Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2664 อาศัยนัยเร้นลับของระเบียบ
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 2664 อาศัยนัยเร้นลับของระเบียบ
ความอึกทึกคึกโครมที่เกิดขึ้นในแคว้นเทพวารีนภา ไม่นานนักก็กระจายไปทั้งน่านฟ้าที่หก
ชั่วขณะเดียวก็เกิดคลื่นโถมซัดสาด
ตระกูลลั่ว ขุมอำนาจที่ตกต่ำมานานแล้วตระกูลหนึ่ง
แต่ในศึกนี้ทัพพันธมิตรของตระกูลเหยาและหลิงถูกกำจัดสิ้น เรื่องนี้น่าเหลือเชื่ออย่างไม่ต้องสงสัย
“เริ่มจากตระกูลลั่วสายรองถูกกำราบ ตระกูลหลักเข้าครองอำนาจ ที่ตามมาติดๆ คือสถานการณ์พลิกผันน่าตระหนก ตระกูลเหยากับตระกูลหลิงพ่ายแพ้ครั้งใหญ่ นี่หรือตระกูลลั่วจะผงาดขึ้นอีกครั้ง”
คนไม่รู้เท่าไรฉงนใจ
“ระดับอมตะขั้นดับเทพอย่างเหยาเทียนหานยังไม่อาจหนีเคราะห์นี้ นี่ก็น่าตะลึงเกินไปแล้ว”
ขั้นดับเทพ ในน่านฟ้าที่หกย่อมเป็นยักษ์ใหญ่ที่ยืนตระหง่านบนปลายยอด เหยียดหยันทั่วน่าฟ้า เรียกลมเรียกฝน ครอบครองอานุภาพคับฟ้าที่ไม่อาจคาดคิดได้
ในสถานการณ์ทั่วไป หากบุคคลเช่นนี้หนีสุดชีวิตแทบไม่มีใครขวางได้
ดังนั้นการตายของเหยาเทียนหาน แค่คิดก็รู้แล้วว่านำพาความสั่นสะท้านให้ผู้คนได้มากมายเพียงไหน
ไม่ว่าอย่างไรเมื่อข่าวศึกนี้กระจายออกไป ตระกูลลั่วก็เหมือนกลายเป็นเผ่าจักรพรรดิอมตะที่ถูกจับตามองที่สุดตระกูลหนึ่งในน่านฟ้าที่หก!
ขณะเดียวกันคลื่นใต้น้ำก็เริ่มซัดสาดในน่านฟ้าที่หก
เผ่าจักรพรรดิอมตะอย่างตระกูลเหวิน ตระกูลเหิง ตระกูลจู้ ตระกูลเฮ่อ ตระกูลหงเริ่มติดต่อกัน…
……
ยอดเขาต้นกก ตระกูลลั่ว
“นี่ก็คือระเบียบอสนีม่วงหรือ”
หลินสวินกุมผนึกโบราณสำริดแผ่นหนึ่งไว้ในมือ ยามนี้มีสายอสนีที่มีระลอกแวววาวปรากฏออกมา ประกายแสงแสบตา อบอวลไปด้วยกลิ่นอายระเบียบประหนึ่งทำลายล้าง
ไม่ไกลนักพวกลั่วเซียว ลู่ป๋อหยา ลั่วซิวยืนเคียงข้างกัน มองดูภาพนี้พร้อมรอยยิ้ม
ครู่ต่อมาเงาร่างหลินสวินก็พลันลอยสูงขึ้นจากพื้น กระโจนขึ้นเหนือทะเลเมฆหมื่นจั้ง
เขาแขนเสื้อปลิวไสว สูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง กระตุ้นเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งทันที
ชิ้ง!
กระบี่มรรคเรียบง่ายเล่มหนึ่งพุ่งออกมาจากในเตากระบี่ เปล่งเสียงครวญกระบี่ใสกังวาน
หลินสวินขับเคลื่อนความคิด ระเบียบอสนีสีม่วงสายแล้วสายเล่าควบรวมบนกระบี่มรรค ชั่วพริบตานั้นกระบี่มรรคก็ปะทุกลิ่นอายทำลายล้างน่าครั่นคร้าม ทำให้ทะเลเมฆบริเวณใกล้เคียงพังถล่ม!
