Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2651 เหตุใดจึงเป็นเขา
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 2651 เหตุใดจึงเป็นเขา
เรือนหลักตระกูลลั่ว
แสงไฟสว่างไสว บรรยากาศอึดอัดอย่างที่สุด
บนที่นั่งหลัก สีหน้าของลั่วฉงเองก็อึมครึมจนน่ากลัว
“ตั้งแต่ผู้อาวุโสอวิ๋นเหอจากไปผ่านไปเก้าวันแล้ว แต่จนตอนนี้กลับยังไม่มีข่าวส่งกลับมาแม้แต่น้อย คงไม่ได้… เกิดเรื่องขึ้นจริงๆ กระมัง”
มีคนอดส่งเสียงไม่ได้ ทำลายความเงียบ
เก้าวัน
เพียงพอให้ไปกลับตระกูลลั่วและทะเลอสนีแยกฟ้าสามครั้งแล้ว!
“บนโลกนี้ขุมอำนาจใดจะสามารถสังหารพวกผู้อาวุโสอวิ๋นเหอในคราเดียวได้ ต่อให้เกิดการต่อสู้ดุเดือด ด้วยฝีมือของผู้อาวุโสอวิ๋นเหอ หากคิดจะหนีเอาชีวิตรอดระดับอมตะก็ขวางไม่อยู่!”
มีคนขมวดคิ้ว ฉงนใจนัก
“หรือตระกูลเหยากับตระกูลหลิงร่วมมือกัน ใช้ลั่วเฟิงเป็นตัวล่อ วางตาข่ายดักศัตรู”
มีคนคาดเดา
“ไม่ว่าอย่างไรพวกเราจะเสี่ยงอีกไม่ได้แล้ว เรื่องสำคัญตอนนี้คือจะต้องตรวจสอบสืบหาความจริงให้แน่ชัด ไม่เช่นนั้นตระกูลเราก็อันตรายแล้ว!”
ระหว่างการสนทนา ลั่วฉงซึ่งนั่งบนที่นั่งหลักเงียบมาโดยตลอด
ลั่วเฟิงถูกจับตัวไปก็สร้างแรงสะเทือนรุนแรงต่อพวกเขาแล้ว ตอนนี้แม้แต่พวกลั่วอวิ๋นเหอก็มีความเป็นไปได้สูงมากว่าจะประสบเคราะห์ทั้งหมด นี่ทำให้เขาเองยังรู้สึกแทบคลั่ง
เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร
เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้
ตระกูลลั่วที่ยิ่งใหญ่ เหตุใดช่วงนี้จึงเกิดเรื่องอย่างต่อเนื่อง
หรือว่าน่านฟ้าที่หกนี้ไม่มีที่ยืนสำหรับตระกูลลั่วแล้วจริงๆ
แรงสะเทือนทั้งหมดนี้เหมือนดาบแหลมคมแทงเข้าไปในหัวใจของลั่วฉงอย่างรุนแรง อยู่มานานขนาดนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกเดือดดาลและไร้กำลังเช่นนี้…
“ผู้นำตระกูล นั่งรอความตายเช่นนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว พวกเราต้องเป็นฝ่ายโจมตีก่อน!”
“เริ่มจากเฟิงเอ๋อร์หายไป จากนั้นพวกผู้อาวุโสอวิ๋นเหอก็เหมือนจะประสบเคราะห์ ไม่ว่าใครเป็นคนทำ แต่สามารถมั่นใจได้ว่านี่เป็นแผนร้ายที่หมายเล่นงานตระกูลลั่วของเราโดยเฉพาะ! พวกเราต้องเคลื่อนไหวแล้ว!”
มีคนพูดอย่างร้อนใจ
สายตาของบุคคลสำคัญคนอื่นๆ เองก็มองไปทางลั่วฉง
ลั่วฉงสูดหายใจลึกคราหนึ่ง ระงับความหงุดหงิดและเดือดดาล กล่าวว่า “เคลื่อนไหวหรือ ไม่รู้ว่าศัตรูเป็นใคร พวกเราจะเคลื่อนไหวอย่างไร แต่ที่ทุกคนพูดก็ถูก ตระกูลลั่วของเราเป็นไปได้สูงมากว่าอาจตกอยู่ในแผนร้ายถึงขั้นเป็นตาย และพวกเราไม่มีทางนั่งรอความตาย!”
