Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2667 กล้าไม่โกงไหม
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 2667 กล้าไม่โกงไหม
มีระดับอมตะขั้นอายุขัยเทียมฟ้าถูกฟันไปอีกคน ศพแยกออกเป็นสองส่วน ร้องโหยหวนชวนหดหู่ลั่นจักรวาล!
ทุกคนในที่นั้นเห็นดังนี้ก็ศีรษะชาหนึบ หายใจลำบาก ตกตะลึงไปหมด รับความจริงที่เกิดขึ้นได้ยากนัก
ไยถึงเป็นเช่นนี้
นี่เกินกว่าจินตนาการของพวกเขา
ด้วยการร่วมกันล้อมโจมตีของระดับอมตะ หลินสวินถึงกับสามารถโต้ตอบกลับอย่างแข็งกร้าว เข่นฆ่าระดับอมตะขั้นอายุขัยเทียมฟ้าสองคนต่อเนื่อง นี่เป็นพลานุภาพระดับไหนกัน
นี่เป็นระดับอมตะขั้นอายุขัยเทียมฟ้าเชียวนะ
ชั่วความคิดเดียว ฟ้าดินพลิกคว่ำจักรวาลแปรผัน ลมหายใจเดียวกวาดทำลายภูผาธาราหมื่นลี้ได้ แข็งแกร่งหาใดเทียบ อยู่เหนือเกินใคร
แต่ตอนนี้กลับถูกสังหารอย่างง่ายดายที่นี่!
หลายคนยิ่งเห็นชัดว่าระหว่างที่หลินสวินสังหารระดับอมตะคนนั้น ไม่ใช่ไม่มีใครคิดช่วยเหลือ แต่ล้วนถูกหลินสวินซัดสะเทือนออกไป ไม่มีใครสามารถกลับมาช่วยได้ทันสักนิด!
ท่าทีอันโอหังเช่นนี้ ใครจะไม่สั่นสะท้าน
ขณะนี้ไม่เพียงแต่คนตระกูลลั่วเหล่านั้นที่นิ่งอึ้ง กระทั่งเหล่าขุมอำนาจที่มาบุกเหล่านั้นยังหวาดผวา สงบใจได้ยาก
หลินสวินคนนี้น่ากลัวเกินไปแล้ว เป็นศัตรูตัวฉกาจที่เย้ยฟ้าจนไม่อาจทำความเข้าใจได้!
“ผู้อาวุโส!”
คนกลุ่มหนึ่งร้องลั่น สีหน้าเต็มไปด้วยความพรั่นพรึง นั่นเป็นผู้อาวุโสของตระกูลพวกเขา ตอนนี้ตายไปทำให้พวกเขาเสียผู้ปกป้องไปโดยสิ้นเชิง…
……
ยามนี้ระดับอมตะอย่างพวกเหวินเทียนซางเหมือนได้เผชิญหน้ากับศัตรูตัวฉกาจนานแล้ว แต่ละคนโคจรพลังปราณทั้งหมด ทั้งร่างอบอวลด้วยกลิ่นอายอมตะเจิดจ้า เหมือนคีรีเทพหลายลูกเรียงรายอยู่ตรงนั้น ปลดปล่อยแสงโชติช่วง เพรียกหากันและกัน ทำให้ฟ้าดินอวลไปด้วยแสงมรรคไร้สิ้นสุด มีแต่ละอองแสงทั่วทุกหนแห่ง
พวกเขาสีหน้าอึมครึมจนน่ากลัว ความรู้สึกโกรธและตกใจปนเปกันไป
เดิมทีพวกเขาไม่กลัว นึกว่าแค่สังหารมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิคนหนึ่ง เพียงดีดนิ้วก็ปลิดชีพเขาได้สบาย
แต่ตอนนี้พลังต่อสู้สะท้านโลกที่ไม่อาจใช้สามัญสำนึกมาวัดได้ของหลินสวิน กลับทำให้สถานการณ์แปรเปลี่ยนเป็นอันตรายขึ้นมา!
สวบ!
ทั้งหมดนี้ไม่ส่งผลต่อหลินสวินสักนิด เขาเคลื่อนไหวไม่หยุด เงาร่างพริบวาบกลางห้วงอากาศ กระบี่ในมือสั่นเบาๆ ฟันออกมาเป็นแสงประกายสายหนึ่ง กดข่มออกไปเสียงดังสนั่น
ปราณกระบี่นี้โชติช่วงเกินไป พลังระเบียบอสนีสีม่วงที่ไหลหลั่งพร้อมกับแสงสายฟ้าไร้สิ้นสุด ทำให้ระดับอมตะทุกคนต่างหนักอึ้งในใจ
“สารเลว!”
