Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2688 วังกระบี่หมื่นยอด
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 2688 วังกระบี่หมื่นยอด
ทะเลหมื่นดารา
คลื่นลมกว้างใหญ่ ประหนึ่งไร้ขอบเขต
ดวงดาวนับหมื่นแสนราวกับฝังประดับบนท้องนภา ประกายแสงเจิดจรัส ขับเน้นให้น่านน้ำปริศนาแถบนี้คล้ายแดนพิสุทธิ์อมตะแห่งหนึ่ง
ที่นี่ถูกพลังระเบียบลึกลับปกคลุมเหมือนเขตผนึกมานานปี
ด้วยครั้งนี้งานชุมนุมรับผู้สืบทอดของหอบรรพจารย์ลัทธิแรกกำเนิดใกล้จัดขึ้น น่านน้ำแถบนี้จึงเลิกม่านปริศนาที่ปกคลุมนั้นออก
ฟุ่บ!
ยานสมบัตินำหลินสวินกับจวินหวนทะลวงผ่านอากาศ
ระหว่างทางล้วนพบเห็นรุ้งเทพแสงเคลื่อนไหวที่เปล่งประกายเจิดจรัสได้ทั่วไป บ้างขี่ปักษาเทพ บ้างควบคุมแสงสมบัติ บ้างเท้าเหยียบเมฆมงคล บ้างนั่งรถศึกสำริด…
รุ้งเทพดุจสายฝน แสงประกายพวยพุ่ง กลายเป็นภาพอึกทึกครึกครื้นในน่านน้ำปริศนาแถบนี้ทันที
แต่ผู้ฝึกปราณส่วนใหญ่ล้วนมาด้วยความเลื่อมใสศรัทธาในชื่อเสียง แค่มาร่วมสนุกเท่านั้น
พวกเขาไม่มีคุณสมบัติเข้าร่วมงานชุมนุมคัดเลือกผู้สืบทอดของหอบรรพจารย์ลัทธิแรกกำเนิดโดยสิ้นเชิง
“โห! นี่ก็คือทะเลหมื่นดาราหรือ!?”
“สวรรค์ พวกเจ้ารีบดูเร็ว บนผืนฟ้ากว้างนั่นมีหมื่นดาราล้อมรอบ ประกายดาราที่แผ่พลิ้วควบรวมมาจากกลิ่นอายมหามรรคดั้งเดิมที่บริสุทธิ์ที่สุด!”
“ชู่ว! เจ้าเบาเสียงหน่อยได้ไหม อย่าให้คนอื่นมองพวกเราเป็นคนป่า!”
คลื่นเสียงอึกทึกดังต่อเนื่องเป็นระลอกตลอดทาง
ผู้ฝึกปราณเกือบทั้งหมดล้วนเหมือนหลินสวินกับจวินหวน เพิ่งเคยมาทะเลหมื่นดาราเป็นครั้งแรก เมื่อเห็นน่านน้ำอัศจรรย์แห่งนี้ แค่คิดก็รู้ถึงความตกตะลึงในใจแล้ว
หลินสวินกับจวินหวนมุ่งหน้าต่อไปโดยไม่รอช้า
หลังผ่านไปหนึ่งก้านธูป
เมืองใหญ่เก่าแก่ใต้เวิ้งฟ้าที่ลอยเหนือทะเลหมื่นดาราแห่งหนึ่งปรากฏอยู่ในสายตา
เมืองนี้ช่างเหมือนแผ่นดินลอยได้ อาบไล้ใต้แสงหมื่นดารา กำแพงเมืองเก่าแก่ราวหล่อจากทองเทพ แผ่กลิ่นอายศักดิ์สิทธิ์น่าครั่นคร้ามออกมา
เมืองเทพหมื่นยอด!
