Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2661 วงแหวนเทพอมตะ
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 2661 วงแหวนเทพอมตะ
“ไม่ผิด”
หลินสวินพยักหน้า สุขุมเยือกเย็น
หลิงเสวี่ยเฮิ่นแสยะยิ้ม เผยฟันขาวโพลนน่าสะพรึง เอ่ยว่า “มาๆๆ ข้าก็อยู่นี่ ข้าล่ะอยากเห็นว่าเจ้าจะจัดการข้าอย่างไร!”
มกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิคนหนึ่ง กลับถึงขั้นกล้าท้าทายเช่นนี้
ความรู้สึกที่มอบให้ก็เหมือนมดกำลังท้าทายมังกรยักษ์บนสวรรค์ ทำให้ระดับบรรพจารย์ตระกูลเหยาและตระกูลหลิงไม่น้อยหัวเราะ แววตาเย้าแหย่
ก่อนหน้านี้พวกเขายังคิดว่าผู้สืบทอดคีรีดวงกมลที่บุกทะลวงจากน่านฟ้าที่หนึ่งถึงน่านฟ้าที่ห้า ทั้งตอนนี้ยังปรากฏตัวในตระกูลลั่วอีกอย่างหลินสวิน เป็นพวกเย้ยฟ้ายอดเยี่ยมขนาดไหน
แต่ตอนนี้ดูไป…
จะกำเริบเสิบสานและไม่รู้เรื่องรู้ราวเกินไปแล้ว!
พวกลู่ป๋อหยาสบตากัน ต่างยิ้มขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ เกิดความรู้สึกเวทนาหลิงเสวี่ยเฮิ่น ถ้าให้เขารู้ว่าลั่วอวิ๋นซานกับลั่วอวิ๋นเหอต่างถูกหลินสวินฆ่า ยังจะกล้าดูถูกหลินสวินขนาดนี้หรือ
“ข้าจะจัดการเหยาเทียนหาน”
ลั่วซิวก้าวออกมา เงาร่างผอมซูบมีกฎเกณฑ์อมตะสีม่วงอ่อนเป็นสายๆ ปรากฏ โอบล้อมกลายเป็นวงแหวนเทพ ไหลเวียนโคจรอยู่รอบกายเขา
ท่ามกลางความคลุมเครือ ในวงแหวนกฎเกณฑ์นั้นคล้ายมีเงามายาวิญญาณเทพบัญชาการ
วงแหวนเทพอมตะ!
นี่เป็นสัญลักษณ์ที่ขั้นดับเทพเท่านั้นถึงมีได้!
“การกำราบและทรมานมาในกาลเวลาไร้สุดสุดทำให้พลังจิตของเจ้าลั่วซิวเสียหายอย่างหนัก ตอนนี้ยังกล้าท้าทายข้าอย่างไม่ละอายปาก น่าขันขนาดไหน!”
ตรงข้ามกันเหยาเทียนหานหัวเราะหยันเย็นชา กระบี่ยักษ์ที่สะพายอยู่ข้างหลังร่วงลงมาในมือดังชิ้ง ชุดโลหิตทั้งตัวไหวกระพือ มีวงแหวนเทพอมตะที่ควบรวมจากพลังกฎเกณฑ์วงหนึ่ง แรงกล้าดั่งเปลวเพลิง ลุกโชนโหมกระหน่ำ คล้ายจะเผาทำลายเวิ้งฟ้า
“น่าขันหรือไม่อีกเดี๋ยวก็รู้” ลั่วซิวแววตาเฉยชา
“เหยาชิงลู่ กล้าสู้กันสักตั้งไหม” ลั่วยงที่รูปลักษณ์เช่นคนหนุ่ม นัยน์ตาโชติช่วงดุจสุริยันเอ่ยปาก สายตาจับจ้องเหยาชิงลู่
“ถ้าเจ้าอยากรนหาที่ตาย ข้าก็จะสงเคราะห์ให้” เหยาชิงลู่เก็บค้อนทลายผนึก มือกระจ่างถือโคมแก้ว เอ่ยเสียงกังวาน
“ดูท่าคงได้แต่ให้ข้าจัดการเจ้าแล้ว”
มือทั้งสองของลู่ป๋อหยาเก็บอยู่ในแขนเสื้อ มองไปที่หลิงฉิงอู๋
“ลู่ป๋อหยา ว่ากันว่าเจ้าได้รับบาดแผลมหามรรค ศักยภาพทั้งตัวไม่อาจสำแดงได้เต็มที่ ไม่เช่นนั้นจะถูกพลังสะท้อนกลับ ในสภาพเช่นนี้ข้าสงสัยจริงๆ ว่าเจ้าจะอะไรมาสู้กับข้า”
หลิงฉิงอู๋ในชุดเขียวทั้งตัว รอบกายล้อมรอบด้วยโซ่เทพกฎเกณฑ์สีดำเป็นริ้วๆ วิวัฒน์เป็นภาพประหลาดที่หมู่มารร่ายรำน่าสะพรึง
ลู่ป๋อหยายิ้มน้อยๆ เอ่ยว่า “สงสัยว่าจะมีคนตาย”
เมื่อเสียงพูดเงียบลง
ตูม!
