Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2706 ฟ้าดินหมื่นจั้ง มีเขาเป็นจุดสูงสุด
- Home
- Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์
- ตอนที่ 2706 ฟ้าดินหมื่นจั้ง มีเขาเป็นจุดสูงสุด
เมฆาครามมหามรรคก้อนที่หนึ่งบนฟ้าสูงเก้าพันเก้าร้อยจั้ง!
นั่นเป็นความสูงที่ผู้สืบทอดคนหนึ่งของเจ้าลัทธิแรกกำเนิดสร้างไว้ หมื่นกาลจนบัดนี้ยังไม่มีใครก้าวผ่านได้
แต่ในตอนนี้ เงาร่างสูงโปร่งของหลินสวินนั้นข้ามผ่านความสูงของเมฆาครามมหามรรคก้อนนี้ไปได้แล้ว!
เขายับเยินนัก
ชุดสีขาวพระจันทร์มีเหงื่อไหลซึม มรรควิถีทั้งในและนอกร่างกายถูกกระตุ้นจนถึงขีดสุด พาดผ่านใต้นภาครามเหมือนหุบเหวแห่งหนึ่ง
ภาพนี้ทำให้ทุกคนในที่นั้นเหม่อลอย
ผู้ชมเหล่านั้นต่างหัวสมองขาวโพลน พวกเขาไม่เข้าใจอย่างแท้จริงว่าความสูงนี้หมายความว่าอย่างไร แต่กลับรู้ว่าหลินสวินในวันนี้ทำลายสถิติที่สูงที่สุดตั้งแต่อดีตกาลไปแล้ว!
อาศัยเพียงจุดนี้ก็สามารถทำให้ใจสั่นระรัวได้
สำหรับระดับอมตะที่มาจากน่านฟ้าที่แปดเหล่านั้นแล้ว กลับรู้มากยิ่งกว่า
พวกเขาต่างรู้ดีว่าบุคคลที่มีเมฆาครามมหามรรคก้อนนั้นเป็นตัวแทน ตอนนี้เป็นผู้มากสามารถคนหนึ่งในน่านฟ้าที่เก้า เป็นบุคคลแข็งแกร่งที่มีอานุภาพเทียมฟ้าผู้หนึ่งไปแล้ว
และยังเป็นตำนานที่ทำให้ยักษ์ใหญ่อมตะน่านฟ้าที่แปดอย่างพวกเขายังต้องให้ความยำเกรงอยู่บ้าง!
แต่ตอนนี้ผลงานของผู้มากความสามารถผู้นี้ที่สร้างไว้เมื่อนานมาแล้ว ถูกทำลายสถิติไปแล้ว
หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น พวกเขาคงโห่ร้องยินดี ตื่นตะลึง และชื่นชม
แต่ยามนี้พวกเขาแต่ละคนต่างรู้สึกย่ำแย่อย่างกับกินแมลงวันตาย หมดอารมณ์เพียงไหนอย่างได้พูดถึง
เพราะคนที่ทำลายสถิติสูงสุดนี้ คือหลินสวิน!
บัดนี้ฟางเต้าผิงซึ่งเฉยชาเหมือนคนนอกมาตลอดก็เผยสีหน้าซับซ้อน เอ่ยทอดถอนใจว่า “ถ้าเจ้าลัทธิแรกกำเนิดของเรายังอยู่ เกรงว่าจะรับเขาเป็นศิษย์เบื้องท้ายทันที”
ฟางเต้าผิงมีฐานะเป็นคนเก่าแก่ในหอบรรพจารย์ลัทธิแรกกำเนิด รู้ตั้งแต่ตอนที่เข้าลัทธิแรกกำเนิดแล้วว่าทุกคนที่ไปถึงความสูงเก้าพันจั้งในการทดสอบรอบที่สามได้ ล้วนมีสิทธิ์เป็นผู้สืบทอดของเจ้าลัทธิแรกกำเนิด!