สถานที่รับสมัครผู้สืบทอดแห่งลัทธิแรกกำเนิด ตั้งอยู่ในเมืองเทพเก่าแก่ที่สูงตระหง่านโดดเด่นแห่งนี้
“ได้ยินว่าเมืองเทพหมื่นยอดนี้สร้างขึ้นโดยบรรพจารย์รุ่นแรกของลัทธิแรกกำเนิด แค่ประเภทของวัตถุอมตะที่ใช้ก็มีมากนับหมื่น ได้รับการกล่าวขานว่าเป็นเมืองอันดับหนึ่งแห่งน่านฟ้าที่เจ็ด ตอนนี้ดูท่าว่าสมคำร่ำลือดังคาด”
จวินหวนทอดถอนใจ
นางเก็บยานสมบัติลงไป มุ่งหน้าไปทางเมืองเทพหมื่นยอดที่อยู่ใต้เวิ้งฟ้านั่นพร้อมหลินสวิน
เพิ่งเข้าสู่ประตูเมืองก็เห็นฝูงชนเบียดเสียดแน่นขนัด สวนกันไปมาบนถนนสายหลักดุจสายน้ำไหล ผู้คนพลุกพล่าน ดูคึกคักรุ่งเรืองเป็นอย่างยิ่ง
บนผืนฟ้ากว้างมีแสงเทพมากมายลอยล่อง สีสันงดงามแปลกตา แสงประกายอบอวลส่องสะท้อนทั่วทั้งเมือง เมื่อยืนอยู่ในเมืองนี้ ยามหายใจล้วนเต็มไปด้วยกลิ่นอายมหามรรคดั้งเดิมที่บริสุทธิ์หนาแน่น!
ทุกอย่างในนี้ดูเหมือนเมืองวุ่นวายเปี่ยมโลกีย์ แต่ความจริงแล้วเป็นยอดแดนมงคลชั้นเลิศกลางทะเลหมื่นดารา เมื่ออยู่ภายในนั้น ต่อให้เทียบด้วยประสบการณ์ของหลินสวิน ในใจก็ลอบตกตะลึงไม่หยุดอย่างอดไม่ได้
เหตุผลนั้นง่ายมาก ด้านหนึ่งคือด้วยบรรยากาศของเมืองเทพหมื่นยอดนั้นสง่างาม ใช่ว่าเมืองทั่วไปจะเทียบได้
แต่สิ่งสำคัญกว่าคือชั่วพริบตาที่เขาก้าวเข้ามาในเมืองนี้ ก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายลึกลับชวนประหวั่นอย่างน้อยไม่ต่ำกว่าร้อยสาย!
กลิ่นอายแต่ละสายอย่างน้อยมีพลังปราณระดับอมตะ!
นี่ยังเป็นแค่สิ่งที่หลินสวินสัมผัสได้ในตอนนี้ หากนับรวมเหล่าระดับอมตะที่ซ่อนตัวอยู่ด้วย เกรงว่าจำนวนคงมากกว่านี้
‘ที่นี่จะเป็นสถานที่ตั้งตัวอย่างแท้จริงของข้าหลินสวินยามอยู่โลกยอดนิรันดร์!’
มองท้องถนนที่เจริญรุ่งเรืองดั่งวารีนั่น สัมผัสกลิ่นอายผู้แข็งแกร่งที่อบอวลทั่วสารทิศ แววตาลุ่มลึกของหลินสวินนิ่งสงบ กำหมัดแน่นเงียบๆ
“เข้ามาในเมืองนี้ก็เท่ากับเข้าสู่อาณาเขตของหอบรรพจารย์ลัทธิแรกกำเนิด ต่อให้พวกเราเปิดเผยฐานะก็ไม่มีใครกล้าลงมือที่นี่”
จวินหวนเอ่ยเสียงเบา “ไปเถอะ พวกเราไปกลางเมืองก่อน ถ้าอยากเข้าร่วมการคัดเลือก อันดับแรกต้องไปรับป้ายยืนยัน”
นางพูดพลางพาหลินสวินเดินไปข้างหน้า
“ดูสิ นั่นราวกิเลนทองในตำนาน ทั้งตัวดุจหล่อจากทอง แสงเทพสาดส่อง กลิ่นอายน่ากลัวจริงๆ!”