ว่าพลางเขาก็ออกคำสั่ง “ประกาศไปว่าตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ระดมกำลังทั้งหมดของตระกูลลั่วเฝ้าอยู่ที่เขาเทพหลังมังกรทั้งหมด!”
ทุกคนอึ้ง นี่จะเป็นเต่าหดหัวหรือ
“หรือทุกคนยังมีแผนการที่ดีกว่า” ลั่วฉงถามอย่างเย็นเยียบ
เรือนหลักเงียบกริบ ไม่มีคนตอบ ต่างมองหน้ากันไปมา
“ข้ามี”
จู่ๆ เสียงมีเสน่ห์เป็นเอกลักษณ์ก็ดังขึ้นในเรือนหลัก
จากนั้นเผยหรูที่รูปลักษณ์น่าเกรงขามแต่ไม่สูญเสียความเย้ายวน เงาร่างอรชรก็ปรากฏตัวนอกเรือนใหญ่
“ตอนแรกหากให้ข้าไปช่วยเฟิงเอ๋อร์ จะเกิดเรื่องไม่คาดฝันเช่นนี้ขึ้นได้อย่างไร”
เผยหรูพูดพลางเดินเข้าเรือนหลัก คำพูดที่เบาแผ่วนั่นกลับทำให้สีหน้าของทุกคนล้วนอึดอัดยิ่ง
“ฮูหยิน เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ไม่จำเป็นต้องพูดจาบั่นทอนกำลังใจกันแล้วกระมัง” ลั่วฉงฝืนยิ้ม
“นี่ไม่ใช่การบั่นทอนกำลังใจ แต่เป็นความจริง”
เผยหรูพูดเรียบๆ “ตระกูลลั่วในตอนนี้กำลังลำบาก และย่มนี้ก็มีเพียงข้าที่สามารถช่วยตระกูลลั่วจัดการพิบัติเคราะห์ครั้งนี้ได้”
นางดูมั่นใจอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
ลั่วฉงยิ้มพูด “หากฮูหยินลงมือ นั่นย่อมดีที่สุด”
เผยหรูเหลือบมองเขาแวบหนึ่งแล้วกล่าวว่า “ถึงตอนนี้แล้วเจ้ายังคิดจะแสร้งเลอะเลือนต่อไปอีกหรือ ข้อเรียกร้องของข้าง่ายมาก แค่ยืมตำราเทพไร้ขอบเขตมาดูหน่อยก็เท่านั้น”
“นี่…”
ลั่วฉงสีหน้าอึมครึมไม่สามารถสงบได้
ก็เป็นตอนนี้เองนอกเรือนหลักพลันมีเสียงตื่นตระหนกดังขึ้น “ผู้นำตระกูล แย่แล้ว ยอดเขาเมฆามรกตเกิดการต่อสู้ครั้งใหญ่ ยอดเขาล้วนถูกทำลายแล้ว!”
อะไรนะ
ทุกคนในเรือนหลักต่างอึ้งงัน
โดยเฉพาะเผยหรู ใบหน้างามเปลี่ยนไปโดยพลัน พุ่งตัวไปนอกเรือนหลักทันที เพราะยอดเขาเมฆามรกตนั่นเป็นสถานที่ฝึกปราณของนาง!
“ไป ไปดูด้วยกัน”
ลั่วฉงสูดหายใจลึกคราหนึ่ง นำเหล่าบุคคลสำคัญเคลื่อนไหวอย่างเร่งรีบ
เขาเทพหลังมังกรคืออาณาเขตของตระกูลลั่ว พลังผนึกและพลังระเบียบนับไม่ถ้วนปกคลุมอยู่ แต่ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้กลับมีการต่อสู้ปะทุขึ้นที่ยอดเขาเมฆามรกต
นี่ทำให้ทุกคนต่างสังหรณ์ได้ถึงความไม่เข้าที
เริ่มจากลั่วเฟิงประสบเคราะห์ จากนั้นพวกลั่วอวิ๋นเหอจนตอนนี้ยังมีข่าวคราว และในกลางดึกคืนนี้ก็เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น ใครยังจะสงบได้
……
ยอดเขาที่ทรุดทลายดังสนั่น ฝุ่นควันตลบอบอวล
บนทะเลเมฆ เงาร่างของหลินสวินเพิ่งปรากฏ ก็ถูกบรรทัดหยกสีม่วงชิ้นหนึ่งโจมตี แสงมรรคอมตะทรงพลังแผ่อวล น่ากลัวไร้ขอบเขต
หลินสวินที่มีประสบการณ์ต่อสู้กับระดับอมตะมาหลายครั้ง เลี่ยงหลบไปไกลในทันที
ตูม!
