Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2694 เหตุใดเขาจึงเมตตาเช่นนี้
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 2694 เหตุใดเขาจึงเมตตาเช่นนี้
สมรภูมิหมื่นยอด
เห็นเงาร่างผ่าเผยนั่นไกลๆ มกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิทั้งห้าคนเผยสีหน้าประหลาด
หลินสวิน!
ถึงกับเป็นเจ้าหมอนี่!
ตั้งแต่ก่อนเข้าสู่การทดสอบ ทั้งห้าคนก็แอบผูกพันธมิตรกันผ่านความสัมพันธ์ระหว่างขุมอำนาจ และติดต่อกันได้ในทันทีที่เข้าสู่สมรภูมิหมื่นยอด โดยเพิ่งรวมตัวกันได้ไม่นาน
ไม่เคยคิดว่าจะบังเอิญมาเจอหลินสวินเช่นนี้!
“ทุกคน นี่เป็นปลาตัวโต ในเมื่อถูกพวกเราเจอแล้วจะให้เขาหนีไปไม่ได้”
ชายชุดเพลิงที่เป็นผู้นำเลียริมฝีปาก ในดวงตามีไอสังหารพลุ่งพล่าน
“หึๆๆ ก็ควรเป็นเช่นนั้น”
มีคนยิ้มขึ้นมา หมายจะลงมือเต็มที
โลกยอดนิรันดร์ในตอนนี้ ชื่อเสียงของหลินสวินถึงขั้นกลบระดับอมตะส่วนใหญ่ได้ ทำให้คนในระดับเดียวกันอย่างพวกเขาดูหม่นแสง
หากสามารถทำให้เศษเดนคีรีดวงกมลที่ร้ายกาจคนนี้ถูกคัดออก ไม่ต้องคิดก็รู้ว่าชื่อเสียงของพวกเขาทั้งห้าจะดังทะยานยิ่งยวด!
“เร็วเข้า เจ้าหมอนี่จะหนีแล้ว!”
ทันใดนั้นชายหล่อเหลาคนหนึ่งร้องตะโกน
ไกลออกไปหลินสวินหมุนตัวจะจากไป การกระทำนี้เหมือนกำลังบอกทั้งห้าคนว่าเขาหนีเพราะกลัว
“ตามไป! จะปล่อยเขาไปไม่ได้เด็ดขาด!”
ชายชุดเพลิงที่เป็นผู้นำตะโกน เคลื่อนย้ายผ่านห้วงอากาศตามไปอย่างดุดัน
คนอื่นๆ อีกสี่คนจะกล้ารอช้าได้อย่างไร แต่ละคนล้วนว่องไว กลัวเพียงว่าปลาใหญ่อย่างหลินสวินจะหนีไปได้
โลกภายนอก
ยามเห็นภาพนี้ เซียวเหวินหยวนเองยังพูดไม่ออก ตบหน้าผากหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก
เขาจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าเพราะหลินสวินไว้หน้าหอบรรพจารย์ลัทธิแรกกำเนิดของพวกเขา จึงไม่ได้ลงมือกับมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิทั้งห้าที่ไม่ได้มีความแค้นต่อกัน
ไหนเลยจะคาด ห้าคนนี้กลับคิดว่าหลินสวินรังแกได้ง่าย ไล่ตามไปอย่างโง่เขลา!
หลีเจินที่เงียบมาตลอดตอนนี้อดเผยรอยยิ้มประหลาดไม่ได้ พึมพำเบาๆ “รนหาที่ตายเอง โทษคนอื่นไม่ได้”
และตอนนี้ขุมอำนาจอมตะที่อยู่เบื้องหลังมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิห้าคนนั้นต่างลนลาน หลายคนโกรธจนตะคอกอย่างเดือดดาล
“เจ้าโง่พวกนี้! แต่ละคนโง่ยิ่งกว่าหมูเสียอีก!”
“เหตุใดพวกเขา… จึงโง่ขนาดนี้ อุตส่าห์หลบเคราะห์มาได้ครั้งหนึ่งแล้ว ตอนนี้กลับดีนัก วิ่งเข้าหาเองถึงที่!”
