Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2658 ระลอกคลื่น
“ไม่เลวเลยจริงๆ”
จู่ๆ เสียงที่ต่ำลึกอ่อนแรงก็ดังขึ้นพร้อมกับเสียงไอถี่ๆ ระลอกหนึ่ง
ในใจลั่วชิงเหิงบีบรัด เงยมองไปก็เห็นว่าในเรือนหลักที่อยู่ห่างออกไปมีเงาร่างผอมสูงร่างหนึ่งเดินออกมา เป็นลั่วเซียวนั่นเอง
“ท่านพ่อ” ลั่วชิงเหิงรีบเข้าไปพยุง
ลั่วเซียวผลักเขาออกพลางด่าพร้อมรอยยิ้ม “ข้ายังไม่ได้กลายเป็นคนไร้ประโยชน์ ต้องให้เจ้ามาพยุงเสียที่ไหน”
ว่าพลางเขาก็เดินมาหาหลินสวิน สายตาพินิจหลินสวินจากบนลงล่าง สีหน้าแฝงความปลาบปลื้ม ตื่นเต้น และดีใจ
“ท่านตา” หลินสวินประสานมือคารวะ
ลั่วเซียวพูดพร้อมรอยยิ้ม “รูปลักษณ์นับว่าเหมือนแม่เจ้ามาก แต่นิสัยของเจ้าไม่เหมือนนางสักนิด ชิงเหิง เจ้าคิดว่าอย่างไร”
ลั่วชิงเหิงที่อยู่ข้างๆ ยิ้มพูด “น้องสาวนิสัยร่าเริง ฉลาดเจ้าเล่ห์ ไม่เหมือนจริงๆ”
หลินสวินจนคำพูด ไม่สามารถจินตนาการว่าท่านแม่ที่นิสัยร่าเริง ตอนสาวๆ จะเป็นอย่างไร
“สวินเอ๋อร์ หากไม่ถือสา เล่าเรื่องที่ผ่านมาของเจ้าให้ตาฟังได้หรือไม่” ลั่วเซียวแววตาโอบอ้อมอารี ยิ่งมองหลินสวินในใจก็ยิ่งชอบ
หลานคนนี้ บนตัวมีท่วงทำนองคุณธรรม บุคลิกโดดเด่น
ประกายเก็บงำ ราวกับเทพในมุมมืด มังกรซ่อนตัวในหุบเหว!
หากไม่ได้ผ่านประสบการณ์เรื่องราวบนโลกมามาก ย่อมไม่มีทางมีบรรยากาศและบุคลิกเช่นนี้!
หลินสวินย่อมไม่ปฏิเสธ
จากนั้นเขากับลั่วเซียวและลั่วชิงเหิงจึงนั่งอยู่ใต้ต้นหลิวโบราณต้นนั้นด้วยกัน เล่าเรื่องตั้งแต่เด็กจนถึงตอนนี้ของตน
เขาพูดสั้นๆ ได้ใจความ ไม่ได้อธิบายรายละเอียด แต่ลั่วเซียวและลั่วชิงเหิงยังคงฟังอย่างจริงจัง เดี๋ยวขมวดคิ้ว เดี๋ยวตกตะลึง เดี๋ยวยิ้มเบิกบาน เดี๋ยวตื่นเต้นดีใจ…
เหมือนฟังเรื่องเล่าตำนานหนึ่งเดียวในโลก ความพลิกผันและอันตรายในนั้น ทำให้คนที่ประสบการณ์หลากหลายอย่างลั่วเซียวและลั่วชิงเหิงยังอดทอดถอนใจไม่ได้
จนกระทั่งได้รู้ว่าหลินสวินบุกสังหารตลอดทางจากน่านฟ้าที่หนึ่งมาถึงน่านฟ้าที่หก และเมื่อคืนก็ได้กวาดล้างคนทรยศในตระกูลลั่วจนสิ้นซากในคราเดียว ลั่วเซียวและลั่วชิงเหิงสบตากัน ในใจสั่นไหวไม่หยุด
“สวินเอ๋อร์ หลายปีมานี้… ทำให้เจ้าลำบากแล้ว…” ลั่วเซียวถอนหายใจ “หากไม่ใช่เพราะข้าไร้ความสามารถ คงไม่ถึงขั้นทำให้คนทรยศอย่างลั่วฉงชิงตำแหน่งผู้นำตระกูลไปได้ แม่ของเจ้าก็ไม่ต้องถูกบีบให้หนีออกจากตระกูลลั่ว”