จู้จิ่วเจียงสีหน้าอึมครึม เอ่ยปากเย็นชา กระบี่เทพสีเลือดในมือทะลวงอากาศ ปรากฏการณ์ประหลาดน่าครั่นคร้ามดั่งภูเขาศพทะเลเลือดผุดขึ้นมา พุ่งเข้าปะทะอย่างแข็งกร้าว
ตูม!
ฟ้าดินพลิกคว่ำ ละอองแสงงดงามแถบหนึ่งปกคลุมหนาแน่น ทะลวงฟ้าคราม ที่นี่กลายเป็นทะเลที่มีปราณกระบี่แผ่กระจาย ภาพและเสียงยิ่งใหญ่หาใดเทียบ กระตุ้นจิตวิญญาณ
แต่เช่นเดียวกับก่อนหน้านี้ พลังระเบียบที่ประทับในกระบี่นี้ของจู้จิ่วเจียงถูกบดขยี้อย่างง่ายดาย
และระเบียบอสนีม่วงในกระบี่มรรคของหลินสวินก็ซัดกวาดอย่างเหิมเกริม!
พรูด
ผู้แข็งแกร่งในขั้นดับเทพอย่างจู้จิ่วเจียงยังถูกอานุภาพของกระบี่นี้ซัดจนกระอักเลือด!
เขาสีหน้าคล้ำเขียวหาใดเทียบ ตาแทบหลุดจากเบ้า ใกล้จะเสียสติจริงๆ แล้ว
เตากระบี่เตาหนึ่งควบคุมพลังระเบียบ สยบการจู่โจมของพวกเขาครั้งแล้วครั้งเล่า และด้วยพลังต่อสู้ของตัวเขา พวกเขาก็ยังถูกระเบียบอสนีม่วงของตระกูลลั่วคุกคาม…
นี่จะให้ใครไม่สติแตกได้
ตอนนี้ระดับอมตะคนอื่นยิ่งไม่กล้าชะล่าใจ จู่โจมพร้อมกันด้วยพลังทั้งหมดที่มี ประหนึ่งคีรีเทพดึกดำบรรพ์แต่ละลูกกำลังเคลื่อนกวาด หมายจะสังหารหลินสวิน
ชั่วพริบตาฟ้าดินแห่งนี้ก็มีแต่แสงมรรคอมตะ กร้าวแกร่งและสูงส่ง เกิดเป็นพลังกดข่มอันน่ากลัว ร่วมกันบดขยี้ไปทางหลินสวิน
การโจมตีพร้อมกันเช่นนี้น่ากลัวจนทำเอาจิตวิญญาณสั่นไหว ยากจะเกิดแรงต้านทาน
แต่หลินสวินที่อยู่ในวงล้อมนั้นกลับเหมือนมังกรออกจากหุบเหว ไม่เพียงไม่หลบหนี กลับเข้ารับหน้า กระบี่มรรคโฉบพุ่งผ่านอากาศ ฟันออกมาเป็นปราณกระบี่ระเบียบอสนีสีม่วงถาโถมเข้าปะทะ
ตูม โครมๆ!
ฟ้าดินคล้ายพังถล่ม จมจ่อมและพินาศ คลื่นปะทะอันน่าครั่นคร้ามทำให้ที่แห่งนี้กลายเป็นพื้นที่ชุลมุน ละอองแสงสาดส่อง เสียงดังสนั่น ทำให้ทุกคนมองไม่เห็นทุกอย่างที่เกิดขึ้นข้างในนั้น
การประมือระดับนี้น่ากลัวเกินไป ไม่ว่าจะเป็นคนในตระกูลลั่วหรือขุมอำนาจศัตรูเหล่านั้น บัดนี้ต่างเกิดความรู้สึกหวาดผวา จิตใจไม่อาจสงบได้
ปัง!
ไม่นานนักเสียงดังลั่นบาดหูระลอกหนึ่งก็ลอยมาจากสนามรบที่ปกคลุมด้วยละอองแสงนั้น
จากนั้นเสียงคำรามอันน่าอนาถหาใดเทียบเสียงหนึ่งก็ดังออกมา…
“เจ้ามารชั่ว! ถึงกับกล้าทำลายยอดสมบัติของข้า ข้าจะสู้สุดชีวิตกับเจ้า!!”