เขาก้าวออกก้าวหนึ่งมา ฟ้าถล่มดินทลาย สัญลักษณ์ลายมรรคพร่างพราวตระการตานับไม่ถ้วนผุดออกมา กลายเป็นกระบวนผนึกอสนีกลางฟ้ากระบวนหนึ่งปกคลุมออกไป
มองจากไกลๆ เหมือนอสนีเคราะห์วันสิ้นโลกมาเยือน!
“ไป!”
ไอสังหารปะทุในดวงตาหลิงฉิงอู๋ เมื่อพลิกนิ้วมือ ดาบศึกสีดำเล่มหนึ่งก็พุ่งทะยานกลางอากาศ ดึงรั้งละอองแสงอมตะให้ถาโถม กรีดแหวกห้วงอากาศ ฟาดฟันลงมาอย่างบ้าคลั่ง
ตูมโครม!
กระบวนผนึกอสนีกับดาบศึกปะทะกัน ฟ้าดินสะท้านสะเทือน เผยภาพอันน่าสะพรึงเหมือนโลกพังทลาย ห้วงอากาศบริเวณใกล้เคียงยังถล่มลงตามไปด้วย
บรรพจารย์จักรพรรดินับร้อยของตระกูลเหยาและตระกูลหลิงหลบไปทันที ยามเห็นภาพเช่นนี้ไกลๆ ยังอดสูดหายใจสะท้านอย่างอดไม่ได้
นี่คือการชิงชัยระหว่างระดับอมตะ อย่าว่าแต่พวกเขาสอดมือเลย ต่อให้โดนลูกหลงยังเป็นไปได้สูงยิ่งว่าจะได้รับบาดเจ็บสาหัส!
หลินสวินไม่ได้ถอย ระลอกคลื่นการต่อสู้เท่านี้เขายังรับได้อยู่
เดิมทีเขายังเป็นห่วงท่านลู่ที่ถูกเคราะห์มรรคห้าเสื่อมรัดตัว แต่เมื่อเห็นความสง่างามยามอีกฝ่ายต่อสู้ ความกังวลในใจก็ถูกความตื่นตาตื่นใจเข้าแทนที่
ชั่วขณะที่ยกมือวาดเท้า ท่านลู่ก็ควบรวมกระบวนค่ายกลผนึกอันลึกลับสุดหยั่งนานาชนิดออกมา แปลงเป็นพายุสายฟ้า น้ำไฟ เสียงมรรค กระบี่เทพ ดาบศึก… ทุกการโจมตีล้วนมาพร้อมกับกลิ่นอายอมตะ เร้นลับผันแปร แกร่งกล้าถึงขีดสุด
ชั่วขณะหนึ่งหลิงฉิงอู๋เหมือนตกอยู่ในวงล้อมกระบวนผนึกเป็นชั้นๆ ท่าทางย่ำแย่!
แต่ถึงอย่างไรหลิงฉิงอู๋ก็เป็นระดับอมตะ กวัดแกว่งดาบศึกทำลายพายุสายฟ้า สลายห้าธาตุ เบิกหยินหยาง อานุภาพแข็งกร้าว ไม่ได้เพลี่ยงพล้ำในการโจมตีเดียว
“ฆ่า!”