เสียงเต็มไปด้วยความสำนึกผิดยิ่งยวด
“ท่านพ่อ เรื่องพวกนี้ผ่านไปแล้ว ท่านไม่ได้ยินที่เจ้าหนุ่มนี่พูดหรือ น้องสาวและน้องเขยตอนนี้ล้วนอยู่ที่แหล่งสถานศุภโชค ในอนาคตครอบครัวเราจะต้องได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันอย่างแน่นอน” ลั่วชิงเหิงปลอบ
หลินสวินเองก็ยิ้มพูด “ท่านตา เคราะห์ร้ายมักซุ่มซ่อนด้วยโชค ว่าไปแล้วหากตอนนั้นไม่ใช่เพราะท่านแม่มุ่งหน้าไปยังทางเดินโบราณฟ้าดารา จะรู้จักท่านพ่อได้อย่างไร และจะมีข้าได้อย่างไร”
ลั่วเซียวอึ้งไป จากนั้นยิ้มเบิกบาน “ช่างเถอะๆ เรื่องในอดีตไม่พูดถึงแล้ว ให้มันผ่านไปเถอะ”
“เช่นนี้ถึงจะถูก ผู้ฝึกปราณอย่างพวกเราแม้มีมรรควิถีเทียมฟ้า แต่ว่ากันถึงแก่นแท้ก็เป็นคน ในเมื่อเป็นคน จะใช้ชีวิตอยู่ในความแค้นและความรู้สึกผิดตลอดไปไม่ได้”
ลั่วชิงเหิงพูด “ยิ่งกว่านั้นตอนนี้เรื่องที่รับมือยากมากมายก็ถูกจัดการแล้ว ตระกูลลั่วในอนาคต มีสวินเอ๋อร์อยู่จะต้องดีขึ้นเรื่อยๆ อย่างแน่นอน”
ลั่วเซียวพยักหน้ารัว สายตามองไปยังหลินสวินแล้วเอ่ยว่า “สวินเอ๋อร์ เจ้าปลุกอภินิหารพรสวรรค์ขั้นที่สามแล้ว เจ้า… จะอยู่ต่อได้หรือไม่ ขอเพียงแค่เจ้าอยู่ต่อ ข้ารับรองว่าต่อไปตระกูลลั่วจะเป็นของเจ้า ทุกอย่างที่ตระกูลลั่วครอบครองก็จะเป็นของเจ้า!”
คำพูดนี้ดังก้องทรงพลัง
หลินสวินลังเลขึ้นมาทันที ครู่ใหญ่ เขาจึงพูดว่า “ท่านตา ท่านลุง ข้ามีความแค้นพัวพันมากมาย หากอยู่ที่ตระกูลลั่ว กลับจะทำให้ตระกูลลั่วพลอยลำบากไปด้วย”
“ยิ่งไปกว่านั้นข้าแซ่หลิน ไม่ได้แซ่ลั่ว หากรับตำแหน่งผู้นำตระกูลต่อ ในระยะสั้นอาจไม่มีคนต่อต้าน แต่นานไปจะทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์และความวุ่นวายที่ไม่จำเป็น…”
“เพราะฉะนั้นพวกท่านโปรดเข้าใจ”
ว่าพลางก็ประสานหมัดคารวะทั้งสอง
ลั่วเซียวอดผิดหวังไม่ได้
ลั่วชิงเหิงกล่าว “ข้ากลับรู้สึกว่าที่สวินเอ๋อร์คิดถูกต้องแล้ว ข้าเคารพการตัดสินใจของเขา แต่สวินเอ๋อร์ ก่อนหน้านี้เจ้าพูดเรื่องหนึ่งผิดไป ตระกูลลั่วของพวกเราไม่เคยกลัวปัญหาอะไร แม้ศัตรูของเจ้าจะมากแค่ไหน ตระกูลลั่วก็จะยืนอยู่ด้านหลังเจ้า ไปเผชิญหน้ากับเจ้า!”