“ข้าเพียงหวังว่าหลินสวินจะหนีไปได้ไวสักหน่อย อย่าให้พวกโง่นั่นตามมาทัน…”
ผู้ยิ่งใหญ่ขุมอำนาจอมตะทั้งห้าล้วนสีหน้าเหมือนจะร้องไห้
จะโทษที่พวกเขาเสียอาการก็ไม่ได้ การรับผู้สืบทอดของหอบรรพจารย์ลัทธิแรกกำเนิดครั้งนี้ล้ำค่าเกินไปจริงๆ เมื่อเห็นว่าลูกหลานของตระกูลตนไปรนหาที่ตาย พวกเขาจะไม่ร้อนใจได้อย่างไร
เสียงหัวเราะเกรียวกราวระลอกหนึ่งดังขึ้นในที่นั้น สถานการณ์ในตอนนี้เร้าอารมณ์เกินไปแล้ว
“ทุกท่านโปรดระงับโทสะ ผู้ชมอย่างพวกเราเห็นสถานการณ์ชัด รู้ว่าพลังต่อสู้ของหลินสวินเย้ยฟ้า น่ากลัวเหนือจินตนาการ แต่สหายน้อยห้าคนนั้นไม่รู้เรื่องพวกนี้ พวกเขาตั้งใจไปเล่นงานหลินสวิน เรียกได้ว่าเป็นความกล้าน่าชื่นชม…”
เฒ่าดึกดำบรรพ์คนหนึ่งกล่าว ขณะพูดก็เกือบกลั้นขำไม่อยู่ รีบปิดปากไป
เสียงหัวเราะดังขึ้นในที่นั้นอีกระลอก ทำให้บรรยากาศวุ่นวายอลม่าน
ทั้งหมดนี้อยู่ในสายตาพวกขุมอำนาจที่มองหลินสวินเป็นศัตรูเหล่านั้น ทำให้ในใจพวกเขารู้สึกไม่ดี
ตงหวงฉยงหัวเราะเยาะ “หึ! มีอะไรน่าขำ หากศักยภาพแข็งแกร่ง ต่อให้ตามไปแล้วจะกลัวเศษเดนคีรีดวงกมลนี่ทำไม”
ประโยคเดียวทำให้ทั้งที่นั้นเงียบลง
“ข้าเองก็คิดเช่นนี้ และคาดหวังมากว่าศิษย์น้องเล็กของข้ากับมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิตระกูลตงหวงของพวกเจ้าจะได้เจอกัน ถึงตอนนั้นอยากดูสักหน่อยว่าใครจะถูกคัดออก”
จวินหวนยิ้มแย้มเอ่ยออกมาในยามนี้ “ออ จริงสิ การเดิมพันที่ข้าพูดก่อนหน้านี้ยังมีผล แค่ตบหน้าตัวเองและพูดว่ามีตาหามีแววไม่เท่านั้น ใครอยากเดิมพันก็แจ้งชื่อมาได้เลย”
บรรยากาศยิ่งเงียบสงัด ทุกคนมองหน้ากันไปมา
การต่อสู้ก่อนหน้านี้ สามารถพิสูจน์ให้เห็นถึงความเย้ยฟ้าน่ากลัวของหลินสวิน ย่อมสามารถเข้าสู่การทดสอบรอบที่สองได้อย่างมั่นคงไม่เหนือความคาดหมายแน่
สถานการณ์เช่นนี้ใครจะกล้าไปเดิมพัน
สีหน้าพวกตงหวงฉยง จงหลีชง มู่ชางเจี่ย ฉีทิงจื่อยิ่งอึมครึม พวกเขาไม่ได้โง่ จะมองจุดนี้ไม่ออกได้อย่างไร
ทว่านี่เพิ่งเป็นการทดสอบรอบแรก พวกเขายังมีความเชื่อมั่นยิ่ง ว่าหากหลินสวินคิดจะเป็นผู้สืบทอดหอบรรพจารย์ลัทธิแรกกำเนิด นั่นย่อมไม่ใช่เรื่องง่าย
“รีบดูเร็ว หลินสวินถูกตามทันแล้ว!”
