Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2682 ยันต์ใกล้ดุจไร้ช่องว่าง
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 2682 ยันต์ใกล้ดุจไร้ช่องว่าง
ชั่วพริบตาเดียวคนก็หายไปแล้ว
ด้วยเหตุนี้ผู้อาวุโสใหญ่จวงซิวอู่ที่ถูกจับตัวก็หายไปด้วย!
สิ่งนี้กระตุ้นจนพวกจวงปี้ป๋อเกือบคลุ้มคลั่ง
“ผู้สืบทอดคีรีดวงกมลนี่ชั่วช้าเกินไปแล้ว!”
มีคนแค้นจนหลุดปากด่ายกใหญ่
“หน้าตางดงามขนาดนั้น แต่ที่แท้กลับเป็นพวกต้มตุ๋น!”
มีคนเดือดดาลจนแก้มกระตุก
“สมบัติพวกนั้นของข้า… หายไปทั้งอย่างนี้หรือ!?”
ทั้งมีคนหัวใจหลั่งเลือด เสียดายสมบัติที่สูญไปพวกนั้น
“มัวนิ่งอึ้งอะไร ตาม! ไปฆ่าเศษเดนคีรีดวงกมลสองคนนั่น ช่วยผู้อาวุโสใหญ่กลับมา!” จวงปี้ป๋อแผดเสียงคำรามสะท้านฟ้า
เขาโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ดวงตาแดงก่ำ
ครั้งนี้แผนเดิมของพวกเขาคือจับตัวหลินสวินและจวินหวน ใครจะคิดว่าผู้อาวุโสใหญ่กลับประสบเคราะห์ถูกจับไปก่อน จากนั้นพวกเขายังถูกหลอกเอาสมบัติทั้งตัวไปอีก ซ้ำตอนนี้ศัตรูยังหายไปอย่างไร้ร่องรอยด้วย…
การโจมตีอย่างต่อเนื่องนี้ทำให้จวงปี้ป๋อแทบกระอักเลือด
ความรู้สึกอับอาย เดือดดาล ชิงชังที่ไม่เคยมีมาก่อนจู่โจมจิตใจราวกับภูเขาถล่มสมุทรคำราม ทำให้เขาสั่นไปทั้งตัว เบื้องหน้าพลันมืดมัวไปชั่วขณะ
หากเรื่องนี้แพร่ออกไป ตระกูลจวงของพวกเขาต้องกลายเป็นตัวตลกใหญ่ที่สุดในน่านฟ้าที่เจ็ดแน่!
เสียงชราแหบพร่าราบเรียบหนึ่งดังขึ้น “หากผู้สืบทอดคีรีดวงกมลจัดการง่ายเช่นนั้น เกรงว่าคงมลายสิ้นไปนานแล้ว”
จวงปี้ป๋อหันหลังขวับ ก็เห็นร่างราวเด็กห้าหกขวบ หน้าตาจิ้มลิ้มเดินออกมาจากแดนมงคลไผ่เขียว
“ผู้อาวุโส ทำไมท่านก็มาด้วยเล่า”
จวงปี้ป๋อตัวแข็งทื่อ รีบร้อนคารวะ
เงาร่างที่ดูเหมือนเด็กน้อยนี้ ความจริงแล้วเป็นเฒ่าดึกดำบรรพ์คนหนึ่งที่ควบคุมดูแลอยู่ในตระกูลจวง นามว่าจวงหลงเซี่ยง ลำดับความอาวุโสสูงยิ่ง
หมื่นปีมานี้จวงหลงเซี่ยงปิดด่านอยู่ตลอด เพื่อทะลวงขั้นหลุดพ้น
“เกิดเรื่องใหญ่เช่นนี้ ใครจะไม่ตกตื่นจนต้องออกมาดูบ้าง” จวงหลงเซี่ยงท่าทางเหมือนเด็กน้อย แต่เสียงกลับแหบพร่าแก่ชรา แฝงกลิ่นอายราบเรียบ
“ที่แท้ผู้อาวุโสก็รู้เรื่องแล้ว” จวงปี้ป๋อดวงหน้าแข็งทื่อ ในใจรู้สึกอับอายรุนแรง
จวงหลงเซี่ยงมองเขาคราหนึ่งพลางกล่าว “เรื่องนี้ให้จบลงเพียงเท่านี้ ไม่ต้องตามไปอีก”
“แต่ผู้อาวุโสใหญ่เขา…” จวงปี้ป๋อกล่าว
“เป็นตายล้วนอยู่ที่โชคชะตา”
เสียงของจวงหลงเซี่ยงราบเรียบ ดูนิ่งสงบผิดธรรมดา