ไม่ไกลนักเงาร่างผอมแห้งของลั่วซิวก็ปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศ มองดูหลินสวินอยู่ไกลๆ เอ่ยว่า “สวินเอ๋อร์ ข้ามาขอแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับเจ้า”
หลินสวินสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง พลานุภาพทั้งร่างเพิ่มสูงขึ้นถึงขีดสุดในพริบตาเหมือนภูเขาไฟระเบิดพร้อมกับการขับเคลื่อนความคิด
ตูม!
กระบี่มรรคที่มีระเบียบอสนีม่วงรวมตัวอยู่พาดขวางกลางอากาศดุจธารสวรรค์สีม่วงแถวหนึ่งแล้วฟันลงมา
ห้วงอากาศบริเวณใกล้เคียงส่งเสียงระเบิดเหมือนอสนีบาตซัดสาด ทะเลเมฆหมื่นลี้ถูกแสงอสนีสีม่วงเจิดจ้าย้อมให้เป็นสีม่วงงดงาม
และยามกระบี่นี้ฟันลงมา ก็เหมือนเคราะห์สวรรค์สายหนึ่ง ไพศาลเทียมฟ้า!
ลั่วซิวแขนเสื้อพลิกตลบ มรรควิถีขั้นดับเทพทั้งตัวโคจร ตบหนึ่งฝ่ามือออกไปทันที
ตูม!
ฝ่ามือและกระบี่เข้าปะทะ ท้องฟ้าแห่งนี้คล้ายระเบิดออก ทะเลเมฆหมื่นลี้พังทลายแหลกลาญ
ก็เห็นว่าเงาร่างลั่วซิวพลันโซเซ ผมเผ้าปลิวไสว พลังชีวิตทั้งร่างปั่นป่วนไปครู่หนึ่ง
“สวินเอ๋อร์ แม้ระเบียบอสนีม่วงจะมีระดับปฐพีขั้นแปด แต่อานุภาพของมันสามารถคุกคามชีวิตขั้นดับเทพได้ เจ้ายังไม่ได้ควบคุมพลังทั้งหมดได้อย่างแท้จริง”
ลั่วซิวเอ่ยเสียงดังชี้แนะหลินสวิน
ไกลออกไปหลินสวินเงียบงัน สัมผัสความเปลี่ยนแปลงของพลังระเบียบอสนีสีม่วงยามกระบี่ฟันออกไปเมื่อครู่
ครู่หนึ่งเขาพลันเงยหน้า กระบี่มรรคเบื้องหน้าส่งเสียงกังวานใส ฟันออกไปอีกครั้ง
เห็นชัดว่ากระบี่นี้แตกต่างจากเมื่อครู่แล้ว ประหนึ่งแสงม่วงสายหนึ่งทะลวงผ่านอดีตปัจจุบัน เจาะกำแพงกาลเวลา เต็มไปด้วยพลานุภาพดุดันยิ่งยวด สำแดงอานุภาพดับฟ้าทลายดิน
ตูม!
คราวนี้แม้ลั่วซิวรับกระบี่นี้ไว้ได้ แต่กลับถูกซัดจนเงาร่างถอยออกไปหลายก้าว ในดวงตาก็ฉายแววประหลาดใจอย่างอดไม่ได้
“ดี! เจ้าพอจะควบคุมพลังระเบียบอสนีม่วงได้หกส่วนแล้ว แม้เป็นเพียงการหยิบยืมอาศัยพลัง แต่ขอเพียงเจ้าใช้พลังนี้ได้เต็มที่ อานุภาพเช่นนั้นก็สามารถสังหารระดับอมตะขั้นอายุขัยเทียมฟ้าได้อย่างง่ายดาย ต่อให้ฆ่าขั้นดับเทพตายก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้”
ลั่วซิวเอ่ยเสียงขรึม
จากนั้นเขาก็อธิบายอานุภาพของระเบียบอสนีม่วงให้หลินสวินฟังอย่างอดทน
หลินสวินตั้งใจรับฟัง หากมีเรื่องสงสัยก็ขอคำแนะนำอย่างตั้งใจ
พลังระเบียบ เป็นรากฐานในการหยัดยืนของขุมอำนาจอมตะ
และเป็นแหล่งกำเนิดพลังที่ระดับอมตะหยั่งรู้และหลอมรวมกฎเกณฑ์อมตะ
ระดับพลังระเบียบยิ่งสูง อานุภาพยิ่งทรงพลัง กฎเกณฑ์อมตะที่หลอมรวมออกมาก็ยิ่งแข็งแกร่ง
และการอาศัยใช้พลังระเบียบก็ต้องให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่งเช่นกัน
อย่างระเบียบอสนีม่วงของตระกูลลั่ว คิดจะยืมพลังมาใช้ก็ต้องมีสมบัติลับมาเชื่อมต่อเสมอ
สมบัติลับเหล่านี้หลอมขึ้นจากวัตถุอมตะ ดึงเอาพลังจากระเบียบอสนีม่วงได้
และสิ่งที่ผู้ฝึกปราณต้องทำก็คือหลอมรวมพลังเจตจำนงของตนเข้าไปในสมบัติลับ เช่นนี้จึงจะสามารถใช้พลังระเบียบที่มีอยู่ในนั้นได้!