เสียงอุทานด้วยความตกใจดังขึ้นในที่นั้น
สายตาของทุกคนมองไปตามจิตใต้สำนึก
ก็เห็นหลินสวินชะงักเท้า หมุนตัวพร้อมสีหน้าเหลืออด เพิ่งหมายจะพูดอะไร มกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิห้าคนนั้นก็ลงมือแล้ว แต่ละคนล้วนแข็งแกร่ง ไม่เปิดโอกาสให้หลินสวินพูดสักนิด
เห็นดังนี้เหล่าคนใมหญ่คนโตของขุมอำนาจที่อยู่เบื้องหลังห้าคนนี้ต่างหน้ามืด ฟ้าหมุนดินพลิก จบสิ้นแล้ว…
นี่เป็นการรนหาที่ตายโดยสมบูรณ์!
การต่อสู้ปะทุขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย
แม้เคยเห็นความองอาจยามหลินสวินกำราบมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิหกคนก่อนหน้านี้ ทว่าตอนนี้เมื่อเห็นเขาใช้วิธีเดียวกันกำราบมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิห้าคนอีกครั้ง ที่โลกภายนอกก็ยังคงเกิดคลื่นสะเทือนไหวระลอกหนึ่ง เสียงร้องด้วยความตกใจและเสียงฮือฮาไม่รู้เท่าไรดังขึ้น
แข็งแกร่ง!
แข็งแกร่งเกินไปแล้ว!
ตั้งแต่ต้นจนจบแข็งแกร่งทรงพลัง เอาชนะได้อย่างไร้ข้อกังขา
ตอนนี้ในใจมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิห้าคนนั้นบ้างพังทลาย บ้างสิ้นหวัง ถึงขั้นมีคนเดือดดาล
มองดูหลินสวินกวาดสมบัติบนตัวพวกเขาอย่างคล่องแคล่ว ชายชุดเพลิงที่เป็นผู้นำพูดด้วยใบหน้าเดือดดาลเต็มประดา
“หลินสวิน เจ้าแข็งแกร่งขนาดนี้ เหตุใดตอนเจอพวกข้าจึงเลือกหนี จะชั่วช้าและอำมหิตเกินไปแล้วกระมัง”
หลินสวินพูดอย่างจนใจ “เดิมทีข้าคิดจะปล่อยพวกเจ้าไปสักครั้ง แต่พวกเจ้ากลับมาระรานไม่เลิก ระหว่างนี้ข้าเตือนพวกเจ้าแล้วว่าอย่ารนหาที่ แต่พวกเจ้ากลับด่าข้าว่ากำเริบเสิบสาน พูดจาโอ้อวด นี่จะโทษใครได้”
ชายชุดเพลิงผึ้งไป สีหน้าแปรเปลี่ยนไม่หยุด
ยามไล่ตามมาก่อนหน้านี้ หลินสวินพูดออกมาแล้วจริงๆ ว่าให้พวกเขาหยุด ไม่เช่นนั้นจะต้องถูกคัดออก ทว่าภายใต้สถานการณ์อย่างเมื่อครู่นี้ ใครจะคิดว่าหลินสวินจะเป็นคนมีเมตตาเล่า
ทั้งใครจะคิดว่านี่ไม่ใช่การเจตนาพูดให้เสียขวัญกำลังใจ
“ถ้าอย่างนั้น เจ้าไม่เคยคิดจะเล่นงานพวกข้าจริงๆ หรือ” ชายชุดเพลิงอดถามไม่ได้
อีกสี่คนที่ถูกกำราบต่างมองไปยังหลินสวิน สีหน้าเศร้าโศกยิ่ง