ท่ามกลางเสียงคำรามสะท้านฟ้า เหยาเทียนหานออกโจมตี วงแหวนเทพอมตะดุจเปลงเพลิงโอบล้อม เคลื่อนย้ายกลางห้วงอากาศพุ่งโจมตีไปทางลั่วซิวราวกับเพลิงเทพในตำนาน
ลั่วซิวครอบครองกฎเกณฑ์อสนีสีม่วง ไม่หลบไม่หนี เข้าประจันหน้ากับเขา
และในขณะเดียวกันลั่วยงกับเหยาชิงลู่ก็ต่อสู้กัน
ศาสตรามรรคของลั่วยงคือทวนยาวสีนิลเล่มหนึ่ง ดุดันอหังการ แทงทะลวงห้วงอากาศ ทุกการโจมตีต่างมีอานุภาพไม่อาจต้าน สามารถพลิกภูเขาคว่ำสมุทร รวดเร็วรุนแรงเป็นที่สุด
การโจมตีลวกๆ นั้นถึงขั้นสามารถแทงทะลุพวกระดับบรรพจารย์ทุกคนได้อย่างง่ายดาย!
เทียบกันแล้วพลังต่อสู้ของเหยาชิงลู่กลับมีเอกลักษณ์ที่สุด โคมแก้วในมือนางโบกไหว กลีบดอกไม้สีทองโปรยปรายออกมา ประหนึ่งหล่อขึ้นจากทองเทพ ประทับกฎเกณฑ์อมตะที่แหลมคมหาใดเทียบเอาไว้
เมื่อกลีบดอกไม้ปลิวว่อนไปทั่วฟ้า ห้วงอากาศบริเวณนั้นก็ถูกตัดออกเป็นรอยแยกยาวแคบน่าตระหนกรอยแล้วรอยเล่าอย่างกับเศษกระดาษ!
พลังสังหารดุดันเช่นนั้นงดงามถึงที่สุด และอันตรายยิ่งยวด!
แม้ว่าทวนยาวสีนิลของลั่วยงจะอหังการฉับไว แต่กลับไม่อาจสลายการโจมตีของกลีบดอกไม้สีทองเต็มฟ้านั้นได้ในทันที
ตูม!
ฟ้าดินแถบนี้ยุ่งเหยิง เวิ้งฟ้าเหมือนจะพังถล่ม แสงมรรคอมตะอันน่าครั่นคร้ามกระจายออกมา ภูผาธาราในรัศมีพันลี้กลายเป็นซากปรักหักพัง ไร้ซึ่งพลังชีวิตในชั่วพริบตา
บัดนี้พลังผนึกที่ปกคลุมอยู่รอบเขาเทพหลังมังกรถูกโคจรทั้งหมด ประกายแสงไหลเวียน ต้านการจู่โจมจากระลอกคลื่นการต่อสู้เอาไว้
เหล่าบุคคลสำคัญตระกูลลั่วอย่างลั่วเซียว ลั่วชิงเหิงต่างกำลังดูศึกนี้อยู่
สีหน้าแต่ละคนล้วนแตกต่างกันไป บ้างตื่นเต้น บ้างกังวล บ้างฮึกเหิม บ้างสั่นสะท้าน
คนตระกูลลั่วอย่างลั่วเสวียนฝู ลั่วเสวียนเจินต่างก็ดูอยู่เช่นกัน เพียงแต่ด้วยมรรควิถีของพวกเขาไม่อาจมองทะลุอะไรได้
เพราะนี่เป็นการประชันของระดับอมตะ
เหนือกว่าขอบเขตที่พวกเขาจะไปสังเกตหรือเข้าใจได้นานแล้ว!
สำหรับพวกเขา นี่ก็เหมือนเหล่าเทพบนเก้าชั้นฟ้ากำลังกรำศึก ไม่ทันไรก็ทำลายดวงดารา พลิกคว่ำจักรวาล!
แต่ต่อให้เป็นเช่นนี้ในใจแต่ละคนก็ยังตึงเครียดกระวนกระวายหาใดเทียบ
เพราะใครๆ ต่างรู้ว่าถ้าชนะศึกนี้ สถานการณ์ของตระกูลลั่วอาจไม่ได้เปลี่ยนแปลงมากนัก
ทว่าถ้าแพ้ ตระกูลลั่วก็จะเผชิญกับวิกฤตล้างตระกูล!
ผู้ที่ดูอยู่เช่นเดียวกันยังมีระดับบรรพจารย์จักรพรรดิของตระกูลเหยาและตระกูลหลิงนับร้อยคนนั้น
พวกเขาหลบไปไกลๆ มองดูอยู่ห่างๆ สีหน้าก็มีแต่ความสั่นสะท้าน
การต่อสู้ระหว่างระดับอมตะ ต่อให้อยู่ในน่านฟ้าที่หกก็เกิดขึ้นน้อยยิ่ง
และการต่อสู้ตะลุมบอนที่เกิดขึ้นระหว่างเหล่าระดับอมตะเช่นนี้ก็ยิ่งน้อยนัก!