“เล่าลือกันว่ากิเลนทองเป็นสัตว์เทพพิทักษ์ตระกูลตงหวงแห่งน่านฟ้าที่แปด คิดไม่ถึงว่าจะได้เจอที่นี่…”
กลางอากาศมีกิเลนเปล่งแสงทองหมื่นจั้งตัวหนึ่งห้อตะบึงผ่าน ร่างกายดั่งขุนเขา ขนผิวเรียบเนียน แผ่แสงเทพสีทองงามตระการ ก่อให้เกิดเสียงฮือฮาระลอกหนึ่ง
‘ตระกูลตงหวง…’ หลินสวินทอดสายตามองไป ก็เห็นว่าบนหลังกิเลนทองนั้นมีเงาร่างกลุ่มหนึ่ง เห็นชัดว่านั่นคือผู้แข็งแกร่งของตระกูลตงหวง
ทันใดนั้นกลางอากาศมีคลื่นสะเทือนชวนประหวั่นมาเยือน ปักษาเซียนปีกฉูดฉาดตัวหนึ่งถลาร่อนผ่านอากาศ แบกคนกลุ่มหนึ่งไว้เช่นกันราวม้าศึกชั้นดีหาใดเปรียบ
“วิหคชาด! สวรรค์ นี่คือสัตว์เทพวิหคชาดเลือดบริสุทธิ์ตัวหนึ่ง เป็นเทพแห่งไฟโดยกำเนิด!”
“นั่นคือปักษาเทพพิทักษ์ตระกูลของยักษ์ใหญ่อมตะตระกูลฉี!”
ในเมืองมีเสียงร้องอุทานมากมายดังขึ้น
โฮก…
ไม่ทันไรเสียงคำรามดุจฟ้าร้องสะเทือนนภากว้าง ยามวิหคชาดจากไปไม่นาน สัตว์เทพที่ทั้งตัวขาวบริสุทธิ์ สี่เท้าดุจสีหมึก หัวเป็นสิงห์หนวดมังกร ทั่วร่างมีแสงมงคลนับหมื่นพันเหยียบห้วงอากาศมา
“นะ นี่… นี่คือผีซิว!?”
“ต้องใช่แน่แล้ว นี่คือสัตว์เทพพิทักษ์ตระกูลของตระกูลจงหลี”
บนถนนสายหลักเสียงฮือฮาดังขึ้นอีกระลอก
ผีซิวคือสัตว์มงคลโดยกำเนิด เป็นสัญญาณแห่งความมิ่งมงคล สามารถนำโชคลาภมาสู่ตระกูลได้ ตอนนี้ถึงกับกลายเป็นพาหนะแบกคนกลุ่มหนึ่งห้อตะบึงมา
สายตาหลินสวินมองทุกเหตุการณ์เงียบๆ ทั้งไม่มีคลื่นความรู้สึกเท่าไรนัก
ยามมุ่งหน้ามาทะเลหมื่นดารา เขาก็รู้แล้วว่าสี่ยักษ์ใหญ่อมตะอย่างตระกูลตงหวง ตระกูลฉี ตระกูลจงหลี ตระกูลมู่จะเข้าร่วมการคัดเลือกผู้สืบทอดแห่งลัทธิแรกกำเนิดครั้งนี้ด้วย
ตลอดทางที่มุ่งไปเบื้องหน้า มีปักษาเซียนสัตว์เทพมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งหมดล้วนน่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง บ้างแข็งแกร่งถึงขั้นอาศัยเพียงกลิ่นอายก็ทำให้คนใจสั่นสะท้าน
เปรียบเทียบกับพวกที่นั่งสัตว์ประหลาดปักษาเซียนมาแล้ว หลินสวินกับจวินหวนดูไม่สะดุดตานัก ไม่มีแม้แต่สัตว์เซียนเป็นพาหนะ
แต่ทั้งสองคนไม่สนใจเรื่องพวกนี้โดยสิ้นเชิง
หนึ่งถ้วยชาผ่านไป สิ่งปลูกสร้างรูปกระบี่เฉพาะตัวหลังหนึ่งปรากฏอยู่กลางเมือง
มองจากไกลๆ สิ่งปลูกสร้างนี้เหมือนกระบี่เทพสูงเสียดฟ้าเล่มหนึ่ง ฐานอาคารเป็นแนวดิ่งเหมือนด้ามกระบี่ เหนือขึ้นไปเป็นหอสูงหลายชั้นคล้ายตัวกระบี่
วังกระบี่หมื่นยอด!