เขาสีหน้าสงบนิ่งจริงจัง “ยามอยู่น่านฟ้าที่เจ็ด ท่านตาทวดของเจ้าก็ล่วงเกินขุมอำนาจจำนวนไม่น้อย แต่ตระกูลลั่วของพวกเราเคยกลัวหรือ”
ลั่วเซียวเองก็พยักหน้า “ไม่ผิด สวินเอ๋อร์เจ้าอย่ากดดันตัวเองมากเกินไป ศัตรูของเจ้าก็เป็นศัตรูของตระกูลลั่วด้วย ต่อให้ตอนนี้ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขา ต่อให้จะได้รับจุดจบที่ไม่อาจคาดเดามากมายเพราะเรื่องนี้ แต่… ก็ไม่มีอะไรต้องกลัว!”
ในใจหลินสวินพลันเกิดความอบอุ่นที่ไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้
นี่ก็คือความสัมพันธ์ของเครือญาติ
แม้เจ้าเป็นศัตรูกับคนทั้งโลก พวกเขาก็เต็มใจเผชิญหน้าพร้อมกับเจ้า เคียงบ่าเคียงไหล่ต่อสู้!
“ท่านตา ท่านลุง พวกท่านไม่ต้องเป็นห่วง ต่อไปตระกูลลั่วมีเรื่องอะไรให้ข้าช่วย ข้าย่อมไม่มีทางนิ่งดูดาย” หลินสวินพูดอย่างจริงจัง
ลั่วเซียวส่ายหน้า “เจ้าช่วยตระกูลลั่วมากเกินไปแล้ว ต่อไปเจ้าต้องการความช่วยเหลืออะไร ตระกูลลั่วจะช่วยเจ้าอย่างสุดความสามารถ”
ลั่วชิงเหิงหัวเราะเสียงดังพลางกล่าว “ฮ่าๆๆ อย่างไรก็เป็นครอบครัวเดียวกัน เหตุใดต้องแบ่งแยกชัดเจนปานนี้”
หลินสวินและลั่วเซียวต่างยิ้มแย้ม
ตั้งแต่วันนี้ไป หลินสวินพักอยู่ที่ยอดเขาต้นกก ส่วนลั่วเซียวและลั่วชิงเหิงไปจัดการเรื่องเล็กใหญ่ของตระกูลลั่ว
แม้ทั้งสองต่างบาดเจ็บสาหัส แต่ไม่กระทบต่อการเคลื่อนไหวแล้ว
ไม่ว่าอย่างไรลั่วเซียวก็เป็นบุตรชายสายตรงของเจ้าแห่งมรรคาสวรรค์ ลั่วชิงเหิงเป็นทายาทของลั่วเซียว ในสองคนนี้ไม่ว่าใครเป็นผู้นำตระกูลลั่วก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล
ส่วนหลินสวินกลับสงบสุข ในทุกวันนอกจากนั่งขัดสมาธิฝึกปราณ ก็อนุมานกระบวนผนึกลึกลับเก้ากระบวนบนตำราเทพไร้ขอบเขต
……
ในเวลาเดียวกัน
การเปลี่ยนแปลงน่าทึ่งที่เกิดขึ้นกับตระกูลลั่วในวันนั้นปิดไม่อยู่แล้วจริงๆ ในเวลาสั้นๆ ไม่กี่วันก็แพร่สะพัดไปทั่วทั้งแคว้นเทพวารีนภาแล้ว!
“ลั่วฉงผู้นำตระกูลลั่วถูกฆ่า ขุมอำนาจสายรองตระกูลลั่วที่มีลั่วฉงเป็นผู้นำถูกกำราบทั้งหมด ตระกูลลั่วสายหลักครองอำนาจในตระกูลอีกครั้ง!”