สีหน้าของจวงปี้ป๋อปรวนแปร กล่าวว่า “ผู้อาวุโส ตระกูลจวงของพวกเราเสียเปรียบมากขนาดนี้ ให้ปล่อยผ่านไปเช่นนี้หรือ”
“เดิมทีต่อให้อยากตัดความสัมพันธ์กับผู้สืบทอดคีรีดวงกมลแค่ไหน พวกเจ้าก็ไม่ควรทำเช่นนี้ ตอนนี้เป็นอย่างไร กลับเป็นว่ายั่วโมโหผู้สืบทอดคีรีดวงกมลไปแล้ว”
นัยน์ตาจวงหลงเซี่ยงกระจ่างชัดใส ราวกับไม่มีคลื่นความรู้สึก
จวงปี้ป๋อกล่าวอย่างขมขื่น “พวกเราแค่อยากสร้างผลงานให้ตระกูลมู่ ใครจะคิดว่าเศษเดนคีรีดวงกมลสองคนนั่นถึงกับเจ้าเล่ห์และร้ายกาจเช่นนี้”
“เรื่องเกิดขึ้นแล้ว นึกเสียใจหรือเดือดดาลไปก็ไร้ประโยชน์”
จวงหลงเซี่ยงกล่าว “ตอนนี้สิ่งที่เจ้าควรพิจารณาคือจะแก้ปัญหาอย่างไร”
แก้ปัญหา?
จวงปี้ป๋อนัยน์ตาหดรัดเล็กน้อย ประสานมือกล่าว “ผู้อาวุโสโปรดชี้แนะ”
จวงหลงเซี่ยงแค่นเสียงเย็นชา “เป็นถึงผู้นำตระกูลหนึ่ง เรื่องแบบนี้ต้องให้ข้าสอนเจ้าด้วยหรือ เทียบกับพี่ชายเจ้าจวงซื่อหลิวแล้ว เจ้า… ยังด้อยประสบการณ์อยู่บ้างจริงๆ”
พูดจบเขาก็หันหลังจากไป
จวงปี้ป๋อยืนอยู่ที่เดิม สีหน้าพลันปรวนแปรไม่หยุด
ครู่ใหญ่เขาสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง กลับสู่แดนมงคลไผ่เขียว
ไม่นานจวงปี้ป๋อก็ออกคำสั่งในฐานะผู้นำตระกูล ปิดข่าวทุกอย่างเกี่ยวกับจวินหวนและหลินสวินที่เกิดขึ้นในวันนี้!
เขาทำเช่นนี้เพื่อหลีกเลี่ยงเคราะห์ที่ตระกูลจวงต้องประสบ เช่นการกลายเป็นตัวตลกในใต้หล้า ทำลายกิตติศัพท์ชื่อเสียง
ขณะเดียวกันเขายังเขียนจดหมายด้วยตัวเอง เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ทุกอย่างส่งไปยังหอแรกพิสุทธิ์ในหอบรรพจารย์ลัทธิแรกกำเนิด
จวงปี้ป๋อรู้ดีว่าหลินสวินอาจหนีไปได้ แต่ไม่ช้าก็เร็วต้องมุ่งหน้าไปหอบรรพจารย์ลัทธิแรกกำเนิดแน่!
จดหมายฉบับนี้ของเขาเขียนถึงจวงซื่อหลิวพี่ชายเขานั่นเอง
สุดท้ายจวงปี้ป๋อส่งคนไปกระจายข่าวยังโลกภายนอก
‘หลินสวินเศษเดนคีรีดวงกมลปรากฏตัวในน่านฟ้าที่เจ็ดแล้ว ทั้งจะเข้าร่วมการคัดเลือกอย่างเป็นทางการของหอบรรพจารย์ลัทธิแรกกำเนิด!’
เมื่อรู้เรื่องพวกนี้ จวงหลงเซี่ยงที่ท่าทางราวกับเด็กก็ลอบพยักหน้าอย่างอดไม่ได้
จวงปี้ป๋อทำแค่สามเรื่อง
ปิดข่าวที่ตระกูลจวงประสบเคราะห์ ส่งจดหมายให้จวงซื่อหลิว ประกาศข่าวไปยังโลกภายนอก
โดยเฉพาะเรื่องที่สาม เรียกได้ว่าหลักแหลมนัก
หลายปีนี้ชื่อเสียงความร้ายกาจของหลินสวินโจษจันทั่วโลกยอดนิรันดร์นานแล้ว ขุมอำนาจอมตะนับไม่ถ้วนมองเขาเป็นศัตรู เมื่อข่าวการปรากฏตัวในน่านฟ้าที่เจ็ดของเขาแพร่ออกไป ขุมอำนาจที่มองเขาเป็นศัตรูพวกนี้มีหรือจะนิ่งดูดาย
นี่ก็คือสิ่งที่เรียกว่าเติมไฟใส่เชื้อเพลิง ยืมดาบฆ่าคน!