อย่างก่อนหน้านี้พลังระเบียบที่เคยปกคลุมบนทางเดินโบราณฟ้าดารา ก็ถูกพวกจอมจักรพรรดิไร้นามกับจักรพรรดิสวรรค์ดำรงหยิบยืมอาศัยพลังมาเช่นกัน
หรืออย่าง ‘กระบี่ผนึกพิฆาต’ ที่ลู่ป๋อหยาเคยมอบให้หลินสวินก่อนหน้านี้ก็เป็นการอาศัยพลังเช่นกัน
สิ่งที่ควรค่าแก่การพูดถึงก็คือ พลังระเบียบที่ประทับอยู่ในสมบัติลับมีจำกัดเป็นอย่างยิ่ง หากใช้ไปหลายครั้งแล้วก็จะสูญสลายไปสิ้น
หากเปรียบพลังระเบียบเป็นทะเลสาบแห่งหนึ่ง เช่นนั้น ‘สมบัติลับ’ ก็เหมือนภาชนะรองรับ สามารถใช้ประโยชน์จากน้ำที่เก็บสะสมอยู่ในทะเลสาบได้
และน้ำที่บรรจุในภาชนะรองรับก็มีจำกัด
ทว่าผนึกโบราณสำริดที่หลินสวินครอบครองในตอนนี้ไม่ใช่สมบัติลับธรรมดา แต่เรียกได้ว่าเป็น ‘สมบัติระเบียบ’
เพราะต้นกำเนิดของระเบียบอสนีสีม่วงที่ตระกูลลั่วครอบครอง ก็หลอมอยู่ภายในผนึกโบราณสำริดนี้!
การอาศัยพลังของ ‘สมบัติระเบียบ’ ก็เท่ากับอาศัยพลังต้นกำเนิดของระเบียบอสนีม่วงโดยตรง ย่อมแตกต่างจากสมบัติลับธรรมดา
ผนึกโบราณสำริดนี้มีผู้นำตระกูลลั่วครอบครองมาโดยตลอด เรียกได้ว่าเป็นยอดสมบัติพิทักษ์ตระกูล
และตอนนี้ก็ถูกหลินสวินใช้ฝึกวิชาที่ต้องอาศัยพลังระเบียบในการต่อสู้
ครู่ใหญ่หลินสวินที่ตกจมสู่ห้วงความคิดก็เงยหน้าขึ้น สีหน้าไม่สุขไม่ทุกข์ ฟันกระบี่ที่สามออกไป
……
เวลาผ่านไปวันแล้ววันเล่า
จากวันที่เอาชนะกองทัพพันธมิตรตระกูลเหยาและตระกูลหลิงได้ก็ผ่านไปหนึ่งเดือนแล้ว
เช้าตรู่วันนี้
“รายงาน ผู้ยิ่งใหญ่ขั้นดับเทพตระกูลเหวิน เหวินเทียนซาง นำผู้แข็งแกร่งมาปรากฏตัวที่นอกเขาเทพหลังมังกร!”
จู่ๆ ก็มีคนมารายงานข่าวนี้ ทำเอาสะเทือนไปทั้งตระกูลลั่วในทันที
เหวินเทียนซาง!
ผู้ยิ่งใหญ่ขั้นดับเทพ!
เห็นชัดว่าการนำผู้แข็งแกร่งมาวันนี้ไม่ได้มาดี
เหล่าคนสำคัญอย่างลั่วเซียว ลู่ป๋อหยา ลั่วซิว ลั่วยงต่างรวมตัวกันทันที สายตาล้วนมองไปนอกเขาเทพหลังมังกร
รถศึกสีดำสูงใหญ่และลึกลับคันหนึ่งปรากฏ ถูกสัตว์ปีศาจดึกดำบรรพ์เก้าตัวลาก ตระหง่านอยู่ใต้เวิ้งฟ้า อบอวลด้วยแสงเทพ ประหนึ่งพาหนะของเทพบนสวรรค์
ด้านหลังรถศึกสีดำนี้มีเงาร่างเหล่าผู้แข็งแกร่งยืนอยู่ สี่คนที่อยู่ด้านหน้าสุดเป็นระดับอมตะขั้นอายุขัยเทียมฟ้า!