นี่ทำให้ระดับบรรพจารย์เหล่านั้นสะท้านสะเทือนเป็นอย่างยิ่ง
พวกเขาอาจหยิ่งผยองเหนือผู้ที่ระดับต่ำกว่าจักรพรรดิทั้งปวงได้ แต่ต่อหน้าระดับอมตะ พวกเขากลับทำได้แค่เคารพยำเกรง!
“เจ้าตัวจ้อย ทำไมไม่มาจัดการข้าล่ะ หรือกลัวแล้ว เมื่อครู่เจ้าไม่ได้เอ็ดตะโรมากหรอกหรือ”
กลางสนามรบ หลิงเสวี่ยเฮิ่นจับจ้องหลินสวิน บนใบหน้าโหดร้ายดุดันมีแต่ความดูถูก
“มีชีวิตอยู่ไม่ดีนักหรือไร ไยต้องรีบรนหาที่ตายแบบนี้ด้วย”
หลินสวินถอนใจเบาๆ
ฮูม!
เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งพุ่งออกมา แสงมรรคมากมายอุบัติขึ้น เคลื่อนย้ายผ่านอากาศมาพร้อมหลินสวิน เข้ากำราบหลิงเสวี่ยเฮิ่น
ภาพนี้ทุกคนได้เห็นกันหมด
เหล่าคนตระกูลลั่วตื่นเต้นนัก เพราะในการเปลี่ยนแปลงน่าตะลึงที่เกิดขึ้นในคืนนั้นของตระกูลลั่ว หลินสวินได้สังหารระดับอมตะอย่างลั่วฉง เหอป๋อหยาง อวี๋ไหว เผยหรูด้วยตัวคนเดียว
แม้ตอนนี้หลินสวินไม่มี ‘กระบี่ระเบียบ’ นั้นช่วยเหลือ แต่ใครไม่รู้บ้างว่าระดับอมตะอย่างลั่วอวิ๋นซานกับลั่วอวิ๋นเหอยังตายด้วยน้ำมือหลินสวิน
ดังนั้นพวกเขาไม่กังขาสักนิดว่าหลินสวินจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลิงเสวี่ยเฮิ่น!
แต่สำหรับบรรพจารย์จักรพรรดิตระกูลเหยาและตระกูลหลิงเหล่านั้น การโจมตีในตอนนี้ของหลินสวินก็เหมือนเสียสติไปแล้ว ไม่รู้จักกลัวตายเหมือนแมลงเม่าบินเข้ากองไฟ
มกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิคนหนึ่ง ยังริมาท้าทายระดับอมตะหรือ
เสียสติไปแล้วชัดๆ!
หลิงเสวี่ยเฮิ่นก็ประหลาดใจนัก ก่อนหน้านี้เขายังนึกว่าหลินสวินคุยโว คิดไม่ถึงว่าหลินสวินจะดันกล้าลงมือจริงๆ
ทันใดนั้นไอสังหารเข้มข้นน่าสะพรึงก็ฉายวาบในดวงตาเขา!
ท่ามกลางสายตามากมายที่จับจ้อง ถ้าไม่ตบมดที่ท้าทายไม่หยุดตัวนี้ให้ตาย ระดับอมตะอย่างเขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน
“ตาย!”
เกราะสีดำบนตัวหลิงเสวี่ยเฮิ่นส่งเสียงชิ้งๆ แสงมรรคกฎเกณฑ์สีดำน่าครั่นคร้ามพลุ่งพล่าน พลานุภาพน่าหวาดหวั่น
เมื่อเขาตบหนึ่งฝ่ามือออกไป
ตูม!