หลินสวินยิ้มพูดอย่างเบิกบาน “แน่นอน ตอนนี้พวกเจ้าไปได้แล้ว แม้ข้ากวาดสมบัติทั้งหมดของพวกเจ้าไป แต่ศาสตราจักรพรรดิบริสุทธิ์ยังทิ้งไว้ให้พวกเจ้า รักษาตัวด้วย”
พูดจบเขาก็หมุนตัวจากไป
เหลือไว้เพียงพวกชายชุดเพลิงที่อึ้งค้าง หัวสมองมึนงง
จนกระทั่งเงาร่างของหลินสวินหายไปอย่างสิ้นเชิง พวกเขาสบตากันแวบหนึ่งถึงกล้าเชื่อว่าทั้งหมดนี้เป็นความจริง และอดถอนหายใจยาวไม่ได้
ยามนี้สีหน้าของพวกเขาซับซ้อนอย่างที่สุดแล้ว
“บนโลกนี้ไม่ใช่บอกว่าเขาดุร้ายหาใดเปรียบหรือ ฝีมือโหดเหี้ยม สังหารคนมามากมาย แต่เหตุใดเขาจึง… เมตตาขนาดนี้” คนหนึ่งพูดอึ้งๆ
“แปลกมากจริงๆ ขอเพียงทำให้สามคนในหมู่พวกเราห้าคนถูกคัดออก เขาก็สามารถผ่านด่านได้อย่างราบรื่น แต่เขากลับทิ้งโอกาสชั้นยอดเช่นนี้ เพียงปล้นสมบัติของพวกเราไป ไม่ได้ทำให้เราถูกคัดออก นี่เหนือความคาดหมายจริงๆ…”
หญิงคนหนึ่งพึมพำ รู้สึกว่ามองหลินสวินไม่ออก
“สนใจขนาดนั้นไปทำไม ถึงอย่างไรพวกเราก็หนีความเป็นไปได้ที่จะถูกคัดออกมาได้แล้ว นี่ก็เพียงพอแล้ว! จำไว้ว่าระหว่างทางหลังจากนี้ หากเจอหลินสวินพวกเราจะต้องหนีทันที ห้ามให้โอกาสเขากำราบพวกเราอีกเด็ดขาด”
ชายชุดเพลิงที่เป็นผู้นำพูดอย่างแน่วแน่
เห็นเช่นนี้มีคนพูดอย่างไม่อภิรมย์ “พี่ชาย สมบัติของพวกเราถูกปล้นไปหมดแล้ว ต่อให้เจอหลินสวินอีกครั้ง เจ้าคิดว่าเขายังจะสนใจพวกเราหรือ”
ประโยคเดียวทำให้คนอื่นๆ ล้วนเงียบงัน ในใจพลันรู้สึก… ย่ำแย่อย่างมาก
……
โลกภายนอก เมื่อเห็นดังนี้ขุมอำนาจของมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิห้าคนนั้นดีใจจนออกหน้า ตื่นเต้นจนไม่สามารถใช้คำพูดใดมาเปรียบเทียบความรู้สึกภายในใจได้
หลินสวินคนนี้ ถึงกับเกิดความเมตตาจริงๆ!
แต่สำหรับคนอื่นๆ ในที่นั้น การกระทำเช่นนี้ของหลินสวินก็ทำให้พวกเขาไม่สามารถสงบได้เช่นกัน
เห็นชัดว่าหลินสวินพุ่งเป้าเฉพาะขุมอำนาจศัตรูของคีรีดวงกมลเท่านั้น ไม่ใช่ผู้แข็งแกร่งทุกคนที่เข้าร่วมการทดสอบ แยกแยะบุญคุณความแค้นอย่างชัดเจน
ซึ่งก็หมายความว่า หากเป็นผู้แข็งแกร่งของขุมอำนาจศัตรู คงไม่โชคดีเช่นนี้แล้ว!
“ตงหวงเซ่าเหวินแข็งแกร่งมาก!”