กระบวนทัพเช่นนี้ทำให้ไม่ว่าใครก็หวั่นใจ
“มาเองโดยไม่ได้เชิญ ขออภัยสหายยุทธ์ตระกูลลั่วทุกท่านด้วย”
ชายคนหนึ่งเดินออกมาจากรถศึก แต่งกายด้วยชุดศึกสีดำทอง แสงสีดำเย็นเยียบฉายวาบ ตัวเขาแปลกประหลาดและงามสง่ามาก ดูไปเหมือนยังหนุ่ม
เขาก็คือเหวินเทียนซาง เฒ่าชราขั้นดับเทพที่น่ากลัวคนหนึ่ง!
“สหายยุทธ์นำผู้แข็งแกร่งมา ต้องการจะเปิดศึกกับตระกูลลั่วของข้าหรือ”
ลั่วเซียวตรงไปตรงมานัก เอ่ยอย่างเย็นชา
“ได้ยินว่าเศษเดนคีรีดวงกมลนามหลินสวินผู้นั้นอยู่ในตระกูลลั่วของพวกเจ้า เขาฆ่าคนในตระกูลข้าไปมาก ขอเพียงพวกเจ้าส่งเจ้าหมอนี่มาข้าก็จะไปทันที จะไม่สร้างความลำบากให้ตระกูลลั่วเด็ดขาด”
เหวินเทียนซางสีหน้าเรียบเฉย ยืนมือไพล่หลังอยู่บนรถศึกสีดำนั้น แผ่กลิ่นอายอหังการสะท้านเก้าฟ้าออกมา
ความจริงพวกลั่วเซียวคาดเดาเจตนาที่อีกฝ่ายมาเยือนได้แล้ว แต่เมื่อได้รับการยืนยันจากอีกฝ่าย ก็ยังทำให้พวกเขารู้สึกหนักใจอย่างเลี่ยงไม่ได้
ไม่ได้มาดีดังคาด!
“ตัวอย่างจากตระกูลเหยาและตระกูลหลิงเพิ่งผ่านไป พวกเจ้าตระกูลเหวินก็อยากจะตามรอยเท้าไปหรือ” ลู่ป๋อหยาเอ่ยปากเสียงเย็นชา
“ในเมื่อพวกเรากล้ามาเยือนในเวลานี้ย่อมเตรียมตัวมาโดยสมบูรณ์ ข้าจะพูดตรงๆ ก็ได้ ว่าถ้าคราวนี้ตระกูลลั่วทำทีต้องการปกป้องหลินสวินนั่น เกรงว่าตั้งแต่วันนี้ไปจะถูกลบชื่อจากน่านฟ้าที่หกแห่งนี้”
บนรถศึกสีดำ เหวินเทียนซางเอ่ยเสียงเฉยชา เผยความถือดีอย่างสมบูรณ์
“เฮอะ อย่างพวกเจ้าน่ะหรือ” ลู่ป๋อหยาเผยแววตาดูถูก
“ถ้าเพิ่มพวกเราด้วยล่ะ”
เสียงแหบพร่าสายหนึ่งดังขึ้น ก็เห็นว่าในห้วงอากาศไกลลิบมีเรือบัวสีแดงเพลิงลำหนึ่งทะลวงอากาศมา ประกายเพลิงงดงาม โชติช่วงสะดุดตา
บนเรือบัวมีเงาร่างสิบกว่าร่างยืนอยู่
ผู้นำคือเฒ่าชราที่แขนเสื้อใหญ่ปลิวไสว ทั้งร่างไม่มีกลิ่นอายใดๆ สงบนิ่งราบเรียบ
เหิงจ้งกู่!
ผู้ยิ่งใหญ่ขั้นดับเทพตระกูลเหิง!
ทุกคนต่างตกตะลึง ไม่กล้าดูเบา หากคนผู้นี้สำแดงอานุภาพ สามารถเคลื่อนกวาดได้หลายสิบแคว้น น่ากลัวเป็นที่สุด!