พวกเขาตระกูลจวงเสียเปรียบอย่างมาก แต่ขอเพียงกระจายข่าวที่หลินสวินจะเข้าร่วมการคัดเลือกของหอบรรพจารย์ลัทธิแรกกำเนิดออกไป ย่อมต้องมีเคราะห์สังหารนานัปการถล่มใส่หลินสวินแน่
ต่อให้หลินสวินสลายภัยร้าย ปลีกตัวหนีจากเคราะห์สังหารและเข้าสู่หอบรรพจารย์ลัทธิแรกกำเนิดได้สำเร็จ แต่สิ่งที่รอเขาอยู่ยังมีการแก้แค้นจากจวงซื่อหลิวอีก!
ด้วยฐานะผู้ดูแลหอแรกพิสุทธิ์ของจวงซื่อหลิว อำนาจที่เขาครอบครองมีหรือจะเป็นสิ่งที่หลินสวินต้านทานได้
‘แม้ว่าปี้ป๋อจะไม่ปราดเปรื่องเหมือนซื่อหลิว แต่การตอบสนองและวิธีการในครั้งนี้กลับไม่เลว ไม่ได้ทำให้ข้าผิดหวัง’
จวงหลงเซี่ยงลอบพยักหน้า
…
เมืองจันทร์เหมันต์
เมืองใหญ่ที่เจริญรุ่งเรืองและเลื่องชื่อลือนามแห่งหนึ่งในเขตแดนใจกลาง
เรือนเมฆปรก
ร้านหลอมอาวุธธรรมดาทั่วไปแห่งหนึ่งในเมืองจันทร์เหมันต์ ตั้งอยู่ในส่วนลึกของตรอกที่ห่างไกล
ความจริงแล้วแม้ตรอกนี้จะลับตาคน แต่ไม่ได้อ้างว้าง มีร้านค้าเล็กใหญ่กระจายอยู่หลายสิบแห่ง มีทั้งร้านสมุนไพร หอสุรา โรงน้ำชา… หลากหลายประเภท
ช่วงนี้เรือนเมฆปรกอยู่ในสถานะพักกิจการมาตลอด ประตูร้านปิดสนิท
ในเรือนเมฆปรก ส่วนลึกของบ่อเก่าแก่ที่เต็มไปด้วยตะไคร่เขียวแห่งหนึ่ง
เมื่อห้วงอากาศเกิดคลื่นสะเทือน เงาร่างของจวินหวนกับหลินสวินปรากฏออกมา
กระทั่งเดินออกมาจากบ่อเก่าแก่ เห็นลานเรือนเรียบง่ายโบราณแห่งนี้ หลินสวินอึ้งไปอย่างอดไม่ได้ “ศิษย์พี่ ที่นี่คือที่ไหน”
“เมืองจันทร์เหมันต์ นับตั้งแต่ปีนั้นยามมาถึงน่านฟ้าที่เจ็ดพร้อมพวกศิษย์พี่ใหญ่ ก็เก็บตัวจำศีลอยู่ที่นี่”
จวินหวนกล่าวง่ายๆ
หลินสวินมึนงง “ที่นี่อยู่ห่างจากแดนมงคลไผ่เขียวแค่ไหน”
“อย่างน้อยก็ต้องห่างกันหนึ่งล้านลี้กระมัง”
จวินหวนยิ้มกล่าว “เจ้าน่ะ อย่าห่วงว่าคนตระกูลจวงพวกนั้นจะตามมาเลย ยันต์หยกที่ข้าใช้เมื่อครู่คืออะไรรู้ไหม มันมีนามว่า ‘ใกล้ดุจไร้ช่องว่าง’ ภายในแฝงพลังระเบียบแห่งห้วงอากาศระดับสวรรค์ขั้นเก้าที่น่าอัศจรรย์ไว้ ขอเพียงใช้มัน ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนในเขตแดนใจกลางนี้ ล้วนถูกเคลื่อนย้ายมาที่นี่ได้ในพริบตา”
หลินสวินไหวหวั่น ในที่สุดก็เข้าใจว่าก่อนหน้านี้ที่แดนมงคลไผ่เขียว ทำไมพวกเขาถึงหนีมาได้อย่างง่ายดายเช่นนั้น
ที่แท้ยันต์หยกสีดำนั่นก็เป็นสมบัติชั้นยอดชิ้นหนึ่ง!
