก็ยังหนีไม่พ้นโดยสมบูรณ์ ถูกวิญญาณร้ายระดับบรรพจารย์จับตัวไว้ ทั้งยังอยู่ในสภาพหมดสติไม่รู้ความเป็นไป
“ฝ่าบาท คนผู้นี้เป็นพวกเดียวกับเจ้าคนที่ครอบครองตำราหยกศุภโชค! เขาต้องรู้เบื้องหลังและที่มาของเจ้าหมอนั่นแน่นอน”
เงาร่างชุดโลหิตเอ่ยขึ้น และฉุกคิดถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ “นอกจากนี้ เจ้าหมอนั่นยังครอบครองพลังมหามรรคของแดนนรกที่สามารถข่มพวกเราได้โดยธรรมชาติอีกด้วย!”
“แดนนรกหรือ”
เสียงในบ่อน้ำโบราณเผยแววแคลงใจ “ยุคสมัยดับสิ้นแล้ว แม้แต่โลกเซียนยังถูกทำลาย พลังมหามรรคแห่งแดนนรกจะอยู่รอดได้อย่างไร เจ้าโยนคนผู้นี้ลงมาในบ่อ ข้าจะกลืนกินจิตวิญญาณของเขาและดึงความทรงจำของเขาออกมา”
“ขอรับ!”
เงาร่างชุดโลหิตลุกขึ้นคว้าตัวชายชุดเงินขึ้นมา แล้วโยนลงไปในบ่อน้ำโบราณจากไกลๆ
ฟุ่บ!
จู่ๆ กระบี่ยอดยุทธ์ที่ปักอยู่ข้างของบ่อน้ำโบราณพลันสาดปราณกระบี่น่าสะพรึงไร้เทียมทานออกมาสายหนึ่ง บดขยี้ร่างของชายชุดเงินแหลกเป็นผุยผงในทันที
เมื่อเห็นว่าจิตดั้งเดิมของชายผู้นี้จะถูกกำจัด มือใหญ่ซีดขาวข้างหนึ่งพลันโผล่ออกมาจากผนังบ่อน้ำโบราณ คว้าจิตดั้งเดิมของชายชุดเงินผู้นี้ไว้แน่น
ปึง!
ปราณกระบี่ฟันลงบนมือใหญ่สีขาวซีด กรีดแหวกออกเป็นรอยเลือดลึกจนเห็นกระดูก แต่ครู่ต่อมามือใหญ่สีขาวซีดนี้ก็หายไป
ในบ่อน้ำโบราณมีเสียงร้องอู้อี้กราดเกรี้ยวดังออกมา “กระบี่ยอดยุทธ์! รอข้าหลุดไปได้ก่อน จะต้องบดขยี้เจ้าเป็นชิ้นๆ!”
สิ่งที่ตามมาคือความเงียบชั่วขณะหนึ่ง
คล้ายว่าสิ่งมีชีวิตน่าสะพรึงในส่วนลึกของบ่อน้ำโบราณกำลังหลอมและค้นหาความทรงจำในจิตดั้งเดิมของชายชุดเงินอยู่
เนิ่นนานบ่อน้ำโบราณนั่นมีเสียงต่ำลึกดังออกมา “หลินสวินหรือ แค่มกุฎมหาจักรพรรดิขั้นเจ็ดคนหนึ่งเท่านั้น คงเทียบได้กับพลังของระดับเซียนศักดิ์สิทธิ์ในยุคก่อน แต่กลับมีพลังต้านทานบรรพจารย์จักรพรรดิได้”
“นี่ไม่ใช่หมายความว่า ถ้าเขาอยู่ในยุคก่อนก็จะมีพลังที่ต่อสู้กับราชันเซียนได้หรือ”
“น่าสนใจ…”
……………………..