“เจ้าหมาเฒ่า ข้าจะส่งเจ้าลงนรก!”
แทบจะในขณะเดียวกัน เสียงเย็นเยียบสงบนิ่งของหลินสวินก็ดังขึ้น
เสียงยังไม่ทันเงียบลง ในสายตาทุกคนก็เห็นหลินสวินที่สวมชุดขาวพระจันทร์เปล่งประกายเจิดจ้าไปทั้งตัว โดดเด่นละโลกีย์ พลันเหยียบย่างไปในห้วงอากาศและมาถึงหน้าชายวัยกลางคนชุดดำคนหนึ่ง
ฟุ่บ!
ปราณกระบี่สายหนึ่งพุ่งออกมาพร้อมกันเหมือนลำแสงที่มาจากส่วนลึกของฟ้าดารา ฟันลงมาฉับพลัน ศีรษะหนึ่งลอยคว้าง ฝนเลือดพุ่งกระฉูด!
ศีรษะนี้ลอยขึ้นสูงยิ่ง บนใบหน้าเจือความหวาดผวาและไม่ยินยอม เต็มไปด้วยความไม่เข้าใจและยากจะเชื่อ
ระดับอมตะขั้นอายุขัยเทียมฟ้าอีกคนถูกฟัน กายสิ้นมรรคสลาย ตายไปโดยสมบูรณ์!
ภาพนี้สร้างความสะเทือนให้ทั้งที่นั้นอีกครั้ง ทุกคนต่างนิ่งอึ้งเหมือนรูปปั้น แทบอยากกลั้นหายใจ ไม่อาจคาดคิดได้ว่าเพียงแค่ครู่เดียวก็มีระดับอมตะอีกคนตายด้วยน้ำมือหลินสวิน!
นี่ไม่ใช่หมายความว่า ต่อให้เหล่าระดับอมตะร่วมกันลงมือก็ไม่อาจต่อกรหลินสวินได้หรือ
……
การต่อสู้ยังดำเนินต่อไป ไม่ได้ชะลอลงเพราะเรื่องนี้
ถึงขั้นที่ว่าเพราะการตายของระดับอมตะขั้นอายุขัยเทียมฟ้าสามคน ทำให้สถานการณ์การต่อสู้แปรเปลี่ยนเป็นอนาถยิ่งขึ้นอีก
ไม่มีใครกล้าชะล่าใจอีก พวกเหวินเทียนซางก็ไม่กล้าออมมือแต่อย่างใด เข้าห้ำหั่นกับหลินสวินเต็มกำลัง
ด้านหลินสวินก็ไม่ชักช้าใดๆ เช่นกัน พุ่งโฉบกลางการโจมตีของระดับอมตะเหล่านั้นเพียงลำพัง อานุภาพดุจเทพ!
ผมยาวดำของเขาปลิวสยาย แววตาดุจสายฟ้าเย็นเยียบ เตากระบี่ไร้ก้นบึ้งลอยอยู่เหนือศีรษะ กระบี่มรรคเหนี่ยวนำพลังระเบียบอสนีสีม่วงแผ่พุ่งทั่วทิศ โอหังอหังการ ดุจราชันเหนือโลกาที่ไม่อาจเอาชนะได้
ท่าทางกร้าวแกร่งเช่นนั้นทำให้ทุกคนในที่นั้นสั่นสะท้านอีกระลอก จิตใจไหวหวั่น ไม่อาจข่มตัวเองได้
ฟุบ!
ไม่นานนักหลินสวินก็คว้าโอกาสได้ กระโจนตัวขึ้นไปและฟันสังหารระดับอมตะขั้นอายุขัยเทียมฟ้าอีกคนได้ทั้งอย่างนั้น!
ซ่า!
ฝนเลือดกระเซ็นกระสาย ระดับอมตะผู้นั้นยังไม่ทันร้องโหยหวน ตัวเขาก็ถูกปลิดชีพคาที่ สภาพการตายน่าอนาถ ทำเอาทุกคนในที่นั้นหวาดหวั่นใจ
“เจ้ามารชั่วสมควรตาย!”
ระดับอมตะรวมถึงพวกเหวินเทียนซางสีหน้าคล้ำเขียวอึมครึมถึงที่สุดแล้ว โกรธจนตาถลนผมตั้ง
สู้มาถึงตอนนี้ ยังไม่ถึงครึ่งเค่อก็มีระดับอมตะสี่คนถูกสังหารต่อเนื่อง นี่ทำให้พวกเขารู้สึกกราดเกรี้ยวเป็นที่สุด ทั้งยังตกตะลึงและหวาดหวั่นอย่างไม่อาจควบคุมได้
นี่จะน่ากลัวเกินไปแล้ว!