“เอ้า ยันต์ใกล้ดุจไร้ช่องว่างนี้เจ้าเก็บไว้ให้ดี ในมือข้าก็มีไม่มากแล้ว”
จวินหวนส่งยันต์หยกสีดำให้หลินสวิน “ตอนนั้นยามศิษย์พี่ใหญ่พาพวกเรามาถึงน่านฟ้าที่หก ได้กำราบ ‘ระเบียบใกล้เพียงเอื้อม’ โดยบังเอิญ จากนั้นมีศิษย์พี่สามลงมือหลอมระเบียบใกล้เพียงเอื้อมนี้ สุดท้ายจึงหลอมยันต์ใกล้ดุจไร้ช่องว่างได้เจ็ดสิบกว่าชิ้นและแบ่งให้ทุกคน”
นางพูดพลางชี้บ่อเก่าแก่ข้างกายแล้วกล่าว “ส่วนต้นกำเนิดของระเบียบใกล้เพียงเอื้อมก็ถูกผนึกอยู่ใต้บ่อเก่าแก่แห่งนี้”
คราวนี้หลินสวินจึงเข้าใจกระจ่าง
เขาเก็บยันต์ใกล้ดุจไร้ช่องว่างลงไปอย่างระวังแล้วยิ้มพูด “ศิษย์พี่ ถ้ารู้แต่แรกว่าท่านมีสมบัติเช่นนี้ ก่อนหน้านี้ตอนอยู่แดนมงคลไผ่เขียวก็น่าจะก่อเรื่องใหญ่สักรอบ”
จวินหวนกลอกตาใส่แล้วกล่าว “เจ้าอย่าดูถูกตระกูลจวงนัก หากสู้กันให้ตายไปข้างจริง ด้วยฝีมือของพวกเราสองคนใช่ว่าจะสลัดวงล้อมออกมาได้โดยง่ายเช่นนี้”
นางพูดพลางพาหลินสวินเดินเข้าไปในโถงหลักของเรือน
ลานเรือนนี้ดูเหมือนมีพื้นที่ไม่มาก แต่ความจริงแล้วภายในคล้ายมีฟ้าดินอีกแห่ง ราวกับแดนลับคดเคี้ยว มหัศจรรย์ยิ่งนัก
เมื่อเดินเข้าไปในโถงหลัก เบื้องหน้าหลินสวินพลันพร่าเลือน จากนั้นก็ปรากฏตัวกลางฟ้าดินที่เงียบสงบร่มเย็นแห่งหนึ่ง เขาเขียวน้ำใส ต้นไม้ใบหญ้าส่งกลิ่นหอมอบอวล สิ่งปลูกสร้างมากมายกระจายอยู่ในพื้นที่ต่างๆ
จากคำพูดของจวินหวน ตอนนั้นผู้สืบทอดคีรีดวงกมลอย่างพวกเขาก็จำศีลอยู่ที่นี่
“ศิษย์น้องเล็ก ตอนนี้ศิษย์พี่คนอื่นล้วนไม่อยู่ ก่อนที่หอบรรพจารย์ลัทธิแรกกำเนิดจะเปิดรับผู้สืบทอด เจ้ากับข้าก็พักอยู่ที่นี่ด้วยกันชั่วคราวเป็นอย่างไร”
จวินหวนพูดพลางขยิบตาคู่งามใส่หลินสวิน เสียงนุ่มนวลมีเสน่ห์ “หรือพูดได้ว่าช่วงเวลาต่อจากนี้ พวกเราชายโสดหญิงโดดเดี่ยวก็ร่วมชายคาเดียวกันแล้ว”
กลิ่นอายเกี้ยวพาเต็มเปี่ยม!
หลินสวินคุ้นชินกับวิธีการพูดของศิษย์พี่คนนี้แล้ว เขาเปลี่ยนประเด็นสนทนาอย่างชาญฉลาด “ศิษย์พี่ ท่านคิดจะจัดการกับจวงซิวอู่นั่นอย่างไร”
“ฆ่าทิ้งซะ”
จวินหวนกล่าวง่ายๆ “พวกที่ข้าชิงชังที่สุดในชีวิตก็คือพวกเนรคุณ ตระกูลจวงนี่ไม่ใช่แค่ไม่สำนึกบุญคุณ แต่ยังตอบแทนคุณด้วยความแค้น ในเมื่อเป็นเช่นนี้จะเก็บเจ้าเฒ่านั่นไว้ทำไม”
นางในตอนนี้ทำให้หลินสวินนึกถึงคำยกย่องว่า ‘ชั่วขณะมรรคว่างเปล่า มรรคกระบี่สุดแพรวพราว’ ขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ ช่างสมชื่อจริงๆ!