กิตติศัพท์ตระกูลเหิงในน่านฟ้าที่หกยิ่งใหญ่ถึงที่สุด อานุภาพก็ไม่อาจเทียบกับเผ่าจักรพรรดิอมตะทั่วไป น้อยคนนักที่จะกล้าท้าทาย
และตอนนี้พวกเขาก็มาแล้ว
นี่ทำให้คนตระกูลลั่วเหล่านั้นต่างใจหล่นวูบ
น่ากลัวเกินไปแล้ว ชั่วขณะเดียวก็มีกำลังพลจากเผ่าจักรพรรดิอมตะสองตระกูลใหญ่ปรากฏตัว เคลื่อนทัพมาหน้าเขาเทพหลังมังกร!
“สหายยุทธ์เทียนซางพูดถูก พวกเรามาคราวนี้เพียงแค่มาจับหลินสวินคนนี้เท่านั้น” เหิงจ้งกู่เอ่ยเรียบๆ วาจาเรื่อยเฉื่อย
เมื่อประโยคนี้ดังออกมา ทุกคนต่างหน้าเปลี่ยนสี
มาเพราะหลินสวินอีกแล้ว!
ลั่วเซียวกะพริบตา แสงประกายไหวเคลื่อน กล่าวว่า “ถ้าตระกูลลั่วของข้าไม่รับปากล่ะ”
“แลกชีวิตของคนทั้งตระกูล เพื่อเศษเดนคีรีดวงกมลที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกันคนหนึ่ง คุ้มหรือ” เหวินเทียนซางถามเปรยๆ
คนตระกูลลั่วเหล่านั้นสีหน้าบิดเบี้ยวไม่หยุด รู้สึกกดดันอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
“ที่มาคราวนี้มีแค่พวกเจ้าสองตระกูลหรือ” ลู่ป๋อหยาเอ่ยถาม
“ไม่ใช่อย่างแน่นอน”
เสียงหัวเราะแจ่มใสเสียงหนึ่งดังขึ้น
จากนั้นคนของเผ่าจักรพรรดิอมตะตระกูลหงก็มาแล้ว ผู้นำเป็นชายที่เหมือนกับเด็กหนุ่มงามสง่าคนหนึ่ง สวมชุดขนนก มือถือพัดขนนกสีทอง หล่อเหลาโสภา แต่ทั้งตัวกลับมีกลิ่นอายน่าครั่นคร้ามของขั้นดับเทพ
หงเสวียนตู!
ลือกันว่าเขามีชีวิตอยู่มานานกว่าเหวินเทียนซางกับเหิงจ้งกู่เสียอีก อย่ามองว่ารูปลักษณ์เหมือนเด็กหนุ่ม ความจริงแล้วเป็นสัตว์ประหลาดเฒ่าที่มีชีวิตอยู่ไม่รู้นานเท่าไรผู้หนึ่ง
และเมื่อพวกหงเสวียนตูเพิ่งมาถึง ผู้แข็งแกร่งตระกูลเฮ่อก็มาเยือนเช่นกัน ทำให้บรรยากาศบริเวณใกล้เคียงเขาเทพหลังมังกรยิ่งกดดันและตึงเครียดขึ้นไปอีก
“หลินสวินเล่า ยังไม่ออกมารับความตายอีกหรือ!?” ผู้นำตระกูลเฮ่อเป็นสตรีที่สวมชุดนักพรตสีชาดผู้หนึ่ง รูปลักษณ์งามล้ำ แต่สีหน้ากลับเหี้ยมเกรียมถึงขีดสุด
เฮ่อหวั่นเจิน!
ผู้ยิ่งใหญ่ขั้นดับเทพ!
นางเพิ่งนำผู้แข็งแกร่งตระกูลเฮ่อมาถึงก็เอ่ยว่าจะฆ่าหลินสวิน ดูแข็งกร้าวหาใดเทียบ
ถึงตอนนี้ที่นอกเขาเทพหลังมังกร ก็มีกำลังพลของเผ่าจักรพรรดิอมตะสี่ตระกูลใหญ่ อย่างตระกูลเหวิน เหิง หงและเฮ่อรวมตัวกันแล้ว ภาพเช่นนั้นทำให้ทุกคนรู้สึกหายใจติดขัดและสิ้นหวัง
แต่นี่ยังไม่จบ
จู่ๆ ใต้เวิ้งฟ้าไกลลิบก็เกิดเสียงดังสนั่นสะท้านฟ้าสะเทือนดิน
——