ทำเอาพวกเขารับมือไม่ทัน ไม่อาจยอมรับได้
ไม่เพียงแต่พวกเขา ทุกคนที่อยู่ที่นั่นต่างขวัญผวาจนแทบเสียการควบคุม
อานุภาพของหลินสวินสร้างแรงสะเทือนให้พวกเขาอย่างรุนแรงชนิดล้มล้างความเข้าใจ ไม่อาจจินตนาการได้
ทว่า…
ทั้งหมดนี้เพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น
สิบชั่วดีดนิ้วผ่านไป
ชายที่สวมชุดหลากสี มือถือกระบองสำริดคู่หนึ่งถูกฆ่า ปราณกระบี่ที่แปลงจากระเบียบอสนีม่วงฟันเอวเขาขาดเป็นสองส่วน ขิตสิ้นวิญญาณสลาย
สามสิบชั่วดีดนิ้วผ่านไป
ระดับอมตะขั้นอายุขัยเทียมฟ้าที่ร่วมประกบโจมตีหลินสวินสองคน ถูกหลินสวินใช้กระบวนค่ายกลกระบี่ระเบียบอสนีอันไพศาลบดขยี้ทั้งเป็น!
และพร้อมกันนั้นระดับอมตะขั้นดับเทพอย่างหงเสวียนตูก็ได้รับบาดเจ็บ ได้รับผลกระทบจากกระบวนค่ายกลกระบี่จนแขนขาดไปข้างหนึ่ง
ห้าสิบชั่วดีดนิ้วผ่านไป
พร้อมๆ กับเสียงร้องโหยหวนน่าอนาถสะท้านฟ้า ชายน่าเกรงขามที่หนีไม่ทันคนหนึ่งร่างกายระเบิดออกกลางอากาศ กลายเป็นฝนเลือดสาดกระเซ็นเต็มฟ้า
เขาถูกระเบียบอสนีม่วงเคลื่อนกวาด ถล่มสังหารรุนแรง!
พร้อมๆ กับเวลาที่ผ่านไป จำนวนระดับอมตะที่ล้อมโจมตีหลินสวินเหล่านั้นก็เริ่มลดลงไม่หยุด…
กระทั่งการต่อสู้ผ่านไปหนึ่งเค่อ
ผู้คนที่ตื่นตะลึงอยู่พลันพบว่าระดับอมตะขั้นอายุขัยเทียมฟ้าสิบสามคมที่ล้อมโจมตีหลินสวิน ถูกฆ่าไปแล้วเก้าคน ตอนนี้เหลือเพียงสี่คน!
ส่วนระดับอมตะขั้นดับเทพห้าคนอย่างเหวินเทียนซาง เหิงจ้งกู่ หงเสวียนตู จู้จิ่วเจียงและเฮ่อหวั่นเจิน ได้รับบาดเจ็บไม่มากก็น้อยไปแล้ว
โดยเฉพาะหงเสวียนตูได้รับบาดเจ็บสาหัส!
การค้นพบนี้ทำเอาผู้คนที่จิตใจสั่นไหวงุนงงไปแล้วพลันเกิดความรู้สึกหนาวเยือกเหมือนตกลงไปในหลุมน้ำแข็ง
มกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิคนหนึ่ง สู้มาจนตอนนี้ สังหารระดับอมตะขั้นอายุขัยเทียมฟ้าไปเก้าคน ทำร้ายระดับอมตะขั้นดับเทพไปห้าคน!
นี่น่าตื่นตะลึงเกินไปแล้ว!
“นี่เป็นไปได้อย่างไร…”
ตอนนี้ใบหน้างดงามของเฮ่อหวั่นเจินยังเหยเกไปชั่วขณะหนึ่ง เต็มไปด้วยความตกตะลึง
นางมีฐานะเป็นระดับอมตะขั้นดับเทพ แต่ไม่เคยผ่านการต่อสู้นองเลือดแปลกประหลาดเช่นนี้มาก่อน
“ถ้าไม่ชิงเตากระบี่ที่อยู่ในมือเจ้าหมอนี่ ศึกนี้ต่อให้ดำเนินต่อไปก็ไม่มีทางแก้สถานการณ์ได้!”