พลังฝ่ามือไพศาลกลายเป็นวงล้อแสงสุริยันวงหนึ่งเข้าถล่มท้องนภา บดขยี้ห้วงอากาศ อานุภาพกล้าแกร่งจนทำให้บรรพจารย์จักรพรรดิที่ดูอยู่เหล่านั้นต่างหนาววาบไปทั้งตัว
หลินสวินไม่หลบไม่หนี ประจันหน้าด้วยเตากระบี่ไร้ก้นบึ้ง
ท่ามกลางเสียงปะทะสะท้านฟ้าสะเทือนดิน เงาร่างเขาโซเซ พลันกระเด็นถอยหลังไปสิบกว่าก้าว ห้วงอากาศใต้เท้าทรุดตัวเลื่อนลั่น
แค่คิดก็รู้ว่าพลังฝ่ามือนี้ของหลิงเสวี่ยเฮิ่นแกร่งกล้าปานไหน
กระนั้นภาพนี้กลับทำให้ผู้ที่ชมการต่อสู้อยู่ต่างตกตะลึงตาเบิกกว้าง สกัดไว้ได้หรือ!?
นี่เป็นการต่อสู้ซึ่งหน้า ไม่อาจพูดถึงความโชคดีอะไรได้ แต่ในการปะทะเช่นนี้ หลินสวินกลับไม่ถูกตีพ่าย และไม่ได้รับบาดเจ็บด้วย!
แววประหลาดก็ฉายวาบในดวงตาหลิงเสวี่ยเฮิ่นเช่นกัน สีหน้าพลันอึมครึม ก้าวออกไปข้างหน้าพลางสะบัดทวนศึกสีเลือดในมือ วาดเป็นลำแสงโลหิตดุดันที่แปลกประหลาดแสบตาออกมาเส้นหนึ่งแล้วฟันออกไป
หลินสวินไม่ทุกข์ไม่สุข เรียบเฉยไม่หวั่นไหว กระตุ้นพลังถึงขีดสุดเข้าประจันหน้ากับเขา
ตูม!
เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งกับทวนศึกสีเลือดปะทะกัน ทั้งสองห้ำหั่นตะลุมบอนกันในชั่วพริบตา ปราณกระบี่ ประกายคม แสงมรรคน่าสะพรึงแผ่กระจายอาละวาด
ไม่ว่าใครต่างมองเห็นชัดเจนว่าในการต่อสู้นี้หลินสวินตกอยู่ในสภาพถูกกดข่ม ถูกพลังอมตะของหลิงเสวี่ยเฮิ่นกำราบไว้
แต่ที่น่าเหลือเชื่อก็คือ ต่อให้เสียเปรียบหลินสวินก็เหมือนมีพลังต้านทานโต้กลับ หลุดรอดจากอันตรายมาได้ครั้งแล้วครั้งเล่า!
นี่ทำให้ทั้งที่นั้นตกตะลึง สีหน้าเต็มไปด้วยความสั่นสะท้าน
มกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิคนหนึ่ง ไม่ได้ใช้ไพ่เด็ดหรือไม้ตายอะไร กลับสามารถอาศัยมรรควิถีของตัวเองต้านระดับอมตะคนหนึ่งได้ นี่ก็เหมือนกับปาฏิหาริย์ครั้งหนึ่ง สามารถสะเทือนหมื่นกาลได้!
และพร้อมๆ กับที่การต่อสู้ดำเนินไป ใบหน้าชราของหลิงเสวี่ยเฮิ่นก็ยิ่งอึมครึม ทั้งตะลึงทั้งโมโห สำหรับเขาแล้วต่อให้ตอนนี้ได้เปรียบก็ไม่โสภานัก ใบหน้าอับแสง
ถึงอย่างไรเขาก็เป็นระดับอมตะขั้นอายุขัยเทียมฟ้า
ส่วนฝั่งตรงข้ามกลับเป็นแค่มกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิคนหนึ่ง!
ในสถานการณ์ที่ต่างกันหนึ่งระดับใหญ่ ตนกลับไม่อาจสังหารอีกฝ่ายได้ในเวลาสั้นๆ นี่ย่อมน่าขายหน้าเกินไปแล้ว!
“เจ้าตัวจ้อย ข้าล่ะอยากเห็นนักว่าเจ้าจะทนได้สักกี่น้ำ!”
ไอสังหารอุบัติขึ้นในดวงตาหลิงเสวี่ยเฮิ่น พลานุภาพของเขาก็ยิ่งน่ากลัว ทวนศึกสีเลือดคำรามร้องครวญยาวๆ ดังก้องไปทั้งเก้าชั้นฟ้าสิบแผ่นดิน
ก่อนหน้านี้เขายังออมมือ แต่ตอนนี้ไม่อาจสนใจขนาดนั้นได้แล้ว!
——