โดยทั่วไปมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิที่เข้าร่วมการคัดเลือก ล้วนต้องลงทะเบียนที่วังกระบี่หมื่นยอดเพื่อรับป้ายยืนยัน
เวลานี้หน้าวังกระบี่หมื่นยอด แม้บนลานมรรคที่กว้างใหญ่นั้นจะว่างเปล่า แต่รอบลานมรรคเบียดเสียดไปด้วยผู้คนนานแล้ว
สัตว์เทพอย่างกิเลนทองของตระกูลตงหวง วิหคชาดของตระกูลฉี ผีซิวของตระกูลจงหลีล้วนอยู่ในนั้นทั้งสิ้น
เมื่อกวาดสายตามองไป มีลานมรรคหน้าวังกระบี่หมื่นยอดเป็นศูนย์กลาง พวกที่ยึดครองตำแหน่งที่ดีที่สุดในบริเวณใกล้เคียงนั้น ล้วนเป็นขุมอำนาจอมตะที่ชื่อเสียงสะเทือนใต้หล้า
ต่อให้ไม่พูดถึงสี่ยักษ์ใหญ่อมตะแห่งน่านฟ้าที่แปดนั่น ขุมอำนาจชั้นยอดจากสิบสองถ้ำสวรรค์อย่างสี่ตระกูลตงหวง ตระกูลตู๋กู ตระกูลโจว ตระกูลหลิ่วเซียง รวมถึงขุมอำนาจอมตะที่มาจากสามสิบหกแดนมงคลอย่างตระกูลจวงก็พบเห็นได้ทั่วไป
ในแต่ละขุมอำนาจล้วนมีระดับอมตะดูแล แค่กลิ่นอายที่แผ่ออกมาจากตัวพวกเขา ล้วนกดดันจนผู้ฝึกปราณคนอื่นไม่กล้าเข้าใกล้โดยสิ้นเชิง
เมื่อเงาร่างของหลินสวินกับจวินหวนเพิ่งมาถึง เสียงแหบชราหนึ่งก็ดังขึ้นในที่นั้น…
“ผู้สืบทอดคีรีดวงกมลที่แต่ก่อนมุดหัวหลบหนีเหมือนหนู ตอนนี้กลับกล้าปรากฏตัวในเมืองเทพหมื่นยอดนี้ นี่อยู่เหนือความคาดหมายของข้าจริงๆ”
เสียงพูดนี้ไม่ดัง แต่กลับสะท้อนทั่วบริเวณอย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง กลบทุกเสียงพูดคุย
ทั่วบริเวณนี้ล้วนเงียบสงัด
จากนั้นทุกคนก็เห็นว่าผู้พูดคือชายชราร่างสูงใหญ่ที่ผมหนวดดุจหิมะ สวมเกี้ยวประดับสูงคนหนึ่ง ยืนอยู่ข้างกิเลนทองสัตว์เทพของตระกูลตงหวง
ตงหวงฉยง!
เฒ่าดึกดำบรรพ์ขั้นดับเทพสมบูรณ์คนหนึ่งในตระกูลตงหวง!
เมื่อมองตามสายตาเขาไป ทุกคนก็เห็นหลินสวินกับจวินหวน
“หลินสวิน! ผู้ร้ายใจกล้าเหิมเกริมนี่ถึงกับมาจริงๆ!”
ในที่นั้นเกิดความไม่สงบ ผู้คนนับไม่ถ้วนประหลาดใจ เผยสีหน้ายากจะเชื่อ แม้แต่เผ่าจักรพรรดิอมตะพวกนั้นต่างก็ไหวหวั่น แววตาวูบไหวไม่หยุด
หากเปลี่ยนเป็นมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิคนอื่น คงไม่มีทางดึงดูดความสนใจมากมายได้อย่างสิ้นเชิง ด้วยบริเวณใกล้วังกระบี่หมื่นยอดตอนนี้ มกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิมาเป็นกลุ่ม ระดับอมตะยิ่งมีมากมาย ทำให้ผู้คนสับสนตาลาย ใครจะไปสนใจมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิคนหนึ่งอย่างจริงจัง
แต่หลินสวินต่างออกไป
เจ้าหนุ่มคนนี้เหมือนตำนานที่ยังไม่ตาย เริ่มประกาศศักดาจากแดนใหญ่พันศึกจนถึงปัจจุบัน ตลอดทางเขาเข่นฆ่านองเลือดถึงน่านฟ้าที่เจ็ด รอดมาได้เหมือนปาฏิหาริย์ครั้งแล้วครั้งเล่า ทำให้โลกยอดนิรันดร์ปั่นป่วนเพราะเขาไม่รู้กี่ครั้ง
สามปีก่อนหลังจากข่าวที่หลินสวินปรากฏตัวในน่านฟ้าที่เจ็ด ทั้งจะเข้าร่วมการคัดเลือกของหอบรรพจารย์ลัทธิแรกกำเนิดแพร่ออกไป ก็ยิ่งเป็นที่จับตามองในใต้หล้า
แต่ใครก็คิดไม่ถึงว่าผู้สืบทอดคีรีดวงกมลคนนี้จะกล้ามาจริงๆ!