ทะเลเมฆระเบิดแหลก อากาศทรุดตัว กระแสอมตะที่น่ากลัวพลุ่งพล่าน เกิดพลังทำลายล้างท่วมท้น
เมื่อครู่นี้หากถอยช้าไปเสี้ยวเดียว ผลลัพธ์จะต้องรุนแรงมากอย่างแน่นอน
เสียงอุทานด้วยความตกใจดังขึ้นจากไกลๆ
จากนั้นเงาร่างสองร่างปรากฏกลางอากาศ ด้านซ้ายเป็นชายผมยาวสีแดงชาด สวมชุดสีทอง รูปลักษณ์ราวกับเด็กหนุ่ม เท้าเหยียบกระบี่มรรคสีขาวดั่งหิมะเล่มหนึ่ง
ด้านขวากลับเป็นเฒ่าชราหัวโล้นตัวสูงใหญ่ทรงพลัง มือถือบรรทัดหยกสีม่วง ดวงตาทั้งคู่ลุกโชนราวกับคบเพลิง พาให้คนหวาดหวั่น
บนร่างของทั้งสองล้วนมีกลิ่นอายอมตะอันน่ากลัวคละคลุ้ง ยืนตระหง่านอยู่ตรงนั้นราวกับนายเหนือหัว
พวกเขาคือข้ารับใช้อาวุโสสองคนที่อยู่ข้างกายเผยหรู
ชายชุดทองผมแดงที่ราวกับเด็กหนุ่มนามว่าเหอป๋อหยาง
เฒ่าชราหัวโล้นนามว่าอวี่ไหว
ยามนี้เจตจำนงอมตะของทั้งสองต่างจับจ้องที่หลินสวิน แฝงสีหน้าประหลาดใจ มกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิคนหนึ่งหรือ
นี่คือสิ่งที่พวกเขาคิดไม่ถึง
“ไม่ถูก เจ้าคือหลินสวิน!?”
จู่ๆ เหอป๋อหยางก็นึกอะไรออก สายตาวาวโรจน์อย่างที่สุด “ฮ่าๆ ก็ถูก ในน่านฟ้าที่หกนี้ หากบอกว่ามีมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิคนใดสามารถหลบการโจมตีของข้าและอวี่ไหวได้ นั่นย่อมเป็นเศษเดนคีรีดวงกมลเช่นเจ้าอย่างไม่ต้องสงสัย!”
เห็นชัดว่าเขาตื่นเต้นมาก ราวกับเจอสมบัติล้ำค่า
อวี่ไหวที่อยู่ข้างๆ เองก็เผยรอยยิ้ม “ไม่ผิด ต้องเป็นเขาแน่ เพียงแต่ข้าคิดไม่ถึงว่าเจ้าหมอนี่จะใจกล้ามากจริงๆ ถึงกับกล้าแฝงตัวเข้ามาในเขาเทพหลังมังกร ก่อนหน้านี้หากไม่ใช่เพราะ ‘ตะปูเทพวิญญาณเลือด’ ระเบิดออก ก็เกือบจะปล่อยให้เจ้าหมอนี่หนีไปได้แล้ว!”
ตะปูเทพวิญญาณเลือด!