เพียงแต่ผ่านไปไม่รู้กี่ปีก็ไม่เคยมีใครทำได้ถึงขั้นนี้ เรื่องนี้ถึงกับแทบไม่มีคนยกขึ้นมาอีก
“นั่นสิ เสียดายแค่ว่าเจ้าลัทธิออกเดินทางไกลไปนานแล้ว ใครก็ไม่รู้ว่าเขาจะปรากฏตัวอีกเมื่อไร…”
เซียวเหวินหยวนพึมพำ
เขาเองก็อยู่มาหลายหมื่นปี เรียกได้ว่าเป็นเฒ่าดึกดำบรรพ์แล้ว แต่ต่อหน้าเจ้าลัทธิแรกกำเนิดก็เป็นเพียง ‘คนรุ่นหลัง’ ผู้หนึ่ง
เพราะในอดีตที่ผ่านมา ตั้งแต่ก่อตั้งหอบรรพจารย์ลัทธิแรกกำเนิดจนบัดนี้ ก็มีแต่เจ้าลัทธิแรกกำเนิดเพียงผู้เดียวที่ไม่เคยเปลี่ยนมาก่อน
นี่ก็หมายความว่า ช่วงเวลาที่เจ้าลัทธิแรกกำเนิดมีชีวิตอยู่ยาวนานจนทำให้เฒ่าชราที่ยังมีชีวิตอยู่ส่วนมากได้แต่วางตัวเป็นคนรุ่นหลังเท่านั้น
“แม้เจ้าลัทธิจะไม่อยู่ แต่ด้วยผลงานในวันนี้ ความสำเร็จบนมรรคาอมตะของหลินสวินในภายภาคหน้าต้องไม่น้อยหน้าศิษย์เบื้องท้ายของเจ้าลัทธิสามท่านนั้นแน่”
หลีเจินเอ่ยเสียงขรึม
พอได้ยินทั้งสามเอ่ยชื่นชมเจือทอดถอนใจ ตงหวงชิงก็คับข้องใจเหมือนกินแมลงวันตาย
ที่ยิ่งกว่านั้นก็คือ ตอนนี้หลีเจินยังถามว่า “ผู้อาวุโสตงหวง เจ้าเป็นผู้ดูแลหลักของการทดสอบรอบที่สาม คิดเห็นอย่างไรกับเรื่องนี้”
ในใจตงหวงชิงยิ่งไม่สบอารมณ์ ปากกลับฝืนยิ้มเอ่ยว่า “หลินสวินคนนี้… อืม… ต่อให้ข้าไม่ชอบเขานัก แต่ก็ต้องพูดว่า ปะ… เป็น… ชายหนุ่มที่ยอดเยี่ยม…”
พูดจบตัวเขาก็รู้สึกไม่ดีอย่างที่สุด
ชื่นชมศัตรูคู่แค้นที่หมายจะฆ่าให้ตายรู้สึกอย่างไร
คนอื่นไม่รู้ แต่ตงหวงชิงในตอนนี้รู้ดีที่สุด
“ระยะหมื่นจั้ง!”
ขณะนี้ฟางเต้าผิงเอ่ยปาก หน้าเปลี่ยนสีไปโดยสิ้นเชิง
ขณะเดียวกันทุกคนก็เห็นว่าหลังจากเงาร่างของหลินสวินข้ามเมฆาครามมหามรรคก้อนที่หนึ่งไปได้ก็ไม่ได้หยุดเดิน แต่ยังคงเยื้องย่างและมาถึงจุดที่สูงหมื่นจั้งนั้นทีละนิด
ที่นั่นเป็นห้วงอากาศที่อยู่เหนือสุดของวังกระบี่หมื่นยอด
หากกล่าวว่าวังกระบี่หมื่นยอดเป็นกระบี่เล่มหนึ่ง หลินสวินในตอนนี้ก็ยืนกลางอากาศอยู่เหนือกระบี่นี้
ฟ้าดินหมื่นจั้ง มีเขาเป็นจุดสูงสุด!
สายตาทุกคู่ต่างแหงนมองเงาร่างสูงโปร่งโดดเด่นเกินธรรมดานั้นอย่างเงียบงัน
ไม่ต้องสงสัยว่าในการทดสอบของหอบรรพจารย์ลัทธิแรกกำเนิดวันนี้ หลินสวินทำลายสถิติในอดีต ทั้งยังจารึกตำนานของตนไว้ที่นี่ด้วย!