ในลานอึกทึกครึกโครมทันที เกือบทุกสายตาล้วนมองหลินสวินกับจวินหวนกันพรึ่บพรั่บ
“คนข้างกายเขาเป็นใคร”
“ชั่วขณะมรรคว่างเปล่า มรรคกระบี่สุดแพรวพราว นอกจากผู้สืบทอดคีรีดวงกมลจวินหวนแล้วยังมีใครได้อีก”
ขณะเดียวกันฐานะจวินหวนก็ถูกขุมอำนาจใหญ่พวกนั้นมองออก ก่อให้เกิดความปั่นป่วนไม่น้อย
หลินสวินและจวินหวนที่กลายเป็นจุดสนใจของทุกคนในชั่วขณะเดียวกลับดูนิ่งสงบนัก เดิมทุกอย่างนี้ก็อยู่ในการคาดเดาของพวกเขา
ความจริงแล้วตั้งแต่ออกเดินทางจากเมืองจันทร์เหมันต์กระทั่งมาถึงเมืองเทพหมื่นยอดในยามนี้ ทั้งสองคนไม่ได้ปิดบังและซ่อนฐานะแต่แรก ไม่เคยแม้แต่อำพรางและเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์
ไม่มีเหตุผลอื่นใดนอกจาก
ไม่จำเป็น
สุดท้ายคนที่อยากเข้าร่วมการคัดเลือกผู้สืบทอดแห่งลัทธิแรกกำเนิดก็ต้องเปิดเผยฐานะ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ทำไมต้องปิดบังเกินจำเป็นด้วย
“ศิษย์น้องเล็ก เจ้าดูเจ้าเฒ่านั่น เขาชื่อตงหวงฉยง มีพลังปราณขั้นดับเทพสัมบูรณ์ บรรพชนของพวกเขาตระกูลตงหวงเคยถูกอาจารย์ของพวกเราระเบิดศีรษะในหมัดเดียว”
จวินหวนเหลือบมองตงหวงฉยงเล็กน้อย เสียงรื่นหูดังก้องทั่วลาน “ตอนนี้เขาถึงกับว่าพวกเราเป็นหนูอย่างหน้าไม่อาย เจ้าว่าน่าขันหรือไม่”
หลินสวินยิ้มกล่าว “น่าขันเป็นอย่างยิ่ง”
ตงหวงฉยงขมวดคิ้ว สีหน้าอึมครึมขึ้นมา
ทุกคนในที่นั้นมองหน้ากันเลิ่กลั่ก ในใจล้วนไม่วายตกตะลึง ตงหวงฉยงเป็นตัวแทนของยักษ์ใหญ่อมตะตระกูลตงหวงแห่งน่านฟ้าที่แปด หน้าวังกระบี่หมื่นยอดยามนี้ เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในบุคคลที่น่าจับตามองและทำให้คนยำเกรงที่สุด
แต่ตอนนี้ไม่ใช่แค่ตงหวงฉยงที่ถูกเยาะเย้ย แม้แต่ตระกูลตงหวงเบื้องหลังเขายังถูกถากถางด้วย!
“เจ้าแห่งคีรีดวงกมลตายแล้ว พวกเจ้าผู้สืบทอดคีรีดวงกมลก็เหมือนเศษเดนของโลก เป็นผีร่อนเร่ หากหลายปีนี้ไม่เอาแต่มุดหัวมุดหางไม่กล้าเผยร่องรอย มีหรือจะรอดมาถึงตอนนี้”
ทันใดนั้นเสียงหนึ่งดังขึ้นอีกครั้ง คลุมเครือเย็นชา แฝงความน่าเกรงขามยิ่งใหญ่ที่สะกดผู้คน
หญิงชุดดำที่อยู่ข้างปักษาเทพวิหคชาด มวยผมขาว รูปร่างงามเยียบเย็นคนหนึ่งเอ่ยปากแล้ว
………………..