ในที่สุดหลินสวินก็ตระหนักได้ว่าปัญหาอยู่ตรงไหน แต่เขาไม่ได้ตื่นตระหนก กลับยิ้มพูด “พวกเจ้าสองคนก็คือหมาเฒ่าสองตัวที่ตระกูลหวังเลี้ยงไว้กระมัง ว่ากันตามตรง ข้ามาครั้งนี้ก็ไม่ได้คิดจะจากไปเช่นนี้อยู่แล้ว”
เขาดูสงบนิ่งและใจเย็นมาก
เหอป๋อหยางและอวี่ไหวสบตากันวูบหนึ่ง กล่าวว่า “ถ้าเช่นนั้นเจ้ามาแก้แค้นหรือ”
หลินสวินเอ่ย “นี่ยังต้องถามอีกหรือ”
ยิ่งเขาเยือกเย็น ก็ยิ่งทำให้เหอป๋อหยางและอวี่ไหวระแวง
ในฐานะระดับอมตะ พวกเขาสามารถมองข้ามระดับบรรพจารย์จักรพรรดิใดๆ ได้ แต่ไม่อาจไม่ให้ความสำคัญผู้สืบทอดคีรีดวงกมล
ผลงานการต่อสู้แต่ละอย่างที่เขาสำแดงออกมาในอดีต ล้วนเผยให้เห็นว่านี่เป็นสัตว์ประหลาดที่สามารถต่อสู้ และถึงขั้นคุกคามระดับอมตะได้
“ดูท่าว่าไม่ใช่แค่ลั่วอวิ๋นซาน เกรงว่าแม้ลั่วอวิ๋นเหอก็คงถูกเจ้าสังหารไปแล้วกระมัง” ดวงตาของอวี่ไหวดุจดั่งคบเพลิง จับจ้องหลินสวิน อานุภาพกดข่มแห่งระดับอมตะที่น่ากลัวนั่น สามารถทำให้ระดับจักรพรรดิทุกคนสิ้นหวังได้
แต่หลินสวินกลับเหมือนไม่รู้สึก กล่าวว่า “ผิดคาดมากใช่ไหม”
เหอป๋อหยางและอวี่ไหวต่างขมวดคิ้ว ประหลาดใจเล็กน้อย แน่นอนว่าพวกเขาย่อมไม่กลัวเพราะคำพูดไม่กี่คำ เพียงแต่ความระมัดระวังและเตรียมพร้อมที่ควรมีก็มีอยู่
เพราะเจ้าหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าไม่เหมือนคนอื่นจริงๆ จะต้องรับมือกับเขาอย่างจริงจัง
“นี่ก็คือความมั่นใจที่ทำให้เจ้ากล้ามาที่นี่หรือ หากเป็นเช่นนี้ ครั้งนี้เกรงว่าเจ้าคงไม่อาจรอดออกไปได้แล้ว”
เหอป๋อหยางเองก็ยิ้มเช่นกัน แววตาร้อนเร่า “ข้าเองก็จะไม่ปิดบังเจ้า ตลอดเวลาที่ผ่านมาพวกเรารอเจ้าปรากฏตัวมาโดยตลอด ขอเพียงแค่จับเจ้าได้ นัยเร้นลับของหุบเหวกลืนกิน ห้องโถงมรรคาสวรรค์ กระบี่ศุภโชค โลงนิรันดร์… ก็จะไม่ใช่ของเจ้าอีกต่อไป”
หลินสวินยิ้มหยัน “พูดไร้สาระมากขนาดนี้ เหตุใดเจ้าไม่ลงมือตรงๆ เลยเล่า หรือกังวลว่าจะถูกฆ่าเหมือนลั่วอวิ๋นซานกับลั่วอวิ๋นเหอ”
เหอป๋อหยางหัวเราะฮ่าๆ ย้อนถามว่า “เจ้าเล่า เหตุใดทั้งไม่หนีและไม่ลงมือ”
สายตาของหลินสวินกวาดมองรอบๆ แล้วเอ่ยว่า “เกิดความเคลื่อนไหวขนาดนี้ เหล่าบุคคลสำคัญตระกูลลั่วสายรองคงตื่นตกใจกันนานแล้วกระมัง”
อวี่ไหวขมวดคิ้วพูด “เจ้าคงไม่ได้เสียสติจนคิดจะสู้กับทั้งตระกูลลั่วกระมัง”
หลินสวินพูดแก้ให้อย่างจริงจัง “ผิด เป็นการตัดความแค้นกับตระกูลลั่วสายรองต่างหาก”
เหอป๋อหยางและอวี่ไหวอดสบตากันอีกครั้งไม่ได้ ต่างรู้สึกน่าขันมาก ยากจะเชื่อนัก และไม่อาจจินตนาการได้สักนิด ว่าหลินสวินที่อยู่ตรงหน้าเอาความกล้ามาจากไหน ถึงกับกล้าหยิ่งผยองไร้กลัวเกรงเช่นนี้
นี่คือเขาเทพหลังมังกร
คืออาณาเขตหลักของตระกูลลั่ว!
มกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิคนหนึ่ง ต่อให้มีฝีมือเย้ยฟ้า ทว่าภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เหตุใดจึงกล้าอวดดีและหลงระเริงขนาดนี้
“ต่อให้เจ้าเตรียมตัวมาดี ต่อให้เจ้าไม่เห็นตระกูลลั่วสายรองอยู่ในสายตา แต่เจ้าคิดจริงหรือว่าพวกเราเป็นเพียงของประดับ”
เหอป๋อหยางขมวดคิ้ว เสียงก็เปลี่ยนเป็นเย็นเยียบขึ้นมา
ไม่ว่าหลินสวินจะแสร้งขู่ขวัญตบตาก็ดี หรือมีที่พึ่งจริงก็ช่าง ครั้งนี้พวกเขาไม่มีทางให้หลินสวินมีโอกาสหนีรอดไปได้แน่!
“พูดตามจริง คนอย่างพวกเจ้าก็แข็งแกร่งกว่าของประดับอยู่นิดหน่อย”
หลินสวินพูดอย่างจริงจัง
นี่เป็นการท้าทาย ยิ่งเป็นการเย้ยหยันอย่างหนึ่ง
สายตาของเหอป๋อหยางและอวี่ไหวต่างหรี่ลง บนร่างมีไอสังหารทะลักล้น
ไม่มีใครกล้าพูดเช่นนี้กับพวกเขาหลายปีมากแล้ว ต่อให้เป็นลั่วฉงผู้นำตระกูลลั่ว ก็ยังต้องเคารพนอบน้อมต่อพวกเขา
ท่าทีของเจ้าหนุ่มที่อยู่ตรงหน้านั่นดูเหมือนราบเรียบ แต่ความจริงบ้าคลั่งถึงขีดสุด!
“หากพวกเจ้ายังคิดจะคุยกันต่อ เช่นนั้นก็รออีกหน่อย รอทุกคนมาครบแล้ว หลังจากส่งพวกเจ้าลงนรก ระหว่างทางจะได้มีเพื่อนร่วมทางไปด้วย”
หลินสวินพูด สายตามองไปไกลๆ
การเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นในเขาเมฆามรกตปิดไม่อยู่จริงๆ ทำให้ทั้งตระกูลลั่วตื่นตกใจนานแล้ว ตอนนี้มีเสียงแตกตื่นวุ่นวายจำนวนมากดังมาจากไกลๆ
เมื่อพวกเผยหรู ลั่วฉงเหินทะยานมาอย่างยิ่งใหญ่เกรียงไกร ก็เห็นภาพที่หลินสวินกับพวกเหอป๋อหยางและอวี่ไหวยืนเผชิญหน้ากันอยู่เหนือทะเลเมฆ
ชั่วขณะเดียวสีหน้าล้วนอึมครึม
ขณะเดียวกันหลินสวินก็มองเห็นเหล่าบุคคลสำคัญตระกูลลั่วสายรองอย่างพวกเผยหรู ลั่วฉงเช่นกัน มุมปากเขาอดเผยยิ้มเย็นเยียบไม่ได้ กล่าวว่า “มากันครบแล้วหรือ”
“โจรใจกล้า ถึงกับกล้าบุกเข้ามาก่อเรื่องในตระกูลลั่วของข้า รนหาที่ตายชัดๆ!” เฒ่าชราที่อารมณ์ฉุนเฉียวคนหนึ่งอดไม่ไหวตวาดออกมา
“ทุกท่านโปรดดู เจ้าหมอนี่ก็คือคนที่พวกเราคิดถึงทุกเช้าค่ำมาหลายปี… หลินสวิน!”
พร้อมกันนั้นเหอป๋อหยางก็เอ่ยออกมา เปิดโปงฐานะของหลินสวินตรงๆ
หลินสวิน!!
ทันใดนั้นพวกลั่วฉง เผยหรูต่างเผยสีหน้ายากจะเชื่อ แทบไม่กล้าเชื่อหูตัวเอง
เป็นเขาได้อย่างไร
——