เพียงจุดนี้ก็ทำให้ชื่อของเขาดังก้องไปทั่วโลกยอดนิรันดร์ ถูกจดจำไปหมื่นยุคได้แล้ว
……
บนฟ้าสูงหมื่นจั้งเป็นทะเลเมฆขาวโพลนแถบหนึ่ง
หลังจากมาถึงที่นี่จริงๆ กลับไม่มีพลังกดข่มที่ได้รับมาตลอดทาง ทำให้หลินสวินตัวเบาหวิว พ่นลมหายใจออกมายาวๆ
ขนาดเขายังคิดไม่ถึงว่าพลังที่ปกคลุมตลอดระยะทางหมื่นจั้งนี้จะแข็งแกร่งและน่ากลัวขนาดนั้น ทำให้หลังจากเขาไปถึงความสูงเก้าพันจั้งก็เริ่มรู้สึกเปลืองแรง
ระหว่างที่มายังฟ้าสูงหมื่นจั้งนี้ยิ่งลำบากยากเย็น
แต่ยังดีที่ทั้งหมดนี้จบลงแล้ว
หลังจากหลินสวินใช้พลังเจตจำนงของตนควบรวมเมฆาครามมหามรรคก้อนหนึ่ง และสลักอักษร ‘หลินเต้ายวน’ ที่งามวิจิตรลงไปแล้วก็คิดจะจากไป
จู่ๆ บนทะเลเมฆขาวโพลนนั้นกลับมีแมวสีขาวหิมะตัวหนึ่งโผล่ออกมา ร่างกายอวบอ้วน ขนนุ่มเปล่งประกาย ดวงตาทั้งคู่ลึกดุจน้ำทะเลสาบสีเขียวมรกต
แมวขาวหรือ
หลินสวินอึ้งไป
หลายปีมานี้เขาไม่เคยเห็นสัตว์เทพนกปีศาจอะไรบ้าง ขนาดหงส์เซียน วิหคชาด เต่าดำ มังกรเจินหลงยังได้พบไม่น้อย
เพียงแต่นึกไม่ถึงว่าบนฟ้าสูงหมื่นจั้งในการทดสอบรอบที่สามนี้จะได้พบแมวตัวหนึ่ง มิหนำซ้ำยังทั้งขาวทั้งอ้วนตุ๊ต๊ะ ท่าทางเกียจคร้าน
นอกจากนี้ก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษ
แต่ครู่ต่อมาหลินสวินก็ตัวแข็งทื่อ รู้สึกหายใจไม่ออก
สาเหตุก็เพราะถูกดวงตาสีเขียวมรกตของแมวขาวตัวใหญ่ตัวนั้นจับจ้อง ทำให้เขาถึงกับรู้สึกได้ถึงกลิ่นอายอันตรายถึงชีวิตอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
คล้ายว่านั่นไม่ใช่แมว แต่เป็นสัตว์ร้ายที่น่ากลัวจนไม่อาจคาดเดาได้ตัวหนึ่ง!
ไม่นานนักแมวขาวใหญ่ตัวนี้ก็ชักสายตากลับไป ส่ายหัวน้อยๆ แล้วหายลับไปในทะเลเมฆขาวโพลนในชั่วพริบตา
ขณะเดียวกันเสียงถอนใจเบาๆ เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นในใจหลินสวิน ‘เจ้าหนู อย่าไปบอกใครว่าเคยเห็นข้าที่นี่ หาไม่ข้าจะเป็นคนแรกที่ไม่ละเว้นเจ้า’
เสียงเกียจคร้าน ต่ำลึก และมีน้ำเสียงข่มขู่ยิ่ง
หลินสวินเลิกคิ้ว รำพึงในใจว่าตัวเองถูกแมวตัวหนึ่งขู่หรือนี่
กระนั้นเขาก็ดูออกว่าแมวขาวตัวนั้นพิเศษเป็นที่สุด เป็นไปได้สูงยิ่งว่าจะเป็นสัตว์ร้ายที่ขาใหญ่น่ากลัวบางคนเลี้ยงไว้
และการปรากฏตัวบนทะเลเมฆหมื่นจั้งแห่งนี้ได้ ก็บ่งบอกได้ว่าแมวขาวตัวนี้ต้องเกี่ยวข้องกับหอบรรพจารย์ลัทธิแรกกำเนิดอย่างมาก
เพียงแต่ทำไมมันถึงห้ามไม่ให้ตนแพร่งพรายเรื่องที่เคยพบมัน
หรือในเรื่องนี้จะยังมีความลับที่ไม่อาจให้คนอื่นรู้หรือไม่
‘ถ้าเจ้ายังเดาสุ่มอีก อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ!’