หากเพียงแค่ข่าวนี้คงยังไม่ถึงขั้นทำให้เกิดความฮือฮามากมายเพียงนี้
ถึงอย่างไรใครๆ ต่างรู้ว่าตระกูลลั่วในตอนนี้ใกล้จะล่มสลายแล้ว หลายปีมานี้พื้นที่และอาณาเขตที่ตระกูลลั่วครอบครองยิ่งถูกเผ่าจักรพรรดิอมตะตระกูลเหยาและตระกูลหลิงกัดกินและยึดครองต่อเนื่อง
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ต่อให้มีข่าวว่าตระกูลลั่วถูกขับออกจากน่านฟ้าที่หกก็ไม่ทำให้ทุกคนตกใจมากนัก
สิ่งที่ทำให้คนทั่วหล้าตกตะลึงอย่างแท้จริง คือหลินสวินที่หายไปหลายปีกลับเข้าร่วมการเปลี่ยนแปลงของตระกูลลั่วครั้งนี้!
หลายปีที่ผ่านมา ทั้งโลกยอดนิรันดร์ใครบ้างไม่รู้จักชื่อเสียงอันดุดันของ ‘คนร้ายกาจแซ่หลิน’
ผู้สืบทอดคีรีดวงกมลที่บุกสังหารตั้งแต่น่านฟ้าที่หนึ่งมาถึงน่านฟ้าที่ห้า ล่วงเกินขุมอำนาจเผ่าจักรพรรดิอมตะมาไม่รู้เท่าไหร่ คนที่ราวกับตำนานคนนี้ หลังจากผ่านไปหลายปีกลับปรากฏตัวในน่านฟ้าที่หก
ใครจะไม่หวั่นไหว
จนกระทั่งตอนที่รู้ว่า ก็เพราะพลังของหลินสวิน จึงโค่นล้มกองกำลังตระกูลลั่วสายรองที่มีลั่วฉงเป็นผู้นำได้ ทำให้ตระกูลลั่วสายหลักครองอำนาจตระกูลลั่วอีกครั้ง ทั้งแคว้นเทพวารีนภาต่างเดือดพล่าน
เสียงฮือฮา เสียงวิพากษ์วิจารณ์ไม่รู้เท่าไหร่ดังขึ้น
ไม่มีใครคิดว่าผู้สืบทอดคีรีดวงกมลที่ถูกเผ่าจักรพรรดิอมตะมากมายประกาศจับคนนี้ กลับทำให้ตระกูลลั่วเกิดการเปลี่ยนแปลงที่น่าตกใจเช่นนี้ภายในชั่วค่ำคืน!
ถึงขั้นที่ข่าวยังแพร่สะพัดออกไปในแคว้นอื่นๆ ของน่านฟ้าที่หกด้วยความเร็วน่าตกใจ
เหตุผลง่ายมาก การเปลี่ยนแปลงน่าตกใจที่เกิดขึ้นกับตระกูลลั่วในคืนนั้นน่าตกตะลึงมากเกินไปจริงๆ ไม่ว่าใครได้ยิน ต่างตกใจ
แต่ข่าวที่หลินสวินใช้พลังของตนเพียงคนเดียวสังหารระดับอมตะอย่างพวกเหอป๋อหยาง อวี่ไหว เผยหรู ลั่วฉง รวมถึงความสัมพันธ์ของหลินสวินกับตระกูลลั่วไม่ได้ถูกเปิดเผย
เพราะคืนนั้นคนตระกูลลั่วสายรองทุกคนถูกจับ และภายใต้คำสั่งของเหล่าผู้อาวุโส คนตระกูลลั่วสายหลักต่างปิดข่าวทั้งหมดนี้
ถึงอย่างไรเมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงใหญ่ขนาดนี้ หากยังให้โลกภายนอกรู้ว่าหลินสวินมีพรสวรรค์หุบเหวกลืนกิน และเป็นเหลนของเจ้าแห่งมรรคาสวรรค์ จะต้องทำให้เกิดความวุ่นวายที่ไม่อาจประเมินอย่างแน่นอน
ถึงขั้นเป็นไปได้สูงมากว่าอาจดึงดูดความสนใจของขุมอำนาจยักษ์ใหญ่น่านฟ้าที่แปด!