นับจากวันนี้จวินหวนกับหลินสวินหยุดพักอยู่ในเรือนเมฆปรก
ภายหลังหลินสวินจึงรู้ว่านาม ‘เรือนเมฆปรก’ มีนัยมาจาก ‘ฟ้าหลังฝนย่อมสดใสเสมอ’ สื่อถึงความตั้งใจอย่างหนึ่งที่ผู้สืบทอดคีรีดวงกมลล้วนมี…
ช้าเร็วต้องมีสักวันที่ล้มล้างสิบยักษ์ใหญ่อมตะแห่งน่านฟ้าที่แปด!
ไม่กี่วันหลังจากหลินสวินกับจวินหวนมาถึงเรือนเมฆปรกในเมืองจันทร์เหมันต์
มีข่าวหนึ่งแพร่ออกมา ปั่นป่วนน่านฟ้าที่เจ็ด…
หลินสวินเศษเดนคีรีดวงกมลปรากฏตัวในน่านฟ้าที่เจ็ดแล้ว ทั้งจะเข้าร่วมการคัดเลือกอย่างเป็นทางการของหอบรรพจารย์ลัทธิแรกกำเนิดด้วย!
หินก้อนเดียวก่อเกิดคลื่นพันชั้น เสียงฮือฮาและตกตะลึงนับไม่ถ้วนดังตามมา
“ถึงตอนนี้หลินสวินนี่ยังไม่ประสบเคราะห์ เขาจะแข็งแกร่งเกินไปแล้วกระมัง”
ใครก็คิดไม่ถึงว่าหลินสวินที่ก่อเรื่องจนเป็นที่จับตามองในใต้หล้า ถูกขุมอำนาจอมตะนับไม่ถ้วนมองเป็นศัตรูในช่วงหลายปีนี้ ถึงกับมีชีวิตรอดจากน่านฟ้าที่หนึ่งมาถึงน่านฟ้าที่เจ็ดได้
สิ่งนี้อยู่เหนือความคาดหมายของทุกคน
“หมอนี่ไม่ใจกล้าเกินไปหน่อยหรือ ยังคิดเข้าไปในหอบรรพจารย์ลัทธิแรกกำเนิดอีก ไม่ห่วงว่าเมื่อร่องรอยเปิดเผยแล้วจะดึงดูดหายนะถึงตายมารึ”
ทั้งมีคนมากมายตกใจและยากจะเชื่อ
“ตอนนี้หลินสวินนี่อยู่ที่ไหน”
“ใครจะรู้ ต้องซ่อนตัวอยู่แน่ๆ”
“แต่ขอแค่เขากล้าปรากฏตัวในการคัดเลือกของหอบรรพจารย์ลัทธิแรกกำเนิด ก็ต้องตกเป็นเป้าโจมตีแน่!”
ทุกเสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังขึ้นในเขตแดนใจกลางและสี่เขตแดนดาราใหญ่แห่งน่านฟ้าที่เจ็ดไม่หยุด
กล่าวสรุปโดยง่ายคือ การปรากฏตัวของหลินสวินก่อให้เกิดคลื่นถาโถมโหมกระหน่ำคราหนึ่งจริงๆ ดึงดูดความสนใจจากสายตานับไม่ถ้วนในน่านฟ้าที่เจ็ด!
หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น ถึงขั้นว่าเป็นระดับอมตะ เกรงว่าคงก่อให้เกิดการเคลื่อนไหวใหญ่เช่นนี้ไม่ได้
แต่หลินสวินไม่เหมือนกัน
ตั้งแต่อยู่นอกแดนลับทวยเทพของแดนใหญ่พันศึก ชื่อเสียงความร้ายกาจของเขาก็แพร่มาถึงโลกยอดนิรันดร์แล้ว ช่วงหลายปีมานี้เขายังเปิดฉากพายุโลหิตตลอดทางตั้งแต่น่านฟ้าที่หนึ่ง ก่อให้เกิดความปั่นป่วนนับไม่ถ้วน
ไม่คิดให้คนสนใจยังยากนัก
สำหรับตระกูลจวง นี่ก็คือสิ่งที่พวกเขาอยากเห็น
คลื่นลมที่หมายหัวหลินสวินครานี้ก่อเกิดแล้ว ดาบในมือศัตรูพวกนั้นจะฟันลงมาเมื่อใด
จวงปี้ป๋อกำลังเฝ้ารอ
ทั้งตระกูลจวงล้วนคาดหวัง
…………………..