จู่ๆ เสียงเกียจคร้านของแมวขาวตัวนั้นก็ดังขึ้นในใจหลินสวินอีกครั้ง ดูดุร้ายนัก
หลินสวินตกใจสะดุ้งโหยง ถึงกับมองทะลุสิ่งที่ตนคิดได้ด้วยหรือ
สีหน้าเขาเหยเกไปครู่หนึ่ง ไม่คิดลองอีก
อย่ามองว่ารูปลักษณ์มันเป็นเพียงแมวขาวตัวใหญ่อ้วนตุ๊ต๊ะ ถ้าเกิดอีกฝ่ายไม่เกรงใจจริงๆ แล้วใช้กรงเล็บข่วนเข้า เช่นนั้นผลลัพธ์ก็ไม่อาจคาดคิดได้แล้ว
หลินสวินส่ายหัวแล้วหันหลังเคลื่อนตัวลงไปเบื้องล่าง
บนลานมรรคมหึมา เมื่อเห็นเงาร่างหลินสวินปรากฏตัว สายตานับไม่ถ้วนต่างก็มารวมกันอย่างกับมองดูผู้เป็นตำนานคนหนึ่งหวนกลับมา
จากนั้นบรรยากาศเงียบสงัดก็ถูกคลื่นเสียงดังสนั่นทำลายลง ผู้คนต่างเอ่ยพูดอย่างตื่นเต้น แต่ละคนไม่อาจควบคุมความสะท้านสะเทือนที่เกิดขึ้นในใจได้อีกแล้ว
มีเพียงขุมอำนาจที่มองหลินสวินเป็นศัตรูเหล่านั้นที่สีหน้าย่ำแย่เสียยิ่งกว่าแย่
ด้านมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิที่ยังไม่เข้าทดสอบอย่างพวกตงหวงเซ่าเหวิน มู่จุนอู๋ บัดนี้จิตใจล้วนหนักอึ้งหาใดเทียบ…
มีตัวเปรียบเทียบโดดเด่นอยู่ก่อนอย่างหลินสวินที่สร้างสถิติใหม่หมื่นจั้ง นี่ก็หมายความว่าในการทดสอบต่อไป ต่อให้พวกเขาเผยความตระการตาน่าตะลึงขนาดไหน แต่ขอเพียงไม่สามารถไปถึงหมื่นจั้งนั้นได้ ก็ต้องกลายเป็นไม้ประดับให้หลินสวิน!
กระนั้นความสูงหมื่นจั้งนั้นใครก็ไปถึงได้ง่ายๆ หรือ
ความจริงข้อนี้น่าท้อใจยิ่งนัก ทำให้พวกตงหวงเซ่าเหวินไม่สบอารมณ์ สัมผัสได้อย่างลึกซึ้งว่าการเข้าทดสอบร่วมกับหลินสวินเป็นเรื่องโชคร้ายปานไหน
ดังคาด ในการทดสอบหลังจากนั้นไม่มีใครทำงานได้อย่างหลินสวินอีก
หรือพูดอีกอย่างก็คือ กระทั่งไปถึงความสูงเก้าพันจั้งยังไม่มีสักคน!
พวกที่แข็งแกร่งอย่างตงหวงเซ่าเหวิน มู่จุนอู๋ จงหลีเฟยอวิ๋น ยังไปถึงความสูงราวๆ เจ็ดพันจั้งเท่านั้น
และปฏิกิริยาของทุกคนในที่นั้นก็เย็นชานัก หลังจากมีวีรกรรมสะท้านโลกของหลินสวินแล้ว สำหรับทุกคน การทดสอบหลังจากนั้นก็ไม่ได้มีรสชาติอะไรแล้วจริงๆ
……
การทดสอบรอบที่สามปิดฉากลงในวันนี้
มกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิสิบสี่คนอย่างพวกหลินสวินผ่านการทดสอบอย่างราบรื่น มีมกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิที่เข้าร่วมการทดสอบเกือบร้อยคนถูกคัดออก
เพียงแต่ไม่มีใครจำผู้พ่ายแพ้เหล่านั้นได้
ทุกคนรู้เพียงว่าตั้งแต่วันนี้ไป มกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิสิบสี่คนอย่างพวกหลินสวินจะกลายเป็นผู้สืบทอดลัทธิแรกกำเนิด และความสามารถที่พวกเขาแสดงในการทดสอบทั้งสามรอบก็จะกระจายไปทั่วโลกยอดนิรันดร์อย่างรวดเร็วที่สุด!