แน่นอนว่าบรรดาผู้อาวุโสตระกูลลั่วสายหลักก็รู้ดีว่าข่าวเช่นนี้จะปกปิดได้เพียงชั่วคราวเท่านั้น ไม่สามารถปิดได้นาน
ขุมอำนาจศัตรูเหล่านั้น ขอเพียงแค่อยากสืบหา สักวันฐานะของหลินสวินจะต้องถูกเปิดเผย
ดังนั้นตอนที่โลกภายนอกวุ่นวายอลม่าน ฮือฮาสั่นคลอน ตระกูลลั่วก็กำลังเร่งเคลื่อนไหว
ภายใต้คำแนะนำและคำสั่งของลั่วเซียวและลั่วชิงเหิง ขุมอำนาจและคนตระกูลลั่วที่กระจายอยู่ในแคว้นเทพวารีนภาล้วนถูกเรียกตัวกลับเขาเทพหลังมังกร
พูดอีกอย่างก็คือ ตระกูลลั่วเป็นฝ่ายยอมแพ้การครอบครองพื้นที่และอาณาเขตเหล่านั้นด้วยตัวเอง ระดมกำลังทั้งหมดที่อยู่ภายใต้บังคับบัญชาไปที่เขาเทพหลังมังกร
ในสายตาโลกภายนอก เพราะผ่านการเปลี่ยนแปลงที่น่าตกใจนี้ ภายในตระกูลสั่นคลอน ตระกูลลั่วจึงจำต้องหดขุมอำนาจที่อยู่ภายใต้บังคับบัญชากลับกระดอง
ทว่าสำหรับตระกูลลั่ว
การทำเช่นนี้กลับสามารถทำให้ตระกูลลั่วรวบรวมพลังทั้งหมด เฝ้าระวังอยู่ที่เขาเทพหลังมังกร เพื่อรับมือกับเรื่องไม่คาดฝันทั้งหมดที่อาจเกิดขึ้น
ถึงอย่างไรหลายปีมานี้ตระกูลเหยาและตระกูลหลิงเคลื่อนไหวอย่างต่อเรื่อง ฮุบพื้นที่และอาณาเขตของตระกูลลั่ว หลังจากรู้ว่าภายในตระกูลลั่วเกิดการเปลี่ยนแปลงน่าตกใจเช่นนี้ จะไม่ฉวยโอกาสมาก่อเรื่องได้อย่างไร
สิ่งที่สำคัญกว่าคือ ตอนนี้หลินสวินยังอยู่ตระกูลลั่ว!
เผ่าจักรพรรดิอมตะที่ประกาศจับหลินสวินทั่วหล้า หากรู้ข่าวนี้จะปล่อยไปเช่นนี้ได้อย่างไร
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ขืนยังกระจายกำลังของตระกูลลั่วออกไป กลับจะทำให้เกิดเรื่องอย่างต่อเนื่อง ประสบอันตราย!
เต่าหดหัวเฝ้าระวัง ดูเหมือนน่าอับอาย แต่สำหรับตระกูลลั่ว เป็นวิธีที่มั่นคงที่สุดในตอนนี้แล้ว
ไม่เช่นนั้นหากเคราะห์สังหารมาเยือน สิ่งที่ตระกูลลั่วต้องสูญเสียไม่เพียงแค่อาณาเขตส่วนหนึ่ง มีความเป็นไปได้สูงมากว่าอาจไม่สามารถยืนหยัดในน่านฟ้าที่หกได้อีก!
พูดง่ายๆ ก็คือ การที่ตระกูลลั่วสายหลักกลับมาครองอำนาจอีกครั้ง ไม่ได้เปลี่ยนสถานการณ์คับขันที่ตระกูลลั่วอ่อนแอมาอย่างยาวนานได้ กลับเพราะการเปลี่ยนแปลงในชั่วค่ำคืน ทำให้สถานการณ์ยิ่งอันตรายกว่าเดิม
และภายใต้สถานการณ์ที่ลมฝนกระโชก สั่นคลอนไม่สามารถสงบได้นี้
คนกลุ่มหนึ่งมาถึงเขาเทพหลังมังกรอย่างเหนื่อยล้า
ลั่วเซียวที่ตอนนี้ได้ครองอำนาจในตระกูลลั่ว พากลุ่มผู้อาวุโสตระกูลลั่วสายหลักไปต้อนรับด้วยตัวเอง
ตอนที่เห็นเงาร่างผอมบางที่คุ้นเคย ลั่วเซียวอดพูดอย่างตื่นเต้นไม่ได้
“ท่านลู่ ในที่สุดท่านก็กลับมาแล้ว!”
……………………….