ไม่นานเสียงอุทานด้วยความแปลกใจดังขึ้นในที่นั้น ดึงดูดความสนใจไม่น้อย
ก็เห็นว่าในสมรภูมิหมื่นยอด ตงหวงเซ่าเหวินใช้ท่าทีอันเด็ดขาดโจมตีคู่ต่อสู้คนหนึ่งจนพ่ายแพ้ ถูกคัดออกจากสมรภูมิ
ตงหวงเซ่าเหวินในชุดเงิน ผมขาว ใบหน้าหล่อเหลา เงาร่างหยัดตรงดุจทวน รอบตัวมีกฎเกณฑ์สีเขียวน่ากลัวมากมายรัดพัน ควบรวมเป็นสุริยันดำขาวสองดวงโคจรรอบตัวเขา ขับเขาราวกับเทพ สะท้านใจคนอย่างที่สุด
ในการต่อสู้ครั้งนี้เขาไม่ได้ใช้สมบัติ ใช้เพียงพลังต่อสู้ของตนโจมตีคู่ต่อสู้ อานุภาพอหังการ เอาชนะอย่างงดงามหาใดเปรียบ
ชั่วขณะหนึ่งก็ทำให้ในที่นั้นสั่นไหวไม่หยุด
และเมื่อเวลาล่วงเลยไป การต่อสู้ที่เกิดขึ้นในสมรภูมิหมื่นยอดก็มากขึ้นเรื่อยๆ ความสามารถที่มกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิหลายคนเผยออกมาก็เรียกเสียงฮือฮาได้ไม่น้อย
อย่างมู่จุนอู๋ที่ผมดำตาม่วง กลิ่นอายราวกับน้ำแข็ง ถือทวนเขียวเล่มหนึ่ง ยามเดินไร้เสียง แต่เมื่อต่อสู้กลับกร้าวแกร่งดุร้ายปานสัตว์เทพดึกดำบรรพ์
คู่ต่อสู้ของเขาถูกทวนทะลวงร่างระเบิดในไม่กี่สิบกระบวน แข็งแกร่งจนพาให้คนใจสั่น
หรืออย่างฉีชิงซือ ร่างอาบในละอองควันขมุกขมัว โปร่งใสวับวาว ราวกับเทพธิดาแห่งเก้าสวรรค์ พลังต่อสู้ที่เผยออกมาไม่ด้อยไปกว่าตงหวงเซ่าเหวิน มู่จุนอู๋
หรืออย่างจงหลีเฟยอวิ๋น…
สรุปแล้วมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิคนแล้วคนเหล่า แม้อยู่ในระดับเดียวกัน พลังต่อสู้เย้ยฟ้าที่สำแดงออกมาล้วนสร้างเสียงร้องอุทานได้ไม่รู้เท่าไร
นี่ทำให้สีหน้าของพวกเฒ่าดึกดำบรรพ์อย่างตงหวงฉยง ฉีทิงจื่อดูดีขึ้นไม่น้อย
ในสายตาพวกเขา แม้ก่อนหน้านี้หลินสวินจะสำแดงความเย้ยฟ้า แต่เหล่ามกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิของตระกูลพวกเขาก็ไม่ใช่คนไม่เอาไหน!
เวลาผ่านไปทีละนิด
วันที่สามหลังการทดสอบเริ่มขึ้น
มกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิที่ชื่อโจวจือจือ เป็นคนแรกที่โจมตีคู่ต่อสู้สามคนจนพ่ายแพ้ และผ่านการทดสอบด่านแรก ดึงดูดสายตาไม่รู้เท่าไร
โจวจือจือ
คนตระกูลโจวแห่งน่านฟ้าที่เจ็ด ตระกูลโจวครอบครองอาณาเขต ‘ถ้ำสวรรค์มหาวิญญาณ’ หนึ่งในสิบสองถ้ำสวรรค์ รากฐานเก่าแก่ยิ่ง ว่ากันว่าบรรพชนของตระกูลนี้เป็นพี่น้องร่วมสาบานกับเสวียนเฟยหลิงรองหัวหน้าหอแรกนภา
ดังนั้นหลังจากเห็นโจวจือจือผ่านด่านอย่างราบรื่น ความคิดแรกก็คือ ขอเพียงโจวจือจือสามารถผ่านอีกสองด่านหลังจากนี้ได้ ในอนาคตคงจะกลายเป็นศิษย์ของหอแรกนภา!
……………………..