หงเสวียนตูกัดฟันเข่นเขี้ยว บนใบหน้าหล่อเหลาแปลกประหลาดมีแต่ความเหี้ยมเกรียม
มาถึงตอนนี้แล้ว ฝั่งพวกเขาบาดเจ็บล้มตายสาหัสนัก แต่หลินสวินกลับไม่สึกหรอสักนิด นี่ทำให้ทุกคนใกล้บ้าแล้ว
ใครจะไม่รู้ว่าถ้านสถานการณ์ดำเนินต่อไปเช่นนี้ ฝ่ายพวกเขารังแต่จะยิ่งบาดเจ็บล้มตายหนักขึ้นไปอีก
ระดับอมตะขั้นดับเทพเหล่านี้เคยใช้วิชาลับและสมบัติ หมายจะชิงเตากระบี่ไร้ก้นบึ้งที่หลินสวินใช้ไป
แต่ล้วนคว้าน้ำเหลวโดยไม่มีข้อยกเว้น
กลับกันในระหว่างนี้เองที่ทำให้พวกเขาได้รับบาดเจ็บไปทั้งตัว ในใจจึงคับข้องแทบระเบิด
ตูม!
ทันใดนั้นเสียงกึกก้องสะท้านฟ้าก็ดังขึ้น มีระดับอมตะอีกคนหนึ่งถูกสังหารคาที่
ภาพนองเลือดนั้นกระตุ้นให้เหวินเทียนซางโมโหเลือดขึ้นหน้า คำรามเสียงดุดันว่า
“เจ้ามารชั่ว เจ้ากล้าไม่โกงไหม!”
ทั้งที่นั้นเงียบไปอย่างประหลาด
ผู้คนที่เดิมสั่นสะท้านจนอกสั่นขวัญหายอยู่เหล่านั้น ในสมองยังงุนงงอยู่บ้าง เป็นถึงระดับอมตะขั้นดับเทพคนหนึ่ง เหตุใดจึงพูดจาฟั่นเฟือนเช่นนี้ออกมาได้
ด้านคนตระกูลลั่วก็อึ้งไปหมดแล้ว จากนั้นพลันระเบิดเสียงหัวเราะที่สะเทือนไปถึงชั้นเมฆ
เจ้าเฒ่านี่ถูกบีบจนจิตใจปั่นป่วนว้าวุ่น ถึงได้กล่าววาจาโง่งมที่ไม่ได้ผ่านสมองเช่นนี้ออกมากระมัง
กล้าไม่โกงไหม
แล้วพวกเจ้าล่ะกล้าข่มพลังปราณลงไปเป็นระดับบรรพจารย์จักรพรรดิ แล้วสู้ตัวต่อตัวกับหลินสวินหรือไม่
เสียงหัวเราะระงมกระจายออกไป ทำเอาพวกหงเสวียนตู เหิงจ้งกู่ต่างตาเบิกกว้าง เจ้าเหวินเทียนซางนี่จะไม่สนมาดและฐานะไปหน่อยแล้วกระมัง
ขายหน้าถึงตระกูลจริงๆ!
เหวินเทียนซางเมื่อกล่าวเช่นนี้ออกมาก็รับรู้ได้ว่ามีอะไรชอบกล แต่ไม่อาจย้อนกลับไปได้แล้ว ใบหน้าชราของเขาอัดอั้นจนคล้ำม่วง ความอับอายอย่างบอกไม่ถูกระคายจิตใจ ทำตัวไม่ถูกขึ้นมาพลัน
แต่ไม่นานนักเขาก็ไม่อาจสนใจเรื่องนี้อีก
เพราะบัดนี้หลินสวินที่ต่อสู้อย่างทรงพลังมาตลอด ฆ่าระดับอมตะขั้นอายุขัยเทียมฟ้าไปอีกคนแล้ว!
ภาพนองเลือดเช่นนั้นทำให้บรรยากาศแปรเปลี่ยนเป็นกดดันอีกครั้ง ผู้ชมการต่อสู้เหล่านั้นก็จิตใจบีบคั้นตามไปด้วย
“ไป!”
ก็ในตอนนี้เอง จู่ๆ เฮ่อหวั่นเจินก็ถอนตัว เคลื่อนบย้ายผ่านห้วงอากาศมุ่งหน้าไปยังที่ห่างไกล
นางถึงกับละทิ้งการต่อสู้ ตัดสินใจถอยหนี!
ภาพที่เกิดขึ้นกะทันหันนี้ทำให้สถานการณ์ในสนามรบเปลี่ยนแปลงไปทันที
——