ในบรรดาคนเหล่านั้น ผู้ที่สะดุดตาที่สุดย่อมเป็นหลินสวิน
ความสามารถที่ชายหนุ่มผู้มีพรสวรรค์หุบเหวกลืนกิน ทั้งยังมีฐานะเป็นผู้สืบสอดคีรีดวงกมลผู้นี้สำแดงออกมาในการทดสอบทั้งสามรอบ ใช้คำว่าโลกตะลึงมาบรรยายได้ด้วยซ้ำ
ไม่ใครลืมว่าเขาเคลื่อนไหวอย่างน่าทึ่งเหนือความคาดหมายในการทดสอบรอบแรกเช่นนั้น
และไม่อาจลืมว่าในการทดสอบรอบที่สอง เขากลายเป็นผู้ทดสอบเพียงคนเดียวที่เอาชนะผู้เฝ้าด่าน มิหนำซ้ำผู้เฝ้าด่านที่เขาเอาชนะยังเป็นหนึ่งในสิบอันดับแรกของเก้ายอดเขาใหญ่ในลัทธิแรกกำเนิดอีกด้วย
ทั้งไม่มีทางลืมว่าในการทดสอบรอบที่สาม เขาทำลายสถิติหมื่นกาล เขียนตำนานบทใหม่บนฟ้าสูงหมื่นจั้ง!
ก่อนหน้านี้เขามีชื่อเสียงร้ายกาจสะเทือนโลกา มีชื่อระบือดัง แต่ถึงอย่างไรก็ถูกขุมอำนาจอมตะมากมายมองเป็นศัตรู แม้ชื่อเสียงโด่งดังยิ่ง แต่ใครๆ ต่างรู้ชัดว่าเขาจะเผชิญเคราะห์สังหารเมื่อไรก็ได้
แต่วันนี้ ในเมื่อเขากลายเป็นผู้สืบทอดลัทธิแรกกำเนิด ภายหน้าขุมอำนาจที่มองเขาเป็นศัตรูเหล่านั้น ใครจะกล้ามาจัดการเขาเช่นนั้นอีก
ต่อให้กล้าจริงๆ เกรงว่าจะต้องชั่งน้ำหนักถึงผลลัพธ์ที่ตามมา!
การทดสอบสิ้นสุดลง แต่ผู้คนที่อยู่บริเวณวังกระบี่หมื่นยอดกลับรู้สึกไม่หนำใจ พักใหญ่ถึงทยอยแยกย้ายไป
มกุฎบรรพจารย์จักรพรรดิสิบสี่คนอย่างพวกหลินสวิน จะมีฟางเต้าผิงพาไปเข้าพิธีรับเป็นศิษย์ที่หอบรรพจารย์ลัทธิแรกกำเนิดในวันต่อมา
“ผู้อาวุโส ข้ามีเรื่องต้องไปพูดกับศิษย์พี่”
หลินสวินขออนุญาตฟางเต้าผิง
“ไปเถอะ ในเมืองเทพหมื่นยอดแห่งนี้ไม่มีใครกล้าลงมือหรอก ขอเพียงพรุ่งนี้ก่อนฟ้าสางต้องกลับมาวังกระบี่หมื่นยอดก็พอ”
ฟางเต้าผิงเอ่ย
หลินสวินหันหลังจากไป เพิ่งมาถึงนอกลานมรรคก็ถูกจวินหวนที่รออยู่ตรงนั้นมาตลอดโอบไว้ หัวเราะร่าเอ่ยว่า “สมกับเป็นศิษย์น้องเล็กของข้าจวินหวนจริงๆ!”
นางสีหน้าเริงร่า รอยยิ้มสดใส ใบหน้างามตระการเปี่ยมด้วยความปรีดาและภาคภูมิใจจากก้นบึ้งของจิตใจ
เพียงแต่หลินสวินกลับตัวแข็งทื่อไปเล็กน้อย
เดิมทีรูปร่างจวินหวนก็สูงเพรียวมากอยู่แล้ว ต่างจากเขาเพียงครึ่งศีรษะ ตอนนี้พอยื่นแขนทั้งสองมากอดเขาไว้แน่น ต่อให้มีเสื้อผ้าบางๆ กั้น หลินสวินก็รับรู้ได้อย่างแจ่มชัดว่ารูปร่างศิษย์พี่ผู้นี้ของตนดันมีเนื้อมีหนังเช่นนี้…
——